ตอนที่แล้วตอนที่ 159 หวนกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 161 ความวิเศษของเขตแดนลมปราณหมุนเวียน

ตอนที่ 160 ตัดหน้าผา


ตอนที่ 160 ตัดหน้าผา

ในเวลานี้หยางไค่ต้องการเข้าใกล้คุกคุมขังมังกร เพื่อดูดซับพลังหยางที่มากกว่าในการฝึกฝนวิชายุทธุ์ของตนเอง

นอกจากนั้น ภายในคุกคุมขังมังกร มีเสียงลมที่พัดผ่านมาเสมือนเสียงโหยหวนของวิญญาณภาพแวดล้อมโดยรอบของมันเป็นอุปสรรค์ต่อผู้ฝึกฝนวิชายุทธุ์อย่างยิ่ง

หากสามารถสร้างถ้ำที่อยู่ภายใต้หน้าผาของคุกคุมขังมังกร จะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาณของเสียงลมและแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่มากเกินไป

หยางไค่นำเชือกที่ซื้อกลับมามัดต่อให้มีความยากที่มากขึ้น เขามัดเชือกไปยังต้นสามสุริยัน เพื่อให้มันเพียงพอที่จะช่วยให้เขาลงไปยังเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกรประมาณ 100 จ้าง

เมื่อลงมายังเบื้องล่างจนถึงขีดจำกัดความยาวของเชือก หยางไค่ก้มหน้าลงมอง และตระหนักได้ว่าเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกรยังคงลึกจนมิอาจมองเห็นสถานการณ์ของก้นบึงของมันได้

หัวใจของเขารู้สึกกลัวจนชาซ่าน หากว่าเชื่อกเส้นนี้เกิดขาดอย่างกะทันหัน ผลที่เกิดขึ้น .

แต่พลังหยางในบริเวณนี้ แข็งแกร่งและหนาแน่นมากกว่าด้านบนอย่างมาก

หยางไค่พอใจกับการตัดสินใจของเขา เขามองไปยังรอบบริเวณ แล้วค่อยๆ เคาะไปยังหน้าผาที่อยู่ใกล้เคียง ในที่สุดเขาก็ค้นพบตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับเขา

บริเวณแห่งนั้นมีต้นสนโบราณเติบโตอยู่บนผาลาดของหน้าผา ใบของต้นสนโบราณเสมือร่มขนาดยักษ์ หากว่าด้านล่างของต้นสนโบราณมีถ้ำที่ว่างเปล่าแห่งนั้น ต้นสนโบราณยังสามารถป้องกันสายลมและสายฝนให้แก่เขา ซึ่งเป็นที่พักพิงจากธรรมาชาติที่ปลอดภัยให้แก่เขา

เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หยางไค่ค่อยเคลื่อนไหวหยดน้ำพลังลมปราณหยางจากจุดตันเถียน 1 หยดไปยังปลายนิ้วของเขา หลังจากที่มันค่อยแปรเปลี่ยนเป็นดาบชรรนีสุริยัน หยางไค่จึงพุ่งตัดไปยังหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าในทันที

ไม่มีอุปสรรค์ในการกระทำของหยางไค่ เพราะดาบดรรชนีสุริยันของหยางไค่คมกริบ มันสามารถตัดก้อนหินขนาดใหญ่ออกมาได้ในทันที

ในขณะที่หยางไค่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 ดาบดรรชนีสุริยันที่สร้างขึ้นจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางสามารถทำลายสมบัติวิเศษขั้นสามัญระดับกลาง ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของหยางไค่เพิ่มขึ้นอย่างมาก การตัดก้อนหินออกมาจากหน้าผาจึงเป็นเรื่องงายสำหรับเขา

ลมปราณหยางในจุดตันเถียนเหลือไม่มาก หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่ได้รับในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ต่างใช้จนหมดในขณะที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาคู่กับซู่เหยียน ในตอนนี้จึงเหลือเพียง 4-5 หยดเท่านั้น .

หลังจากที่ใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางทั้งหมด 3 หยด หน้าผาที่หยางไค่ตัดก้อนหินขนาดใหญ่ออกมาได้เกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่เพียงพอจะให้คนคนหนึ่งเข้าไปอาศัยอยู่ในนั้น หลังจากที่เขาไปในถ้ำที่ตัดออกมา หยางไค่ตัดเจาะอย่างต่อเนื่อง เขาค่อยๆ ตัดก้อนหินแห่งหน้าผาและโยนลงไปยังเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกร

หลังจากที่ผ่านไปในอย่างเนิ่นนาน ในที่สุดคุกคุมขังมังกรมีเสียงก้อนกินขนาดใหญ่กระทบไปยังเบื้องล่างของคุกคุมขังมังกรดังขึ้น จากระยะห่างของเสียงนี้ หยางไค่สามารถคาดเดาความลึกที่แท้จริงของคุกคุมขังมังกร

เขาคิดคำนวณอยู่ภายในใจ และกล่าวพึมพำอยู่ในใจ ความลึกของคุกคุมขังมังกรลึกกมากว่าหนึ่งหมื่นจ้าง

ครึ่งวันผ่านไป ถ้ำแห่งหน้าผาที่เขาทำการตัดเจาะมีความกว้างยิ่งขึ้น หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนก็น้อยลงเช่นเดียวกัน

จากความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายของหยางไค่ไม่สามารถที่จะตัดเจาะถ้ำได้อีกต่อไป

เขานำขวดยาออกมาจากทรวงอกของเขา มันเป็นโอสพที่สกัดมาจากหินพลังหยางที่เซี่ยหนิงฉางมอบให้แก่เขาเมื่อวานนี้ เมื่อนึกถึงศิษย์พี่ตัวน้อย จิตใจของหยางไค่มีความรู้สึกผิดเล็กๆ เกิดขึ้น

โชคดีที่ในค่ำคืนแห่งเทือกเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้าเขาไม่ได้ทำสิ่งอื่นๆที่มากกว่านั้น มิฉะนั้นตัวเขาคงไม่สามารถเผชิญหน้านางได้อีก

หลังจากที่กลืนกินโอสพเหล่านี้ เขาสามารถสกัดกันมันเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวนหนึ่ง และค่อยๆ ตัดเจาะและขุดถ้ำของตนเองอย่างสุดกำลัง

ในเวลานี้หยางไค่ตื่นเต้นไปทั่วร่างกาย เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย เขาจ้องมองถ้ำขนาดใหญ่จากฝีมือของตนเอง ราวกับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งกำลังสร้างจวนลับของตนเอง

ระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา หยางไค่ยังคงต่อสู้กับความยากลำบากในการตัดเจาะและขุดถ้ำของเขา เมื่อใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางจนหมดหยางไค่กลืนกินโอสพจากเซียหนิงฉางเพื่อสกัดมันให้เป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยางอีกครั้ง เขาดื่มน้ำค้างจากต้นสนโบราณ โดยไม่รู้สึกหิว เมื่อความแข็งแกร่งอยู่ใจเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ในระยะเวลา 1 เดือนไม่กินอาหารก็ไม่ส่งผลใดๆ แต่หากระยะเวลาที่นานมากกว่านี้ต้องฟื้นฟูและดูแลร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิม

7 วันต่อมา ถ้ำแห่งหน้าผาของเขาใกล้จะเสร็จสิ้น

หยางไค่ยืนอยู่ตรงปากถ้ำและชื่นชมผลงานของตนเองด้วยความรู้สึกพึงพอใจ

ในวันนี้ ถ้ำแห่งหน้าผาแห่งนี้กว้างและใหญ่กว่ากระท่อมไม้ของเขาถึง 2 เท่า บริเวณที่อยู่ใกล้ด้านนอกที่สุดคือบริเวณที่นั่งฝึกฝนวิชายุทธุ์ เมื่อนั่งปากถ้ำ ไม่ได้ยินเสียงลมแห่งคุกคุมขังมังกร ได้ยินเพียงเสียงนกเสียงแมลงเท่านั้น เมื่อเทียบการการฝึกฝนวิชายุทธุ์ด้านบนของคุกคุมขังมังกร สภาพแวดล้อมในถ้ำแห่งนี้เหมะสมกว่าหลายเท่า

หันหน้าไปยังปากถ้ำ ด้านซ้ายมือหยางไค่มีห้องหินขนาดเล็ก มันเป็นสถานที่หยางไค่ไว้เก็บรักษาอาหารแห้งเสบียงต่างๆของเขา แม้แต่ต้นหญ้าสลายวิญญาณและต้นสามใบเถาที่ซื้อมาจากสมาคมการค้าใต้ดินวายุทะมึนต่างเก็บไว้ในห้องนั้น

ด้านขวามือเป็นห้องหินขนาดใหญ่ เป็นห้องนอนที่ใช้สำหรับพักผ่อน ในห้องนั้นหยางไค่ยังได้ตัดหินเป็นก้อนขนาดใหญ่อย่างละเอียดและปราณีต หยางไค่ยังขัดฝนมันเป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวในเวลานอน

ไม่ทราบว่าจิตใจของหยางไค่กำลังคิดสิ่งใด เตียงหินนี้ค่อนข้างกว้างและใหญ่ เพียงพอที่จะให้คน 3 คนกลิ้งไปมาได้อย่างสบาย

ฮ่าฮ่า .เตรียมพร้อมสำหรับ ..!! หยางไค่ครุ่นคิดในใจ

ตรงกลางห้องยังมีช่องหินขนาดใหญ่ โดยยังไม่ทราบว่าจะเก็บอะไรไว้ภายใน

มันคือจวนถ้ำของหยางไค่ แม้มันจะเรียบง่าย แต่เมื่ออยู่ภายในมันค่อนข้างอบอุ่นและกว้างใหญ่ มันดีกว่ากระท่อมไม้ของเขาอย่างมาก

ในคุกคุมขังมังกรไม่มีคนธรรมดาสามัญทั่วไปคนไหนที่คิดจะย่างกรายเข้ามา หลังจากวันนี้หากมีสิ่งที่ไม่สะดวกในการพกติดตัว สามารถนำมันมาเก็บไว้ในจวนถ้ำแห่งนี้ และไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครพบเจอ

เมื่อครุ่นคิดไปมา หยางไค่ค่อยปีนขึ้นไปจากการช่วยเหลือของเชือกที่มัดติดกับต้นสามสุริยัน ระหว่างที่เขาปีนขึ้นมาเขาได้เจาะตัดทิศทางของหน้าผาที่สามารถรองรับน้ำหนักของคนคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายหลังที่เขาเข้าออกจวนถ้ำของเขา เขาไม่ต้องใช้เชือกที่มัดติดกับต้นสามสุริยัน และไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครพบเห็นเชือกและพบเจอจวนถ้ำของเขาเอง

หยางไค่แกะเชือกออกจากต้นสามสุริยัน และกลับไปยังจวนถ้ำของเขาอีกครั้ง

หลังจากที่ผ่านมาหลายวัน ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างสถานที่เหมาะสมในการฝึกฝนวิชายุทธุ์อันเงียบสงบของเขา สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนวิชายุทธุ์เช่นนี้ มันดีกว่าสถานที่ฝึกยุทธุ์ของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวอย่างมาก

หยางไค่ไม่รีบร้อนที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ เขานั่งขัดสมาธิบนปากถ้ำ และเพลิดเพลินกับสถานที่หลบภัยอันอบอุ่นและเงียบสงบนี้

ทันใดนั้นเขานึกถึงบางสิ่งบางอย่าง เขายื่นมือจับไปยังทรวงอกของเขาและนำมันออกมาในทันที

โสมปีศาจหยินหยาง มันเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีจิตวิญญาณ ตั้งแต่ที่มันถูกหยางไค่จับได้ หยางไค่เก็บมันไว้ในทรวงอกตลอดเวลาโดยที่ไม่หนีออกไป และไม่ต่อต้านเขาแม้แต่น้อย

ในขณะที่หยางไค่นำมันออกมา ราวกับว่าโสมปีศาจหยินหยางที่เป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีจิตวิญญานกำลังยิ้มให้แก่หยางไค่อีกด้วย

มารปฐพีเคยกล่าวไว้ สิ่งเหล่านี้จะเติบโตในสถานที่มีพลังหยินและพยังหยางร่วมกันเท่านั้น ก่อนหน้านั้นหยางไค่ไม่ทราบว่าถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์จะมีสิ่งที่เรียกว่าโสมีปีศาจหยินหยาง แต่เมื่อเขาได้รับการสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ทุกอย่างต่างกระจ่างอย่างชัดเจนในทันที

สถานที่แห่งนี้คือการดำรงอยู่ของพลังหยินและหยางซึ่งเป็นมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ มันสมเหตุสมผลที่จะมีสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีจิตวิญญาณถือกำเนิดขึ้นมา

หยางไค่ยื่นมือออกไปและถ่ายทอดหยดน้ำพลังลมปราณหยางให้แก่มัน 1 หยด มันดูดซับหยดน้ำพลังลมปราณหยางในทันที

สีหน้าที่เสมือนมีชีวิตของมันแสดงออกมาด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น แสงสว่างที่สง่างามประกายขึ้นมาอย่างกะทันหัน โสมปีศาจหยินหยางกระโดดจากมือของหยางไค่ มันล่องลอยอยู่ในจวนถ้ำแห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกระตือรือล้นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน มันหาตำแหน่งที่มันชื่นชอบ มันบิดลำตัวของมันไปมาและหยั่งรากของมันลงไป สีหน้าของมันแสดงออกด้วยความเพลิดเพลินยิ่งนัก

จากแสงประกายที่ห้อมล้อมโสมปีศาจหยินหยาง หยางไค่สัมผัสได้ถึงพลังหยางที่อยู่เบื้องล่างของคุกคุมขังมังกร มันถูกโสมปีศาจหยินหยางดูดซับอย่างต่อเนื่อง แม้แต่พลังหยางที่อยู่รอบตัวของเขายังแข็งแกร่งและหนาแน่นขึ้นอย่างมาก

มันสามารถทำเช่นนี้ได้ ? สีหน้าของหยางไค่ตื่นตะลึง

ความคิดอ่านทางจิตวิญญาณเคลื่อนไหวไปมา เขาปล่อยมารปฐพีที่ถูกผนึกเอาไว้ ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพดังขึ้นในทันที : สวัสดีนายน้อยของข้า !!

เจ้าดูโสมปีศาจหยินหยางตัวนี้ซิ มันเป็นเพราะเหตุใด ? หยางไค่กล่าวถาม

มารปฐพีกล่าว : โสมปีศาจหยินหยางเกิดจากการดูดซับของพลังหยินและพลังหยาง ในสถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายพลังหยางที่แข็งแกร่งและหนาแน่น สภาพแวดล้อมเหมาะสมในการเจริญเติบโตของมัน แต่ว่า .

กล่าวออกมาเดี่ยวนี้ อ้ำๆอึ้งๆ ทำไม เจ้ากำลังจะปิดบังอะไร !! หยางไค่กล่าวตะโกนอย่างเยือกเย็น

เมื่อมารปฐพีได้ยินเสียงของหยางไค่ ร่างกายของสั่นเทาด้วยความหวาดลัว แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้ชิดกับหยางไค่ได้ไม่นาน แต่เขาหวาดกลัวหยางไค่อย่างยิ่ง เป็นเวลาหลายครั้งที่หยางไค่ปิดผนึกกักขังเขาไว้ในเข็มสลายวิญญาน เรื่องเล็กน้อยหยางไค่ก็ลงโทษเขาในทันที มารฐพีเคยพบเห็นความเด็ดขาดที่โหดเหี้ยมของหยางไค่ เขาจึงกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว : มันต้องดูดซึมพลังหยินหยานทั้ง 2 แต่ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงพลังหยาง ในช่วงระยะเวลาสั้นๆอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่หากในช่วงระยะยาวไม่เพียงมันจะไม่เติบโต แต่มันจะซึมเศร้าอย่างท้อแท้ สำหรับมันแล้ว พลังหยางไม่เติบโต พลังหยินไม่หยั่งราก นี้แหละโสมปีศาจหยินหยาง !!

ขาดพลังหยินใช่ไหม ? หยางไค่กล่าวถาม

เป็นอย่างที่นายน้อยกล่าว !!

มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา วันหลังให้ซู่เหยียนถ่ายทอดพลังหยินให้แก่มัน ก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได

หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างแปลกประหลาดเขากล่าวถามขึ้นมา : ก่อนหน้านี้เจ้าเคยกล่าวไว้ว่า หากว่ามันพบเจอกับหญิงสาวชายหนุ่มที่ชอบพอกัน ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่งมันจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังโดยตัวของมันเอง และผสานเข้าสู๋ร่างกายของหญิงสาวและชายหนุ่ม ใช่ไหม ?

ใช่ !! มารปฐพีตอบรับ และกล่าวด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจ : อืม ? นายน้อย..ท่านเสียตัวแล้วใช่ไหม ?

ในขณที่ยังไม่ถูกปิดผนึกกักขัง ร่างกายของหยางไค่ยังเป็นเด็กหนุ่ม แต่เมื่อพบเจอกับเขาในครั้งนี้ เขาพบว่าหยางไค่ได้สูญเสียกลิ่นอายแห่งความบริสุทธุ์ มันแสดงให้เห็นเห็นอย่างชัดเจนว่าหยางไค่ได้ผ่านความสัมพันธุ์กับหญิงสาวอย่างใกล้ชิดมาก่อน

ใครอนุญาตให้เจ้าตรวจสอบร่างกายของข้า? หยางไค่กล่าวด้วยเสียงที่เยือกเย็น

นายน้อยได้โปรดอภัย !! ชายชราอย่างข้าเพียงแค่สงสัย หลังจากนี้ข้าจะไม่กล้าอีกต่อไป

อย่าให้มีครั้งหน้าจะดีที่สุด !! หยางไค่กล่าวตักเตือนด้วยความเย็นชา

หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา และครุ่นคิดอย่างหนัก

แม้ไม่ทราบต้นกำเนิดของมารปฐพี แต่เขาค่อนข้างมีประสบการณ์ในเรื่องราวที่ลึกลับ เขารู้เรื่องของโสมปีศาจหยินหยาง คำกล่าวที่เขากล่าวมาคงเป็นเรื่องจริง

ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เขาและซู่เหยียนเคยผ่านความสัมพันธุ์ที่ร่ากายรวมประสานเป็นหนึ่งเดียว โสมีปีศานหยินหยางก็อยู่กับพวกเขาด้วย

แต่มันไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังและผสานเข้าสู่ร่างกายของเขาและร่างกายของซู่เหยียน หากเป็นเช่นนี้ มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว คือความรู้สึกของเขาและซู่่เหยียนยังไม่ถึงขั้นที่รักกันจนเข้าใจซึ่งกันและกัน

หยางไค่เข้าใจอย่างชัดเจน แม้ว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธุ์ฉันท์สามีภรรยา แต่เพราะต้องการให้การสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงต้องทำเช่นนั้น หากไร้ซึ่งเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง ซู่เหยียนคงจะโกรธแค้นที่ตนพรากความบริสุทธุ์ของนางไป แม้นว่าจะไม่โกรธแค้น แต่นางคงไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้แก่เขา หัวใจของพวกเขาทั้งสองไม่ได้รักกันและเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างที่ควรจะเป็น

ซู่เหยียนยังไม่ได้เปิดห้วใจหัวของนางอย่างลึกซึ้ง หยางไค่ก็เช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น พวกเขาต่างมอบชีวิตให้แก่กันและกันได้ สิ่งที่เกิดขึ้นรวมเป็นผลมาจากเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง

ความรักเช่นหนุ่มสาว ไม่สามารถทำได้ในค่ำคืนเดียว และไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาในการสร้างมันขึ้นมา

ต้องรอให้ถึงวันที่ไร้ซึ่งเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง แล้วพวกเขาต่างเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของกันและกัน เมื่อถึงวันนั้นจึงจะเรียกว่าความรักที่แท้จริง ความรักที่เข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

เสียงของมารปฐพีดังขึ้น : นายน้อยไม่จำเป็นต้องรู้สึกท้อแท้ ข้าคิดคว่า หญิงสาวโดยทั่วง่ายต่อการล่อลวงพวกนาง ในเมื่อนายน้อยได้ครอบครองร่างกายของนาง ไม่ช้าหรือเร็วห้วใจของนางจะกลายเป็นของนายน้อยอย่างแท้จริง เรื่องนี้ข้าขอใช้ชีวิตของข้าเป็นเดิมพัน

เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง ? หยางไค่หัวเราะเบาๆ

มารปฐพีเห็นว่าหยางไค่ไม่โกรธ เขาเริ่มกล้าหาญมากขึ้นและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ใช่ใช่ นายน้อยกล่าวถูกต้อง งั้นข้าคงต้องใช้จิตวิญญานเป็นสิ่งเดิมพัน หญิงสาว จะมีความรู้สึกที่พิเศษให้แก่ชายคนแรกของนาง นายน้อยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย พวกนางจะเชื่อใจและรักนายน้อยเพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลานั้น โสมปีศาจหยินหยางวจะสามารถแสดงอำนาจพลังที่แท้จริงของมันออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด