ตอนที่แล้วตอนที่ 153 คุณสมบัติของผู้สืบทอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 155 การดูหมิ่น

ตอนที่ 154 เคล็ดวิชาแห่งปีศาจ


ตอนที่ 154 เคล็ดวิชาแห่งปีศาจ

ในเมื่อเจ้าเรียกชื่อของข้าแล้ว ทำไมข้าต้องเป็นศิษย์พี่ของเจ้าต่อไปด้วยล่ะ ?

หยางไค่ตกตะลึง เขาไม่เคยพบว่าหญิงสาวที่เยือกเย็นราวน้ำแข็งหิม ะจะหยอกล้อเขาด้วยคำกล่าว

เช่นนี้

นิสัยโดยธรรมาชาติของสตรี ?

แต่ว่าการโต้เถียงเล็กๆเช่นนี้ ทำให้ความสัมพันธุ์ของพวกเขาทั้งสองเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นการช่วยเหลือซู่เหยียนจากสัตว์อสูร ซึ่งส่งผลให้ซู่เหยียนเริ่มเปิดหัวใจที่เยือกเย็นของนางทีละนิด

หยางไค่หัวเราะอย่างขมขื่น และโบกมือขอยอมแพ้ : พอพอ ข้าเป็นคนผิดเอง !

เมื่อซู่เหยีนเห็นว่าความตึงเครียดของทั้งสองถูกทำลายลง นางจะกล่าวอย่างจริงจัง : ในเมื่อตัดสินใจที่จะยอมรับการสืบทอดจากมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ งั้นเริ่มกันเถอะ

หยางไค่สังเหตุเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางค่อนข้างที่จะกังวล และกังวลมากกว่าตอนแรกเสียอีก

ทำอย่างไร ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความจริงจัง

หมุนเวียนพลังลมปราณหยางของเจ้า ซู่เหยียนหลับตาและเริ่มหมุนเวียนปราณจิตเย็นของนาง ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งความเยือกยเ็นได้แพร่กระจายออกมาทันที

หยางไค่ค่อยๆ หมุนเวียนกลยุทธุ์หยางไค่ ซึ่งทำให้พลังลมปราณหยางของเขาไหลเวียนไปยังเส้นชีพจรลมปราณของเขาในทันที

เมื่อวิชายุทธุ์ทั้ง 2 ประเภทหมุนเวียนและปลดปล่อยออกมาอย่าพร้อมเพรียงกัน ทันใดนั้นตำหนักอันมหึมาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ปัง ปัง ปัง เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวเริ่มดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินการตอบสนองเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของซู่เหยียนแสดงออกมาด้วยความดีใจ นางทราบดีว่าการคาดเดาของตนเองไม่ผิดเพี้ยน หากพึงพาพลังของนางคนเดียวหรือของหยางไค่เพียงคนเดียว ไม่สามารถที่จะได้รับการสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์นี้ มีเพียงคนสองคนที่หมุนเวียนพลังของตนเองไปพร้อมๆกัน จึงจะสามารถประสบความสำเร็จในการได้ัรับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์นี้

จากเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังสีแดงเพลิงและสีขาวหิมะที่ลอยเหนือศีรษะของพวกเขาทั้งสองเริ่มมีปฏิกิริยาที่ตอบสนองราวกับว่ามีมืออันมหึมาที่คอยชักจูงพลังเหล่านั้นจนมันค่อยๆลอยตัวต่ำลงต่ำลงมายังด้านล่าง

คลื่นพลังวงกลมที่มีรูปร่างของมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นเจาะทะลวงผ่านคลื่นพลังวงกลมเหล่านั้นซ้ำมาซ้ำไปอย่างไม่ไดหยุดมันแปรเปลี่ยนไปมาจนไม่อาจละสายตาจากภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏไปได้

ระยะเวลากว่าครึ่งชั่วยาม คลื่นพลังวงกลมที่อยู่ห่างจากพวกเขาประมาณ 10 จ้างได้ลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าระหว่างพวกเขาทั้งสองคน รูปร่างของมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็นเริ่มปรากฏออกมาอย่างชัดเจน พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คลื่นสีแดงเพลิงและสีขาวบริสุทธุ์เปล่งประกายออกมาอย่างไม่หยุด ก่อให้เกิดเป็นแสงประกายที่ผสมผสานที่งดงามอย่างถึงที่สุด

ทันใดนั้น เสียงตะโกนคำรามของมังกรเพลิงที่สง่างามเสียงตะโกนที่ก้องกังวานของหงสาเมฆาเยือกเย็นได้แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลัง 2 ลูก คลื่นพลังลูกแรกได้แปรเปลี่ยนรูปร่างของมังกรเพลิง คลื่นพลังลูกที่สองได้แปรเปลียนเป็นรูปร่างของหงสาเมฆาเยือกเย็น พวกมันทั้งสองได้กระจายตัวออกจากัน และพุ่งเข้าไปยังร่างกายของซู่เหยียนและหยางไค่

ร่างกายของพวกเขาทั้งสองแข็งทื่อในทันที คิ้วของพวกเขาทั้งสองขมวดไปมากด้วยความดิ้นรนต่อความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมาณ

ในขณะที่มังกรเพลิงพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่ เขาพบว่าเส้นชีพลมปราณของเขามีพลังหยางที่แข็งแกร่งอย่างมากมายมหาศาลดำรงอยู่ในเส้นชีพจรลมปราของเขา ในเวลาเดียวกัน ยังได้มีจิตวิญญานชนิดหนึ่งที่เชื่อมผสานไปยังจิตใต้สำนึกของเขา

หยางไค่ไม่กล้าที่จะรอช้า เขารีบเปิดใช้กลยุทธุ์หยางที่หมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหลอมละลายมันให้กลายเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยาง

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึง คือกลยุทธุ์หยางของเขาไม่สามารถสกัดและหลอมละลายพลังหยางนี้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร มันไมได้กลายเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยางเช่นเดียวกับพลังหยางชนิดอื่นๆ

จากการที่พลังหยางแห่งมังกรเพลิงเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่มันกระตุ้นุให้เส้นชีพจรลมปราณและเนื้อหนังในร่างกายเจ็บปวดทรมาณเสมือนถูกเปลวเพลิงที่ร้อนละอุเผาผลาญอย่างรุนแรง ทันใดนั้นความรู้สึกที่แปลประหลาดได้พุ่งออกมาจากห้วงจิตใจของเขาอย่างฉับพลัน

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความชัดเจนในทันที หยางไค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยมาจากตรงหน้าของเขา กลิ่นหอมนี้คือกลิ่นกายที่หอมหวานของซู่เหยียน กลิ่นหอมโชยเข้าสู่จมูก นำพามาด้วยพลังที่แปลกประหลาด พัดลอยไปยังห้วงจิตใจของเขา ทำให้จิตใจของเขาตะกุยตะกาย เต้นไปมาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อกลิ่นหอมนี้ลอยเข้าสู่เส้นเลือดอของเขา ทำให้เลือดที่อยู่ภายในร่างกายเดือดพล่านในทันทีและไหลเวียนอย่างรวดเร็ว

มันเป็นแรงกระตุ้นของร่างกาย ..

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? จิตใจของหยางไค่หวั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาได้รับข้อมูลบางอย่างจากมังกรเพลิงที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาและจิตใต้สำนึกของเขา หลังจากนั้นไม่นาน หยางไค่แสดงออกด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดกยิ่งนัก

เมื่อเขาลืมตา เขามองเห็นดวงตาของซู่เหยียนที่จ้องมองมาที่เขา

ซู่เหยียนในตอนนี้ใบหน้าซีดขาว ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปมอย่างมิอาจที่จะควบคุมได้

นางถูกตรึงแช่จากความเยือกเย็น

การฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งปราณจิตเย็น ความเยือกเย็นและความหนาวเหน็บเป็นมิตรสหายที่ดีที่สุดสำหรับนาง แต่ในเวลานี้ ความเยือกเย็นเลยขีดจำกัดสูงสุดที่นางจะสามารถควบคุมได้ ดังนั้นนางจึงมีปฏิกิริยาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เสมือนความร้อนระอุที่เกินกว่าการควบคุมของหยางไค่

หยางไค่จ้องมองซู่เหยียนด้วยความชัดเจน ใบหน้าที่ซีดขาวของนางประกายด้วยความร้อนลุ่มที่แดงก่ำ การสูดลมหายใจของนางค่อนข้างหนักหน่วง ดวงตาที่สว่างใสราวกับดวงดาราที่แพรวพราวประกายด้วยความความรู้สึกปราถนาอย่างซึ่งกันและกันอย่างสุดซึ้ง

หยางไค่ทรบดีว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่แตกต่างจากซู่เหยียนเลย พวกเขาทั้งสองไม่สามารถที่จะควบคุมพลังที่อยู่ภายในร่างกายของพวกเขาทั้งสอง

หยางไค่ปราถนาที่จะใช้ความเยือกเย็นที่หนาวเหน็บของนางปลอบประโลมความร้อนระอุของตนเอง ซู่เหยียนก็เช่นกันนางต้องการความร้อนระอะของหยางไค่เพื่อปลอบประโลมความเยือกเย็นที่หนาวเหน็นบของนาง ความปราถนาเป็นสัญชาตญานอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาดูดซับพลังของมังกรเพลิงและหงสาเมฆาเยือกเย็น

แต่ว่าสัญชาติญานความต้องการที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้สติของพวกเขาทั้งสองหลุดลอย พวกเขายังสามารถควบคุมสติของตนเองและต่อต้านความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานี้

ซู่เหยียน มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่พวกเราจะได้รับ .. หยางไค่ค่อยๆเปิดปากกล่าว เขาเลียริมฝีปากที่แห้งเหือดแห้งของเขา เขารู้สึกว่าลำคอของเขากำลังร้อนเป็นไฟ ดวงตาที่จ้องมองซู่เหยียนต้องแดงก่ำอย่างแน่นอน

ข้ารู้ ซู่เหยียนขบฟันแน่่น ใบหน้าของนางเผยให้เห็นความทรมาณที่ยากต่อการยอมรับความจริง แม้ว่านางจะรู้ว่าการสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ต้องเป็นคนสองคนที่ได้รับการสืบทอดพร้อมๆกัน หากว่าพวกเขาได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์แล้ว ความสัมพันธุ์ของพวกเขาทั้งสองอาจจะไม่เป็นเหมือนคนแปลกหน้าเช่นครั้งก่อน แต่นางไม่คาดคิดว่ามรกดแห่งฟ้าสวรรค์มีการสืบทอดด้วยวิธีการเช่นนี้

หยินหยางรวมเป็นหนึ่ง !!! มันเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง เมื่อได้ยินชื่อของเคล็ดวิชาพวกเขาต่างทราบดีว่ามันมีวิธีการฝึกฝนอย่างไร

นางไม่ทราบถึงระดับของเคล็ดวิชานี้ แต่มันไม่อยู่ในระดับต่ำอย่างแน่นอน เพราะร่างกายของซู่เหยียนฝึกฝนวิชายุทธุ์แห่งปราณจิตเย็นซึ่งเป็นวิชายุทธุ์ระดับจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แต่ว่าปราณจิตเย็นของซู่เหยียนกลับไม่สามารถทนต่อความเยือกเย็นที่ได้รับจากหงสาเมฆาเยือกเย็น แล้วพลังหยางแห่งมังกรเพลิงที่หยางไค่ได้รับจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

มันเป็นเคล็ดวิชาที่ต้องฝึกฝนคู่กัน? ในขณะที่หยางไค่กล่าวถามออกไป หัวใจของเขาเต้นกระตุกไปมาอย่างรุนแรง

อืม คำกล่าวตอบของซู่เหยียนยิ่งชวนฟัน เสียงที่หึมออกมาจากจมูกไพเราะเพราะพริ้งยิ่งกว่าสิ่งใด มันทำให้จิตใจของหยางไค่สั่นไหวไปมาอย่างยิ่ง

มันเป็นเคล็ดวิชาแห่งมาร? หยางไค่รู้สึกอึดอัดและหดหู่ แม้ว่าเขาและซู่เหยียนจะได้รับการสืบทอดมรดกที่หอมหวานนี้ แต่หากมันเป็นเคล็ดวิชาที่ชั่วร้าย ปัญหาที่ตามมาอาจส่งผลเสียให้แก่เขาอย่างใหญ่หลวง

เคล็ดวิชาคู่มิได้เป็นเคล็ดวิชาแห่งมารเสมอไป การรวบรวมพลังหยางเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พลังหยาง และการรวบรวมพลังหยางเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พลังหยินจึงถือว่าเป็นเคล็ดวิชาแห่งมารที่ชั่วร้าย

ในเวลาโดยปกติ ซู่เหยียนจะกล่าวพูดคูยกับเรื่องที่น่าอับอายกับชายหนุ่มได้อย่างไร แต่ในตอนนี้นางยังคงรักษาบุคลิกของนางและกล่าวอธิบายต่อหยางไค่ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จิตใจของนางก็รู้สึกอับอาย สีหน้าแสดงออกด้วยความอัปยศอย่างยิ่ง

ดวงตาที่ซ่อนเร้นความปราถนาอันแรงกล้าของนางทำให้จิตใจของหยางไค่ว้าวุ่นในทันที ตั้งแต่ที่เขารู้จักซู่เหยียนมาถึงตอนนี้ ซู่เหยียนสูงส่งและสง่างาม เขาไม่เคยดวงตาที่แสดงออกด้วยความอ่อนหวานและอ่อนแอถึงเพียงนี้ มันทำให้คนที่มองเห็นอดไม่ได้ที่จะไปปลอบประโลมนาง

ซู่เหยียนในเวลานี้ ไม่ใช่นางเซียนที่อยู่ในระดับที่สูงส่ง ไม่ใช่นางเซียนที่ศิษย์ทั้ง 3 สำนักต่างเคารพและชื่นชม นางเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ปราถนาความเร่าร้อนมาปลอบโยนร่างกายของนางเท่านั้น

ในบางเวลา จิตใจของสตรียากที่จะสั่นเคลื่อนเช่นจิตใจของบุรุษ สตรีทุกนาง ต่างมีศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติของนางเอง

ซู่เหยียน หยางค่จ้องมองซู่เหยียนด้วยสายตาที่มึนงง

ไม่ .. ซู่เหยียนปฏิเสธด้วยความดิ้นรนที่ทุกข์ทรมาณ นางค่อยๆส่ายหัวอย่างช้าๆ

หยางไค่ถอนหายใจ จิตใจของเขาเริ่มมั่นคง และได้กล่าวขึ้น : งั้นเรามาทดสอบดูก่อนไหมว่าจะสามารถทำลายพลังที่อยู่ภายในร่างกายของเราได้หรือไม่

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหยางไค่ ซู่เหยียนจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง นางพยักหน้าอย่างช้าๆ หากว่าในตอนนี้หยางไค่ยังสามารถอดทนต่อไปได้ ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทนต่อความลุ่มหลลงของหยางไค่หรือไม่ ความอ่อนโยนที่เข้าใจความรู้สึกของนางเพียงพอที่จะทำให้นางซาบซึ้งจนตกลงปลงใจ

ทั้งสองหลับตาลงอีกครั้ง พวกเขาต่างหมุนเวียนเคล็ดวิชาของตนเอง เพื่อทำลายความร้อนระอุและความเยือกเย็นภายในร่างกายของพวกเขา

แต่จากระยะเวลาที่ไหลผ่านไป หยางไค่พบว่าการที่พวกเขายิ่งทำลาย ความปราถนาที่เร่าร้อนของพวกเขาเริ่มรุนแรงและดุดันมากขึ้น การเคลื่อนไหวเพียงเล็กๆน้อยๆ เสมือนคลื่นยักษ์ที่คอยถาโถมจิตใจและจิตวิญญานที่อยู่ภายใน ทำให้จิตใต้สำนึกของพวกเาคิดถึงเรื่องราวที่ไม่ควรครุ่นคิดออกมาต่างๆนาๆ ทำให้จมูกของเขาได้รับกลิ่นกายที่หอมหวานของสตรี ทำให้สองมือที่สัมผัสกลิ่นอายที่หอมหวานเสมือนสัมผัสกับผิวที่เนียนนุ่ม มันเพียงพอที่จะควบคุมสติของพวกเขาให้ทำตามความปราถนาอันแรงกล้าของพวกเขาทั้งสองอย่างไร้ความปราณี

พลังแห่งมังกรเพลิงที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายกำลังตะโกนคำรามด้วยความปราถนาอย่างเกรี้ยวโกรธและบ้าคลั่ง

ราวกับว่ามันกำลังเกรี้ยวโกรธที่ยังไมได้รับการผสานรวมเป็นหนึ่งกับพลังแห่งความเยือกเย็นที่หนาวเหน็บอย่างสุดขั้วหัวใจ

หลังจากนั้นผิวหนังของหยางไค่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ราวกับว่าร่างกายของเขาเป็นดั่งเหล็กกล้าที่ถูกเผาไหม้จากเปลวเพลิงที่ร้อนแรง ร่างกายของเขาร้อนรุ่มยิ่งกว่าสิ่งใด แต่หยางไค่ยังกัดฟันอดทนต่อความทุกข์ทรมาณที่แสนสาหัสนี้

ความไม่ยอมแพ้และความอดทนเป็นข้อดีของตัวเขา แม้ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าจะยั่วยวนใจและสั่นไหวต่อจิตใจของเขามากเพียงใด เขาก็ปฏิเสธและต่อต้านมันตลอด ตราบใดที่ซู่เหยียนไม่พยักหน้ายอมรับ เขาจะไม่กระทำสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างแน่นอน

มังกรเพลิงกำลังตะโกนคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธ ราวกับว่ามันกำลังสงสัยในการกระทำของหยางไค่และคอยกระตุ้นหยางไค่ แต่การต่อต้านของหยางไค่ยิ่งทำให้มันเกรี้ยวโกรธมากขึ้น

จากเสียงตะโกนคำรามที่พุ่งออกมาจากจิตวิญญานของเขา ทำให้สติของหยางไค่ค่อยๆพร่ามัวและหลุดลอยทีละน้อย ดวงตาที่แดงกำ่ของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงทีละนิดทีละนิด หัวใจของเขาเต้นระรัวจนเลยขีดจำกัดของร่างกาย ทำให้รางกายของเขาเต็มไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง และได้ยินเสียงเต้นระรัวของหัวใจอย่างชัดเจน ในขณะที่เขาสูดลมหายใจ เสมือนว่าคลื่นแห่งความเร่าร้อนของเขากำลังพุ่งม้วนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า

จิตใต้สำนึกของเขามีเพียงความคิดเดียวที่พลุกพล่านอยู่ภายใน นั้นคือการโอบกอดซู่เหยียนไว้ในอ้อมอกของตนเอง ใช้ความเยือกเย็นของนางทำลายความร้อนระอุของตนเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความปราถนานของตนเองที่มีต่อนาง แต่เป็นความเยือกเย็นของนางที่คอยดึงดูดความร้อนระอุของตนเอง

พลังแห่งการดึงดูดเช่นนี้ มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าโอสพแห่งความปราถนาเสียอีก หยางไค่มีความรู้สึกเช่นไร ซู่เหยียนต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกันเขา ภายใต้พลังที่มิอาจควบคุมได้ซึ่งกำลังพลุ่กพล่านอยู่ภายในร่างกายของพวกเขาทั้งสองอย่างดุดัน ทำให้สติของพวกเขาทั้งสองเริ่มหลุดลอยทีละนิดทีละนิด

ในขณะที่จิตใต้สำนึกและสติของหยางไค่ที่กำลังจะหลุดลอยไป หยางไค่รีบเร่งปราบปราความปราถนาที่ปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว

ความอดทนที่ไร้พ่าย

การไม่ยอดจำนนต่อพลังอำนาจใด ถือเป็นความหยิ่งยะโสอย่างหนึ่ง

กระดูกทองคำปลดปล่อยความอบอุ่นออกมาอย่างกะทันหัน สติที่กำลังจะหลุดลอยเริ่มฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ

ในเวลานี้ เขาได้ยินเสียงที่เรียกร้องต่อจิตวิญญานของเขา มันถูกเปล่งออกมาจากลำคอของหยางไค่ เมื่อหยางไค่ได้ยินเสียงนี้ มันทำให้สติที่ฟื้นตัวและวุ่นวานและกำลังจะสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง

ซึ่งมองเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของซู่เหยียนในเวลานี้แดงก่ำอย่างน่าหลงไหล ฟันสีขาวบริสุทธุ์ขบแน่นกับริ่มฝีปากสีแดงระเรื่อ ขนตาที่โค้งงอนกระพริบไปมาอย่างไม่หยุด ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปมาอย่างรุนแรง

กลางอากาศเต็มไปด้วยกลินอายแห่งความหอมหวานที่เย้ายวนใจ กลิ่นหอมนี้ทั้งหอมและน่าลุ่มหลงยิ่งกว่ากลิ่นกายของซู่เหยียนสักอีก

ซู่เหยียน ซู่เหยียน! หยางไค่กัดลิ้นของตนเองอย่างเจ็บปวด และตะโกนเรียกชื่อนางถึงสองครา

ร่างกายของซู่เหยียนสั่นระรัว ขนตาที่โค้งงอนของนางกระตุกไปมา ก่อนที่น่าจะลืมตาที่งดงามของนาง นางจ้องมองหยางไค่และกัดฟันกล่าว : ข้า .ข้ายังทนได้ .เจ้า ..เจ้าอดทนก่อนน่ะ

อืม! หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ เขาหลับตาเพื่อทำลายอำนาจพลังที่พลุกพล่านอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง

เป็นดั่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เปลวเพลิงที่ร้อนระอุพุ่งโจมตีไปยังจิตใจและจิตวิญญานของหยางไค่ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะคิดไตร่ตรอง ซึ่งเหลือไว้เพียงแรงกระตุ้นแห่งควาปราถนาจากสัญชาตญานของตนเอง

แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญ กระดูกทองคำได้แสดงอนุภาคที่แข็งแกร่งของมัน ทำให้หยางไค่ยังมีสติจนถึงตอนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด