ตอนที่แล้วตอนที่ 151 การตัดสินใจของสองบุพผาแห่งนิกายโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 153 คุณสมบัติของผู้สืบทอด

ตอนที่ 152 จุดสูงสุด


ตอนที่ 152 จุดสูงสุด

เมื่อรอกระทั่งเงาด้านหลังของหยางไค่กลายเป็นจุดสีดำ พวกนางทั้งสองจึงลุกยืนขึ้นและก้าวเท้าเหยียบย่ำไปยังขั้นบันไดที่สูงกว่าและคอยต่อต้านกับความหนาวเหน็บที่แทรกซึมเข้ามาด้วยความยากลำบาก

แต่ พวกเขาก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นกลางอากาศที่ว่างเปล่าได้ก่อกำเนิดสายลมที่อ่อนโยนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภายใต้การพัดพาของสายลมที่อ่อนโยนนี้ ร่างกายของพวกเขาทั้งสองค่อยๆถอยหลังกลับไปเสมือนมีแรงดึงดูดพวกเขาทั้งสองโดยมิอาจต่อต้านได้

หลังจากนั้น ร่างกายของพวกเขาทั้งสองลอยขึ้นอย่างช้าๆ และถูกสายลมที่อ่อนโยนพัดพาและส่งร่างกายไปยังพื้นดินเบื้องล่างในทันที

หลังจากที่รวบรวมสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ พวกเขาทั้งสองพบว่าร่างกายของพวกเขาร่วงหล่นมายังด้านนอกของม่านแสงสีทอง

พวกนางทั้งสองกวาดสายตามองไปยังรอบบริเวณด้วยความตื่นตกใจ และพบวามีศิษย์สาวกจำนวนหลายคนที่เผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกัน มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเพิ่งถูกสายลมพัดสงมายังด้านนอกของม่านแสงสีทอง ใบหน้าแสดงออกด้วยความหวาดกลัว นอกจากนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเกิดกับศิษย์สาวกหญิงทั้งหมด ไม่มีศิษย์สาวกชายที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แม้แต่คนเดียว

หยางไค่ล่ะ ? หู่เหม่ยหันหน้ามองไปทั่วบริเวณ ซึ่งไม่พบร่องรอยชองหยางไค่แม้แต่น้อย

เขายังอยู่ข้างใน !! หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม แม้ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ในเมื่อไม่มีร่องรอยของหยางไค่ นั้นหมายความว่าเขายังอยู่ภายในม่านแสงสีทองนั่น

แต่ว่า ทำไมถึงมีเพียงศิษย์สาวกหญิงที่ถูกส่งออกมา ?

เมื่อศิษย์สาวกหญิงจำนวนมากมายปรากฏตัวขึ้นมา ต่างดึงดูดความสนใจของศิษย์สาวกชายแห่ง 3 นิกายที่ออกมาจากม่านแสงสลัวก่อน

หลังจากนั้นไม่นาน ศิษย์สาวกชายทั้ง 3 สำนักต่างรีบเดินล้อมเข้ามาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของพวกเขา และกล่าวถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับศิษย์สาวกหญิงสาวเหล่านี้

หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของศิษย์สาวกหญิง สองพี่น้องแห่งตระกูลพบว่าคนอื่นๆล้วนพบเจอกับสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขา ในขณะที่พวกเขากำลังก้าวเท้าออกไป ทันใดนั้นได้ถูกสายลมที่อ่อนโยนพัดพาและส่งลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง โดยไม่ได้รับบาเจ็บแม้แต่น้อย

ท่ามกลางศิษย์สาวก ร่างกายของหล่างฉู่วเต่เขี้ยวช้ำไปทั่ว นางถูกตรึงแช่จากความหนาวเหน็บจนร่างกายสั่นสะท้านไปมา แต่ดวงตาของนางยังประกายซึ่งความไม่ยอมแพ้ ดวงตาเช่นนี้คล้ายคลึงกับดวงตาของหยางไค่ในบางคราว

ล้มเหลว ? หล่างฉู่วเต่รู้สึกขมขื่นใจ นางสาวปีนป่ายไปยังบันไดสีทองกว่า 3000 ขั้นจากเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 8 ของนาง ผลงานที่น่าทึ่งเช่นนี้ แม้แต่ศิษย์สาวกชายทั้ง 3 สำนักยังมิอาจที่จะทำได้

สิ่งที่นางพึ่งพามาตลอด คือจิตใจที่ไม่เคยยอมแพ้ และความต้องการที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง

แต่ในตอนนี้ นางถูกพรากความตั้งใจจากสายลมอันอ่อนโยน แล้วนางจะสามารถทนต่อความล้มเหลวในครั้งนี้ได้อย่างไร ?

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? ตราบดีที่ให้เวลาที่เพียงพอกับข้า ข้าจะสามารถไปยังจุดสูงสุดนั้นได้ ทำไมถึงต้องสายลมต้องพัดพาข้ามายังเบื้องล่างนี้ด้วย ? หล่างฉู่วเต่กำหมัดตนเองไว้แน่นจนเล็บของนางจิกเข้าไปในฝ่ามือของนาง

มีเพียงความเจ็บปวดที่จะสามารถทำให้จิตใจของนางสงบลงได้

ศิษย์พี่ท่านนี้ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ? หู่เจี่ยวเอ่อพบว่าการกระทำของนางดูผิดปกติ จึงกล่าวถามอย่างสุภาพ

หล่างฉู่วเต่ส่ายหัวไปมาอย่างช้าๆ นางก้มหน้าลงต่ำ ทำให้หยดน้ำตาไหลอาบแก้มของนาง

หยางไค่มุ่งหน้าปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่หยุด สายตาของเขามีเพียงจุดสูงสุดของชั้นเมฆ หยางไค่ไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นกับสองพี่น้องตระกูลหู่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของพวกนางทั้ง 2 ความเร็วในการก้าวเดินจึงรวดเร็วมากขึ้น

บริเวณแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งความหนาวเย็นที่คอยพุ่งโจมตี เขาก้าวเท้าออกไปทีละก้าวทีละก้าว โดยไม่หยุดพัก เมื่อพลังแห่งความเยือกเย็นแทรกซึ่มเข้าสู่ร่างกาย หยางไค่ใช่เปิดใช้กลยุทธุ์หยางในการหลอมละลายและสกัดมัน เพื่อให้กระดูกทองคำดูดกลืนพลังของมันอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ก้าวผ่านบันไดสีทองทั้งหมด 500 ขั้น พลังหยินแปรเปลี่ยนพลังหยาง ความเร็วของหยางไค่จึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

เมื่อพลังหยินแห่งความเยือกเย็นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเขาต้องหลอมละลายสกัดมันเพื่อให้กระดูกทองคำดูดซับมันเอาไว้ แต่เมื่อพบเจอกับพลังหยางที่ร้อนระอุเขาดูดซับพลังหยางเพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องหลอมละลายหรือสกัดมัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายในการก้าวข้ามบททดสอบนี้

เขาก้าวออกไปทีละขั้นทีละขั้น ระยะห่างระหว่างตัวเขาและจุดสูงสุดบนชั้นเมฆจึงน้อยลงน้อยลง

แต่สิ่งที่ตามมาคือแรงกดดันของตนเองที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมากขึ้นมากขึ้น ทุกครั้งที่เขาก้าวข้ามขั้นบันได พลังที่พุ่งเข้ามาในร่างกายจะรุนแรงและแข็งแกร่งมากขึ้นทุกครั้ง

อาจเป็นเพราะวิชายุทธุ์ที่หยางไค่ฝึกฝนเหมาะสมกับบทดสอบนี้ และจุดตันเถียนของเขายังกักเก็บหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวนมากมาย หยางไค่คงไม่สามารถก้าวผ่านขั้นบันไดสีทองด้วยความง่ายดายเช่นนี้

หลังจากที่หยางไค่ค่อยๆเดินปีนป่ายขึ้นสูงเรื่อยๆ หยางไค่พบว่ามบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ

บททดสอบเช่นนี้นี้เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คงไม่ยากเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้ หากว่ามันเป็นบททดสอบจากมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่แท้จริง ไม่มีทางที่มันจะง่ายดายเช่นนี้อย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความคิดอ่านทางจิตวิญญาณเคลื่อนไหวไปมา และคลายผนึกที่พันธนาการมารปฐพีเอาไว้ ก่อนหน้านี้มารปฐพีคอยกล่าวโน้มน้าวให้หยางไค่ใช้เรือนร่างที่บริสุทธ์ของสองพี่น้องแห่งตระกูลหู่ในการฝึกวิชายุทธุ์ที่ชั่วร้าย หยางไค่เคืองโกรธจึงผนึกจิตวิญญาณเทพสวรรค์ของเขาเอาไว้ จนถึงตอนนี้เขาจึงยอมที่จะปลดปล่อยพันธนาการที่ปิดผนึกเอาไว้

มารปฐพีไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก หยางไค่กล่าวเตือนเขาไปอีก 1 หน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะกล่าวถึงมันอีกเลย

เพื่อไม่ให้มารทำปฐพีกล่าวอย่างเรื่อยเปื่อยในร่างกายของเขา เมื่อมารปฐพีกล่าวจบเขาจึงผนึกมารปฐพีอีกครั้ง

ไม่ว่าจะมีบทสอบอย่างไร เมื่อเดินทางมาถึงขั้นนี้ หยางไค่ต้องเผชิญหน้ากับมัน ในเวลานี้หากคิดกังวลมากไปมันคงจะเป็นการสูญเสียเวลาโดยใช่เหตุ

เมื่อชัดเจนในจุดนี้ จิตใจและอารมณ์ของหยางไค่ค่อยๆผ่อนปรน แม้แต่ร่างกายของเขายังผ่อนคลายอย่างมาก ราวกับว่าการเปลี่ยนของจิตใจทำให้บททดสอบที่ยากลำบากแปรเปลี่ยนไปเป็นทดสอบที่ง่ายในทันที

เวลา 1 วันที่หยางไค่เดินปีนป่ายบันไดสีทอง หลังจากที่เขาพักฟื้นเป็นครั้งที่ 3 ในที่สุดเขาได้ก้าวมายังจุดสูงสุดของบันไดสีทอง

ทั่วบริเวณ 4 ทิศปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกที่งดงาม เสมือนอยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้าของเหล่าเซียน เมื่อเขาหันหลังกลับไปมอง เขามองเห็นบันไดสีทองที่เขาก้าวผ่านมาทอดลงไปยังพื้นดินด้านล่างอย่างชัดเจน มันพริ้วไสวไปมาราวกับว่าตนเองกำลังล่องลอยอยู่ในภาพแห่งความฝันที่หอมหวาน

ตรงหน้า เหลือเพียง 10 ขั้นเท่านั้น เมื่อเขาก้าวผ่านบันไดสีทองอีกเพียง 10 ขั้น เขาจะเดินทางไปยังจุดสูงสุดของชั้นเมฆได้ในทันที

เขายกเท้าขึ้น ย่างกรายออกไปทีละก้าว

ขั้นที่ 9 ขั้นที่ 8 ขั้นที่ 7 ..

ห้วงสมองของหยางครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ความสนุสนานของหลายวันก่อน การตัดสินใจของวันที่เพิ่งผ่านพ้นมา

ขั้นที่ 6 ขั้นที่ 5 ขั้นที่ 4 ..

ความทรงจำเรื่องย้อนกลับไป หยางไค่ย้อนความทรงจำไปในขณะที่เขาได้รับตำสีดำที่ไร้ซึ่งอักขระจนเปลี่ยนชีวิตและพลิกชะตาของเขาทั้งหมด

ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 2 ..

ความทรงจำของ 3 ปีที่แล้วปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้จิตใจที่มั่นคงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างผกผันโดยมิอาจควบคุมได้

หยางไค่ยกเท้าขึ้นสูง และกำลังจะเหยียบย่ำไปยังขั้นสุดท้ายของบันไดสีทอง แต่ทันใดนั้นเขาได้หยุดการกระทำของเขาอยู่เช่นนั้นโดยไม่ขยับ

เหลือเพียงขั้นสุดท้าย จะสามารถขึ้นไปยังชั้นเมฆที่สูงสุด

แต่ หยางไค่ไม่กล้าที่จะเหยียบย่ำลงไป

มันยากที่จะกล่าวอธิบาย เขาสัมผัสได้อย่างชันเจนหากว่าจิตใจของเขายังคงฟุ้งซ่านเช่นนี้ หลังจากการเหยียบย่ำในขั้นสุดท้าย หากว่าเขาไม่ตายก็คงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสแน่นอน

มันเป็นสัญชาตญาณที่กล่าวเตือน

หยางไค่สูดลมหายใจเข้า เขาค่อยๆเคลื่อนไหวพลังลมปราณหยางเป็นเวลานานโดยไม่ขยับเขยื้อน และค่อยๆสัมผัสสายลมอันอ่อนโยนที่พัดผ่านร่างกายอย่างแผ่วเบา เมื่อสัมผัสถึงความผกผันภายในจิตใจที่ค่อยๆสงบลง ความทรงจำของเขาก็ค่อยๆสงบลงเช่นเดียวกัน

และไม่รู้ว่าผ่านไปเนินนานเท่าไหร่ เมื่อหยางไค่ลืมตาขึ้น ดวงตาของไร้ซึ่งความหวาดกลัว ภายในดวงตาของเขามีเพียงความมั่นคงที่เด็ดเดี่ยวเท่านั้น

1 ฝ่าเท้าเหยียบย่ำลงไป

ปัง ปัง ปัง !! ท้องฟ้าส่งเสียงร้องสั่นสะเทือนไปมาอย่างสนั่นหวั่นไหว พลังที่มากมายมหาศาลซึ่งไร้ซึ่งรูปร่างพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่อย่างฉับพลัน มันเป็นพลังแห่งการกดทับที่หนักหน่วงจนมิอาจต้านทาน เสมือนพลังแห่งจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่มหาศาล !!

ร่างกายของหยางไค่ทรุดตัวลงต่ำ สองขาของเขาเริ่มงอลง ราวกับว่ากำลังจะคุกเข่าลงบนพื้น แต่ในขณะที่หัวเข่าของเขาอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณครึ่งคืบ เขาหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างฉับพลัน

ร่างกายของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อภายในพริบตา กล้ามเนื้อของเขากระตุกไปมาอย่างไรุนแรง มันสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย แรงกดทับที่มากมายมหาศาลนี้ ไม่แตกต่างจากแรงกดทับแห่งฟ้าดินในขณะที่เขาฝึกฝนตำราแห่งกายาเริงอารมณ์

แต่ มันกลับมีสัมผัสบางอย่างที่น้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการฝึกฝนตำราแห่งกายาเริงอารมณ์แข็งแกร่งกว่าแรงกดทับในตอนนี้ ความรู้สึกในเวลานั้นคือการเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านแห่งพลังฟ้าดินที่แข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้สิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าคือแรงกดทับแห่งพลังกำลังที่แข็งแกร่งของยอดฝีมือปรมารจารย์ระดับสูง

ในบางครั้ง หยางไค่รู้สึกราวกับว่าดวงตาข้างหนึ่งค่อยๆเบิกกว้างอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน และกำลังจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา

ร่างกายที่ทรุดตัวลงต่ำค่อยๆดันขึ้นอย่างช้าๆ เส้นเลือดสีดำปรากฏอยู่บนหน้าผากของเขา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จากการต่อต้านของเขา แรงดดันที่กดทับลงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

อึก !! เสียงที่อึมครึมดังแว่วออกมา ทันใดนั้นปากของหยางไค่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งกลิ่นคาวเลือด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภายในร่างกายของหยางไค่กำลังได้รับบาดเจ็บ

ข้าสามารถทนต่อพลังแห่งฟ้าดินที่แข็งแกร่ง น่าเสียดาย ที่เจ้าไม่ใช่พลังแห่งฟ้าดิน !! หยางไค่ขบฟันไว้แน่น กระดูกภายในร่างกายสั่นสะท้านไปมา เขาค่อยๆ ยกเท้าอีกข้างของเขาขึ้นมา และเหยียบย่ำลงไปยังขั้นสุดท้ายของบันไดสีทอง

ราวกับว่าเวลาเพิ่งผ้านพ้นไปเพียงพริบตา ราวกับว่าเวลาหมุนวนเนิ่นนานนับพันปี เมื่อสองเท้าของหยางไค่หยียบย่ำไปยังขั้นสุดท้ายของบันไดสีทองจนสำเร็จ ในที่สุดร่างกายของเขาก็สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงเหมือนเช่นเคย

แรงกดทับที่ถาโถมเข้าสู่ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นความแผ่วเบาในทันที ในตอนนนี้หยางไค่ได้สามารถทำลายพันธนาการแห่งแรงกดทับที่ถาโถมเข้าสู่ร่างกายของเขาได้สำเร็จ

พละกำลังมากมายมหาศาลที่ล่องลอยอยู่กลางเวหาพุ่งผสานเข้าสู่ทรวงอกของหยางไค่อย่างดุดัน มันเปรียบเสมือนคลื่นวายุที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้พลังลมปราณภายในร่างกายเคลื่อนไหวอย่างผกผันและสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง แต่หลังจากนั้น หยางไค่กลับแสะยิ้มอย่างเยือกเย็นและเช็ดเลือดที่มุมปากของเขาอย่างแผ่วเบา

ลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 8 !!

หลังจากที่ก้าวข้ามบันไดสีทอง มันทำให้พลังความแข็งแกร่งของตนเองมีความก้าวหน้าไปอีก 1 ขั้น การเดินทางผ่านบทดสอบในครั้งนี้ได้รับผลประโยชน์ที่ค่อนข้างไม่เลว

หยางไค่เงยหน้าอีกครั้ง หยางไค่มองเห็นตำหนักที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นเมฆนั้น

แต่เบื้องล่างของตำหนัก ยังคงเป็นขั้นของบันไดเช่นเดิม

แต่ขั้นของบันไดแห่งนี้มีไม่มากเหมือนขั้นของบันไดสีทอง หยางไค่กวาดสายตามอง และทราบในทันทีว่ามันมีเพียง 100 ขั้นเท่านั้น

บททดสอบด่านที่ 2 ? หยางไค่กล่าวพึมพำกับตนเอง

หยางไค่ไม่ลังเล เขารีบก้าวเดินไปยังข้างหน้าทันที

เมื่อหยางไค่ก้าวเท้าเหยียบย่ำไปยังบันไดขั้นที่ 1 พลังหยางที่ร้อนระอุแผ่กระจายและปรากฏอยู่ข้างลำตัวของหยางไค่ พลังหยางที่ร้อนระอุนี้เสมือนคลื่นแสงสีแดงแห่งเปลวเพลิง ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

สีหน้าของหยางแสดงออกด้วยความตื่นตระหนกและความสงสัย ทันใดนั้นนั้นเขาเอื้อมมือไปจับคลื่นแสงสีแดงนั้นอย่างกะทันหัน

หยางไค่เปิดใช้งานกลยุทธุ์หยาง และดูดซึมพลังงานเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายในทันที

น่าแปลก !! หยางไค่มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ หากบทสอบในด่านที่ 2 เป็นเช่นนี้ แล้วสิ่งที่ดำเนินมาในด่านทดสอบแรกเป็นการกระทำที่สูญเปล่า ?

เรื่องราวเช่นนี้เขาผ่านมันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าหลายวันก่อนพลังเหล่านี้พุ่งเข้าสู่ฝ่าเท้า แต่ในตอนนี้มันกลับล่องลอยอยู่ตรงหน้าของเขา ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมาก

หยางไค่ไม่ได้ไปสนใจกับมันมาก เพราะในเวลานี้หยางไค่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมัน

เขาค่อยๆก้าวเท้าขึ้นไปทีละก้าว ทีละก้าว ทุกครั้งที่เขาก้าวผ่านขั้นบันได 1 ขั้น ข้างลำตัวของเขาจะปรากฏคลื่นพลังแห่งพลังหยาง ระหว่างที่หยางไค่เดินก้าวไป หยางไคได้ดูดซับพลังของมันและหลอมละลายกลายเป็นเพลังของตนเอง

บันได 100 ขั้น สามารถทำให้เขารวบรวมหยดน้ำพลังลมปราณหยางได้ทั้งหมด 2 หยด

หยางไค่ก้าวข้ามขั้นบันไดจนกระทั่งถึงขั้นที่ 99 หยางไค่พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะบันไดขั้นที่ 100 มีกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งที่เยือกเย็นปิดกั้นเส้นทางของเขา

หยางไค่ยื่นมือออกไปสัมผัสกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งนั้น มันเยือกเย็นหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ นอกจากนั้นกำแพงผลึกหิมะนำ้แข็งยังมีลักษณะที่แปลกประหลาด แม้แต่กลยุทธุ์หยางก็มิอาจทำลายมันไปได้

สิ่งที่น่าแปลกมากกว่านั้น หลังจากที่หยางไค่ยื่นมือสัมผัสกับกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งที่เยือกเย็น พลังหยางที่เขาดูดซับและหลอมละลายกลายเป็นพลังลมปราณหยางของตนเอง ไหลเวียนออกมาจากร่างกายและสลายยังกลางเวหาโดยมิอาจควบคุมได้

หลังจากนั้น ดวงตาของหยางไค่เริ่มเลือนราง เมื่อผ่านไปสักครู่หลังจากที่หยางไค่ฟื้นคืนสติของตนเอง เขาพบว่าตนเองได้กลับไปยังบันไดขั้นที่ 1 เหมือนในตอนแรกอีกครั้ง

หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แนน เขาเงยหน้ามองขึ้นไป และมั่นใจว่าขั้นบันไดเหล่านี้เป็นขั้นบันไดที่เขาเพิ่งก้าวผ่าน

แต่ทำไมตนเองถึงกลับมายังเบื้องล่างนี้ ? นั่นหมายความว่ากำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งในขันที่ 100 เป็นความยากของด่านทดสอบนี้ ?

หากเป็นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าตนเองทำลายชั้นนั้นแข็งให้ได้ จึงจะสามารถผ่านการทดสอบนี้

แล้วจะทำลายมันอย่างไร ? พลังลมปราณหยางเป็นศัตรูกับกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งที่เยือกเย็นนี้ หรือว่าเขาต้องทดสอบการคาดเดานี้ของเขา ?

หยางไค่ครุ่นคิดไตร่ตรองเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง โดยการกระทำเหมือนครั้งที่ที่ค่อยๆก้าวไปยังบันไดขั้นที่ 100

เป็นเช่นเดิมที่ทุกขั้นของบันไดปรากฏคลื่นพลังสีแดงแห่งพลังหยาง หยางไค่ดูดซับมันเหมือนเช่นเคย ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็กลับมายังด้านหน้าของกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งอีกครั้ง

หยางไค่สูดลมหายใจลึกๆ เขากำหมัดไว้แน่น ค่อยๆหมุนเวียนพลังลมปราณหยาง และพุ่งหมัดโจมตีไปยังกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งนั้นทันที

ปัง !!! เสียงปะทะกับกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งดังสนั่นหวั่นไหว พลังลมปราณหยางที่ดุดันพุ่งเข้าสู่กำแพงผลิกหิมะน้ำแข็ง เสมือนก้อนหินที่ตกลงไปยังมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ มันไม่ปฏิกิริยาใดๆเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

แต่เป็นหยางไค่ที่ถูกส่งลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง พลังหยางที่ดูดซับและหลอมละลายเป็นพลังลมปราณหยางของตนเอง สลายไปในกลางเวหาเช่นเดียวกัน

หมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยันของเขาไม่สามารถใช้ได้ แม้ว่าจะใช้หมัดแห่งตราผนึกดวงดาราก็มิอาจที่จะทำลายกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งนี้ได้ แล้วกุญแจสำคัญในก้าวข้ามอุปสรรค์แห่งนี้คือสิ่งใด ?

หยางไค่ค่อยๆหลับตาลงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดหัวใจของเขาดูเหมือนจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง

การทดสอบในครั้งที่ 3 ทุกครั้งที่หยางไค่เหยียบย่ำลงไปยังขั้นบันไดเขาจะหยุดค้างเป็นเวลานาน และค่อยๆรวบรวมพลังหยางและกำไว้ในฝ่ามือของตนเอง

เขาไม่ได้ดูดซับพลังหยางเหล่านี้อีก แต่กำมันไว้ในมือของตนเอง

จากขั้นบันไดที่มากขึ้น คลื่นสีแดงแห่งพลังหยางเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มรุนแรงขั้นๆตามลำดับ จนเริ่มเผาไหม้ฝ่ามือของหยางไค่

สิ่งที่เกิดขึ้นน่าแปลกสำหรับผู้ฝึกยุทธุ์ที่ฝึกฝนวิชายุทธุ์เกี่ยวกับพลงหยาง แต่เพราะพลังหยางเหล่านี้ค่อยข้างแปลก หากไม่ดูดซับมัน มันจะเคลื่อนไหวไปมาและสำแดงอำนาจพลังของมัน ซึ่งมันได้โจมตีไปที่ฝ่ามือของหยางไค่ตลอดเวลา

หยางไค่อดทนต่อความทุกข์ทรามาณในฝ่ามือของตนเอง โดยไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่ครั้งเดียว

จากระยะเวลาที่ไหลผ่านไป พลังหยางที่กำไว้ในฝ่ามือของเขาเริ่มนิ่งสงบ เสมือนพบเจอที่พักพิงของมัน ไม่ดิ้นรนไม่ต่อต้านและไม่โจมตีเขาอีกเลย

หยางไค่แสะยิ้มที่มุมปาก เขารู้สึกว่าวิธีการของเขาเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

จากการเพิ่มขึ้นของขั้นบันได สองมือของหยางไค่โชกชนไปด้วยเปลวเพลิงที่เสมือนรูปร่างกของลูกไฟขนาดใหญ่ แต่ในตอนนี้ หยางไค่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเปลวเพลิงอีกเลย

หยางไค่เหยียบย่ำอยู่ในขั้นบันไดขั้นที่ 99 หยางไค่ค่อยๆผลักลูกไฟในมือไปยังกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งที่ปิดกั้นเส้นทางของเขา

ครั้งนี้ หยางไค่ไม่ได้ถูกส่งลงไปยังเบื้องล่างเหมือนเช่นเคย

คากๆๆ ฉากๆๆ !! กำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งดูดซับพลังหยางที่ร้อนระอุมีเสียงดังขึ้น เสียงนั้นเปรียบเสมือนเสียงกระจกที่ถูกกระแทกและกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฉึกๆๆ ปักๆๆ !! เสียงแตกกระจายของกำแพงผลิกหิมะน้ำแข็งดังสนั่น ตำหนักอันงดงามที่สูงเด่นตระหง่านปรากฏอยู่ตรงหน้าของหยางไค่

เส้นทางถูกเปิด !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด