ตอนที่แล้วตอนที่ 146 การตายของหน่ายหย่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 147 สุภาพบุรุษ

ตอนที่ 147 มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่แท้จริง


ตอนที่ 147 มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่แท้จริง

ข้าไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกแล้ว !! มารปฐพียอมจำนน และกล่าวต่อ : นายน้อย หญิงสาวที่ลงมือช่วยเหลือนายน้อยเมื่อสักครู่ มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว และลงมือได้อย่างเด็ดขาด

เจ้าต้องการจะพูดอะไร ?

ข้าอยากกล่าวบอกแก่นายน้อยว่า หญิงสาวนางนี้ชอบท่านมาก นายน้อยกล่าวบอกแก่นางได้ไหม ให้นางอยู่กับนายน้อยเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์กับข้า ไม่แน่ในอนาคตข้างหน้านางจะเป็นแรงสนับสนุนให้แก่นายน้อยอย่างแน่นอน !!

ข้าไม่ชอบนาง !! หยางไค่กล่าวตอบอย่างเย็นชา

ขอรับ ขอรับ ทุกอย่างอยู่ที่นายน้อยตัดสินใจ มารปฐพีไม่กล้าที่จะกล่าวโต้เถียง เขาทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความเสียดายเท่านั้น

การตายของหน่ายหย่ง ทำให้หู่เหม่ยเอ่อที่อยู่ในเหตุการณ์ตื่นตะลึง ศิษย์สาวกที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างประหลาดใจกับเสียงตะโกนคำรามด้วยความโกรธของหยางไค่ หลังจากนั้นหน่ายหย่งกระโดดไปมาไปมาอย่างรุนแรง เขาถูกไล่ตามจากเข็มสีดำทะมึน ในขณะที่หน่ายหย่งกำลังต่อสู้กับเข็มสีดำทะมึน หล่างฉู่วเต่ลงมือโจมตี หน่ายหย่งทรุดลงไปที่พื้นและแน่นิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย

เกิดอะไรขึ้น ? ทุกคนต่างไม่สามารถตอบสนองกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

ประจวบเหมาะ กับสัตว์อสูรที่มีร่างกายใหญ่มหึมาทรุดลงไปที่พื้น เมื่อศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักที่อยู่รอบบริเวณมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้พวกเขาต่างหันเหความสนใจไปยังสัตวอสูรและโห่ร้องด้วยความดีใจอย่างมิอาจห้ามปรามได้

เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจของของหู่เจี่ยวเอ่อดังขึ้น : ฟางจือชิ ดูเหมือนว่าการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นเป็นของข้า

ฟางจือชิกล่าวด้วยเสียงที่หดหู่ : เจ้าขี้โกงเช่นนี้ จะสามารถตัดสินชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้อย่างไร ?

หู่เจี่ยวเอ่อหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : เจ้าไม่สามารถยอมรับในความพ่ายแพ้ ?

ฟางจือชิโกรธเคือง : อะไรที่เรียกว่าไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ ? หากเจ้าไม่โจมตีในขณะที่สติข้าหลุดลอย เจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างไร ? สตรีเช่นเจ้า ไม่มีทางที่ข้าจะลดตัวเพื่อเปรียบเทียบพลังความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน !!

กลัวว่าเจ้าคงไม่มีหน้ากล่าวอ้างเหตุผลกับข้าอีกต่อไป

หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยไม่สนใจฟางจือชิ

เมื่อถูกคำพูดทิ่มแทงจิตใจ ใบหน้าของฟางจือชิกลายเป็นสีแดง่ำก่อนจะกล่าวตอบด้วยความรำคาญ : ข้าไม่ต้องการจะโต้เถียงกับเจ้าอีกต่อไป แสวงหาโอสพแห่งสัตว์อสูรสำคัญยิ่งกว่า

ในระหว่างที่กล่าว ฟางจือชิค่อยๆล้วงมือเข้าไปยังหน้าผากของสัตว์อสูร หลังจากนั้นไม่นานเขาค่อยๆนำโอสพแห่งสัตว์อสูรสีทองที่ชะโลมไปด้วยเลือดสีแดงสดออกมด้วย

เมื่อจ้องมองไปยังโอสพที่อยู่ในมือ ดวงตาของฟางจือชิประกายด้วยความตื่นเต้นในทันที : โอสพแห่งสัตว์อสรูระดับ 6 ขั้นสูงสุด ฮ่าฮ่า มันจะมีค่ามากแค่ไหน ?

หล่งจ้วนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาและกล่าว : ศิษย์พี่ฟางคงไม่คิดที่จะกลืนกินมันแต่เพียงผู้เดียว ?

สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่าตนนี้ สิ่งที่มีค่าที่สุดในร่างกายของมันก็คือโอสพแห่งสัตว์อสูรเม็ดนี้ แม้ว่าเกราะผิวหนังบนหลังของมันจะมีค่ามากมายมหาศาล สามารถเป็นวัตถุดิบในการสร้างศาตราวุธ แต่เกราะที่ใหญ่มหึมาของมัน ใครกันละที่จะสามารถเอาออกไปได้ ?

สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังมือที่ถือโอสพแห่งสัตว์อสูรที่อยู่ในมือของฟางจือชิ เขาหัวเราะแยะ ก่อนจะกล่าว : ข้าก็อยากทำเช่นนั้น !!

สีหน้าของหล่งจ้วนแปรเปลี่ยนในทันที แต่หู่เจี่ยวเอ่อกลับหัวเราะด้วยความเยือกเย็นและจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เย้ยหยัน

แต่ข้าไม่กล้าที่จะเช่นนั้น !! ฟางจือยิ้มกรุ้มกริ่ม : หากว่าข้านำมันกลับไป พวกเจ้าคงไม่ไว้ชีวิตข้า

หล่งจ้วนหัวเราะอย่างเย็นชา : ศิษย์พี่ฟางเป็นคนที่ชาญฉลาดไม่น้อย !!

แต่โอสพแห่งสัตว์อสูรมีเพียง 1 เม็ด จะแบ่งกันอย่างไร ? ฟางจือชิหันหน้ามองไปยังศิษย์สาวกทุกคน การฆ๋าสัตว์อสูรในครั้งนี้ไม่เหมือนกับการฆ่าสัตว์อสูรตัวอื่นๆ สัตว์อสูรตัวอื่นๆเป็นศิษย์สำนักของแต่ละสำนักร่วมกันฆ่ามัน แต่สัตว์อสูรตัวนี้เป็นการร่วมมือกนต่อสู้ของทั้ง 3 สำนัก ดังนั้นรางวัลแห่งชัยชนะจึงต้องแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อคำกล่าวนี้ถูกกล่าวออกไป ทุกคนต่างเงียบในทันที โอสพ 1 เม็ด ไม่ง่ายเลยที่จะแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน

คงมีวิธีเดียวคือการขายมันให้เป็นเงินตรา จากนั้นจึงแบ่งเงินตราเป็น 3 ส่วนอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หล่งจ้วนกำลังจะเอ่ยปากกล่าว ฟางจือชิได้กล่าวออกมาก่อน : ชัยชนะในครั้งนี้เป็นเพราะการช่วยเหลือจากศิษย์น้อยหยางแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว โอสพแห่งสัตว์อสูรเม็ดนี้มอบให้แก่เขาจะดีไหม ทุกคนคิดว่าอย่างไร ?

หยางไค่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้เขาขมวดคิ้วไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังทิศทางของฟางจือชิ

หล่งจ้วนกล่าวด้วยความไม่พอใจ : แม้ว่าเขาจะช่วยเหลือด้วยพละกำลังอันมากมายมหาศาล แต่ว่านิกายโลหิตของเราต่างร่วมมือโจมตีสัตว์อสูร ศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเราต่างได้รับบาดเจ็บ พวกเราจะไมได้รับผลตอบแทนจากการต่อสู้ทีทุ่มเทในครั้งนี้เลยหรือไง ?

เกราะป้องกันขนาดใหญ่มหึมานั้นหากว่าเจ้าต้องการ เจ้าก็นำมันไป ข้าและศิษย์คนอื่นๆแห่งหอวายุพิรุณจะไม่กล่าวว่าอะไรทั้งนั้น ฟางจือชิกล่าวและชี้ไปยังทิศทางของสัตว์อสูร

เมื่อได้ยินดังนี้ หล่งจ้วนทำได้เพียงกรอกตาไปมา เกราะป้องกันที่ใหญ่มหึมาถูกศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักโจมตี จนถึงตอนนี้มันยังไร้ซึ่งร่องรอยบาดแผลจากการโจมตี แม้ว่ามันจะมีอำนาจพลังการป้องกันที่แข็งแกร่ง แตว่าใครจะสามารถตัดมันให้เป็นชิ้นๆและนำมันกลับไป ? มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย

ในขณที่ทั้ง 2 กำลังโต้เถียไปมา สีหน้าของฟางจือชิเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขารีบโยนโอสพแห่งสัตว์อสูรที่อยู่ในมือออกไปกลางอากาศ

หลังจากที่โอสพแห่งสัตว์อสูรถูกโยนออกไป มันไม่ร่วงตกลงไปที่พื้นดิน แต่มันลอยอยู่บนกลางอากาศและหมุนวนไปมาอย่างต่อเนื่อง

จากการหมุนวนที่แปลกประหลาดของมัน แรงดึงดูดที่ไร้ซึ่งรูปร่างเริ่มแพร่กระจายออกมาจากทุกทิศทาง ภาพเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์บังเกิด โอสพแห่งสัตว์อสูรจำนวน 2 เม็ด ที่อยู่ในทรวงอกของฟางจือชิลอยออกมาอย่างกะทันหัน

ทางด้านของหู่เหม่ยเอ่อและหล่งจ้วนก็เป็นเช่นเดียวกัน

โอสพที่ซ่อนอยู่ในทรวงอกของเจี่ยหงเฉินต่างพุ่งลอยออกมาเช่นเดียวกัน

โอสพเหล่านี้ล้วนเป็นโอสพที่พวกเขาได้รับจากการฆ่าสัตว์อสูรทั้ง 8 ตัว ซึ่งถูกเก็บรักษาจาพวกเขา ในเวลานี้โอสพทั้งหมด ต่างลอยออกไปทั้งหมด

โอสพแห่งสัตว์อสูรทั้ง 8 เม็ดต่างมีการหมุนเวียนที่น่าอัศจรรย์ เพราะมันรวมตัวในทิศทางทั้ง 4 ของโอสพแห่งสัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่า และกำลังหมุนวนไปมาอย่างพร้อมเพรียงกน เสมือนว่ากำลังดึงดูดเคลื่อนไหวพลังที่ลึกลับและน่าอัศจรรย์ออกมา

ทันใดนั้นถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง ท้องฟ้าที่ไม่เหมือนท้องฟ้าเกิดเป็นน้ำวนขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้า ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทำให้จิตใจของทุกคนต่างสั่นระรัวด้วยความหวากลัวอย่างฉับพลัน

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเสียงของมารปฐพีดังออกมาจากจิตใต้สำนึกของหยางไค่ด้วยความตื่นเต้นอย่างกะทันหัน : ค่ายกลจิตวิญญาณอสูรถูกเปิดออกแล้ว !!

สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนอย่างกะทัน เขารู้ทันทีว่ามารปฐพีต้องรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หยางไค่จึงกล่าวออกมาทันที : กล่าวออกมาให้ละเอียด

มารปฐพีกล่าว : นายน้อยในที่สุดข้าก็เข้าใจ สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกจากสัตว์อสูรทั้ง 9 ตัว การดำรงอยู่ของสัตว์อสูรทั้ง 9 ตัวเป็นเพียงการทดสอบพลังความแข็งแกร่งในการเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ หากว่าพวกท่านไม่ฆ่าสัตว์อสูรทั้ง 9 ตัว ค่ายกลแห่งนี้จะไม่ถูกทำลายและเปิดออก ในเวลานี้ สัตว์อสูรทั้งหมดถูกฆ่า ค่ายกลถูกทำลายและเปิดออก โดยมีโอสพทั้ง 9 เม็ดเป็นตัวนำพาดูดซับพลังแห่งค่ายกลแห่งนี้ และจะมีบางสิ่งบางอย่างประจักษ์ต่อหน้าพวกท่านทั้งหลาย

มันคือสิ่งใด?

สิ่งใดซ่อนอยู่ในเมฆเบื้องบนนั้น !! มารปฐพีกล่าวตอบอย่างช้าๆ : หากการคาดการณ์ของข้าไม่ผิด สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ที่แท้จริง !!

มรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่แท้จริง ? หัวใจของหยางไค่สั้นระรัว เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า และพบว่ากระแสน้ำวนที่พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังกำลังจะถูกมันกลินหายไปในไม่ช้า ซึ่งทำให้จิตใจของทุกคนต่างหวาดกลัวอย่างสุดขีด

ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักในตอนนี้ต่างวิ่งหนีด้วยความวุ่นวาย พวกเขาไม่กล้าที่จะยืนอยู่ใต้กระแสน้ำวนขนาดใหญ่นั้น

ถูกต้อง มารปฐพีกล่าวตอบ : สถานที่แห่งนี้เคยเกิดสงครามการต่อสู้ขนาดใหญ่ที่รุนแรง ยอดฝีมือปรมาจารย์ต่างสิ้นชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้จำนวนมากมาย ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมีมรดกแห่งฟ้าสวรรค์จำนวนมากมาย แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงมีประมุขของที่แท้จริงของมัน สิ่งที่ซ่อนอยู่ในชั้นเมฆาเหล่านั้น จึงเป็นมรดกสืบทอดของประมุขแห่งสถานที่แห่งนี้

ทันใดนั้นหัวใจของหยางไค่เริ่มเดือดพล่านอย่างกะทันหัน

นายน้อยต้องรีบออกจากสถานที่แห่งนี้ หลังจากค่ายกลแห่งนี้ถูกทำลายมันจะปลดปล่อยพลังอำนาจจำนวนมากมายมหาศาล หากว่าท่านไม่หนีไป ท่านอาจถูกทำลายจากพลังแหล่านั้น เสียงของมารปฐพีค่อนข้างจะกังวล

แม้จะได้ยินดังนี้ หยางไค่ก็ไม่คิดจะถอยหนี เขารีบเดินไปหาหู่เหม่ยเอ่อที่เคียงข้างและกล่าวตอบ : กล่าวบอกพี่เจ้าให้นำพาทุกคนให้ถอยห่างจากที่นี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

อ่อ หู่เหม่ยเอ่อพยักหน้า ก่อนจะโผบินไปหาหู่เจี่ยวเอ่อ

จากนั้นหยางไค่จึงตะโกนกล่าวบอกแก่ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว : หากไม่อยากตาย ถอยหายออกจากสถานที่นี้แห่งนี้อย่างน้อยที่สุด 10 ลี้

ศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินคำกล่าวเตือนของเขา ต่างไม่สนใจคำกล่าวเตือนของเขา

หยางไค่ไม่สนใจพวกเขา เพราะเขาได้กล่าวตักเตือนไปแล้ว เขาจะฟังหรือไม่ฟังอยู่ที่การตัดสินใจของพวกเขาเอง หลังจากที่กล่าวจบหยางไค่เริ่มวิ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ซู่เหยียนเหลือบมองหยางไค่ แต่ก็หันหลับไปกล่าวตะโกนอย่างไม่ลังเล : ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ถอยห่างออกไป 10 ลี้

เมื่อคำกล่าวของศิษย์พี่ใหญ่ถูกตะโกนออกมา ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวเริ่มเคลื่อนไหว และล่าถอยไปยังทิศทางที่หยางไค่วิ่งถอยออกไป

อีกด้าน เมื่อหู่เจี่ยวเอ่อได้รับการกล่าวเตือนจากหู่เหม่ยเอ่อ เขาจึงตัดสินใจออกคำสั่งโดยไม่ลังเล

เมื่อฟางจือชิมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวังก่อนจะหัวเราะเสียงดังและกล่าวตะโกน : พวกเรา ถอยกลับ !!

ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักต่างถอยหนีออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพวกเขาต่างมาถึงบริเวณรัศมีพื้นที่ 10 ลี้ตามคำกล่าวตักเตือนของหยางไค่

พวกเขาหันกลับไปมอง พบว่าโอสพแห่งสัตว์อสูรทั้ง 9 กำลังประกายแสงสว่างแพรวพราวอย่างงดงาม ระหว่างโอสพแห่งสัตว์อสูรมีความเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน จากการหมุนวนของพวกเขา น้ำวนที่พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าเริ่มขยายตัวจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

อำนาจพลังการดูดซึมที่แข็งแกร่งอย่างมหันต์ แพร่กระจายออกมาจากกระแสน้ำวนนั้น เกราะป้องกันของสัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่าถูกดูดซึมเข้าไปไปและลอยเคว้งอยู่บนท้องฟ้า เมื่อมันถูกดูดซับเข้าสู่กระแสน้ำวน มันถูกกระแสน้ำวนทำลายจนแหลกละเอียดกลายเป็นเศษปุยผงในทันที

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าของทุกคนต่างแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน

หากพวกเขาไม่ถอยออกมาตามระยะทาง 10 ลี้ที่หยางไค่กล่าวตักเตือน พวกเขาคงจะมีสภาพเช่นเดียวกับเกราะป้องกันของสัตว์อสูรนั้น ถูกดูดซับเข้าไปในกระแสน้ำวนและถูกทำลายจนแหลกละเอียด

ภายใต้ความโชคดี มีศิษย์สาวกจำนวนไม่น้อยที่หันหน้าจ้องมองหยางไค่และชื่นชมในความชาญฉลาดของเขา

เสียงลมวายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เสื้อผ้าของศิษย์สาวกจำนวนมากต่างกระพือไปตามแรงลม นอกจากนั้นยังมีศิษย์สาวกที่ใบหน้าซีดขาดจากความตื่นตระหนก กลุ่มคนที่สามารถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ มีเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่ไม่มาก มีศิษย์บางคนที่ไม่เคยย่างกรายออกมาจากประตูของสำนัก แล้วพวกเขาจะเคยพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ยังต้องถอยออกไปอีกหรือไม่ ? ซู่เหยียนเดินไปหาหยางไค่และกล่าวถามอย่างแผ่วเบา

หยางไค่จ้องมองซู่เหยียนและส่ายหัวไปมา เมื่อเป็นเช่นนั้น ซู่เหยียนจึงคลายความกังวลได้อย่างมาก

เรื่องของหน่ายหย่ง ข้าจะกล่าวรายงานต่อเหล่าผู้อาวุโสเอง เจ้าไม่ต้องกังวล

อืม หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ

เมื่อสักครู่ที่หยางไค่ฆ่าหน่ายหย่ง ใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่สามารถดึงดูดความสนใจของซู่เหยียน ซู่เหยียนมีจิตใจที่ละเอียดลออ นางจะไมทราบต้นตอทั้งหมดได้อย่างไร ? ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวถามและตรวจสอบอะไรไปมากกว่านี้

มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในชั้นเมฆา ทันใดนั้น เสียงตะโกนด้วยความตื่นตกใจจากทุกคนดังขึ้น

หยางไค่เงยหน้ามอง ซึ่งพบว่ากระแสนน้ำวนขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้า ประกายแสงสีทองแวววาวอย่างไม่หยุด แสงสีทองเปล่งประกายอย่างสง่าและงดงาม แสงสีทองเสมือนดึงชั้นเมฆาให้เปิดออก เพื่อเผยให้เห็นสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในชั้นเมฆานั้น

มันคือสิ่งใด ? มีคนตะโกนกล่าวถาม

หยางไค่หรี่ตาลง และจ้องมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบนอย่างไม่กระพริบตา

หยางไค่มองเห็นมุมเสาเล็ก เสมือนมุมห้องของกระท่อม หลังจากนั้น มุมเสานั้นค่อยร่วงสยายลงมาจากด้านบน

ในเวลานี้ หยางไค่พบว่า มันไม่ใช่มุมเสาของกระท่อม แต่เป็นบันได บันไดสีทองที่เปล่างประกายระยิบระยับด้วยควาสง่างาม

บันไดสีทองมีความยาวกว่าหลายลี้ จากการร่วงลงมาจากด้านบน บันได้เหล่านั้นค่อยๆใกล้เข้ามา อย่างช้าๆ

การสยายลงมาของมันค่อนข้างเชื่องช้า จากการร่วงตกลงมาของมัน กระแสนน้ำวนที่อยู่บนท้องฟ้าแปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม มีบันได้กว่า 10 ขั้นปรากฏออกมาจากกระแสน้ำวน

มารปฐพี สิ่งนี้คือมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่เจ้ากล่าวถาม หยางไค่กล่าวถามอยู่ภายในใจ

มีบางสิ่งบางอย่างที่น่ายน้อยไม่ทราบ มันน่าจะเป็นสถานที่ที่ดำรงอยู่ของมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ มีเพียงการผ่านบททดสอบสุดท้าย จึงจะได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ บันไดที่เหล่านั้นที่นายน้อยมองเห็น หากการคาดเดาของข้าไม่ผิด บันไดเหล่านั้นมีประมาณหนึ่งหมื่นขั้น นายน้อยต้องปีนป่ายบันไดอย่างน้อยหนึ่งพันขั้นจึงถือว่าจะผ่านการทดสอบในครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าการปีนป่ายบันไดกว่าหนึ่งหมื่นเป็นเพียงการคาดเดาของข้า ไม่แน่ว่ามันอาจจะน้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้

หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ แม้ว่าสถานที่ดำรงอยู่ของมรดกฟ้าสวรรค์จะปรากฏออกมาและไม่รู้ต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าที่บันไดเหล่านั้นสยายลงมาถึงพื้นดินด้านล่าง

แต่ว่าตอนนี้พลังการบ่มเพาะและเขตแดนของตนเองอยู่ในระดับต่ำ ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักมีประมาร 700-800 คน ตนเองจะมีโอกาสในการได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรค์หรือไง ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด