ตอนที่แล้วDND.16 - ชำระแค้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.18 - เหนือทั้งมวล

DND.17 - สู้กับราชันย์


“ซือหยูปลดแอกจากความอัปยศในครั้งนั้นแล้ว!”

ซูเซินถอนหายใจ เขาริษยาและหดหู่

คนดูกำลังตื่นเต้น ม้าดำซือหยูแข็งแกร่งจริงๆ เขาคือบุรุษแห่งวันนี้เลย!

เฉินเทียนหนานมองลานประลองด้วยแววตาดุร้าย

“ข้าไม่คิดว่าเขาจะมาถึงขั้นนี้!”

เฉินเฟิงกัดฟัน

“ไม่ว่าเขาจะแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางสู้พี่ชายของข้าได้!”

ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการต่อสู้ต่อไปของซือหยู

“รอบรอง การประลองสุดท้าย ซือหยู ประลองกับ ฉวนหลีเฟย!”

พลังของฉวนหลีเฟยนั้นเหนือคำบรรยาย ซูเซินแพ้นางอย่างง่ายดาย

“เห- น้องเล็กแข็งแกร่งจริงๆ เมตตาพี่สาวคนนี้หน่อยนะจ๊ะ”

ฉวนหลีเฟยยิ้มแย้มแต่ในตาของนางเฉยเมย

ก่อนที่หลีหมิงห่าวจะออกไป เขาได้บอกให้นางมอบบทเรียนแก่ซือหยู เขาบอกให้ใช้ค้างคาวโลหิตกัดเขาสองครั้ง เมื่อเขาโดนพิษแล้วค่อยให้นางโจมตี

ซือหยูยิ้มและยกมือประสานกัน

“รุ่นพี่ โปรดเมตตาข้าด้วย”

“เริ่มได้!”

เจียงซื่อฉีประกาศ

ฉวนหลีเฟยแตะกระเป๋าจากนั้นค้างคาวโลหิตสองตัวก็บินออกมา

ซือหยูรออยู่แล้ว

ยิ่งอยู่ห่างจากค้างคาว พลังคลื่นเสียงของมันก็ยิ่งอันตรายน้อยลง เพื่อที่จะหลบคลื่นเสียง วิธีที่ดีที่สุดคือการรักษาระยะห่างอย่างพอเหมาะ

แต่ค้างคาวเร็วมากจนซูเซินหลบไม่พ้น เขาเลยแพ้ฉวนหลีเฟย

“ไปเลย!”

ฉวนหลีเฟยผิวปาก

วี๊ด-

ค้างคาวโลหิตบินไปหาซือหยูทันที มันเร็วจนมองไม่ทัน

ไม่ต้องซ่อนกันอีกแล้ว!

ฉวนหลีเฟยแกร่งเกินไป พลาดนิดเดียวนั้นหมายถึงความพ่ายแพ้พ!

“เงาเมฆา!”

ซือหยูใช้วิชาตัวเบาที่เก็บงำไม่ให้ใครรู้

เงาของเขาปลิวไสวราวกับสายลม ร่างกายเขาเบาบางราวกับเงาเมฆ เขาเคลื่อนที่ไปมาอย่างอิสระ

คนดูเห็นเพียงภาพลางๆเท่านั้น ซือหยูเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง! ซือหยูเร็วกว่าค้างคาวเป็นสองเท่า!

ฉวนหลีเฟยซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเพื่อรอให้ซือหยูถูกพิษ แต่นางไม่รู้เลยว่าซือหยูได้ซ่อนพลังวิชาที่ยากขนาดนี้เอาไว้

ฉวยหลีเฟยรู้แล้วว่ากำลังตกที่นั่งลำบาก นางเรียกค้างคาวกลับมาและก้าวเท้าหนี

แต่นางจะทันซือหยูได้อย่างไร?

ความเร็วของวิชาเงาเมฆาที่อยู่ในระดับหนึ่งขั้นสูงไม่ได้ช้ากว่าฉวนหลีเฟยเลย พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเท่ากันบนพื้นที่เล็กๆของลานประลอง มันไม่มีที่ให้หนีมากนัก ผ่านไปครู่หนึ่งฉวนหลีเฟยทั้งตกใจและโกรธ นางต้องเผชิญหน้ากับซือหยูตาต่อตา ฟันต่อฟัน!

“ทลายจักรวาล!”

เมื่อเป็นการต่อสู้ระยะประชิด ซือหยูไม่ลังเลที่จะใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง

ตอนนั้นค้างคาวข้างหลังเขากำลังเข้ามาใกล้ ซือหยูต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด!

ฉวนหลีเฟยที่เข้าใจสถานการณ์จึงพยายามถ่วงเวลาซือหยูเพื่อรอค้างคาวโลหิตกลับมา นางจะได้ควบคุมพวกมันอีกครั้ง!

แต่ฉวนหลีเฟยนั้นเก่งด้านควบคุมสัตว์อสูร...ไม่ใช่การต่อสู้ระยะประชิด

หมัดและลูกเตะของทลายจักรวาลถูกปล่อยออกมาเร็วมากอย่างไม่มีหยุด แต่ละการโจมตีพุ่งเข้าไปหานางดุจฝนกระหน่ำจนต้องล่าถอย

การโจมตีสิบหกครั้งกินเวลาไม่นาน ทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ

อ๊าาา----

ลูกเตะสุดท้ายใส่พลังลงไปมหาศาล ฉวนหลีเฟยถูกเตะอย่างจังที่อกและกระเด็นตกลานประลอง

ตอนนั้นเองค้างคาวโลหิตก็บินช้าลง เมื่อเจ้าของล้มลงมันก็หยุดโจมตีและบินไปหาเจ้าของ

ฉวยหลีเฟยใช้มือปิดอกที่เจ็บปวด แก้มนางแดงด้วยความอับอายและจ้องซือหยูอย่างโกรธเกรี้ยว

การแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของนาง ซือหยูซ่อนวิชาที่แข็งแกร่งไว้ไม่ให้ใครรู้ หากนางรู้ก่อนมีหรือที่นางจะแพ้! แต่ท้ายที่สุดนางก็แพ้ไปแล้ว

นางออกไปจากสนามประลองอย่างไม่เต็มใจ เพื่อทางเดินผ่านมุมมืดเฉินเฟิงก็ปรากฏตัวทันที

“ฉวนหลีเฟย ทำงานให้ข้า เจ้าจะได้โอสถวิญญาณระดับสูง!”

นางเปลี่ยนสีหน้าและอุทาน

“โอสถวิญญาณระดับสูง?”

โอสถวิญญาณระดับต่ำมีราคา 100 ตำลึงเงิน ระดับกลางราคา 50 ตำลึงเงิน

แต่โอสถวิญญาณระดับสูงมีราคาถึง 2,500 ตำลึงเงิน!

ไม่มีทางที่นางจะหาเงินเยอะขนาดนั้นได้แน่ นอกซะจากนางจะออกล่าในเทือกเขารัตติกาลทั้งปี

นอกจากคนอย่างดยุคน้อยแล้วใครเล่าจะมีเงินมากขนาดนี้?

“เจ้าอยากได้อะไร? แต่ห้ามแตะต้องตัวข้านะ!”

ฉวนหลีเฟยแววตาดุดัน แต่นางก็มิได้ลืมข้อเสนอของฉินเฟิง

ฉินเฟิงเม้มปากอย่างไม่แยแส เขาจะสนใจฉวนหลีเฟยทำไมเมื่อมีเจียงซื่อฉิงอยู่ข้างกาย?

“เจ้าน่าจะถนัดงานนี้นะ”

ฉินเฟิงตรวจสอบรอบข้างและยื่นเศษกระดาษให้นาง ในกระดาษคือสิ่งที่เขาเขียนให้นางทำอะไรบางอย่าง เมื่อจำได้แล้วนางจึงเผากระดาษเพื่อทำลายหลักฐาน

นี่เป็นเรื่องสำคัญมากของพ่อเขาและฉินเฟิง ในฐานะลูกชายแล้วจะสร้างปัญหาอีกไม่ได้

ฉวนหลีเฟยตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ฉินเฟิงให้ทำ นางลังเลก่อนจะกัดฟันยอมรับ

“ก็ได้! แต่เจ้าต้องให้โอสถวิญญาณมาก่อน!”

ฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ เขายื่นมันให้ฉวยหลีเฟย แม้ว่าจะเป็นดยุคน้อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินให้ใช้ไม่จำกัด ฉินเฟิงจะได้เงินใช้ต่อเดือนประมาณสามพันตำลึงเงินเท่านั้น แต่ในวันนี้เขาต้องจ่ายโอสถวิญญาณระดับสูงมูลค่าสองพันห้าร้อยตำลึงเงิน

“เจ้าต้องทำให้สำเร็จนะ!”

จากนั้นฉินเฟิงก็หายตัวไปในความมืด ด้วยตัวตนของเขากับตระกูล เขาระแวงว่าฉวนหลีเฟยจะเอาโอสถวิญญาณไปและหนีโดยไม่ทำงานให้เสร็จ

ฉวนหลีเฟยพยักหน้าและยิ้ม

“แน่นอน”

ฉวนหลีเฟยหันกลับไปมองทางซือหยู นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“ขออภัยด้วยหนุ่มน้อย สละตัวเองเพื่อโอสถวิญญาณของพี่สาวซะเถอะ”

ในลานประลอง เจียงซื่อฉียังคงไม่เชื่อสายตาตัวเอง

รออยู่นาน เขาก็หายใจเข้าลึกๆให้ใจเย็นลงและประกาศ

“ซือหยูคือผู้ชนะรอบรอง!”

บนที่นั่งพิเศษ อาจารย์ใหญ่เย่แสดงสีหน้าแปลก ยากที่จะบอกว่ามันคือความดีใจ

“ซือหยูใช้วิชาตัวเบาอย่าง ‘เมฆาเงา’ ที่ศิษย์ทองคำยังฝึกไม่สำเร็จเลย แล้วเขายังเข้าใจมันเอง ช่างน่าแปลก”

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าซือหยูโกงเวลาได้? ตอนที่คนอื่นเรียนหนึ่งวันซือหยูก็เรียนไปสิบวันแล้ว หากคนอื่นเรียนสิบวัน ซือหยูก็เรียนรู้ร้อยวัน!

ดังนั้นวิชาตัวเบาที่ยากสำหรับคนอื่นจึงเป็นไปได้สำหรับซือหยู

คนดูกำลังตื่นเต้น การต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาระดับเงินจะเริ่มขึ้นแล้ว!

“ซือหยู! ไปเลย! ชนะเฉินเทียนหนานให้ได้-!”

เหล่าศิษย์คนอื่นเริ่มเลือดร้อนจากความตื่นเต้น โดยเฉพาะศิษย์ระดับเงินที่พลังอยู่ในระดับกลางและระดับต่ำมานาวนาน

“ชนะเขาซะ แล้วเจ้าจะเป็นราชาคนต่อไป!!!”

สำหรับพวกเขา ราชาระดับเงินคือตัวตนอันสูงส่ง เป็นผู้ที่ได้รับความเคารพ อยู่ในตำแหน่งที่เอื้อมไม่ถึง แต่ซือหยูที่เป็นเช่นพวกเขา ผู้ที่อยู่ก้นบ่อของระดับเงิน ในตอนนี้เขากำลังต่อสู้เบื่อแย่งบัลลังก์ตำแหน่งราชา!

ซือหยูในตอนนี้คือผู้คำจุนทางจิตวิญญาณของศิษย์ระดับเงินที่มีพลังน้อยมากมาย เขาเป็นตัวแทนแห่งความฝัน และเขาก็คือม้ามืดที่พวกเขาปรารถนา!

ผู้ชมส่งเสียงดังกระหึ่ม พวกเขาโห่ร้องตะโกนด้วยความเนื้อเต้นอย่างมีความหวัง พวกเขาคำรามอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เกินพลังเสียงรุนแรงไปทั่วสำนัก ไม่มีใครใจเย็นลงได้อีกแล้ว ไม่มีใครนิ่งเฉย และไม่มีใครไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทุกคนถูกพลังอันเกรี้ยวกราดดึงตัวตนที่แท้จริงออกมา

ม้ามืดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังจะต่อสู้กับราชาระดับเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ สองประวัติศาสตร์กำลังจะต่อสู้กันเพื่อมงกุฎแห่งราชา!

เจียงซื่อฉีตะโกนเสียงดัง

“ราชาระดับเงิน! เฉินเทียนหนาน! มาที่ลานประลอง!”

“เฉินเทียนหนาน! เข้ามา!”

“เข้ามาาา!”

เสียงตะโกนสะท้อนไปมา มันเป็นเสียงโห่ร้องที่ทำให้หัวใจพวกเขามีพลัง

เฉินเทียนหนานที่สวมมงกุฎเงินลุกขึ้นมาจากที่นั่งเดียวของราชา คลื่นพลังเขาของถาโถมออกมาอย่างมหาศาล

“ดีมาก! เจ้าที่มาได้ไกลขนาดนี้คู่ควรกับการที่ข้าเดินลงมา”

เฉินเทียนหนานผู้แข็งแกร่งที่สุดเดินลงมาช้าๆ

เฉินเฟิงมองแผ่นหลังของพี่ชายด้วยความเทิดทูน

เมื่อถึงลานประลองเฉินเทียนหนานก็ถอดมงกุฎให้เจียงซื่อฉี จากนั้นเจียงซื่อฉีจึงประกาศ

“การต่อสู้แบ่งตำแหน่งราชาระดับเงิน เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว! ผู้ชนะจะได้เป็นราชาคนใหม่!”

เฉินเทียนหนานยืนกอดอกและไม่โจมตี เขาเพียงมองซือหยูอย่างเย็นชา

“เข้ามา ไม่งั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกเลย”

ซือหยูหัวเราะเบาๆ

“ไม่ล่ะ ผู้ชนะวันนี้จะได้เป็นราชา ข้าไม่ต้องการได้เปรียบเล็กน้อยหรอก”

“เจ้ากล้าหาญดี น่าเสียดายที่ไม่รู้จักประมาณตัว! หิ่งห้อยจะสู้กับพระจันทร์ได้อย่างไร?”

“เจ้าคิดว่าฉวนหลีเฟยเป็นยังไง?”

เฉินเทียนหนานถามขึ้นมา

“แกร่งมาก”

“งั้นข้าจะบอกเจ้า อาทิตย์ก่อนนางประลองกับข้า และแพ้ในกระบวนท่าเดียว!”

เฉินเทียนหนานพูดอย่างไม่แยแส

คนที่ได้ยินส่งเสียงฮือฮา+

“ฉวนหลีเฟยแพ้ในกระบวนท่าเดียวจริงๆเหรอ?”

“โว้ยย ราชาแข็งแกร่งที่สุดจริงๆ น่ากลัวอะไรอย่างนี้!”

ซือหยูมองอย่างจริงจัง เฉินเทียนหนานคือศัตรูที่แกร่งที่สุดที่เขาเคยพบ!

แต่เขาจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน!

“เจ้ายังไม่เคยสู้กับข้าเลย ทำไมถึงรู้ว่ามันจะจบแบบไหนล่ะ?”

ซือหยูหายใจเข้าและตั้งท่าต่อสู้

เฉินเทียนหนานที่กอดอกอยู่พูดอย่างใจเย็น

“ก็ได้ ถึงจะไม่ชอบ ข้าจะเข้าไปก่อนล่ะนะ”

“วานรพิโรธ!”

เฉินเทียนหนานตะโกนเสียงดัง ผิวของเขากลายเป็นสีทองแดง เขาราวกับรูปปั้นทองแดงที่มีชีวิต

อาจารย์ใหญ่เย่มองด้วยความประหลาดใจ

“ไม่เลว วิชาพื้นฐานอย่างวานรพิโรธถูกฝึกจนถีงระดับสูงแล้ว ทำอะไรผิวหนังเขาไม่ได้เลย การโจมตีธรรมดาๆทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ”

“วิชาวิญญาณภูติ!”

เฉินเทียนหนานตะโกนอีกครั้งทันทีเพื่อใช้อีกวิชา เล็บในทั้งของมือของเขาค่อยๆน่ากลัวและมีสีเขียวหม่น มีแสงอ่อนๆตรงปลายเล็บ ดวงตาเขากลายเป็นสีโลหิตและริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีเทา

เฉินเทียนหนานราวกับปีศาจที่พร้อมต่อสู้ ปราดตามองเขาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้สั่นกลัว

อาจารย์ใหญ่เย่ตกใจมาก

“วิญญาณภูติ วิชาระดับกลางที่เกือบจะเป็นระดับสูง เขาฝึกมันจนสำเร็จระดับสองแล้วรึ? น่าประทับใจจริงๆ”

ซือหยูรู้สึกถึงอันตราย เขากังวลกรงเล็บสีเขียวนั่นมาก มันน่าจะเป็นกรงเล็บพิษ ซือหยูแน่ใจว่ามันต้องอันตรายมากแน่นอน

ฟึ่บ-

หนึ่งก้าวของเฉินเทียนหนานพุ่งไปไกลถึงสิบศอก และเขาก็ไปถึงตัวซือหยูในสามก้าว กรงเล็บของเขาพุ่งตรงไปที่อกของซือหยูอย่างรุนแรง แต่ซือหยูเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้เงาเมฆาทันทีและลอยขึ้น - มันหลบได้อย่างหวุดหวิด

ซ่าาา-

ซือหยูหลบการโจมตีได้แต่เสื้อเขาถูกกรงเล็บสัมผัส ผ้าคลุมหนาๆ ที่ทำจากผ้าขาวได้กลายเป็นหนองสีเขียว เสียงถูกกรดกร่อนดังมาจากเสื้อ!

Banshee

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด