ตอนที่แล้วประกาศิตรัก : ตอนที่ 29-30 : ความรักที่หวลคืนมา (9-10)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปประกาศิตรัก : ตอนที่ 33-34 : วัยเด็กของพวกเรา (3-4)

ประกาศิตรัก : ตอนที่ 31-32 : วัยเด็กของพวกเรา (1-2)


ตอนที่ 31  – วัยเด็กของพวกเรา (1)

ซ่งจิงเฉินต้องการจะบอกลาเขาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะออกไปจากบ้านพักของเขา แต่ประตูห้องนอนของเขาก็ล็อค และแม้เธอจะเคาะประตูอยู่สักพักก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอได้แต่เอ่ยปากร่ำลาผ่านประตูที่ปิดไว้

เธอกลับไปถึงบ้านครอบครัวซ่งในตอนเที่ยง พี่สะใภ้ดูแลพ่อของเธออยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนแม่บ้านก็กำลังเตรียมอาหารเที่ยง เมื่อซ่งจิงเฉินเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ อาหารเที่ยงก็เสร็จพอดี และแม่บ้านก็ได้บอกกับเธอว่า “คุณหนูคะ.. ดิฉันเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้อยู่บนโต๊ะ และกำลังจะไปส่งอาหารให้กับท่านประธานอาวุโส และคุณผู้หญิงที่โรงพยาบาลค่ะ”

มือของซ่งจิงเฉินที่กำลังเป่าผมให้แห้งอยู่นั้นหยุดชะงัก และตะโกนบอกกับแม่บ้านที่กำลังจะออกไปว่า “ฉันกำลังจะไปที่โรงพยาบาลพอดี เดี๋ยวฉันเอาอาหารไปส่งให้เอง”

“ค่ะ..คุณหนู”

ซ่งจิงเฉินใคร่ครวญก่อนจะพูดเพิ่มเติม “ฉันไม่กินข้าวที่บ้านแล้วนะ ช่วยแพคอาหารของฉันให้ด้วย ฉันจะไปกินกับพ่อที่โรงพยาบาล”

.....

วันนี้ซ่งเม็งวาอารมณ์ค่อนข้างดี และยิ่งดีขึ้นอีกเมื่อพบหน้าซ่งจิงเฉิน

เธอป้อนข้าวพ่อด้วยตัวเอง หลังจากป้อนเสร็จ ก็ช่วยเช็ดทำความสะอาดริมฝีปากให้เขา และก่อนที่พ่อของเธอจะถามถึงเรื่องนั้น ซ่งจิงเฉินก็ดึงสัญญาออกมาจากกระเป๋าของเธอและพูดว่า “พ่อคะ.. ซูซินเหยินตกลงรับช่วงบริหารซ่งเอ็มไพร์แล้วค่ะ”

ประกายแห่งความดีใจและประหลาดใจปรากฏอยู่ในดวงตาของซ่งเม็งวา และเขาก็อุทานออกมาว่า “จริงหรือนี่?”

เขาหยิบสัญญาออกมาอ่านอยู่หลายเที่ยวก่อนจะเอ่ยปากถามว่า.. “แล้วลูกตกลงให้หุ้นหรือโบนัสกับเขาไปจำนวนเท่าไหร่ล่ะ เขาถึงได้ยอมตกลง?”

“เขาไม่ต้องการทั้งหุ้นทั้งโบนัสค่ะพ่อ..” ซ่งจิงเฉินตอบ

“เขาปฏิเสธมันอย่างงั้นหรือ?” ซ่งเม็งวาขมวดคิ้ว “แล้วเขาต้องการอะไรล่ะ?”

“เขาไม่ต้องการอะไรเลยค่ะพ่อ” เธอโกหกพ่อหน้าตาย ถ้าหากพ่อของเธอรู้เรื่องสัญญาที่เธอเซ็นต์กับซูซินเหยินแล้วล่ะก็ พ่อของเธอคงยอมตายมากกว่าจะยอมให้ซูซินเหยินเข้ามาบริหารซ่งเอ็มไพร์เป็นแน่

“เขาไม่ต้องการอะไรเลยอย่างงั้นหรือ?” ร่องรอยแห่งความเสียใจปรากฏอยู่ในสายตาของซ่งเม็งวา “จินเฉิน.. บอกพ่อมาตามตรง ลูกไม่ได้กำลังโกหกพ่ออยู่ใช่ไม๊? ทำไมเขาถึงช่วยซ่งเอ็มไพร์โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน? ลูกอย่าได้ทำอะไรโง่ๆนะ...”

“พ่อคะ.. พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกันคะ?” ซ่งจิงเฉินทำสนุกสนานขัดพ่อของเธอที่กำลังพูด “ซูซินเหยินเคยมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของเรา และเขาก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพ่ออย่างมาก”

อีกอย่าง.. หนูก็ไปหาป้าซูมา และป้าซูก็ช่วยพูดกับซูซินเหยินให้ช่วยพวกเรา..”

“เขาก็เลยต้องช่วยสินะ..” ซ่งเม็งวาเชื่อคำพูดโกหกของเธอทันทีเมื่อเธออ้างชื่อแม่ของซูซินเหยิน เขารู้สึกราวกับว่าก้อนหินหนักๆได้ถูกยกให้พ้นจากอกของเขาแล้ว เขาหัวเราะอย่างมีความสุขพร้อมพูดว่า “เยี่ยม.. เยี่ยม..”

แล้วเขาก็หันไปหาซ่งจิงเฉินเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และพูดขึ้นมาว่า “ในคืนนั้น.. ตอนที่ซูซินเหยินจู่ๆก็ย้ายออกจากบ้านเราโดยไม่มีใครรู้เหตุผล พ่อคิดว่าลูกกับเขาทะเลาะกันในตอนนั้น พ่อยังอดกังวลไม่ได้ที่ต้องให้ลูกรับภาระไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าพ่อคิดมากเกินไป เจ้าเด็กน้อยซินเหยินนั่น ดูผิวเผินอาจจะเป็นคนเย็นชา แต่เขาก็เป็นเด็กที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว...”

พ่อของเธอพูดถูก.. หลังจากที่เธอกับซูซินเหยินทะเลาะกันอย่างรุนแรง เขาก็เก็บข้าวของและย้ายออกจากบ้านของครอบครัวซ่งทันที เขาย้ายออกไปอย่างรวดเร็วจนแม้แต่พ่อของเธอก็ยังไม่มีโอกาสได้ขอร้องให้เขาอยู่ต่อ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูซินเหยินก็สิ้นสุดลงตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ซ่งเม็งวายังคงพูดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผุดขึ้นในความทรงจำของเขา เขาลูบมือซ่งจิงเฉินเบาๆก่อนจะเตือนเธอว่า “จิงเฉิน.. ตอนนี้พวกเรากำลังตกที่นั่งลำบาก และซินเหยินก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ลูกก็อย่าดื้อกับเขาเหมือนเมื่อก่อนนี้; ลูกต้องสุภาพและให้ความเคารพกับเขา..”

ตอนที่ 32  – วัยเด็กของพวกเรา (2)

ครั้งแรกที่ซูซินเหยินย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวซ่ง พ่อของเธอก็บอกกับเธอแบบนี้ แต่ในตอนนั้นเธอโกรธพ่อเป็นฟืนเป็นไฟ และยังตำหนิพ่อว่าเข้าข้างคนนอก เธอมักจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นทุกครั้งที่ทะเลาะกับพ่อ แต่หลังจากที่พี่ชายของเธอเสียชีวิตและพ่อของเธอก็ป่วยหนัก ตอนนี้เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นอีก; เธอต้องเสียสละตัวเองเพื่อตระกูลซ่ง

ซ่งจิงเฉินพยายามฝืนยิ้มให้กับพ่อของเธอ เธอพยักหน้าและพูดว่า “พ่อคะ.. หนูเข้าใจแล้วค่ะ”

อาการของซ่งเม็งวาดีขึ้นกว่าเดิม แต่สภาพร่างกายโดยรวมยังคงอ่อนแอ ดังนั้นหลังจากการสนทนาเพียงสั้นๆ เขาก็หลับไปเพราะความเหนื่อยล้า

พี่สะใภ้ของเธอฟางลู่เฝ้าดูแลพ่อของเธอมาตลอด ซ่งจิงเฉินจึงให้เธอกลับบ้านไปพักผ่อน และเธอจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อเองในคืนนี้ ซ่งจิงเฉินเดินตามฟางลู่ออกจากห้องของพ่อไป และบอกว่าจะเดินไปส่งเธอถึงที่ทางเข้า เดินมาได้ไม่ห่างจากโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ ซ่งจิงเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้คะ ฉันจะย้ายออกจากบ้านเดือนหน้า”

“แล้วทำไมจะย้ายออกกะทันหันแบบนี้ล่ะ?” ฟางลู่ถามด้วยความตกใจ ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็ถามออกมาว่า “เธอจะย้ายเข้าไปอยู่กับซูซินเหยินอย่างงั้นเหรอ?”

“ใช่..” ซ่งจิงเฉินตอบเสียงเบา หยุดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อ”

ฟางลู่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “จิงเฉินพี่ขอโทษ”

.....

ซ่งจิงเฉินอยู่ที่โรงพยาบาลสองวัน ก่อนที่จะเปลี่ยนให้พี่สะใภ้ของเธอกลับมาอยู่แทน ตอนที่เธอกลับถึงบ้านนั้นเพิ่งจะหนึ่งทุ่มตรง แต่ซ่งจิงเฉินกลับรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าปกติมาก เธอจึงคลานขึ้นเตียงโดยไม่ทานอาหารเย็น

นับตั้งแต่ซ่งเช็งฆ่าตัวตาย ซ่งจิงเฉินไม่เคยได้หลับสนิทเลยสักคืน แต่ตอนนี้วิกฤตของซ่งเอ็มไพร์กำลังจะได้รับการแก้ไข เธอจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก เธอนอนหลับสนิทจนแม่บ้านต้องปลุกเธออยู่หลายครั้ง

อาจเป็นเพราะได้รับโทรศัพท์จากจินยี่หนาน ซ่งจิงเฉินจึงได้ฝันถึงวันเวลาในวัยเด็ก..

.....

ในตอนที่ซ่งจิงเฉินยังเป็นเด็กน้อย ธุรกิจของซ่งเม็งวายังไม่รุ่งเรือง และซ่งเอ็มไพร์ก็ยังไม่ได้ก่อตั้ง ในเวลานั้นครอบครัวของเธอทั้งสี่ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนักทางแถบตะวันตกของปักกิ่ง

หนึ่งในสี่ครอบครัวที่ต้องใช้ลานบ้านร่วมกันในเวลานั้น คือครอบครัวของจินยี่หนาน

จินยี่หนานกับซ่งเช็งนั้นเกิดเดือนเดียวกันและปีเดียวกัน แม่ของซ่งจิงเฉินกับแม่ของจินยี่หนานตั้งท้องและอุ้มท้องลูกคนแรกมาพร้อมกัน ตั้งแต่สมัยยังใช้ลานบ้านร่วมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ

ด้วยความสนิทสนมกันมากนี้ เมื่อซ่งจิงเฉินโตขึ้นมาหน่อย แม่ของจินยี่หนานก็ได้เล่าให้เธอฟังว่า ตอนที่พวกเขาตั้งท้องนั้น พวกเขาได้ทำข้อตกลงกันลับๆว่า ถ้าคนหนึ่งได้ลูกสาวและอีกคนหนึ่งได้ลูกชาย โตขึ้นพวกเขาจะให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่ทั้งคู่กลับได้ลูกชายที่แข็งแรงทั้งคู่ แม่ทั้งสองผิดหวังอย่างมากจนถึงกับร้องไห้ที่ไม่ได้ดองกัน

เมื่อซ่งจิงเฉินได้ฟังเรื่องนี้ เธอไม่รู้สึกเสียใจสักนิด แต่กลับรู้สึกดีใจและขอบคุณมากกว่า ขอบคุณที่ซ่งเช็งเป็นเด็กผู้ชาย

ในเวลานั้น.. ซ่งเม็งวาจัดว่าเป็นคนที่มีการศึกษาสูงสุดในบรรดาครอบครัวที่อาศัยลานบ้านร่วมกัน พ่อของจินยี่หนานไม่จบแม้กระทั่งระดับประถมศึกษา ดังนั้นชื่อของจินยี่หนานและซ่งเช็ง พ่อของเธอจึงเป็นผู้ตั้งให้

ทั้งซ่งเช็งและจินยี่หนานเติบโตมาบนเตียงอันเดียวกัน เขาจึงโตขึ้นมาเป็นเพื่อนสนิทกัน ที่ถูกต้องน่าจะเป็นเหมือนพี่ชายน้องชายมากกว่า เพราะซ่งจิงเฉินเองยังคิดว่าเธอมีพี่ชายถึงสองคน

ซ่งจิงเฉินนั้น.. ตั้งแต่เริ่มหัดเดินได้ ก็ชอบตามซ่งเช็งและจินยี่หนานไปตามที่ต่างๆ..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด