ตอนที่แล้วDND.5 - ทองคำกับเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.7 - ทะลวงร้อยศอก

DND.6 - ประลองสร้างชื่อ


“เซ็งเถา? ฮ่าๆ มันจะอยากจะอวดเก่งกับหญิงที่ออกไปจากสำนักน่ะสิ มันยังแอบบ่นเฉินเฟิงอีก พอนางรู้นางเลยขอท้าประลองไงล่ะ”

 

“เซ็งเถาอยู่ละดับที่ 98 ของศิษย์ระดับเงิน เขาระดับน้อยกว่าเฉินเฟิงและผลที่ออกมาน่าจะไม่แย่ขนาดนั้น เขาสำเร็จระดับสองขั้นกลางแล้วน่าจะไม่อ่อนแอหรอก”

 

“เริ่มประลองได้!”

 

ผู้ตัดสินประกาศดังก้อง

 

เซ็งเถาทั้งกลัวและเกลียดเฉินเฟิง เขากัดฟันตะโกน

 

“มังกรทะลวง!”

 

เซ็งเถากระโดดด้วยเท้าขวาด้วยพลังมหาศาล เขาเหมือนกับวิหคขนาดยักษ์ที่ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ขาซ้ายของเขากลายเป็นเครื่องเจาะทะลวงพุ่งตรงไปทางเฉินเฟิง

 

เฉินเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชาและกระโดดถอยหลังทำให็เซ็งเถาโจมตีไม่โดน เมื่อขาทั้งสองข้างกลับมาอยู่บนพื้นเขาก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง

 

ทันในนั้นเองก็มีฟองออกมาจากปากของเซ็งเถาและร่างกายของเขาเริ่มสั่น ใบหน้าเขาซีดอย่างรวดเร็ว! ร่างเขาแข็งทื่อจนขยับไม่ได้!

 

เฉินเฟิงใช้โอกาสนี้เข้าใกล้เซ็งเถาด้วยรอยยิ้มดุร้าย ที่มือขวาของเธอมีเล็บคมกริบทั้งห้านิ้ว มันได้กลายเป็นกรงเล็บที่ฉีกกระชากใบหน้าของเซ็งเถา เธอเยาะเย้ยและดึงเศษเนื้อสดๆออกมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดสาดกระเซ็นเต็มลานประลอง

 

อ๊ากกก---

 

“หน้าข้า!”

 

มีร่องแผลห้าร่องลึกบนใบหน้าของเซ็งเถาจนเกือบเห็นกระดูกด้านใน รอยแผลทั้งห้ามีรูปร่างเหมือนตะขาบ

 

คนดูอ้าปากค้าง

 

“เซ็งเถาจบแล้ว!”

 

“เล็บนั่นเคลือบพิษเอาไว้ ถ้าเซ็งเถาหายารักษาไม่ได้มีหวังเขาได้ออกจากสำนักแบบรุ่นพี่สาวคนนั้นแน่”

 

“เฉินเฟิงประหลาดเกินไปแล้ว! ข้ายังไม่รู้เลยว่าเซ็งเถาแพ้ได้ยังไง”

 

ช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้! ผู้ตัดสินขมวดคิ้ว ตามกฎแล้วศิษย์ไม่อาจเอาชีวิตกันได้

 

เฉินเฟิงไม่ได้ฆ่าเซ็งเถา ซึ่งตามกฎผู้ตัดสินจะทำอะไรเธอไม่ได้ ผู้ตัดสินมองเฉินเฟิงอย่างชิงชังและประกาศ

 

“เซ็งเถาเป็นฝ่ายแพ้!”

 

แสงจากป้ายรหัสของเซ็งเถาลอยมาสู่ป้ายรหัสของเฉินเฟิง ป้ายรหัสของเธอเป็นสีเงินบริสุทธิ์ไร้สิ่งปฏิกูล

 

ป้ายรหัสของเฉินเฟิงมีสี่สว่างที่สุดเพราะว่าเธอเข้าร่วมการประลองและแพ้เพียงไม่กี่คน

 

การประลองรอบอื่นจบลงแล้ว เทียบกับการประลองของเฉินเฟิงไม่มีใครต้องหลั่งเลือดเลย

 

“รอบสุดท้าย ศิษย์ระดับเงินเฉินเฟิง ปะทะ ศิษย์ระดับเงินซือหยู!”

 

คนดูพูดด้วยความกลัว

 

“น่าเศร้านัก เจ้าอีกคนที่โชคร้าย”

 

“ถ้าข้าเป็นเขาข้าจะมาประลองและรีบแพ้ทันทีเลย ยังไงเขาก็แพ้อยู่แล้ว ใครกันอยากจะทรมานด้วยมือเฉินเฟิง?”

 

ซือหยูเข้ามาในลานประลองด้วยท่าทีที่ต่างออกไป

 

เฉินเฟิงหัวเราะ

 

“พี่สาวบอกแล้วจะว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี!”

 

“ไม่จำเป็น”

 

ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

 

“ฮื่ม!”

 

เฉินเฟิงคำรามอย่างเลือดเย็นและพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

ชั้นควันสีเทาบางๆ ที่ปกคลุมตัวเธอในระยะสามนิ้วนั้นเคลือบด้วยพิษทำให้สัมผัสเธอโดยตรงไม่ได้

 

“ร่ายลำโพง!”

 

เฉินเฟิงหมุนตัวเป็นพายุและเข้าใกล้ซือหยู

 

ซือหยูไม่ได้กลัว แต่กลับเข้าไปหาเธอตรงๆ

 

“เจ้าโง่! อย่าเข้าใกล้นางนะ! ตัวเฉินเฟิงมีแต่หมอกพิษโว้ย!”

 

คนดูตะโกนจากใต้ลานประลอง บอกว่าเขาช่างโง่เขลา เฉินเฟิงถอนหลังและหยุดโจมตีโดยทิ้งพื้นที่ว่างเอาไว้

 

“เจ้าเด็กโง่ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเซ็งเถาโดนพิษ?”

 

เฉินเฟิงเยาะเย้ย

 

“ใบหน้าของเจ้า พี่สาวคนนี้จะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยล่ะ!”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว! เท้าของเฉินเฟิงมีสารพิษอยู่ พื้นตรงที่เธอเหยียบจะทำให้อากาศเป็นพิษ คนที่ไม่รู้ก็จะมายืนตรงนั้นและถูกพิษทันที ทำให้มีฟองไหลออกมาจากปากและตัวสั่น จากนั้นก็จะถูกเฉินเฟิงจัดการ!”

 

แม้ซือหยูจะเข้าใจพลังของเฉินเฟิงแต่มันก็สายไปแล้ว เขาเหยียบพื้นที่เฉินเฟิงเหยียบมาก่อนจากนั้นอากาศพิษก็ล้อมรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว

 

แต่แปลกมาก ซือหยูไม่ได้แสดงอาการติดพิษออกมา เขากลับยิ้มอย่างเย็รชาและเงาของเขาก็เคลื่อนไหวราวกับสายลมที่ลองลอยไปมาเหมือนกับเงาเมฆ เขาหลบหลีกพิษและเข้าใกล้เฉินเฟิง

 

คนดูประหลาดใจ

 

“ทำไมเขาไม่โดนพิษล่ะ?”

 

“โอ้สวรรค์ วิชาเคลื่อนไหวแบบนั้นมันคืออะไรกัน? เขาเหมือนแค่กำลังเดินเล่นอยู่เลย ถึงเขาจะสำเร็จไปถึงขอบเขตระดับสองแต่ความเร็วนั่นมันเร็วพอๆ กับระดับสองชั้นกลางแล้ว!”

 

ใบหน้าเยาะเย้ยของเฉินเฟิงเปลี่ยนเป็นตกใจ

 

“เป็นไปได้ยังไง? อย่าบอกนะว่าเจ้ามียาแก้พิษ?”

 

เฉินเฟิงอ้าปากตกใจ แต่เธอก็รีบกลับมาใจเย็นลงทันที

 

เธอเปลี่่ยนชนิดยาพิษทุกครั้ง เป็นไปได้ยังไงที่ศัตรูของเธอจะรู้ว่าเธอจะใช้พิษแบบไหนล่วงหน้าและเตรียมยาแก้พิษได้ทัน?

 

สิ่งที่ตอบคำถามเธอคือสายตากว้างขวางที่เปล่งประกายราวกับดวงดาราของซือหยู

 

ซือหยูดูการประลองของเธอกับเซ็งเถาและเข้าใจกลของเธอ

 

การจะสวนกลับพิษแบบนี้ กุญแจคือการจำว่าเฉินเฟิงก้าวไปตรงไหนบ้าง ตอนที่โจมตีถ้าไม่ไปเหยียบพื้นที่เฉินเฟิงเยียบมาก่อนเขาก็จะไม่โดนพิษ

 

และพิษที่ใต้เท้าของเธอจะมีมากเท่าไหร่กัน? ดังนั้นอาการพิษจึงมีผลแค่พื้นที่เล็กๆเท่านั้น

 

แม้เฉินเฟิงจะเร็วและเคลื่อนไหวสะเปะสะปะซึ่งทำให้ยากในการจดจำ แต่ในพื้นที่ของซือหยูที่เวลาผ่านไปเร็วกว่าสิบเท่าด้วยการยักย้ายเวลา มันก็ง่ายสำหรับเขาที่จะจดจำจุดที่เฉินเฟิงเหยียบ

 

สุดท้ายเขาก็ใช้เงาเมฆาเคลื่อนไหวและหลบพื้นที่เหล่านั้น มันจึงทำให้เข้าใกล้เฉินเฟิงได้ง่ายๆ

 

“ทลายจักรวาล!”

 

ซือหยูตะโกน

 

หมัดและลูกเตะรวดเร็วมากมายรัวไปที่อกของเฉินเฟิงในเวลาเดียวกัน หมอกพิษที่คลุมร่างเธอกระจายออกไปทำให้เกิดพื้นที่ที่ไม่มีอากาศพิษ

 

หากซือหยูหาพื้นที่ปลอดพิษได้มันก็จะเป็นโอกาสในการโจมตี ท่าทีของเฉินเฟิงเปลี่ยนไปและใช้แขนป้องกันทันที

 

เมื่อรับหมัดเฉินเฟิงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แขนทันทีและมันก็ชาจนขยับไม่ได้ จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความชิงชังและหวังเพียงการโจมตีสวนกลับ

 

แต่การเตะที่ตามมาจากหมัดก็ทำให้กระดูกแขนเฉินเฟิงแตก เฉินเฟิงตื่นตระหนก หากแขนเธอหักเธอจะแพ้ได้ง่ายมาก

 

แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรก็มีหมัดต่อยเข้ามาอีกครั้ง หมัดและลูกเตะโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีช่องว่าง และคราวนี้แขนของเธอก็หักจริงๆ

 

เฉินเฟิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องของเธอดังไปทั่วลานประลอง แต่มันยังไม่จบ! ลูกเตะสุดท้าย ลูกเตะหวนคืน!

 

เฉินเฟิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอกระอักเลือดออกมาและกระเด็นลอยไปไกล เธอนอนนิ่งอยู่กับพื้นมีเลือดเต็มปากและหมดสติไป

 

เมื่อผู้ชมเห็นผลลัพธ์การประลอง พวกเขาก็หายใจเข้าลึกๆ แขนของเฉินเฟิงที่ใช้ป้องกันหน้าอกได้ยุบลงไปและมีกระดูกโชกเลือดเจาะทะลุผิวหนังออกมา

 

หากไม่มียารักษาการเชื่อมต่อระหว่างกระดูกกับเส้นเลือดภายในแขนของเธอจะใช้ไม่ได้อีกไปตลอดกาล

 

ลานประลองเงียบลงชั่วครู่

 

“ช่างเป็นวิชาหมัดและลูกเตะที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้! มันช่างรุนแรงดุดัน! เขาเป็นใครกัน? คนที่ชนะเฉินเฟิงได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!”

 

“ผู้ตัดสินเรียกเขาว่าซือหยูนะ แต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”

 

“อ๊ะ! ซือหยูน่ะรึ? ใช่ซือหยูที่ถูกเจียงซื่อฉิงทิ้งไปใช่ไหม หนึ่งในสามสาวงามแห่งสำนักเราน่ะ”

 

“นั่นจะใช่เขาหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาเองนะ และเขาก็รักษาคนรักไว้ไม่ได้ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึง….”

 

คนที่ทำให้เฉินเฟิงบาดเจ็บขนาดนี้ได้จะต้องเป็นศิษย์ระดับเงินอันดับร้อยขึ้นไปที่หวังจะเป็นที่หนึ่งแน่นอน ไม่ว่าจะดูยังไงเขาก็ไม่ใช่คนทั่วไปแน่ เพราะสำนักนี้มีศิษย์ระดับเงินมากกว่าหมื่นคน!

 

ผู้ชมมองเฉินเฟิงอย่างสังเวช พวกเขาเริ่มดีใจแม้ว่าจะแอบกลัวความป่าเถื่อนของซือหยู แต่ในใจพวกเขาก็มีความสุขในเวลาเดียวกัน

 

สำหรับผู้หญิงแล้ว เฉินเฟิงถือว่าโหดร้ายป่าเถื่อน ดูเหมือนเธอจะไม่คิดว่าจะต้องพบเจอกับความล้มเหลวเช่นนี้!

 

ถ้าจะมีบางคำบอกกับเธอ คำนั้นคงก็คือ ‘สมน้ำหน้า!’

 

แต่เมื่อผู้ชมนึกถึงราชาระดับเงินพวกเขาก็เป็นห่วงซือหยู ราชาระดับเงินคนนั้นเป็นพี่ชายของเฉินเฟิง!

 

ตลอดแปดวันของการประเมินนั้นรวมถึงการต่อสู้ด้วย

 

ราชาระดับเงินมีสิทธิ์ท้าใครประลองก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นซือหยูจะต่อสู้กับที่หนึ่งได้ไหมนะ?

 

ผู้ตัดสินจ้องซือหยูและประกาศ

 

“ศิษย์ระดับเงินซือหยู เจ้าชนะการประลองแรกแล้วจะต้องถูกจับตามอง ต่อไปเจ้าอย่าไปไหนไกลล่ะ”

 

เรื่องของเฉินเฟิงเป็นได้ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ ผู้ตัดสินเกลียดเฉินเฟิงเพราะความป่าเถื่อนของเธอ ดังนั้นเขาจึงจงใจมองไปทางอื่น

 

สีป้ายรหัสของเฉินเฟิงหม่นลงไปมากและกลายเป็นสีเงินเทา ส่วนป้ายรหัสของซือหยูได้สว่างขึ้นมาก มันต่างจากป้ายเงินบริสุทธิ์เพียงไม่มาก

 

“ทำไมข้าถึงได้พลังยุทธมากขนาดนี้ล่ะ?”

 

ซือหยูต่างจากการประลองอื่น ผู้ชนะไม่ได้รับพลังยุทธมากเท่าเขา

 

ผู้ตัดสินยิ้ม

 

“หากผู้ท้าประลองชนะ เขาจะได้พลังยุทธหนึ่งในสี่ส่วน แต่ถ้าแพ้จะต้องเสียพลังยุทธไปครึ่งส่วน เฉินเฟิงที่ท้าเจ้าจึงเสียพลังยุทธไปครึ่งนึงให้เจ้ายังไงล่ะ”

 

ซือหยูดีใจ เขาได้พลังยุทธจำนวนมากในการประลองครั้งเดียวทำให้เขาประลองได้เพิ่มขึ้น

 

ตอนนั้นเองที่ด้านนอกลานประลอง

 

เจียงซื่อฉิงเก็บซ่อนความประหลาดใจในดวงตาไม่อยู่ เธอไม่เชื่อสายตาตัวเอง เงาที่อยู่ระยะไกลในลานประลองนั่นคือซือหยูเหรอ?

 

ซือหยูในอดีตมีพลังไม่มากและก้าวข้ามระดับหนึ่งไม่ได้มานาน และเขาอาจจะถูกขับออกจากสำนักปีนี้ในช่วงประเมินด้วย

 

แต่ซือหยูตอนนี้สำเร็จระดับสองและชนะเฉินเฟิงที่เป็นศิษย์ระดับเงินมากฝีมือและระดับสูงกว่าเขาได้อย่างราบคาบ

 

เมื่อเห็นซือหยู เจียงซื่อฉิงก็ทุกข์ใจมาก เธอไม่รู้เพราะเหตุใด แต่เธอไม่อยากจะเห็นซือหยูแข็งแกร่งกว่านี้

 

“นั่นก็แค่เฉินเฟิง ข้าชนะนางได้ด้วยนิ้วเดียว ที่ซือหยูชนะนางไม่ใช่เรื่องแปลก”

 

ข้างๆเจียงซื่อฉิงคือฉินเฟิงที่ส่ายหัวเย้ยหยัน

 

ความรู้สึกอันยุ่งเหยิงในใจเจียงซื่อฉิงค่อยๆหายไป

 

“ฉิงเอ๋อ อย่าห่วงไปเลย ข้าซื้อโอสถวิญญาณมาเยอะดีเดียว ข้ารับรองว่าเจ้าจะทะลุระดับสามในอีกไม่นาน! ในวันประเมินเจ้าจะต้องเยี่ยมมากแน่!”

 

เธอมองซือหยูอีกครั้ง ดวงตาของเจียงซื่อฉิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอส่ายหัวเบาๆ

 

“มังกรและอสรพิษมิอาจอยู่ร่วมกันได้ ซือหยู เราไม่ได้ถูกลิขิตให้อยู่ร่วมโลกกัน ข้าต้องไม่คิดผิดอย่างแน่นอน”

 

มังกรและอสรพิษมิอาจอยู่ร่วมกัน เจ้า ซือหยูจะไม่มีวันคู่ควรกับเจียงซื่อฉิงคนนี้

 

พวกเขาทั้งสองเดินผ่านไป ฉินเฟิงหันไปมองโดนบังเอิญ เมื่อเขาซือหยูที่ไกลออกไปดวงตาเขาก็หม่นหมอง

 

เขาพาเจียงซื่อฉิงมารอบๆนี้เพราะหวังว่ามันจะ ‘บังเอิญ’ ผ่านลานประลองที่ซือหยูพ่ายแพ้อย่างหมดท่าให้เจียงซื่อฉิงเห็นกับตาตัวเองและเลิกคิดถึงซือหยูอย่างหมดจด

 

แต่สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็คือซือหยูที่เก่งจนเจียงซื่อฉิงหวั่นไหว

 

“ซือหยูนั่นเติบโตเร็วเกินไป การประเมินกำจัดมันไม่ได้แล้ว ดูเหมือนข้าจะต้องคิดหาหนทางอื่นเพื่อไล่มันไปให้พ้นทาง ใช่สิ พี่ชายเฉินเฟิงคือราชาระดับเงิน หากข้าใช้งานเขาได้ มันก็น่าจะจัดการซือหยูในการประลองได้”

 

“ราชาเงินเฉินเทียนหนานคือชายที่ดุร้าย เขาแข็งแกร่งมากกว่าศิษย์ระดับทองหลายคนซะอีก ไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้แน่!”

________________________

 

*ลำโพงเป็นไม้ประดับมีพิษ ไม่เกี่ยวกับเครื่องเสียงแต่อย่างใดจ้า +-+

Banshee Translate

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด