ตอนที่แล้วตอนที่ 60 นั่งที่แถวหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 กลับไปด้วยความโกรธ

ตอนที่ 61 การมาถึงขององค์ชายหนึ่ง


จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 61 การมาถึงขององค์ชายหนึ่ง

 

“ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันยืนขึ้นยิ้มเล็กน้อย เมื่อพูดเสร็จจึงกลับไปนั่งเหมือนกัน

 

แค่นั้นรึ?

 

ตระกูลหลิง? ตระใหญ่ตระกูลใดกัน?

 

ทุกคนล้วนแต่สงสัย ไม่มีตระกูลหลิงอยู่ในแปดตระกูลใหญ่ของเมืองจักรพรรดิ หรือว่าตระกูลหลิงจะเป็นตระกูลใหญ่จากเมืองอื่น? นั่นก็เป็นไปได้ เพราะว่าแคว้นพิรุณมีเมืองหลักอยู่ทั้งหมดสามสิบหกเมือง และแต่ละเมืองมีล้วนแต่มีตระกูลใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งทำให้ทั้งแคว้นมีตระกูลใหญ่มากกว่าหนึ่งร้อยตระกูล ใครจะพูดอย่างมั่นใจได้ว่ารู้จักตระกูลทั้งหมด?

 

อย่างไรก็ตาม คนที่ตกใจที่สุดคือฉีฮวงเย่ มันเป็นคนเดียวที่รู้สถานะของหลิวอู๋ตง การที่จะมีเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิวมาอยู่ข้างกายได้ ตระกูลหลิงต้องเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?

 

ไม่ว่าจะยังไง มันจะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงฮันไว้ให้ได้

 

ฉีฮวงเย่เป็นคนที่เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนบรรยากาศ ทุกๆคนได้หันมาสนใจตัวมันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้สึกว่าองค์ชายคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างแปลกประหลาด

 

“องค์ชายหนึ่งมาถึงแล้ว!” ในตอนนั้นเองได้มีเพียงตระโกนดังมาจากข้างนอก

 

องค์ชายหนึ่งมาถึงแล้ว?

 

ทุกคนตกอยู่ในความตะลึง ใครกันจะไม่รู้ว่าองค์ชายหนึ่งกับองค์ชายสี่กำลังไม่ลงลอยกันเพราะเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งราชา? ทำไมจู่ๆเขาถึงได้มาที่นี่?

 

“น้องสี่!” ในไม่ช้า องค์ชายหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องโถง มันเป็นชายที่หล่อเหลาดูมีอายุประมาณสามสิบปี รูปร่างสูงและกำยำ มันยิ้มและเดินอย่างองอาจเข้ามาทางฉีฮวงเย่ โดยไม่แสดงออกทั้งความเป็นศัตรูและมิตร

 

ฉีฮวงเย่ยินขึ้นและเดินไปทักทายองค์ชายหนึ่ง มันเองก็ปั้นยิ้มและพูดออกไป “พี่ใหญ่ ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

 

เมื่อพวกมันเดินเข้ามาใกล้กัน ทั้งสองคนได้หยุดและยิ้มแลกเปลี่ยนสายตา ไม่มีฝ่ายใดคิดจะยื่นแขนออกไปเพื่อกอดทักทายอีกฝ่าย

 

“น้องสี่ของข้าจัดงานเลี้ยงขึ้นทั้งที ข้าในฐานะพี่ใหญ่ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ข้าจะมาแสดงการช่วยเหลือ” องค์ชายหนึ่งพูดและยิ้มออกมา

 

ฉีฮวงเย่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เหตุผลที่มันจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นก็เพื่อรวบรวมคนที่จะมาสนับสนุนมันเพื่อขึ้นครองตำแหน่งราชาในอนาคต และไม่มีทางแน่ที่องค์ชายหนึ่งจะไม่รู้เรื่องนี้ เพราะงั้นเหตุผลที่องค์ชายหนึ่งมาที่นี่นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเพื่อสร้างปัญหาให้กับมัน

 

“ฮ่าๆ งั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณพี่ใหญ่ด้วย!” มันพูดออกไปอย่างไม่จริงใจ แต่ใบหน้ายังคงรอยยิ้มเอาไว้อยู่

 

องค์ชายหนึ่งนิ่งไปชั่วขณะและพูด “ข้าเองก็พาแขกผู้มีเกียรติมาด้วยเช่นกัน!”

 

“โอ้ คนผู้นั้นเป็นใครกัน?” ฉีฮวงเย่ถามออกไป มันรู้อยู่แล้วว่าองค์ชายหนึ่งจะต้องไม่มาเพื่อแสดงตัวอย่างเดียว แต่ต้องวางแผนอะไรเอาไว้แน่

 

“น้องชายกว๋อ เชิญเข้ามาเลย!” องค์ชายหนึ่งหันไปทางประตูและเรียก

 

ทุกคนหันไปมองยังแขกผู้มีเกียรติขององค์ชายหนึ่ง และเห็นชายหนุ่มในชุดเทาเดินเข้ามา มันมีส่วนสูงปานกลางและหน้าตาธรรมดา แต่เมื่อทุกคนเห็นตราสัญลักษณ์บนหน้าอก พวกมันก็อดที่จะเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้

 

นักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลาง!

 

ไม่ว่าจะที่ไหนนักปรุงยาก็เป็นตัวตนที่ได้รับการต้อนรับ ถ้าฝ่ายใดได้รับการช่วยเหลือจากนักปรุงยา ไม่ว่าจะจอมยุทธคนใดหรือกลุ่มอำนาจเล็กใดๆ ก็อยากจะเข้าร่วมกับฝ่ายนั้น

 

จอมยุทธจำเป็นต้องพึ่งพาเม็ดยา

 

“น้องสี่ ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก คนคนนี้คือกว๋อติงฉวน น้องชายกว๋อเป็นจอมยุทธระดับเหลืองขั้นกลาง และอาจารย์ของน้องชายกว๋อคือสุดยอดปรมาจารย์ตวนมู่ ที่ถูกกล่าวขานว่ามีความเชี่ยวชาญทั้งวิถีดาบและศาสตร์แห่งการปรุงยา!” องค์ชายหนึ่งยิ้มกว้างและรู้สึกยินดีอย่างมาก

 

ในทางกลับกัน ฉีฮวงเย่รู้สึกกระอักกระอ่วน มันรู้ว่าองค์ชายหนึ่งตั้งใจจะมาทำลายงานเลี้ยงของมัน และโชคร้ายที่ดูเหมือนว่าจะทำสำเร็จเสียด้วย!

 

เรื่องที่กว๋อติงฉวนเป็นนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลางยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่ยุ่งยากที่สุดคืออาจารย์ของมัน ตวนมู่ฉางเฟิงเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำ! ถึงแม้ตอนนี้องค์ชายหนึ่งจะใกล้ชิดกับกว๋อติงฉวน แต่ลูกศิษย์เองก็ถือว่าเป็นตัวแทนของอาจารย์!

 

องค์ชายหนึ่งกำลังป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวมันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตวนมู่ฉางเฟิง

 

นี่นับว่าเป็นการปล่อยหมัดใส่หน้าฉีฮวงเย่อย่างรุนแรง

 

ตัวตนของนักปรุงยามีน้ำหนักสูงเกินไป!

 

“น้องชายกว๋อ!” ฉีฮวงเย่พูดทักทายและยังคงยิ้มกว้าง มันไม่สามารถไล่องค์ชายหนึ่งและกว๋อติงฉวนออกจากงานไปได้ ไม่งั้นจะต้องเกิดข่าวลือว่ามันเป็นคนใจแคบออกไปแน่ๆ คนที่มีสถานะทางสังคมสูงอย่างมัน จำเป็นจะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามันเป็นคนใจกว้าง ถ้าเรื่องแค่นี้มันยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่จะครองตำแหน่งราชาแล้ว

 

กว๋อติงฉวนหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ขนาดองค์ชายสี่ทักทายมัน มันยังทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น มันแสดงความยิ่งยโสของนักปรุงยาออกมาเต็มที่

 

นักปรุงยาเป็นตัวตนที่มีน้อยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการดูแลและความเคารพอย่างเต็มที่

 

“น้องกว๋อเชิญนั่ง!” ฉีฮวงเย่แอบโมโหอยู่ในใจ แต่ก็ยังแสดงท่าทีสุภาพออกมา

 

ตาของกว๋อติงฉวนกวาดผ่านทั่วห้อง ก่อนที่จะก้าวเดินตรงไป

 

ถ้ามันจะนั่ง แน่นอนว่าต้องเป็นแถวแรก ไม่งั้นจะถือว่ามีเกียรติได้อย่างไร?

 

แต่โชคร้ายที่มันเลือกที่จะเดินตรงไปยังฝั่งซ้ายและมาถึงโต๊ะของหลิงฮัน ซึ่งมีเพียงมันคนเดียวเท่านั้นที่รู้เหตุผลว่าเป็นเพราะมันสังเกตุเห็นหลิวอู๋ตง

 

“เจ้าไสหัวไปซะ!” มันพูดอย่างเย็นชา

 

ช่างอวดดียิ่งนัก สิ่งแรกที่มันเปิดปากพูดกับคนอื่นคือให้ไสหัวไป มันคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิรึไง?

 

อย่างไรก็ตาม มันที่เป็นนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลางและมีอาจารย์เป็นถึงนักปรุงยาระดับดำ เป็นธรรมดาที่จะมั่นใจในตัวเองและทำตัวอวดดี

 

หลิงฮันยิ้มออกมา ในสายตาของคนอื่น พวกมันคิดว่าหลิงฮันจะต้องยอมทำตามคำสั่งของกว๋อติงฉวน มีเพียงหลิวอู๋ตงเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงนั้นตรงข้ามกันเลย ไม่ใช่แค่หลิงฮันจะไม่ทำตาม แต่ตอนนี้เขายังโกรธมากอีกด้วย หลิงฮันพูดออกไป “ทำไมเจ้าไม่ลองพูดอีกครั้งล่ะ?”

 

“ไสหัวไป! ไสหัวไป! ไสหัวไป!” แน่นอนว่ากว๋อติงฉวนไม่มีทางกลัวคำขู่เล็กน้อยแบบนี้ มันไม่เพียงพูดใหม่อย่างเดียว แต่ยังย้ำคำสั่งไปถึงสามครั้ง

 

เกิดประกายแสงเย็นชาขึ้นที่ดวงตาของหลิงฮัน มือของเขาพุ่งออกไปคว้าคอของกว๋อติงฉวน

และฟาดหน้าของมันใส่โต๊ะอย่างรุนแรงในทันที คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้ขวดไวน์กระจัดกระจายและไวน์ได้สาดใส่เต็มหน้าของมัน

 

“อั่ก” กว๋อติงฉวนถูกกดลงบนตัวอย่างหนักหน่วง และเริ่มจะดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดออกจากมือหลิงฮัน แต่ก็ไร้ความหมาย

 

ทั้งห้องโถงกลายเป็นเงียบกริบ

 

ชายคนนี้ยอดเกินไปแล้ว เขากล้าแม้กระทั่งลงมือกับนักปรุงยา!

 

ทุกคนสูดหายใจเพราะความตะลึง หลิงฮันช่างกล้าหาญสมเป็นชายที่แท้จริง!

 

องค์ชายหนึ่งตกตะลึงชั่วครู่ก่อนที่จะระเบิดความโกรธออกมา มันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนกล้าโจมตีกว๋อติงฉวน

 

มันพุ่งไปทางหลิงฮันอย่างรวดเร็ว โดยคิดจะคว้าคอหลิงฮัน มันตะโกนขึ้นมา “ข้าขอสั่งให้เจ้าปล่อยเขาซะ!”

 

“ฟุบ” เกิดคลื่นลมที่รุนแรงขึ้น หลิวอู๋ตงได้ลงมือและป้องกันการโจมตีขององค์ชายหนึ่ง

 

ในตอนแรกองค์ชายหนึ่งตกตะลึงเพราะความงดงามของนาง แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ทุกๆอย่างสามารถเสียสละได้เพื่อตำแหน่งราชา กว๋อติงฉวนคือไผ่ตายที่จะตัดสินว่ามันจะจัดการองค์ชายสี่ได้หรือไม่ ดังนั้นมันจะไม่ยอมให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นเด็ดขาด

 

“ถอยไปซะ!” มันตะโกนออกไป ที่มันไม่ตอบโต้เพราะมันอยากหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำร้ายสตรีที่งดงามเช่นนี้

 

หลิงอู๋ตกสะบัดมือและพูด “ไสหัวไป!”

 

ไสหัวไป...! นางบอกให้องค์ชายหนึ่งไสหัวไป... นางช่างมีความกล้าจริงๆ

 

เมื่อฉีฮวงเย่เห็นแบบนี่เข้า จึงยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าหลิวอู๋ตงเป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิว ถ้าองค์ชายหนึ่งล่วงเกินนาง สำหรับองค์ชายหนึ่งแล้วคงไม่ไช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่สำหรับตัวมันเองแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด