ตอนที่แล้วตอนที่ 56 ใครอยากได้สูตรยาของเจ้ากัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 58 หัวหน้าพ่อบ้าน

ตอนที่ 57 ต่อคิว


จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 57 ต่อคิว

 

หลิงฮันเดินไปที่โต๊ะและหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมา พร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างลงไป

 

เขาเขียนเสร็จอย่างรวดเร็ว และยกปากกาออกจากกระดาษ จากนั้นก็ยื่นกระดาษที่เขียนเสร็จให้กับจางเหวยชาง

 

...เห็นแก่จูเฮอซิน เขาจึงตัดสินใจที่จะยังช่วยจางเหวยชางอยู่ เป็นเพราะจูเฮอซินที่คอยช่วยเหลือเขาเรื่องต่างๆ และที่สำคัญ มันยังเป็นคนนำข่าวเกี่ยวกับหญ้ามังกรปฐพีมาบอกเขาอีกด้วย

 

จางเหวยชางรับกระดาษมาและรีบอ่านอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าของมันแสดงออกถึงความตะลึงและความสุข

 

นี่คือสูตรเม็ดยาหวนคืน!

 

ต้องใช่แน่ๆ เพราะไม่ใช่เพียงชื่อวัตถุดิบสมุนไพรเท่านั้นที่เหมือนกับสูตรที่ไม่สมบูรณ์ที่มันมี แม้แต่จำนวนที่ต้องใช้ในแต่ละชนิดก็ยังเหมือนกันอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีวัตถุดิบสามชนิดที่ไม่สามารถอ่านได้จากสูตรที่ไม่สมบูรณ์ของมันเขียนเอาไว้ด้วย

 

จางเหวยชางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าในศาสตร์แห่งการปรุงยา เม็ดยาหวนคืนได้ถูกกล่าวเอาไว้ว่าสูญหายไปตามการเวลาแล้ว แม้มันจะใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อสูตรเม็ดยาที่ไม่สมบูรณ์นี้มา สูตรเม็ดยานี้ก็เคยถูกศึกษาโดยนักปรุงยาหลายคนมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกมันทุกคนต่างพยายามที่จะฟื้นฟูสูตรเม็ดยานี้ขึ้นมาแต่ก็ไม่สำเร็จ

 

ถ้ามันสามารถหลอมเม็ดยาที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ สถานะของมันในโลกแห่งการปรุงยาจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ!

 

น่าขำจริงๆ ก่อนหน้านี้มันไม่เต็มใจที่จะแสดงสูตรเม็ดยาที่ไม่สมบูรณ์ให้หลิงฮันดู ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามันกำลังตบหน้าตัวเองอยู่รึ?

 

เมื่อคิดแบบนี้ ใบหน้าของชายชราจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

จูเฮอซินเค้นเสียงทางจมูกและพูด “เฒ่าจาง เจ้าพอใจรึยัง?” มันยังไม่พอใจกับเหตุการณ์การที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อยู่

 

“ฮ่าๆๆๆๆ!” จางเหวยชางหัวเราะอย่างเขินอายเล็กน้อย มือของมันจับสูตรเม็ดยาเอาไว้แน่นราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า

 

หลิงฮันเดินออกจากที่พักและพูด “งั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”

 

“ขอบคุณมาก สหายน้อย!” เมื่อจางเหวยชางรู้ว่าหลิงฮันยังพักอยู่ที่ตำหนักโอสถสวรรค์ มันจึงไม่รีบร้อนที่จะไปแก้ไขความบาดหมาดระหว่างตัวมันกับหลิงฮัน มันต้องรอเวลาที่เหมาะสมอีกสักหน่อย

 

หลิงฮันพยักหน้า เมื่อออกจากที่พักมาแล้ว เขาก็เดินเรื่อยเปื่อยไปรอบๆ

 

“เจ้านี่ช่างใจร้ายเสียจริง!” ฉีซางไต๋รีบวิ่งตามมา ใบหน้าของนางปรากฏถึงความไม่พอใจเล็กน้อย

 

หลิงฮันยิ้มและถามออกไป “ข้าใจร้ายตรงไหนกัน?”

 

“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของผู้อาวุโสจู แต่กลับไม่บอกข้าและทำให้ข้าต้องอับอาย!” นางพูดในเชิงตำหนิ ก่อนหน้านี้นางถึงขั้นพูดว่านางจะเป็นศิษย์พี่หญิงของหลิงฮันและจะคอยดูแลหลิงฮันในอนาคต นางไม่เคยคิดเลยว่าหลิงจะสุดยอดถึงขนาดตวนมู่ฉางเฟิงยังต้องถูกไล่ออกไปเพื่อเขา

 

“เป็นตัวเจ้าต่างหากที่คิดเอาเอง” หลิงฮันส่ายหัว

 

“ข้าไม่สนใจ เจ้าจะต้องชดใช้ให้ข้า!” ฉีซางไต๋พูดอย่างไม่ละอายใจ

 

“แล้วเจ้าจะให้ข้าชดใช้อย่างไร?” หลิงฮันถาม

 

ฉีซางไต๋เอียงคอคิดชั่วขณะและพูดออกมา “ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก เอาเป็นว่าเจ้าติดหนี้ข้าไว้ก่อนแล้วกัน จริงสิ เจ้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองต้าหยวน?”

 

“ถูกแล้ว” หลิงฮันพยักหน้า

 

“ครั้งนี้มีจอมยุทธหัวกระทิมากมายที่เข้าร่วมการประลอง แต่แน่นอนว่าพี่ชายสี่ของข้าจะต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน! นอกจากพี่ชายข้าแล้วดูเหมือนว่าหลีตงเย่จากนิกายหมาป่าหินผาจะอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าเช่นกัน แถมเขายังเชี่ยวชาญทักษะยุทธระดับเหลือง ‘ฝ่ามือแก่นแท้สวรรค์’ อีกด้วย ขนาดพี่สี่ของข้ายังประเมินเขาเอาไว้สูงมาก เขาได้ที่ห้าในการประลองต้าหยวนครั้งที่แล้ว”

 

และยังมีบุตรคนที่สามของตระกูลจิง จิงหวู่จื้อที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด เขาเชี่ยวชาญ ‘ฝ่ามือจิงหยาง’ ของตระกูลจิง มีข่าวลือว่าเขาสามารถสร้างปราณฝ่ามือได้สองฝ่ามือแล้ว ในการประลองครั้งที่แล้วเขาได้ที่หก

 

แล้วยังมี... ให้ข้าคิดก่อนนะ...อืม... อัจฉริยะจากเมืองเมืองฟูหยาง เซี่ยจงกวัง เขาอายุเพียงสิบแปดปีแต่กลับอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นแปดแล้ว เขามีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างมาก พี่สี่ของข้าบอกเอาไว้ว่าเขามีความสามารถที่จะเข้าสู่ห้าอันดับแรกได้

 

ใช่แล้วๆ ยังมีคนที่แข็งแกร่งจากเมืองเมืองวารีนิรันดร์ ที่ชื่อ... ชื่ออะไรนะ? ลิ่วอี่? ไม่ใช่สิ ลิ่วยู่รึเปล่านะ... หรือลิ่วอะไรนี่ล่ะ เขาเองก็อายุสิบแปดปีแต่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นแปดแล้ว เขาเองก็มีความสามารถที่จะติดห้าอันดับแรก

 

คนสุดท้ายคือบุตรคนสุดท้ายของผู้นำนิกายไป๋ลี่ ไป๋ลี่เถิงหยุน ดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเจ็ด แต่พี่สี่ของข้าบอกมาว่าชายคนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลังของเขาไม่แพ้หลีตงเย่เลยแม้แต่น้อย

 

พี่ชายของนางคือฉีฮวงเย่ ที่ได้รับฉายาว่าราชาแห่งรัตติกาล เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดที่หลิวอู๋ตงยังต้องชื่นชม แม้หลิงฮันจะมีความมั่นใจในตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนอวดดี เพียงแต่ว่าเขามีไพ่ลับอยู่ในมือมากมายและไม่คิดว่าในเมืองเล็กๆอย่างเมืองต้าหยวนแห่งนี้จะมีใครในระดับรวมธาตุสามารถต่อกรกับเขาได้

 

เขาพยักหน้าและพูด “ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล”

 

“จริงสิ คืนพรุ่งนี้พี่สี่จะจัดงานเลี้ยง ทำไมเจ้าไม่มาเข้าร่วมล่ะ?” ฉีซางไต๋พูดออกมา

“เฉพาะจอมยุทธที่มีโอกาสติดห้าสิบอันดับแรกในการประลองต้าหยวนเท่านั้นถึงจะได้รับเชิญ”

 

หลิงฮันอดที่จะยิ้มไมได้ “พี่ชายของเจ้ากำลังเชื้อเชิญหาคนสนับสนุนสินะ”

 

“เจ้าฉลาดมาก!” ฉีซางไต๋ไม่ได้ปฏิเสธ

 

ถ้าฉีฮวงเย่คิดจะขึ้นครองตำแหน่งราชาต้าหยวนในอนาคต เขาจำเป็นรวบรวมคนที่คอยสนับสนุนเขา การจะได้ตำแหน่งราชาไม่ใช่การที่มีพรสวรรค์หรือว่าแข็งแกร่งที่สุดอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีคนคอยสนับสนุนมากเท่าไหร่เช่นกัน

 

...ถ้าเกิดไม่มีใครในราชวงศ์มาคอยสนับสนุนแล้วจะขึ้นครองตำแหน่งได้อย่างไร?

 

‘ถึงแม้พี่สี่จะมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธที่สูงมาก แต่พี่ใหญ่เองก็พยายามสรรหาคนคอยสนับสนุนมาแล้วกว่าสิบปี ยิ่งกว่านั้น มารดาของพี่ใหญ่ยังเป็นถึงบุตรสาวของตระกูลลิ่ว ด้วยการช่วยเหลือของตระกูลลิ่ว ทำให้ไม่แน่ว่าพี่สี่หรือพี่ใหญ่ใครจะได้ขึ้นครองบัลลังก์!’ ฉีซางไต๋กำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่านางไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากการปะทะกับของพี่ชายทั้งสอง

 

นอกจากราชวงศ์ราชาแล้ว ยังมีอีกสี่ขุมอำนาจในเมืองต้าหยวนที่ไม่สามารถดูถูกได้ นั่นคือนิกายหมาป่าหินผา นิกายไป๋ลี่ ตระกูลจิง ตระกูลลิ่ว และด้วยการที่องชายใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลิ่ว ทำให้ได้เปรียบในการแย่งชิงบัลลังก์อย่างมาก

 

หลิงฮันเก็บคำพูดของฉีซางไต๋มาคิดเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะปล่อยทิ้งไป การแย่งชิงบัลลังก์เกี่ยวข้องอะไรกับเขากัน?

 

ฉีซางไต๋ตามตื้อพูดคุยรบกวนหลิงฮันเป็นเวลานานก่อนที่จะปล่อยเขาไป อย่างไรก็ตามขณะที่นางหันหลังเดินจากไป นางเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และพึมพำคนเดียว “พี่สี่ พี่ใหญ่ ข้าเชิญชวนผู้ช่วยชั้นยอดไปให้พวกท่านแล้ว อย่าทำให้เสียเปล่าล่ะ!”

 

หลิงฮันเป็นคนที่แม้แต่จูเฮอซินกับจางเหวยชางยังต้องเรียกว่า ‘สหายน้อย’ เขาจะต้องมีความสามารถในด้านปรุงยาที่สูงมากแน่ๆ ถ้าฉีฮวงเย่สามารถได้รับการสนับสนุนจากหลิงฮัน จะต้องมีจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดจะเข้าร่วมกับเขา

 

แน่นอนว่าเหตุผลก็เป็นเพราะผลประโยชน์เรื่องเม็ดยา!

 

เมื่อจอมยุทธเริ่มบ่มเพาะพลัง พวกเขาเจ้าเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเม็ดยา และถ้ามีนักปรุงยาระดับสูงมาเป็นพันธมิตรด้วย จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ดึงดูดจากเหล่าจอมยุทธทุกคน

 

หลิงฮันมองแผนการของฉีซางไต๋ออก แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมาก เขาเองก็อยากจะลองไปพบฉีฮวงเย่เพื่อดูว่ามันอัจฉริยะขนาดไหนอยู่เหมือนกัน

 

ในวันที่สอง หลิงตงซิงพาหลิงฮันไปลงทะเทียน การที่จะเข้าร่วมการประลองต้าหยวนได้ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่การปกครองของเมืองต้าหยวนเท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด เนื่องจากการประลองนี้จะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง

 

จอมยุทธของเมืองต้าหยวนสามารถเข้าร่วมได้เพียงการประลองต้าหยวนเท่านั้น และจอมยุทธจากเมืองอื่นเองก็ไม่สามารถมาเข้าร่วมได้เช่นกัน ทุกคนล้วนแต่ปกป้องอาณาเขตของตนเอง

 

มีคนจำนวนมากกำลังต่อแถวลงทะเบียน ทำให้แถวยาวเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันเข้าไปต่อแถวอย่างไม่รีบร้อน เขาได้ละทิ้งสถานะอันสูงส่งของจอมยุทธระดับสวรรค์ไปแล้ว ทุกๆอย่างได้เริ่มต้นใหม่ ตัวเขาที่เริ่มต้นจากสถานะของคนธรรมดา การจะต้องมาต่อแถวจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด

 

หลังจากประมาณสองชั่วโมง ในที่สุดก็ใกล้จะถึงคิวของหลิงฮัน ด้านหน้าของเขาเหลือคนอยู่เพียงคนเดียว

 

แต่ในตอนนั้นเอง ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามหลังชายชุดดำรูปร่างกำยำสี่คนที่กำลังบังคับคนอื่นให้ออกจากแถว พวกมันทั้งห้ามายังจุดลงทะเบียนและเดินตรงมาแทรกคิวข้างหน้าหลิงฮัน

 

“เฮ้ ไปต่อคิวข้างหลังซะ!” หลิงฮันขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ

 

“หืม?” ชายหนุ่มคนนั้นหันมามองหลิงฮัน และหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนกล้าพูดเช่นนี้กับมัน “เจ้าอยากจะให้ข้าไปต่อคิวงั้นรึ? รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด