ตอนที่แล้วGolden Time - ตอนที่ 5 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGolden Time - ตอนที่ 7 [อ่านฟรี]

Golden Time - ตอนที่ 6 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 6

ระเบียงของบ้าน คิม อินซู ใหญ่กว่าห้องของซูฮยอคซะอีก ดูใหญ่กว่าสองเท่าเลยด้วยซ้ำ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับผนังด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางซึ่งทำให้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์นอกบ้านได้เต็มที่ ขณะที่ซูฮยอคกำลังมองไปรอบ ๆ อย่างแปลกสายตา แม่ของ คิม อินซู ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อัญมณีและเครื่องประดับทั่วตัว

‘เราไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ ตอนนี้ซูฮยอคเป็นยังไงบ้าง?’ เธอถาม.

‘แม้แต่แม่ของอินซูก็รู้จักเราหรอ?’ เขาคิดอยู่ในหัว  ซูฮยอคแสดงรอยยิ้มเช่นเดียวกับเธอ

‘สบายดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ’

‘ใช่ฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอมากเลย ฉันดีใจมากที่เธอสบายดี’

‘แม่ ตอนนี้เรากำลังเรียนกันอยู่’ อินซูพูด

อย่างไรก็ตามแม่อินซูก็พูดทิ้งไว้ก่อนเดินออกจากห้องไป ‘ซูฮยอคโปรดช่วยฉันอีกครั้งด้วยนะ ช่วยสอนอินซูให้เก่งเหมือนเธอด้วย’

แค่มองภายนอกก็รู้ว่า อินซูเติบโตมากับจากครอบครัวที่ร่ำรวย ‘ทำไมเขาถึงมาเรียนจากเราแทนที่จะไปพวกโรงเรียนสอนพิเศษหรือไม่ก็จ้างครูสอนพิเศษส่วนตัว?’

‘ไปที่ห้องกัน’ อินซูพูด

ในบ้านอินซูมีห้องมากมาย และเขาก็เปิดไปที่ห้องหนึ่งที่ตั้งไกลออกไปจากห้องเดิมที่เราเดินมา

เมื่อประตูถูกเปิดออกมันเป็นห้องที่ที่เหมาะกับการไว้ใช้เรียนอย่างแท้จริง ชั้นหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือสูงเกือบจะถึงเพดาน มีโต๊ะที่ดูหรูหราตั้งอยู่ตรงกลางห้อง

‘เข้ามา!’

‘ใช่ นายมาถูกที่แล้วเพื่อน’ อินซูกล่าว

ชเว อินเบ ยืนขยับแว่นตาของเขา และ คิม ดงฮยอค มอบรอยยิ้มแปลก ๆให้ ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ในห้องนั้นรอต้อนรับซูฮยอคที่เพิ่งมาถึง

‘ที่นั่งของนายอยู่ตรงนั้น’ อินซูพูด

ซูฮยอคไปนั่งตรงโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า อินเบกับดงฮยอค นั่งด้านข้างโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ซูฮยอคนั่งหัวโต๊ะ

พวกเพื่อนๆก็หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นซูฮยอครู้สึกไม่สบายใจกับการนั่งหัวโต๊ะ

‘มันเป็นที่นั่งของนายเลยนะและนายก็ชอบนั่งตรงนั้นเสมอด้วย’

ซูฮยอคพยักหน้า หยิบหนังสือออกจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะ

‘เอาล่ะ! ไหนว่ามาซิพวกนายเตรียมตัวมาพร้อมแค่ไหนที่จะมาเรียนกับฉัน มันจะไม่เหมือนก่อนแล้วนะ’

‘ซูฮยอค ถ้านายอยากรู้อะไรให้ถามพวกเรา นายอาจจะลืมไปบ้างกับสิ่งที่เรียนมานั่นก็เพราะนายความจำเสื่อม’

‘ขอบใจนะ’

‘ไม่เป็นไร เกรดของพวกเราเพิ่มขึ้นมากก็เพราะได้นายช่วยไว้ อินซูยังติดท็อปของเด็กเรียนดีในโรงเรียนด้วยนะ’

เดิมซูฮยอคก็เคยติดท็อปในโรงเรียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อซูฮยอคขึ้นม.ต้น อินซูก็เข้ามาติดท็อปแทน ขณะที่ ดงฮยอค และ อินเบ ก็ตามมาติดๆในอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ นอกจากนี้เกรดของซูฮยอคก็ร่วงติดดิน เขาได้ที่ 4 ในชั้นเรียน และที่ 20 ในโรงเรียน ซึ่งตอนนี้ซูฮยอคก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

‘มา ไหน ๆเราก็พร้อมหน้ากันแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ!’

ทันทีที่ ดงฮยอค พูดเสร็จ พวกเขาก็เริ่มเรียนกันทันที รอบ ๆห้องนั้นเงียบมากมีแค่เพียงเสียงกระดาษตอนเปิดหนังสือและเสียงจับดินสอของพวกเขา ซึ่งทั้งห้องมีแค่เสียงนี้จริงๆ ‘พวกนี้จริงจังกับเรื่องเรียนขนาดนั้นเลยหรอ?’ ซูฮยอคพูดกับตัวเอง

พวกเขามีสมาธิมาก สายตาจดจ่ออยู่กับเพียงหนังสือ

บรรยากาศการเรียนในห้อง ณ ตอนนี้ ซูฮยอครู้สึกอึดอัด และไม่เห็นแรงจูงใจในการเรียนที่แท้จริงของพวกเขาเลยราวกับว่ามันถูกบดบังด้วยหมอกสีดำ

หลังจากนั่งดูพวกเขาเงียบ ๆ ซูฮยอคก็เปิดปากพูดขึ้น,

‘ฉันขอโทษด้วยที่ขัดจังหวะขณะที่พวกนายกำลังตั้งใจอยู่ แต่ฉันอยากจะถามคำถามซักสองสามข้อ?’

สายตาของพวกเขาต่างจ้องมองไปที่ซูฮยอค

‘พวกนายเคยเจอปัญหาอะไรที่ไม่เข้าใจบ้างไหม?’

‘ถามมาสิ’

‘ขอบใจ อย่าว่าอะไรกันนะถ้าฉันจะถามอะไรต่อไปนี้’

ซูฮยอคค่อยๆหายใจเข้า ออก และพูดออกมา

‘พวกนายเคยกลั่นแกล้งฉันรึเปล่า?’

ในขณะนั้นใบหน้าของพวกเขาดูซีดลงและลึก ๆดูไม่เป็นมิตร แต่ใบหน้าเหล่านั้นแสดงออกมาไม่นานจนซูฮยอคไม่ทันสังเกตเห็น

‘มันคืออะไร? นายอย่าพูดไร้สาระหน่า!’

‘นายฝันกลางวันรึเปล่า? นายอยากให้เราทำอะไร?’

‘นี่พวกนายกำลังกวนประสาทฉันเล่นอยู่รึเปล่า โดยไม่สนใจเรื่องทั้งหมดที่เคยทำกับฉันในอดีตงั้นหรอ?’ ในไดอารี่ของเขาเต็มไปด้วยคำสาปแช่งถึงเพื่อน ๆของเขา เขาเขียนมันลงไปในไดอารี่ทั้งที่ ๆเขาไม่ได้ถูกเพื่อนๆแกล้งงั้นหรอ? ซูฮยอคสับสน

‘ฉันแค่อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร’ ซูฮยอคพูด

อินเบจับแว่นตาของเขาแล้วพูดว่า ‘ฉันคิดว่านายดูเหมือนจะสับสน แต่นั่นก็เข้าใจได้เพราะนายความจำเสื่อม เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เราเข้ามาเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนนี้เลยและการรวมกลุ่มเพื่ออ่านหนังสือแบบนี้ก็เกิดจากความคิดของนาย ในฐานะนักเรียนชั้นยอดในโรงเรียน นายสอนเราว่าจะเรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี ๆ โรงเรียนสอนพิเศษ? จ้างติวเตอร์? จริงๆแล้วนายสอนเราได้ดีกว่าพวกนั้นซะอีก และก็วิธีการสอนที่น่าสนใจ ที่ฉันพูดอย่างนั้นเป็นเพราะเรารุ่นเดียวกันงั้นหรอ? แต่เปล่าเลย ยังไงก็เถอะเราขอบคุณที่นายช่วยเหลือเรา เกรดของเราเพิ่มขึ้นและเรารู้สึกซึ้งใจมากจริง ๆ’

พวกเขาพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของอินเบ ก็จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาซาบซึ้งในความช่วยเหลือของซูฮยอค แต่นั่นแค่เพราะเกรดของพวกเขาดีขึ้น

“อ่ะ...แล้วพวกเราจะแกล้งนายไปเพื่ออะไร? เรื่องเหลวไหลหน่า!”

ซูฮยอคสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านทางสีหน้าของเพื่อนๆ

เขาควรจะเชื่อคำพูดทั้งหมดนั่นรึเปล่า?

“ฉันขอโทษ แต่มันก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าคำพูดทั้งหมดนั้นมันจะจริง”

พวกเขาไม่พอใจคำพูดของซูฮยอครึเปล่า? หรือว่าพวกเขาอดทนกับเขาอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว? อินซูยืนขึ้นจากที่นั่ง เขามองไปที่ซูฮยอคอย่างเย็นชาด้วยอารมณ์ที่ไม่เป็นมิตรราวกับว่าเขาต้องการที่จะต่อยหน้าเขาซักหมัดหนึ่ง เขาค่อยๆหันกลับแล้วเดินไปที่นั่งของซูฮยอค

บรรยากาศการเรียนในห้องที่ล้อมรอบด้วยหนังสือตอนนี้ชวนขนลุกที่ซึ่งผู้ชายคนหนึ่งสามารถฆ่าใครซักคนได้โดยไม่แม้แต่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย

สายตาซูฮยอคจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของอินซู  เลิกสนใจกับหนังสือตรงหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น นี่คือขั้นตอนที่ข้อมูลภาพจะถูกส่งไปยังสมอง : เริ่มจากรับภาพผ่านกระจกตาไปเลนส์ตา, วิเทรียส, เรตินาและสุดท้ายผ่านเส้นประสาทตาจะส่งข้อมูลภาพไปยังสมองสั่งให้ร่างกายของเขาทำอะไรซักอย่างเพื่อป้องกันตัว

เพื่อให้การตัดสินนี้จบลง ใช้เวลาเพียง  0.2 วินาทีที่ร่างกายที่จะตอบสนองอย่างทันท่วงที ซูฮยอคหลบกำปั้นของอินซูได้รึเปล่า? แต่มันไม่สำคัญว่าเขาจะหลบได้หรือไม่ก็ตาม

ซูฮยอคคว้าเก้าอี้ของเขาแน่น โดยหันหัวหลบกำปั้นไปด้านหลังขณะที่นั่งอยู่ เขาตั้งใจที่จะใช้เก้าอี้เป็นอาวุธ ‘ให้ฉันเอาคืนอย่างสาสมกับคำพูดของไอ้ซูฮยอคหน้าโง่ที่ฉันต้องเจอเมื่อกี้หน่อยเถอะ!’

อินซูง้างหมัดมาจากด้านหลัง มือของเขากำแน่นราวกับหินก้อนใหญ่ที่พร้อมจะพุ่งเข้ากับใบหน้าของซูฮยอค ซูฮยอคยืนตัวแข็งนิ่ง หลับตาสนิทด้วยความกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

แล้วหมัดของอินซูก็หยุดลงก่อนที่จะถึงหน้าของซูฮยอค

‘ทำไมยืนตัวแข็งทื่อไปซะอย่านั้นล่ะ?’

อินซู เดินเข้าหา ซูฮยอคทันทีและตบไหล่เบา ๆ จากนั้นเขาก็หยิบถ้วยหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆเขาขึ้นมาและเทชาจากแก้วให้  ไอน้ำร้อน ๆลอยม้วนขึ้นมาพร้อมกลิ่นหอมละมุนจากถ้วยชา

‘ฉันหวังว่าความจำของนายจะกลับมาเร็ว ๆนี้นะเพื่อจะได้เลิกเข้าใจอะไร ๆผิดไปซักที’ อินซูพูด เขายื่นถ้วยน้ำชาให้กับ     ซูฮยอค

‘ดี ดื่มมันเข้าไปและนายจะรู้สึกดีขึ้น นายเคยชอบมัน’

‘ขอบใจ’ ซูฮยอคพูด ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ

เขาเข้าใจผิดจริง ๆหรอ? เขาควรทิ้งความเข้าใจเก่า ๆที่มีอยู่เกี่ยวกับพวกเพื่อน ๆและใช้วิธีการแบบอื่นดีไหม? เมื่อ ซูฮยอค จิบชาเสร็จก็วางถ้วยลง อินซูก็เริ่มเปิดปากถามขึ้น

‘ซูฮยอคนายว่าการแก้แค้นมันหมายความว่าอะไร? ฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร’ คิม อินซู แสดงรอยยิ้มน่าขนลุก

………………………………..………..………..………..………..………..………..……….

หลังจากเรียนเสร็จซูฮยอคก็ตรงกลับบ้าน เขาทิ้งตัวลงบนเตียง เขารู้สึกวิงเวียนและอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าเขาหลับตาลงเขาก็คงหลับได้เลยทันที มองไปที่หลอดไฟแล้วดวงตาทั้งคู่ก็ค่อย ๆหลับลง

‘นี่มัน…’

เขาไม่พบความอาฆาตพยาบาทจากสมาชิกคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเลย ไม่เพียงแค่พวกเพื่อน ๆในกลุ่มเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆด้วย มันดูราวกับว่าความคิดของเขากำลังยุ่งเหยิงและถูกดูดเข้าไปในหลุมดำซูฮยอคผลอยหลับไป

………………………………..………..………..………..………..………..………..……….

ไม่นานเขาตื่นขึ้นมา เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะและหยิบไดอารี่ออกมา เขาตั้งใจที่จะอ่านมันอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ในขณะนั้นมีบางสิ่งที่อยู่ในลิ้นชักสะดุดตาซูฮยอค มันเป็นกระดาษที่ห่อยาไว้ ‘นี่คืออะไร?’ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบมาก่อนซูฮยอคใช้มือแกะห่อดู

แล้วตอนนั้นเองในหัวของเขาก็ปวดขึ้นมาอย่างรุนแรงทำให้เกิดฉากบางอย่างจากอดีต : เขาบดยาให้เป็นผงและเทลงในแก้วด้วยรอยยิ้ม ‘แกกล้าทำกับเกรดของฉันได้อย่างไร? ไอ้เวรให้อะไรไปก็ไม่เคยได้กลับคืนมา! ที่ 1 ควรเป็นของฉัน!’ <ดื่มนี่สิ พวกมันบอกว่าจะช่วยให้จำสิ่งต่าง ๆได้แม่นยำมากขึ้น>  <ขอบใจมาก ซูฮยอคนายเป็นคนที่เราหันไปพึ่งได้เสมอ >

เศษเสี้ยวของความทรงจำที่วิ่งเข้ามาในหัวซูฮยอค เขากำลังปะติดปะต่อชิ้นส่วนจิ๊กซอทีละเล็กทีละน้อยนี้เข้าด้วยกัน ‘ฉันสอนหนังสือนายไปแล้ว นายต้องให้ฉันคืนบ้างอย่างน้อยแค่ของขวัญก็ยังดี’ ภาพทรงจำไหลมาอย่างต่อเนื่องไปที่บ้านอินซู ‘ทำไม! ทำไมเกรดของฉันถึงลดลง? ทำไม! ทำไม! ทั้งๆที่ฉันเรียนหนักมาตลอด! แต่ทำไมตามไอพวกโง่พวกนี้ไม่ทัน? ก็จริงอยู่ที่แค่เรียนตามโรงเรียนสอนพิเศษมันไม่พอหรอก ฉันคงต้องจ้างติวเตอร์ส่วนตัวมาบ้างแล้ว ถ้าฉันได้ติวเตอร์ค่าจ้างแพงมาเกรดของฉันคงเพิ่มอย่างรวดเร็ว' <แม่ครับ หาติวเตอร์ให้หน่อย> แม่ถอนหายใจ...’

ซูฮยอคถึงกับยืนอึ้งตัวแข็ง เมื่อเขาได้เห็นภาพความทรงจำที่เพิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเขา

‘คุณพระช่วย ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่เลยหลังจากที่...’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด