ตอนที่แล้วGolden Time - ตอนที่ 9 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGolden Time - ตอนที่ 11 [อ่านฟรี]

Golden Time - ตอนที่ 10 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 10

ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ผู้คนส่วนมากมักอธิบายอาการที่เป็นอยู่ว่าปวดไส้ติ่ง แต่การบอกถึงอาการปวดที่เป็นอยู่ที่ถูกต้องคือไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งอาการนี้จะมาพร้อมกับอาการปวดที่รุนแรงในช่องท้องด้านขวาล่าง

ซูฮยอคเอามือออกจากท้องของเธอด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล

“โอ้ยยย!”

เธอกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากความเจ็บปวดดูแย่ลงมากกว่าตอนใช้มือกดลงไปที่ช่องท้องเสียอีก สะท้อนถึงอาการปวดที่ผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบรู้สึก

“คุณรู้ตัวว่าป่วยเมื่อไหร่ครับ?”

อาการทั้งหมดที่แสดงออกมาทำให้แน่ใจว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ

“ฉันป่วยทุกวัน คุณคะฉันป่วย”

แค่ลำพังคำพูดของเธอซูฮยอคคงบอกไม่ได้มากว่าเธอต้องทุกข์ทนกับอาการนี้มานานแค่ไหนแล้ว

เธอจะมีอาการปวดตลอด 24 ชั่วโมงมีโอกาส 20% ที่อาจนำไปสู่ผนังไส้ติ่งทะลุและโอกาสจะเพิ่มขึ้นไปถึง 70% หลังจาก 48 ชั่วโมง

เธอทนทุกข์กับอาการมานานแค่ไหนแล้ว? ถ้าเกิดไส้ติ่งแตกจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาคือเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ทำให้ชีวิตผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน

‘ทำไมพวกเขาปล่อยให้อาการของเธอไม่ได้รับการรักษาเช่นนี้?

ถ้าใครก็ตามที่มาโรงพยาบาลแล้วบอกกับเจ้าหน้าที่ว่ามีอาการปวดท้องเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการวินิจฉัยของแพทย์ถ้าเกิดว่าเป็นอาการไส้ติ่งอักเสบ

เพราะซูฮยอคก็เคยมีประสบการณ์เดียวกัน

“ช่วยอดทนอีกสักหน่อยเถอะนะครับ”

ซูฮยอคตตะโกนว่า “ช่วยมาดูอาการของเธอตรงนี้หน่อยเถอะครับ!”

เจ้าหน้าที่บางคนที่ได้ยินก็หันมามองแต่ก็ไม่สนใจและกลับไปมุ่นอยู่กับการทำงานของตัวเองต่อ ดังนั้นซูฮยอคจึงตรงเข้าไปหาหมอที่ดูเหมือนจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้เลยด้วยตัวของเขาเองเพื่อให้หมอมาตรวจดูอาการของผู้ป่วยรายนี้

“ผู้ป่วยรายนี้ดูเหมือนว่าจะมีอาการไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ผมคิดว่าเธอควรได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน”

สายตาของหมอเคลื่อนไปตามนิ้วของซูฮยอคที่ชี้ไปทางจาง มัลซุก

เมื่อหมอเห็นเธอเข้าก็โพล่งก็หัวเราะออกมาทันทีและพูดว่า “ฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อน เป็นญาติ จาง มัลซุก หรอ?”

“นั่นมันไม่สำคัญ เธอมีอาการไส้ติ่ง...” ซูฮยอคตอบ

“เธอได้บอกนายเองว่าเธอมีอาการไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันรึเปล่า? แล้วเธอรู้จักศัพท์ทางการแพทย์นี้ได้อย่างไร? เธอแค่เอะอะโวยวายเท่านั้น เธอมาที่นี่ทุกวันบ่นเกี่ยวกับอาการเจ็บปวดของเธอและจากนั้นก็ขอนอนบนเตียงพักไข้  เดี๋ยวอีกไม่นานญาติของเธอจะมาที่นี่และถ้าคุณไม่ใช่ญาติของเธอ ผมก็อยากให้คุณออกจากสถานที่นี้ซะที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น”

ซูฮยอคขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันก็อาจเป็นไปได้ว่าหมออาจจะไม่ได้ตรวจดูอาการเธอเลยเนื่องจากที่แกล้งทำว่าป่วยซ้ำ ๆ

“ได้โปรดตรวจอาการเธอเถอะครับ อาการเธอน่าเป็นห่วงจริง ๆ” ซูฮยอคพูด

“เฮ้เด็กน้อย ฉันยุ่งจริงๆ นี่พยาบาลพาช่วยเด็กนักเรียนคนนี้ออกไปจากห้องนี้ที”

พยาบาลก็เข้ามาหาซูฮยอคทันที พูดกับเขาอย่างสุภาพและพาเขาออกไปหน้าห้อง

“นี่หนูน้อย เธอไม่ควรทำเช่นนั้นที่นี่เลยนะ เธอไม่ได้ไปโรงเรียนหรอ? ถ้าเธอไม่รีบล่ะก็จะสายเอานะ”

“ซูฮยอคสลัดมือของพยาบาลออกแล้วเอามือดึงชุดกาวน์ของหมอไว้และพูดว่า”

“แค่ตรวจอาการของผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องยากนี่ครับ ไปเช็คอาการของเธอเดี๋ยวนี้!”

หมอดึงซูฮยอคไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไร

“นี่เจ้าเด็กน้อย ขืนเธอยังทำอย่างนี้อยู่มันจะไม่เป็นผลดีกับตัวเธอเองนะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ กลับบ้านไปซะ!”

ซูฮยอคถึงกับใบหน้าถอดสีเพราะเสียงที่น่ากลัวของหมอ

การตรวจอาการของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่หมอต้องทำเป็นนิจอยู่แล้ว หากมีคนป่วยหมอจะต้องตรวจสอบอาการและทำการการรักษาให้ ซึ่งคุณมัลซุกที่มีความผิดปกติทางสติปัญญาก็เป็นกรณีเดียวกันที่ควรจะได้รับการปฏิบัติจากหมอทุกคน

หมอไม่ควรละเลยกับผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของตนเองแม้ว่าจะพวกเขาโกหกก็ตาม หมอควรจะประพฤติเช่นนั้น อย่างน้อยนั่นก็คือภาพของหมอที่ซูฮยอควาดไว้ว่าควรจะเป็น แต่กับหมอคนนี้ล่ะ?

“ผมเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์” ซูฮยอคพูด

หมอกวาดสายตามองซูฮยอคและโพล่งหัวเราะเสียงดังออกมา

“ใช่ฉันรู้ แล้วไงล่ะ?” หมอถาม

“ก็มีพาดหัวข่าวใหญ่หน้าหนังสือพิมพ์วันนี้ไงล่ะว่าหมอปล่อยให้ผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินต้องทรมานกับโรคร้ายโดยไม่แยแสและถูกจับกุมในที่สุด”

หมอขมวดคิ้วทันทีกับคำขู่ของซูฮยอคที่เขาเพิ่งพูดออกมา

“นี่เธอต้องการที่จะโทษฉันจริง ๆใช่ไหม?”

“ก่อนที่คุณจะว่าอะไรผม ขอแค่ตรวจอาการของเธอ!”

ซูฮยอคจ้องหมอไม่ละสายตา การถูกยั่วโมโหจากเด็กคนนี้ทำให้ดวงตาของหมอน่ากลัวยิ่งขึ้น หมอคว้ามือเขา

“ไอ้เด็กเวร!”

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

ซูฮยอคและหมอหันไปตามเสียงนั้นพร้อมๆกัน เสียงนั้นมาจากชายคนหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยกำลังเดินตรงไปมาหาพวกเขา เขาดูอ่อนโยนแต่หน้านิ่งไปหน่อยและเขาเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับการที่จะหยุดคนสองคนที่กำลังทะเลาะกันต่อหน้าแม่ของเขาที่จิตไม่ปกติ เธอคงรู้สึกประหลาดใจมากแน่ ๆ

“ทำไมคุณเพิ่งมาถึง?”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของหมอก็เริ่มที่จะกลับมาดูสดใสขึ้นอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ แค่เด็กคนนี้เข้ามาก่อเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เท่านั้นครับ”

“นี่ คุณมัลซุกต้องได้รับการผ่าตัดด่วนครับ!”

เมื่อซูฮยอคตะโกนชายคนนั้นก็หันไปดูแม่ของเขาที่กำลังนอนทรมานอยู่เตียง เขามองไปที่หน้าหมอ

“เธอเป็นอะไร?”

หมอเกาหัวของเขา

“เธอเอาแต่ร้องโอดโดยเกี่ยวกับอาการป่วยของเธอทั้ง ๆที่เธอแกล้งป่วยครับ ฮ่าๆๆ”

“คุณตรวจดูอาการเธอแล้วใช่ไหมถึงได้พูดอย่างนี้?”

หมอหันมาจ้องมองเธอ

“ก็เธอเป็นเช่นนี้ทุกวัน”

ชายคนนั้นพูดไม่ออก

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้ป่วยมีอาการตื่นตกใจและทำเสียงครวญครางตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากที่เธอแกล้งป่วยในครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้อาการที่เธอแสดงออกมาค่อนข้างแตกต่างจากครั้งก่อน หมอเริ่มขยับตัวเข้าไปหาเธอทันที แล้วเขาก็มองซูฮยอคด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปราวกับว่าเขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

เด็กคนนี้สามารถรู้ถึงอาการของมัลซุกได้อย่างไร?

“แม่ แม่เป็นอะไรมากมั้ย?”

ชายคนนั้นจับมือเธออย่างนุ่มนวลเป็นคนถาม อย่างไรก็ตามเธอจ้องมองแต่ซูฮยอคราวกับว่าเธอไม่รู้จักลูกชายของเธอเลย

“คุณคะ ฉันป่วย ลูกอม เอาลูกอมให้ฉัน!”

“เร็วเข้า! เตรียมการผ่าตัดทันที  พยาบาล!”

หมอรีบเรียกพยาบาล และก่อนหมอกำลังจะออกไปจากห้องพร้อมกับเธอ เขาก็คว้าข้อมือหมอไว้

และเขาก็พูดว่า “งานมันจะไม่เดินหากผมไม่ได้ให้เงินกับคุณใช่มั้ย ฮื้อ?”

แม่ของเขาที่มีภาวะสมองเสื่อมมานานแล้วตอนนี้เธอเหมือนกลับไปเป็นเด็กทารกอีกครั้งเธอต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด บางครั้งเธอก็หนีออกจากบ้านและมาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนี้เสมอ

อาจเป็นเพราะเธอคิดถึงสามีของเธอมาก สามีเธอเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุที่นี่หรอ? หรือแค่เพราะเธอคิดถึงเขามาก?

ลูกชายของเธอจ่ายเงินค่าจ้างให้กับหมอเป็นจำนวนมาก เขาให้เงินหมอกับคำขอว่าถ้าเธอมาที่นี่เธอควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนกว่าเขาจะมารับเธอกลับบ้าน ถึงเขาจะต้องเสียเงินไปจำนวนมากแต่ก็คงไม่สนใจเรื่องนี้เลยเพราะมันเป็นแค่ส่วนน้อยที่เสียไปจากเงินทั้งหมดที่เขามี

อย่างไรก็ตามหมอละเลยหน้าที่จนอาการแม่ของเขาแย่ลงจนต้องนำตัวเธอเข้ารับการผ่าตัดด่วน ชายคนนั้นพูดอย่างหนึ่งใกล้ ๆหูของหมอด้วยความเยือกเย็น

“หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับแม่ของผม ผมจะไม่รับประกันว่าจะมันจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

บทสนทนาระหว่างหมอและญาติผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเจอเรื่องที่วุ่นวายตามมาอีกถ้าเรื่องไปถึงตำรวจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับเงิน

หมอพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจและเข็นผู้ป่วยที่นอนทรมานอยู่บนเตียงไปที่ห้องผ่าตัดพร้อมกับพยาบาล

ต่อมาซูฮยอคและชายคนนั้นก็อยู่กันตามลำพังในห้องฉุกเฉิน ซูฮยอคถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นก็ลุกไปเพื่อเดินออกจากห้อง

“นี่นักเรียน!”

ขณะที่เขากำลังเดินไปที่ประตูเสียงของชายคนนั้นที่เรียกซูฮยอคก็หยุดเขาไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด