ตอนที่แล้วตอนที่ 141 โชคชะตาของหญิงสาวทั้ง 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 143 ต้องตาย

ตอนที่ 142 ความเกรี้ยวโกรธของซู่เหยียน


ตอนที่ 142 ความเกรี้ยวโกรธของซู่เหยียน

กลางเวหา หยางไค่พบเจอผู้คนที่คุ้นเคยจำนวนมากมาย

ซู่เหยียน เจี่ยหงเฉิน หล่างฉู่วเต่ก็อยู่ในกลางเวหานั้น คนอื่นๆล้วนเป็นคนที่เขาเคยพบเจอมาก่อน

คนเหล่านี้ ล้วนเป็นศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

กลุ่มแห่งนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณต่างหลบหนีอยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาหวาดกลัวต่อการต่อสู้ที่เกิดขึ้น และส่งเสียงที่โห่ร้องด้วยความยินดีในควาทุกข์ทรมาณของผู้อื่นออกมาอีกด้วย

พลังความแข็งแกร่งของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ซู่เหยียนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เงาร่างสีขาวที่เคลื่อนไหวไปมาบนกลางเวลา ล้วนมีหิมะที่หนาวเย็นโปรยปรายลงมาอย่างพื้นล่าง เงาร่างนั้นคือซู่เหยียนอย่างแน่นอน แต่มันไม่สามารถความเสียหายให้แก่สัตว์อสูรตัวนี้แม้แต่น้อย นางพยายามถึงขีดสุด ก็ทำได้เพียงใช้พลังลมปราณที่เยือกเย็นของนางหยุดยั้งความว่องไวของสัตว์อสูร เพื่อลดละความตายและความบาดเจ็บของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวเท่านั้น

สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก แม้ว่าความว่องไวของมันจะช้า แต่เกราะกระดองที่อยู่บนหลงของมันเป็นเกราะป้องกันที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมัน ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงไม่สามารถแม้แต่จะทำลายเกราะป้องกันของมัน

ในการต่อสู้ มีร่างศพจำนวนไม่น้อย ต่างเป็นร่างศพของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

เป็นศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวที่ทำให้มันเกรี้ยวโกรธ ? หู่เจี่ยวเอ่อขมวดคิ้วไปมาและกล่าวต่อ : ซู่เหยียนไม่ใช่คนเช่นนั้น !!

ในขณะที่กำลังสงสัย ชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความลุ่มหลงที่ปิดไม่มิด แต่เมื่อเขามองเห็นหญิงสาวทั้ง 2 ยืนเคียงข้างหยางไค่ด้วยความสนิทสนม เขาได้ขมวดคิ้วไว้แน่นในทันที

เจี่ยวเอ่อ ? เขามาถึงด้านหน้าของหญิงสาวทั้ง 2 เขาจ้องมองหญิงสาวทั้ง 2 โดยไม่รู้ว่าใครคือหู่เจี่ยวเอ่อ ก่อนจะใช้ความรู้สึกเพ่งมองไปยังหญิงสาวนางหนึ่ง

หล่งจ้วน เกิดอะไรขึ้น ? หญิงสาวอีกคนกล่าวถามอย่างกะทันหัน

ที่แท้เจ้าคือหู่เจี่ยวเอ่อ

หล่งจ้วนไม่แสดงท่าทีอึดอัดอีกต่อไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ : ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวสร้างความเกรี้ยวโกรธให้มัน และไม่รู้ว่าทำอย่างไร มันกลับโจมตีคนเหล่านี้อย่างไม่ลดล่ะ ดังนั้นจึงเกิดฉากเหตุการณ์เช่นนี้

ซู่เหยียนทำให้มันเกรี้ยวโกรธ ? หู่เจี่ยวเอ่อกล่าวถามอย่างเร่งรีบ

ไม่ใช่ซู่เหยียน แต่เป็นเจี่ยหงเฉิน !! หล่งจ้วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม : ในขณะที่สัตว์อสูรกำลังนอนกหลับ เจ้าโง่คนนี้นำพากลุ่มคนของเขาไปขโมยสมบัติวิเศษที่สัตว์อสูรตัวนี้เฝ้าปกป้อง ดังนั้นสัตว์อสูรจึงเกรี้ยวโกรธและอาละวาดขึ้นมาทันที กลุ่มคนที่เหลือต้องตายไปกว่าหลายคนกลุ่มคนที่เหลือจึงสามารถหนีรอดออกมาได้

ดวงตาของหยางไค่ประกายไปมา เขากล่าวขึ้นมา : เจี่ยหงเฉินได้รับสิ่งสมบัติวิเศษหรือเปล่า ?

หากว่าไม่ได้รับสมบัติวิเศษ จะทำให้สัตว์อสูรไล่ฆ่าพวกเขาอย่างไม่หยุดเช่นนี้ได้อย่างไร ?

หล่งจ้วนจ้องมองหยางไค่ด้วยแววตาที่เหยียดหยันและกล่าวอย่างรำคาญ : เจ้าเป็นใคร ?

ตอบคำถามเขาสิ ข้าอยากรู้เช่นกัน หู่เจี่ยวเอ่อหรี่ตามองไปยังหล่งจ้วน

หล่งจ้วนรีบเก็บปฏิกิริยาที่น่าเกลียดของเขา และกล่าวอย่างรวดเร็ว : ข้าไม่แน่ใจ จากกล่าวบอกเล่าของเจี่ยหงเฉิน สถานที่แห่งนั้นไร้ซึ่งสมบัติวิเศษ เมื่อสัตว์อสูรตัวนี้ออกมา ข้าได้เข้าไปตรวจสอบและพบว่ามันไร้ซึ่งสมบัติวิเศษดั่งที่เจี่ยหงเฉินกล่าวไว้

หู่เจี่ยวเอ่อหวเราะด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ซึ่งสมบัติวิเศษ มันต้องถูกเจี่ยหงเฉินยึดครองไปแล้วแน่ๆ เขาไม่เต็มใจที่จะนำมันออกมาก็เท่านั้น

หล่งจ้วนพยักหน้าเบาๆ : ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่หากว่าตอนนี้เจี่ยหงเฉินไม่นำมันออกมา ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวเหล่านี้ต้องพาลพลกับความเกรี้ยวโกรธของสัตว์อสูร ซู่เหยียนไม่ต้องการให้ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยตายและได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ นางจึงต้องเข้าร่วมการต่อสู้นี้อย่างช่วยไม่ได้ ความสามารถของหญิงสาวนางนี้แข็งแกร่งว่าเจี่ยหงเฉินอย่างมาก หากว่านางลงมือจริง คนเหล่านั้นคงตายทั้งหมด

ฮึ พึงพาหญิงสาวจึงสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้าย เจี่ยหงเฉินคงมีความสามารถเพียงเท่านี้ หู่เหม่ยเอ่อไม่สามารถปิดบังความเกลียดชังของตนเอง

ใช่ !!! หล่งจ้วนพยักหน้า : ข้าและฟางจือชิแห่งหอวายุพิรุณต่างคิดเช่นนี้ เดิมทีพวกเราคิดเข้าไปช่วยศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว แต่ไม่ว่าอย่างไรเจี่ยหงเฉินก็ไม่ยอมรับว่าเขาได้รับสมบัติวิเศษ มันน่ารังเกลียดยิ่งนัก

ทำไมพวกเขาจะไม่ทราบถึงความนัยที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในความพูด ? สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่าตัวนี้มีพลังที่แข็งแกร่ง แม้แต่ซู่เหยียนก็มิอาจที่ปราบปรามมันได้ นอกเสียจากการร่วมมือของทั้ง 3 สำนัก

แต่ เจี่ยหงเฉินไม่กล่าวตอบว่าเขาได้รับสมบัติวิเศษอะไรไป ทำไมพวกเราต้องช่วยเจ้า ? ความโง่เขลาในการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ศิษย์แห่งนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณไม่มีทางที่จะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

พวกเราสามารถช่วยเหลือ แต่อย่างน้อยต้องกล่าวบอกแก่พวกเรา ว่าเจ้าได้รับสิ่งใดกลับไป !! แล้วเจ้าจะสามารถแบ่งปันสิ่งใดให้แก่พวกเรา !!

ศิษย์แห่งนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณต่างเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ถอยห่าง เพราะพวกเขากำลังวางแผนบางสิ่งบางอย่าง หากว่าหอประลองยุทธุ์ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป พวกเขาจึงลงมือก็ยังไม่สาย

ดวงตาของหยางไค่จับจ้องไปยังเงาร่างสีขาวที่อยู่กลางเวหา สีหน้าของซู่เหยียนไม่สู้ดีนัก น่าจะเป็นเพราะนางต้องสูญเสียงพลังที่แท้จริงของตนเองไปเป็นจำนวนมาก แต่ความเป็นความตายของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวทั้งปวงขึ้นอยู่กับนางเพียงคนเดียว แล้วนางจะถอยกลับได้อย่างไร ?

หากนางถอยกลับ ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวต้องตายมากกว่า 10 คนอย่างแน่นอน

การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของสัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่าตัวนี้ ล้วนเป็นฝีมือของนาง

กลางเวหาที่ว่างเปล่า ซู่เหยียนเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรือนร่างที่พลิ้วไหวเสมือนผีเสื้อที่กำลังโบยบิน ทันใดนั้น เกล็ดหิมะน้ำแข็งพุ่งออกไปไปยังร่างกายของสัตว์อสูร

คากคากฉากฉาก เกล็ดหิมะเริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ มันเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก เกราะกระดองที่อยู่บนหลังของมันถูกเกล็ดหิมะจำนวนมากมายปกคลุมเอาไว้เสมือนชั้นน้ำแข็งที่หนาแน่น เมื่อมีการโจมตีเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรช้าลงกว่าครั้งที่แล้ว

การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าไปยังร่างกายของสัตว์อสูร มันสามารถสร้างรอยถลอกเพียงจุดเล็ดๆบนเกราะกระดองนั้น โดยไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บให้แก่มันแม้แต่น้อย

แต่ใบหน้าของซู่เหยียนในตอนนี้เริ่มซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

เจี่ยหงเฉิน ข้าจะถามเจ้าครั้งสุดท้าย เจ้าเอาสิ่งใดมาจากมัน ? ดวงตาคู่งามของซู่เหยียนจ้องมองไปยังสัว์อสูร นางกล่าวถามเจี่ยหงเฉินโดยไม่หันกลับมา

เสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นดังขึ้นมา ทำให้ร่างกายของเจี่ยหงเฉินสั่นไปมาด้วยความหวาดกลัว

เขารับรู้ถึงความเกรี้ยวโกรธที่แฝงอยู่ในคำถามของซู่เหยียน !!

ซู่เหยียนไม่เคยเกรี้ยวโกรธ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิ่งเซี่ยวจำนวนมากมายต้องตายอย่างบริสุทธุ์ต่อเรื่องที่โง่เขลา ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวนางจะอยู่เฉยต่อไปได้อย่างไร ?

เจี่ยหงเฉินลังเล ต่อต้าน หวาดกลัว ตื่นกลัว การแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปมา แต่มันได้สงบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวตอบ : ซู่เหยียน แม้แต่เจ้ายังสงสัยในตัวข้า ? หากว่าข้าได้รับมันจริง ไม่มีทางที่ข้าจะไม่บอกเจ้า

เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของซู่เหยียนประกายด้วยความเกลียดชังและความเกรี้ยวโกรธสุดขีด เสียงที่บริสุทธุ์ เย็นสบายดังอยู่ข้างหูของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์ทุกคน : ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์ทุกคน ถอยกลับไปให้หมด !!

เมื่อไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรตัวนี้มีเพียงการหนีเท่านั้น !! แม้ว่าไม่รู้ว่ามันจะไล่ตามมาหรือไม่ แต่มันก็เป็นหนทางหนีที่เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

หลังจากเสียงของซู่เหยียนดังขึ้น ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวจำนวนเปิดใช้ท่าร่างของพวกเขาและหนีออกไปโดยไม่ลังเล

คนที่โจมตีอยู่กลางเวหาจึงลดน้อยลงอย่างมาก พวกเขาค่อยๆถอยหนีคนละคนสองคน แต่ยังมีศิษย์อีกจำนวนไม่น้อย ที่กำลังปลดปล่อยกระบวนท่าการโจมตีของพวกเขา

สีหน้าของซู่เหยียนเปลี่ยนแปลงเป็นความเคร่งขรึมและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ : ยังไม่หนีไปอีก !!

สิ้นเสียงคำกล่าวของซู่เหยียน ชั้นน้ำแข็งที่ผนึกร่างกายของสัตว์อสูรแตกสลายในทันที สัตว์อสูรเริ่มหลุดหนีจากพันธนาการ การเคลื่อนไหวของมันเริ่มว่องไวมากขึ้น

หางอันมหึมาของมันกวัดแกว่งไปมากลางเวหา ศิษย์ที่ไม่ยอมถอยหนีต่างถูกหางของมันเหวี่ยงจนร่วงลงมาจากกลางเวหา

ศิษย์จำนวนไม่กี่คนเมื่อถูกโจมตีด้วยหางของสัตว์อสูร ร่างกายของพวกเขาได้แตกสลายกลายเป็นชิ้นเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที

แต่ศิษย์จำนวนมากถูกหางของสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยลมวายุที่บ้าคลั่งพัดพาจนร่วงตกลงไปที่พื้นดิน

สัตว์อสูรคำรามด้วยความโกรธ เสมือนว่ามันมีพลังแห่งสวรรค์คอยเกื้อหนุน มันเริ่มย่างกรายอีกครั้ง ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองไปยังทิศทางของซู่เหยียน !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด