ตอนที่แล้วตอนที่ 138 การแลกเปลี่ยน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 140 โสมปีศาจหยินหยาง

ตอนที่ 139 ควบคุมมารปฐพี


ตอนที่ 139 ควบคุมมารปฐพี

ดังนั้น ใบหน้าจึงจ้องมองหยางไค่ด้วยความชื่นชม

พลังลมปราณที่ไม่มีวันหมดสิ้น อาจทำให้เขาเหนื่อยล้าในการฟื้นคืนลมปราณเท่านั้น

กลุยทธุ์หยางเป็นเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดและมีความคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาแห่งดวงดาวนี้ ที่ล้วนมีความเหนื่อยล้าในระหว่างที่ฝึกฝน แต่ว่าความเหนื่อยล้าของกยุทธุ์หยาง คือการรวบรวมพลังลมปราณในร่างกายและแปรสภาพให้มันเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยาง และกักเก็บอยู่ภายในจุดตันเถียน และเคล็ดวิชาแห่งดวงดาว คือการเคลื่อนไหวพลังลมปราณไปยังรูปห้วงมิติของดวงดาว และรอวันที่มันแสดงอำนาจพลังที่แท้จริงของมันออกมา

แต่มันยังมีส่วนแตกต่าง ภายในจุดตันเถียนไร้ซึ่งขีดจำกัดในการกักเก็บหยดน้ำพลังลมปราณหยาง หรืออาจจะกล่าวได้เช่นนี้ หากว่ามีเงื่อนไขที่เหมาะสม หยางไค่ต้องการจะกักเก็บหยดน้ำพลังลมปราณหยางเป็นจำนวนเท่าใดก็สามารถทำได้ดั่งใจต้องการ

แต่ห้วงมิติที่อยู่ภายใต้ดวงดาว มันมีขีดจำกัดของมัน

หยางไค่พยายามกว่า 2 วันในการหลอมละลายหยดน้ำพลังลมปราณหยางเป็นพลังลมปราณที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย เขารู้สึกว่าห้วงมิติแห่งดวงดาวที่อยู่ภายใต้ฝ่ามือของเขากำลังถึงจุดอิ่มตัว

2 วันที่ผ่านมา หยางไค่ทำการเคลื่อนไหวพลังลมปราณและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง เขาจึงไม่ได้สนใจกับปริมาณที่อยู่ในห้วงมิติแห่งดวงดาว พลังลมปราณในร่างกายจึงหลอมผสานกับห้วงมิติแห่งดวงดาวด้วยตัวของมันเอง

มันเป็นเรื่องที่ดี ในช่วงเวลาที่ฝึกฝนวิชายุทธุ์ เคล็ดวิชานี้จะสะสมพลังลมปราณด้วยตัวของมันตลอดเวลา โดยตนเองไม่ต้องเสียเวลาในการเคลื่อนไหวพลังเพื่อส่งไปยังห้วงมิติแห่งดวงดาวนั้น

2 วันผ่านไป หยางไค่ลืมตาขึ้นมา ก้มหน้ามองไปยังหลังมือของตนเอง รูปดวงดาวที่สลักอยู่บนหลังมือของหยางไค่เริ่มชัดเจนมากขึ้น หากมองผ่านรูปแห่งดวงดาวนี้สามารถมองเห็นภาพที่น่าอัศจรรย์ มันคล้ายคลึงกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ถูกผนึกไว้บนหลังมือของหยางไค่

เมื่อความคิดอ่านในใจเคลื่อนไหว รูปแห่งดวงดาวพลันหายไปซึ่งมันได้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เนื้อหนังของหยางไค่

หยางไค่ถอนหายใจออกมา รูปแห่งดวงดาวนี้งดงามเกินไป หากปล่อยมันไว้บนหลังมือ หากผู้อื่นพบเห็นต้องเกิดคำถามและความสงสัยอย่างแน่นอน

เมื่อนิ่งงั้นได้สักครู่ หยางไค่กล่าวถามอย่างกะทันหัน : ในความทรงจำของเจ้าเคล็ดวิชานี้ชื่อว่าอะไร?

จอมยุทธุ์หนุ่ม ข้าจำไม่ได้ น้ำเสียงลดความหวาดกลัวจากเดิมอย่างมาก แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือความเคารพเชื่อฟังคำสั่ง

ดวงตาของหยางไค่ประกายไปมา เขาไม่รู้ว่า 2 วันที่ผ่านมาเขานำพาความตกตะลึงให้แก่ใบหน้ามากมายเท่าไหร่ เพราะความตกตะลึงนี้ ใบหน้าจึงไม่กล้าที่จะดูถูกความสามารถของหยางไค่อีกต่อไป

ข้าให้โอกาสเจ้า 1 หน ให้เจ้าตั้งชื่อของมัน หยางไค่คิดชื่อของหมัดเปลวเพลิงผลาญสุริยันจนปวดหัว ตอนนี้มีคนที่สามารถใช้งาน เขาจึงมอบปัญหานี้ให้แก่ใบหน้า จอมปีศาจคนนี้ต้องมีอายุขัยที่ยืนยาว พบเจอกับสิ่งต่างๆมากมาย การตั้งชื่อเคล็ดวิชาแห่งดวงดารนี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ขอรับ !! เสียงนั้นเงียบไปเป็นเวลานาน ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง : ในเมื่อมันมีรูปของดวงดาว ในขณะที่ปล่ดปล่อยพลังอำนาจนี้ออกไป ดวงดาวจะเปล่งประกายแสงสว่างระยิบระยับงั้นเคล็ดวิชานี้ชื่อว่าผนึกดวงดารา ดีไหม ?

ผนึกดวงดารา ผนึกดวงดารา . หยางไค่กล่าวพึมพำไปมา ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวตอบ : ไม่เลว เคล็ดวิชานี้เรียกว่า ผนึกดวงดารา

ใบหน้ากล่าวตอบด้วยเสียงที่ดีใจ : ยินดีด้วยที่จอมยุทธุ์หนุ่มได้รับเคล็ดวิชาแห่งผนึกดวงดารา จากนี้ไปเก่งกาจในเรื่องของวิชายุทธุ์และมีศีลธรรมอันดี ช่วยเหลือมนุษย์ปถุนชนด้วยความซื้อสัตย์ อนาคตท่าการต่อสู้ของเจ้าจะไร้ซึ่งความปราชัย ไร้ซึ่งศัตรูในใต้หล้า !!

โอ้ว !! หยางไค่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน

ใบหน้าหยุดกล่าวในทันที เขารู้สึกว่าการประจบประแจงของตนเองค่อนข้างมากไป

เจ้าคิดหาหนทางรอดให้ตนเองได้หรือยัง ? หยางไค่กล่าวถามอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้นใบหน้าสั่นสะท้านไปมาด้วยความหวาดกลัว : หากว่าจอมยุทธุ์ไว้ชีวิตข้า ข้าจะมอบสมบัติลึกลับให้เจ้า 1 ชิ้น

หยางไค่กวาดสายตามองไปทั่ว 4 ทิศและกล่าวอย่างเฉยชา : เจ้ามีสมบัติลึกลับ

มันคงซ่อนเร้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ข้าฆ่าเจ้าข้าก็สามารถค้นหามันจนเจอ ทำไมข้าต้องไว้ชีวิตเจ้า ? กล่าวตามความจริงข้าไม่ต้องการไว้ชีวิตคนอย่างเจ้า และไม่กล้าที่จะให้เจ้ามีชีวิตต่อไป ดังนั้นการหลอมละลายเจ้าเป็นหนทางที่ดีที่สุด

ใบหน้ารีบกล่าวอย่างรวดเร็ว : จอมยุทธุ์หนุ่มโปรดไว้ชีวิตด้วย หากเจ้าไม่วางใจ ข้าจะนับถือเจ้าเป็นนายของข้า เพียงแค่จอมยุทธุ์หนุ่มไว้ชีวิตข้าและให้จิตวิญญานที่เหลืออยู่ในร่างกายของข้าอยู่ภายในร่างกายของเจ้า ความเป็นความตายของข้าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า จอมยุทธุ์หนุ่มเป็นผู้มีจิตใจเมตตา ทำไมท่านต้องหลอมละลายข้าด้วย ?

โอ้ว ? หยางไค่หวั่นไหวต่อคำกล่าวของเขา และกล่าว : ข้าจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นความจริงหรือคำโกหก

ใบหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น : แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าร่างกายของเจ้าแปลกประหลาดหรือมีความลึกลับเช่นไร แต่ความแปลกประหลาดและความลึกลับนี้ค่อยควบคุมข้าเอาไว้ ข้าจะกล้าโกหกเจ้าได้อย่างไร ?

หยางไค่นิ่งโดยไม่กล่าวตอบ เขาไม่ต้องการที่จะไว้ชีวิตปีศาจตนนี้ เขาต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ หากฆ่าเขาก็น่าเสียดายยิ่งนัก

อย่างน้อยที่สุดก่อนที่เขาจะได้รับข้อมูลบางอย่าง หยางไค่ไม่มีวันที่จะฆ่าเขาอย่างแน่นอน

การนิ่งเงียบของหยางไค่ทำให้ใบหน้ากระวนกระวายตลอดเวลา เขากล่าวอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่น่าเวทนา : จอมยุทธุ์หนุ่ม ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าสามารถแสดงอำนาจพลังของสมบัติลึกลับ แต่มีสิ่งที่เจ้าไม่ทราบ สมบัติลึกลับชิ้นนั้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่หากไม่มีใคร แม้ว่าจอมยุทธุ์จะครอบครองมันก็มิอาจที่จะใช้มันได้

เพราะเหตุใด ? หยางไค่กล่าวถาม

เพราะสมบัติลึกลับนั้น เป็นสมบัติแห่งปีศาจที่ชั่วร้าย !! หากไม่มีจิตวิญญาณของข้าที่เชื่อมโยงและคอยยั้บยั้งพลังของมัน จากพลังลมปราณเฉพาะทางของเจ้า ไม่สามารถจะเปิดใช้งานมันได้

หยางไค่ถอนหายใจออกมา เขาขมวดคิ้วไว้แน่น ก่อนจะนิ่งไปอีกครั้ง

ใบหน้าทราบถึงความเป็นความตายของตนเอง เขามิกล้าที่จะกล่าวต่อ เพื่อสร้างความรำคาญให้แก่หยางไค่ แต่จิตใจที่กระวนกระวายไม่มีทางที่จะสงบลงได้

หลังจากที่ผ่านไปอย่างยาวนาน หยางไค่จึงกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน : ข้าจะให้เจ้านับถือข้าเป็นายของเจ้า เจ้าต้องทำอย่างไร ?

จิตใจที่กระวนกระวายของใบหน้าผ่อนปรนลงในทันที เขากล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ : นายท่านโปรดผ่อนคลาย ข้าจะเข้าไปยังจิตใต้สำนึกของท่าน เพื่อดึงเส้นแห่งการรับรู้ทางจิตวิญญญานออกมา เพื่อเชื่อมมายังร่างกายของข้า

มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มด้วยความเยือกเย็น

ใบหน้ารีบกล่าวอธิบายอย่างเร่งรีบ : นายน้อยเขตแดนของท่านยังไม่ถึงขั้นเทพสวรรค์ ท่านไม่สามารถใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของตนเอง นายน้อยได้โปรดเชื่อมั่นในความภักดิ์ของข้าด้วยเถอะ

เชิญ !! เมื่อหยางไค่กล่าวจบ เขาได้ผ่อนคลายสิ่งต่างๆในทันที

จิตใจของใบหน้าค่อนข้างหวาดกลัว เขาเลื่อมใส่ต่อการตัดสินใจของหยางไค่ เขามองหยางไค่ด้วยความเคารพอีกขั้น หากว่าเป็นผู้อื่น ในตอนนี้พวกเขาอาจตื่นตะลึงจนเสียสติ พวกเขาคงไม่เป็นอย่างหยางไค่ที่มั่นคงเช่นนี้

แต่เขาไม่ต้องกังวลถึงสิ่งอื่นๆ ครั้งที่แล้วที่ตนเองพุ่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขากลับถูกพลังกำลังที่ยิ่งใหญ่ดูดกลืนเข้าไป หากตนเองยังกล้าที่จะทำเช่นนี้อีกครั้ง เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าคิดร้ายต่อหยางไค่ เขาค่อยๆเข้าสู่จิตใต้สำนึกของหยางไค่ เชื่อมโยงจเส้นแห่งจิตวิญญาณ เข้าสู่จิตวิญญาณของตนเอง

ผ่านไปอย่างยาวนาน ใบหน้าจึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง : นายน้อย จากวันนี้ ความเป็นความตายของข้า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายน้อย

หยางไค่ลืมตา ใช้จิตใจสัมผัส พบว่าเขาและใบหน้ามีความสัมพันธุ์ที่เพิ่มมากขึ้นอีกขั้น แต่ว่าการเชื่อมโยงเช่นนี้ ตนเองกลับสามารถควบคุมฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์

ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าฟื้นฟูขึ้นอย่างมาก ? หยางไค่กล่าวถามอย่างมีเลศนัย

ใบหน้ากล่าว : เมื่อเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของนายน้อย เป็นธรรมดาที่จะฟื้นคืน แต่ว่านายท่านไม่ต้องกังวล เส้นแห่งจิตวิญญานเส้นนี้ท่านสามารถริบรอนกลับไปได้ตลอด มันไม่ทำให้ท่านต้องสูญเสียอย่างแน่นอน

หยางไค่กล่าวพึมพำอย่างเยือกเย็น

ใบหน้าส่งเสียงโหยหวนออกมา เสมือนว่ากำลังถูกต้มอยู่หม้อน้ำมันที่ร้อนระอุ

นายน้อยได้โปรดเมตตา ไว้ชีวิตด้วย คำกล่าวที่ข้ากล่าวไปล้วนเป็นความจริง ไม่เคยปิดบังนายน้อยแม้แต่คำเดียว ใบหน้ากล่าวอ้อนวอน ใบหน้าแสดงออกอย่างหวาดกลัวถึงขีดสุด เหมือนตายทั้งเป็น กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ภายในร่างกายของหยางไค่อย่างน่าเวทนา

หลังจากที่ทรมาณใบหน้าจนเสร็จสิ้น หยางไค่จึงปล่อยเขาไป ก่อนจะกล่าวเตือนด้วยเสียงที่แผ่วเบา : ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากว่าเจ้ากล้าแม้แต่จะคิดร้ายต่อข้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะใช้วิธีการเมื่อสักครู่ เพื่อให้เจ้าลิ้มรสการล่วงเกินข้าว่าเป็นอย่างไร !!

ข้า ไม่กล้า !! เสียงของใบหน้าสั่นเครือ หลังจากใกล้ชิดกันได้สักระยะ เขาพบนิสัยอีกหนึ่งประการของหยางไค่ นั่นก็คือ ความโหดเหี้ยม !!

หลังจากที่สามารถคุมบังเหียนใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ หยางไค่จึงวางใจลงอย่างมาก

เจ้าชื่ออะไร ? ในวันต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไร? หยางไค่กล่าวถาม

ใบหน้านิ่งไปสักครู่ก่อนจะกล่าวตอบ : ข้าชื่ออะไร ข้าจำไมได้ แต่ข้าจำได้ว่ามีคนเคยกล่าวเรียกข้า มารปฐพี !! และไม่รู้ว่ามันเป็นชื่อของข้าหรือฉายาของข้ากันแน่

มารปฐพี !! หยางไค่พยักหน้า : เป็นมารอย่างที่คาดคิดเอาไว้

มารปฐพีหัวเราะด้วยความอึดอัด : มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานาน จากวันนี้เป็นต้นไปข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยเพียงผู้เดียว

แล้วสมบัติลึกลับที่เจ้ากล่าวถึงล่ะ ?

นายน้อย มันอยู่ในกระดูกโบราณของข้า

จากการชี้แนะของมารปฐพี หยางไค่เริ่มค้นหาสมบัติลึกลับจากกระดูกโบราณนั้น เขาได้ดึงกระดูกชิ้นหนึ่งที่อยู่บนทรวงอกของกระดูกโบราณ เพราะกระดูกชิ้นนี้แตกต่างจากกระดูกชิ้นอื่นๆ กระดูกชิ้นนี้มีสีดำมืด เมื่อเสี้ยวินาทีที่หยางไค่สัมผัสกระดูกชิ้นนี้ หยางไค่ได้ยินเสียงโหยหวนของภูติวิญญาณ ตรงหน้าเต็มไปด้วยความมืดมน

กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่แข็งแกร่งอย่างมาก !! ใบหน้าขอหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

มารปฐพีกล่าว : สมบัติชิ้นนี้เรียกว่าเข็มสลายวิญญาณ มันถูกข้าหลอมละลายกลายเป็นกระดูกในตัวข้า มันคงเอาชีวิตคนไปมากมาย ดังนั้นกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายของมันจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง

หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น : ในขณะที่หลอมละลายมัน คงใช้จิตวิญญาณของมนุษย์ไม่น้อยสิน่ะ ?

มารปฐพีหัวเราะอย่างเหือดแห้ง : นายน้อยผู้ชาญฉลาด มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นสมบัติชิ้นนี้จึงไม่เหมาะสมที่นายน้อยจะครอบครอง หากว่าท่านยังดื้อดึงที่จะหลอมละอายมัน มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่าน แต่มีจิตวิญญานเทพสวรรค์ของข้าที่คอยยับยั้นความชั่วร้ายของมัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้ แต่ต้องสูญเสียพลังลมปราณไปก็เท่านั้น แต่มันหลับใหลเป็นเวลานาน อำนาจพลังแห่งการฆ่าของมันที่สามารถปลดปล่อยออกมาได้คงไม่แข็งแกร่งมากเท่าใด

หยางไค่พยักหน้า เขาสามารถสัมผัสได้ สมบัติลึกลับชิ้นนี้เป็นสมบัติวิเศษขั้นปฐพีระดับต่ำในการโจมตี แม้ว่าความแข็งแกร่งของมันจะไม่สูงมาก ผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่ง สามารถที่จะต้านทานการโจมตีของมันได้อย่างไม่ยาก

จะเก็บรวบรวมมันได้อย่างไร ?

มารปฐพีรีบกล่าววิธีการควบคุมมันได้ให้แก่หยางไค่

หลังจากที่พยายามกว่าหลายวัน หยางไค่จึงสามารถยึดครองสมบัติชิ้นนี้เป็นของตนเอง กระดูกสีดำชิ้นนี้ตอนนี้มันได้ถูกหลอมละลายกลายเป็นกลิ่นอายสีดำมืดห่อหุ้มอยู่ปลายนิ้วของหยางไค่ เสมือนว่ามันมีจิตวิญญาณสามารถโบยบินไปมา หยางไค่ยังสามารถสัมผัสได้ว่ามันมีความเชื่อมโยงกับตนเอง แต่มันก็มีจิตวิญญาณเทพสวรรค์ของมารปฐพีอยู่กึ่งกลางซึ่งกันและกัน

หลังจากที่ทดสอบมาหลายครั้ง จิตใจของหยางไค่มีความคุ้นชิน

มันไม่ผิดจาการคาดเดาของตนเอง เข็มสลายวิญญานสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจแห่งสมบัติวิเศษที่อยู่ในขั้นปฐพีระดับล่าง นอกจากนั้นการเปิดใช้พลังอำนาจของมันยังสูญเสียพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก เพราะต้องผ่านจุดกึ่งกลางของมารปฐพี ดังนั้นมันจึงสิ้นเปลืองพลังลมปราณอย่างมาก

มารปฐพีกล่าว : นายน้อยหากว่าท่านต้องการหลอมละลายมันก็สามารถทำได้ แต่มันต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างมาก

ในขณะที่กล่าวคำพูดนี้ จิตใจของมารปฐพีสั่นไหวไปมา เขากลัวว่าหยางไค่จะกล่าวตอบตกลง แต่เขาก็มิอาจที่จะไม่กล่าวมันออกไป

ข้าไม่หลอมละลายมัน หลังจากนี้มีเจ้าที่คอยควบคุมมัน

ขอบคุณนายท่าน มารปฐพีทราบซึ้งจน้ำตาไหล

หยางไค่ไม่หลอมละลายมัน นั่นหมายความว่ามารปฐพีสามารถเข้าไปอยู่ในสมบัติลึกลับชิ้นนี้ เขาไม่ต้องอาศัยอยูภายในร่างกายที่มีกระดูกทองคำของหยางไค่ด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป ร่างกายอยู่ห่างจากกระดูกทองคำ มารปฐพีจะรู้สึกว่าตนเองมีเนื้อหนัง มันช่างโล่งโปร่งยิ่งกว่าสิ่งใด

?

หยางไค่เก็บกลิ่นอายสีดำมืดเข้าไปภายในร่างกาย มารปฐพีได้พุ่งออกมาจากกระดูกทองคำอย่างไม่รู้ตัว และซ่อนเร้นตนเองอยู่ภายในเข็มสลายวิญญาน

หยางไค่สำรวจบริเวณนี้อีกรอบ และพบว่าไม่มีสิ่งอื่นนอกจากลูกแก้วที่ประกายแสงสว่างระยิบระยับ

เจ้ามีสมบัติวิเศษเช่นนี้เพียงชิ้นเดียว ? หยางไค่ยังไม่พึงพอใจ ขณะที่มารปฐพียังมีชีวิตเขาต้องเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ไม่มีเหตุผลที่จะเหลือเข็มสลายวิญญานเพียงชิ้นเดียว

มารปฐพีกล่าวอย่างขมขื่น : ยังมีสิ่งที่นายน้อยไม่ทราบ ก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้เกิดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่จนสะเทือนสวรรค์สะเทือนปฐพี ข้าเองก็อยู่ในการต่อสู้นั้นด้วย สมบัติชิ้นอื่นๆถูกทำลายจนหมด ซึ่งเหลือเพียงเข็มสลายวิญญานที่ถูกหลอมเป็นกระดูกในทรวงอกของข้าเพียงชิ้นเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด