ตอนที่แล้วตอนที่ 136 พบเจอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 138 การแลกเปลี่ยน

ตอนที่ 137 ไม่ฆ่าเจ้ามีข้อดีอย่างไร


ตอนที่ 137 ไม่ฆ่าเจ้ามีข้อดีอย่างไร

ศิษย์สาวกทั้ง 3 สำนักกว่าพันๆ คน ต่างรวมตัวกัน เข้าสู่ถ้าสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ เพื่อค้นหามรกดกอันลึกลับและวิเศษ อาจกล่าวได้ว่า ใครก็ตามที่เข้ามาถึงถ้ำสวรรคืแห่งมรดกฟ้าสวรรค์แห่งนี้ หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายจนถึงแก่ความตาย หลังจากนี้ในอนาคตเขาจะกล่าวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเกียรติยศและมีแต่คนเคารพเทิดทูญอย่างสูงสุด

หยางไค่ไม่คาดหวังว่าตนเองจะได้รับมรกดอันลึกลับกลับไปหรือไม่ การที่เข้ามายังถ้ำสวรรค์แห่งนี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆทั่วไปที่ต้องการเพียงสมบัติวิเศษเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเข้ายังถ้ำสวรรค์แห่งนี้ พวกเขาต่างสนใจเกี่ยวกับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่า

ในเวลานี้เสียงนี้กล่าวว่าเขาเป็นผู้สร้างถ้ำสวรรค์แห่งนี้ หยางไค่ที่มีจิตใจแน่วแน่มั่นคงจะไม่สั่นไหวกับคำกล่าวนั้นได้อย่างไร

เสียงนั้นไม่ได้กล่าวตอบในทันที หลังจากนั้นสักครู่เสียงนั้นจึงดังขึ้นมาอีกครั้ง : ใช่ ข้าเป็นสร้างถ้ำสวรรค์แห่งนี้ !! เจ้าเด็กหนุ่ม เจ้าต้องการมรดกของข้าหรือไม่ ?

หยางไค่ไม่กล่าวตอบ เขาขมวดคิ้วไว้แน่น และกำลังพิจารณาความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวนี้

ข้าเฝ้าดูเจ้าและพบว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ คงจะถูกผู้อื่นโจมตีทำร้าย ? เสียงนั้นกล่าวต่ออย่างต่อเนื่อง : เจ้าอยากแก้แค้น ? อยากฆ่าคนที่ทำร้ายเจ้า เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะสามารถล่วงเกินได้อีกต่อไปหรือไม่ ?

เสียงหยาบกระด้างดังอยู่ข้างหูของหยางไค่ คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างเชื่องช้า ช้าจนหยางไค่ไม่สามารถสัมผัสและตรวจสอบมันได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ หยางไค่พยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและกล่าวตอบอย่างช้าๆ : อยาก !!

จิตใจของเจ้ามีความแค้นและความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ภายใน คนธรรมดาสามัญทั่วไปมิอาจมองเห็นหรือสัมผัสถึงความแค้นนี้ได้ !! เจ้าอยากเป็นผู้แข็งแกร่ง เจ้าอยากให้คนที่ดูหมิ่นเย้ยหยันจากเสียงใจจากการกระทำของพวกเขา ใช่ไหม ?

การแสดงออกของหยางไค่มีการลังเลและต่อต้าน เขาขมวดคิ้วไว้อย่างแน่หนา ระหว่างคิ้วของเขามีรอยของเส้นเลือดที่ปูดออกมาราวกับว่าเขากำลังดิ้นรอต่อบางสิ่งบางอย่าง แม้ว่าคำกล่าวนี้ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม แต่จิตใจที่อยู๋ในส่วนลึกกลับเห็นด้วยกันมัน

ใช่ เสียงของหยางไค่ค่อนข้างเบาบาง

ข้าสามารถทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง !! ให้ความฝันของเจ้าเป็นจริง เจ้าจะยอมรับการสืบทอดมรดกของข้าหรือไม่ ? เสียงนั้นค่อนข้างจูงใจอย่างมาก

หากเจ้ายอมรับให้พยักหน้า ข้าจะมอบสืบทอดมรดกวิชาความรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่เจ้า !! สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับเจ้า

ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ?

เพียงแค่การพยักหน้า มันง่ายสำหรับเจ้า .

หากเจ้าปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป เจ้าต้องเสียใจกับมันไปตลอดชีวิต .

เสียงแล้วเสียงเล่า เสมือนเม็ดฝนที่โปรยปราย เสมือนลมวายุที่พัดผ่านเข้าไปยังห้วงจิตใต้สำนึกของหยางไค่ ซึ่งเต็มไปด้วยความล่อลวงที่ไม่สามารถเปรียบเปรยได้

ดวงตาของหยางไค่เต็มไปด้วยความสับสน หัวสมองของเขาหมุนวนไปมา ปากของเขายังสั่นไหวไปมาอย่างไม่หยุด ราวกับว่าเขากำลังจะตอบรับคำกล่าวของเสียงนั้น แต่ทันใดนั้น เสียงอึดอัดที่อึมครึมของหยางไค่ดังขึ้น ดวงตาของหยางไค่กลับหวนคืนความสว่างและความมีสติ ใบหน้าแสดงออกดวความหวาดกลัว บนหน้าผากยังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อสักครู๋ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีการใด จึงทำให้เขาเกือบจะตอบรับคำขอของเขา

เอ๋ ? น้ำเสียงนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดใจ กัดลิ้นตนเอง โดยใช้ความเจ็บปวดกระตุ้นตัวเองให้มีสติอยู่เสมอ จิตวิญญาณของเจ้าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก !!

ฮึ่ม !! ท่านเป็นใครกันแน่ เมื่อสักครู๋ท่านใช้วิธีการใดจึงสามารถปลุกปั้นจิตใจของข้าให้หลงเชื่อความพูดของท่าน ? หยางไค่กล่าวถามอย่างเยือกเย็น

สามารถสัมผัสได้ถึงขั้นนี้ เจ้าเด็กหนุ่มเจ้าช่างชาญฉลาดและร้ายกาจอย่างมาก !! ส่วนคำถามที่ข้าเป็นใคร .ข้าเป็นใคร ?

เจ้าจะกล่าวบอกหรือไม่ เจ้าก็คือเขา !! สายตาของหยางไค่จ้องมองไปยังโครงกระดูกโบราณ ภายในดวงตาของหยางไค่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว : ข้าเคยได้ยิน ยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ เมื่อเขาสามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์จนมีความรู้สึกทางด้านจิตวิญญาณแห่งเทพสวรรค์ แม้ว่าร่างกายที่เป็นเนื้อหนางจะสูญสลาย แต่หากว่าจิตวิญญาณยังไม่สลาย เขาจะสามารถค้นหาร่างกายที่เหมาะสมและยึดครองร่างกายร่างนั้น !! ในช่วงหลายปีก่อนๆท่านคงตายจากเงื้อมมือของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง เวลานี้ท่านต้งอการร่างกายของข้า ? เจ้าพยายามล่อลวงจิตใจและจิตวิญญาณของเข้า เพราะจุดมุ่งหมายนี้ !!

เมื่อหยางไค่กล่าวคำพูดนี้ออกไป เสียงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานานเสียงนั้นหัวเราะด้วยความเกรี้ยวกราด : ร้ายกาจ ร้ายกาจ !! เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 สามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปลอดโปร่ง เป็นความโชคดีแห่งใต้หล้าที่มีคนที่มีพรสวรรค์และอัจฉริยะเช่นนี้ ข้าชื่นชม !!

ระหว่างที่กล่าว เสียงนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น : ในเมื่อเจ้าทราบถึงจุดนี้ เจ้าไม่หวาดกลัวหรือไร ?

หยางไค่หัวเราะอย่างเย้ยหยัย : ทำไมข้าต้องหวาดกลัว ? หากท่านแข็งแกร่งและมีวีการในการสยบจิตใจของข้า เพื่อยึดครองร่างกายของข้า ท่านจะกล่าวคำพูดที่ไร้สาระเช่นนี้ทำไม ? ไม่จำเป็นที่ท่านต้องกล่าววาจาล่อลวงข้า เพื่อให้ข้าตกหลุมพรางของท่าน ท่านเป็นยอดฝีมือ ท่านต้องมีวิชายุทธุ์ วิธีการที่สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่ .มันเกิดขึ้นเมื่อท่านยังมีชีวิต !! ท่านในเวลานี้ เป็นเพียงภูติวิญญาณที่หลอกหลอนผู้อื่นเท่านั้น !!

ท่านกล่าวมา ว่าทำไมข้าต้องหวาดกลัวท่าน ? หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น : แต่ในทางกลับกัน หากข้าสามารถค้นพบสถานที่ซ่อนเร้นจิตวิญญาณของท่าน ท่านคิดว่า

เจ้าเด็กหนุ่ม เจ้าดื้อรั้นเกินไป เสียงนั้นกล่าวอย่างเยือกเย็น : เจ้าคิดว่าข้ากล่าวคำพูดที่ไร้สาระกับเจ้า เพียงเพราะต้องล่อลวงเจ้าให้ตกหลุมพราง ? ฮ๋าฮ่า จิตวิญญานแห่งเทพสวรรค์ของข้าเข้าไปยังจิตใต้สำนึกของเจ้ากว่า 3 ส่วน ในตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะต่อต้านก็มิอาจที่จะทำได้ ร่างกายของเจ้า ต้องถูกข้ายึดครองอย่างแน่นอน !!

เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของหยางไค่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก หยางไค่พุ่งหมัดโจมตีออกไปยังโครงกระดูกโบราณอย่างไม่ลังเลและกล่าวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ : อย่าคิดฝัน !!

โครงกระดูกโบราณที่อยู่ภายในถ้ำ แหลกสะลายเป็นเสี่ยงๆภายใต้หมัดที่หยางไค่พุ่งโจมตีออกไปอย่างรุนแรง

สีหน้าของหยางไค่ยังไม่ผ่อนปรน แต่มันกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

ช่างเด็ดขาด แต่เป้าหมายที่เจ้าเลือกทำลายไม่ถูกต้อง !! เสียงนั้นกล่าวอย่างโอหัง ทันใดนั้นลูกแก้วที่อยู่ตรงข้ามเปล่งเสียงประกายเป็นรูปทรงวงกลมออกมา ทันใดนั้นเสมือนว่าหยางไค่มองเห็นใบหน้าของคนคนหนึ่งที่โหดเหี้ยมพุ่งลอยออกมาจากลูกแก้วดวงนั้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ดำมึด เป็นดั่งวิญญาณที่ชั่วร้ายพุ่งเข้ามาหาหยางไค่

จิตวิญญาณเทพสวรรรค์ไม่ได้ซ่อนอยู๋ในโครงกระดูกโบราณ แต่มันซ่อนเร้นอยู่ภายในลูกแก้วที่เปล่งแสงประกาอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่หยางไค่กำลังจะลงมือโจมตี ใบหน้าที่พุ่งบินเข้ามาเป็นเพียงเสียงลม เสียงลมที่ดังอยู่ข้างหูของหยางไค่ ทำให้จิตใต้สำนึกของหยางไค่เจ็บปวดทุกข์ทรามาณเสมือนมีเข็มหลายพันหลายหมื่นเล่มกำลังทิ่มแทงอย่างรุนแรง

เสียงตะโกนที่โหยหวนดังขึ้น การกระทำของหยางไค่ไม่ได้หยุดลงเช่นเดียวกัน เขารู้ดีว่าเสียงที่ได้ยินมิใช่เสียงที่ปรุงแต่งขึ้น จิตใต้สำนึกของตนเองถูกพันธนาการจากเขา ไม่เช่นนั้นมันจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้อย่างไร

ในโอกาสที่เหมาะสม ใบหน้าที่แสะยิ้มพุ่งประสานเข้าไปยังร่างกายภายในของหยางไค่

ร่างกายของหยางไค่สั่นสะท้าน และยังแข็งทื่อไปทั่วร่างกาย แม้แต่การขยิบตาก็มิอาจที่จะกระทำได้ ราวกับว่าตนเองได้สูญเสียการควบคุมของร่างกายไปจนหมดสิ้น

เสียงดังขึ้นจากภายในร่างกายของหยางไค่ : ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเด็กน้อย คิดจะต่อต้านข้า !! ข้าจะทำลายจิตวิญญาณห้วงความคิดของเจ้า และยึดครองร่างกายของเจ้า !!

สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างหวาดกลัว แต่ดวงตาของเขาประกายแสงเห็นความไม่ยอมแพ้อย่างมั่นคง

อืม เจ้าเด็กน้อย ร่างกายของเจ้าค่อนข้างแย่ พลังความแข็งแกร่งของเจ้าค่อนข้างต่ำ แต่ช่างมัน ข้าสามารถใช้ร่างกายนี้ได้ชั่วคราว หลังจากนั้นไปค้นหาร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็ยังไม่สาย เจ้าวางใจ หลังจากที่ข้ายึดครองร่างกายของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ข้าจะช่วยสะสางความแค้นให้แก่เจ้าเอง ยอมศิริโรราบแต่โดยดี มันจะทำให้เจ้าเจ็บปวดน้อยลง ข้าเองไม่ต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ !!

ฝันไปเถอะ !! หยางไค่ส่งความคิดทางจิตวิญญาณไป

ฮ่าฮ่า ในเมื่อสถานการณ์มาถึงขึ้นนี้เจ้ายังจะต่อต้านไปทำไม ? การที่ข้าใช้ร่างกายของเจ้านับเป็นความโชคดีของเจ้า เจ้าเด็กน้อยเหตุใดเจ้าจึงไม่พึงพอใจเช่นนี้ ใบหน้านั้นได้ยินเสียงของหยางไค่ เขาจึงกล่าวตอบด้วยเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาด : ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอมที่จะร่วมมือกับข้า ข้าคงต้องใช้วิธีการในการกำราบเจ้า เจ้าต้องอดทนต่อการทรมาณจิตวิญญานของเจ้า คนธรรมดาสามัญมิอาจที่จะทนต่อความทุกข์ทรมาณนั้นได้ !

เขายังตักเตือนหยางไค่ด้วยความหวังดี ซึ่งไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใดศีรษะการรับรู้ทางจิตวิญญานและจิตใต้สำนึกต่างสั่นสะเทือนอย่างหนัก มันทุกข์ทรมาณยิ่งกว่าเสียงที่แทรกแซงเข้ามาในตอนแรกถึงพันเท่าหมื่นเท่า

ความทุกข์ทรมาณเช่นนี้ แตกต่างกับความทุกข์ทรมาณที่ถูกมีดกรีด ดาบทิ่มแทงแต่มันเป็นความทุกข์ทรมาณที่มากจากจิตวิญญาณเทพสวรรค์ เมื่อไม่สามารถควบคุมความทุกข์ทรมาณนี้ ทันใดนั้นหยางไค่ตะโกนด้วยเสียงที่โหยหวน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ชุ่มไปทั่วเสื้อผ้าที่สวมใส่ ร่างกายสั่นสะเทือนไปมายังรุนแรงและหนักหน่วงยิ่งขึ้น

รนหาความทุกข์ทรมาณเอง อย่าโทษข้าล่ะ ใบหน้านั้นกล่าวเย้ยหยันจากความทุกข์ทรมาณที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

หยางไค่รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ห้วงความคิด ความรู้สึกที่อยู่ในจิตใต้สำนึกหมุนเคว้งไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง เสมือนเทียนที่จุดประกายภายใต้พายุฝนที่รุนแรง เปลวเทียนสามารถดับได้ทุกเวลา มีเพียงดวงตาคู่นั้นของเขาที่แดงก่ำเสมือนสายเลือดที่ยังคงความอดทนและความไม่ยอมจำนน

อืม ? ใบหน้านั้นกล่าวสบทด้วยความประหลาดใจ : เจ้าสามารถต้านทานได้อย่างไร? ช่างประหลาดยิ่งนัก

ในระหว่างที่กล่าว หยางไค่สัมผัสถึงความอบอุ่นที่รุ้มร้อนซึ่งกำลังแผ่ซ่านออกมาจากกระดูกของเขา เมื่อความร้อนนี้แผ่ซ่านกระจายไปทั่วร่างกายทำให้จิตวิญญานของเขาสงบลง แม้แต่ความเจ็บปวดยังลดน้อยลงไปมาก

ในขณะเดียวกัน พลังแห่งการดูดซับขนาดมหึมาพุ่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขาทันที

มันคืออะไร ? ใบหน้านั้นกล่าวตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ราวกับว่ากำลังพบเจอกับสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวที่สุด เขาตื่นตกใจและกล่าวตะโกนด้วยเสียงที่โหยหวน : มันคืออะไร ? ไม่นะ ไม่ !! อ๊าก !!

หลังจากเสียงตะโกนโหยหวนของเขา จิตใต้สำนึกของหยางไค่พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที หยางไค่รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกดูดซึมเข้าสู่กระดูกทองคำของตนเอง

เมื่อร่างกายผ่อนปรนจากควาทุกข์ทรมาณ หยางไค่สูดลมหายใจและถอนหายใจอย่างเฮือกใหญ่

เหตุการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ใบหน้านั้นพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา ระยะเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ แต่หยางไค่รู้สึกว่ามันผ่านไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนานอย่างมาก

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดใบหน้าที่รุกรานเข้าสู่ร่างกาย หยางไค่พบว่าพลังจิตวิญญานของตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงและแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

เสียงตะโกนด้วยความโหยหนวนของใบหน้านั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ราวกับว่าเขาเป็นหนูตัวน้อยที่พบเจอกับราชสีห์ เสียงตะโกนโหยหวนเต็มไปด้วยความสั่นเครือและร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา

เมื่อตรวจสอบอย่างช้า หยางไค่พบว่าใบหน้านั้นอยู่ภายในมุมหนึ่งของโครงกระดูกทองคำ ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างหวาดกลัวและสั่นระรัวอย่างไม่หยุดหย่อน

จอมยุทธุ์น้อย จอมยุทธุ์น้อย ข้าทำผิดอย่างมหันต์ ปล่อยข้าออกไป ข้าจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกต่อไป ใบหน้านั่นส่งเสียงอ้อนวอนที่หวาดกลัวออกมา ไม่รู้ว่าเขาอยู่แห่งหนไหน แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังถูกจับจ้องจากดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่มีเจตนาดีต่อเขาอย่างดุดันเสมือนว่าดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองอาหารอันโอชะของเขา

สีหน้าของหยางไค่เริ่มแสดงออกอย่างแปลกประหลาด

ครั้งก่อนที่อยู่ในเทือกเขาผลึกน้ำแข็งนพเก้า กระดูกทองคำดูดซับพลังของผลึกน้ำแข็งนพเก้าไปกว่าครึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้มันยังถูกักเก็บอยู่ภายในร่างกาย เพื่อรอเวลาใช้ในขณะที่ตนเองก้าวไปถึงเขตแดนลมปราณแท้จริง

ในวันนี้กระดูกทองคำกลับสามารถดูดซับใบหน้านั้นเข้าไปได้

แม้ว่าหยางไค่จะทราบดีว่ากระดูกทองคำสามารถดูดซับพลังอื่นๆนอกจากพลังหยาง แต่เขาไมคาดคิดว่า กระดูกทองคำจะสามารถดูดซับแม้แต่จิตวิญญานแห่งเทพสวรรค์

จิตวิญญานของผู้แข็งแกร่งเป็นพลังอย่างหนึ่ง และยังเป็นพลังทดแทนที่ยิ่งใหญ่ !! ใบหน้าสำหรับกระดูกทองคำแล้ว มันเป็นเพียงพลังเล็กๆน้อยๆ แต่เพราะพลังเล็กๆน้อยๆนี้ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องใช้พลังลมปราณหยางในการช่วยเหลือ

เมื่อความคิดทางจิตวิญญานเคลื่อนไหว เขาไม่สนใจคำอ้อนวอนของใบหน้า หยางไค่ค่อยๆเปิดใช้กลยุทธ่์หยางที่แท้จริง

ภายใต้การเชื่อมโยงของกลยุทธุ์หยาง ใบหน้านั้นสามารถหนีออกมาจากการกักขังของกระดูกทองคำ แต่ยังมิทันที่เขาจะแสดงออกด้วยความดีใจ เขากลับพบว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสภาพแวดล้อมี่เต็มไปด้วยพลังที่ร้อนแรงและบริสุทธุ์อย่างถึงขีดสุด

เสียงตะโกนด้วยความโหยหวนดังขึ้นอีกรั้ง : เจ้ากำลังทำอะไร ? หยุดเดี่ยวนี้ ไม่น่ะ อย่า !!

เพียงแค่หยางไค่กำลังเคลื่อนไหวการกระทำของเขา ใบหน้าก็รู้ถึงจุดประสงค์ของหยางไค่

จอมยุทธุ์น้อย ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ข้าต้องถูกหลอมละลายอย่างแน่นอน

หยางไค่ไม่หยุดการกระทำ พลังลมปราณหยางไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง จากระยะเวลาที่ผ่านไป เสียงโหยหวนนั้นค่อยๆ อ่อนแอลง อ่อนลง จนไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสุ้มเสียงนั้น

ตั้งแต่แรกจนจบ เขาอ้อนวอนขอร้องตลอดเวลา โดยไม่มีท่าทีที่จะกล้าล่วงเกินอีก

หลังจากนั้นไม่นาน หยางไค่หยุดเคลื่อนไหวพลังลมปราณหยาง และส่งมันไปยังกระดูกทองคำ

ขอบคุณ .จอมยุทธุ์น้อย .ที่ไม่ฆ่าข้า ผ่านไปเป็นเวลานาน เสียงนั้นค่อยฟื้นคืนและกล่าวขอบคุณหยางไค่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นระรัว

เขาในตอนนี้ เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มกว่าร้อยคนล่วงเกิน อ่อนแอจนแทบจะแตกสลาย

ข้าไม่ฆ่าเจ้า มีข้อดีอย่างไร ? หยางไค่กล่าวถามอย่างเรียบเฉย

การดำรงอยู่ของใบหน้า เป็นความคิดเพียงชั่วขณะของเขาเท่านั้น หลังจากที่สัมผัสได้ถึงจุดนี้ หยางไค่คิดว่าตนเองต้องได้รับสิ่งตอบแทนที่ล้ำค่าจากเขา

ในความเป็นจริง หยางไค่ไม่ต้องกล้าที่จะให้เขามีชีวิตรอดต่อไป แต่หลังจากที่ใกล้ชิดได้ไม่นาน หยางไค่รับรู้อย่างชัดเจน ว่าในขณะที่เขายังมีชีวิตเขาต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายดุจดั่งปีศาจที่โหดเหี้ยม พลังความแข็งแกร่งของตนเองอยู่ในระดับต่ำ หากเก็บเขาไว้อาจส่งผลถึงชีวิต แต่หยางไค่ไม่ทราบว่านอกจากหลอมละลายเขาแล้วยังมีวิธีอื่นในการทำลายเขาอย่างไร

เมื่อหลอมละลายเขา กระดูกทองคำจะดูดซับมันเข้าไป เสมือนว่านเองได้กลืนกินจิตวิญญานเทพสวรรค์ของคนคนหนึ่ง เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางไค่คิดว่ามันน่าสะอิดสะเอียนและโหดเหี้ยมเกินไปสำหรับเขา

ข้อดี !! มีมีมี มีข้อดี !! เมื่อใบหน้านั้นเข้าใจความหมายของหยางไค่ เขารีบกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว

บอกมาซิ !! หยางไค่แสดงออกอย่างเป็นมิตร

ไม่ทราบว่า ..จอมยุทธุ์น้องต้องการข้อดีแบบไหน ? ใบหน้านั้นกล่าวถามหยางไค่

อืม ? หยางไค่กล่าวพึมพำอย่างเย็นชา

ใบหน้าสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวรีบกล่าวตอบ : จอมยุทธุ์น้อยอย่าเข้าใจผิด ข้าตายเป็นเวลานานหลายปีหลายปี หลังจากนั้นจึงถูกผนึกไว้ที่นี้ จนเมื่อหลายวันก่อนข้าจึงตื่นขึ้นมาและจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ ให้ข้าคิดไตร่ตรองสักครู่ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะกล่าวข้อดีนั้นออกมาให้ท่านอย่างน่าพึงพอใจ

หยางไค่นิ่งโดยไม่กล่าวตอบ ในใจเขาคิดว่าสิ่งที่เขากล่าวมาเป้นความจริง

หลังจากนั้น ใบหน้าตะโกนด้วยเสียงที่ดคใจ : ใช่ใช่ใช่ จอมยุทธู์น้อย ตอนนี้พลังความแข็งแก่งของเจ้า ..มันยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากข้าคิดว่าท่านต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้เพื่อป้องกันตนเองจากภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ข้าคิดว่ามันเป็นวิชายุทธุ์ที่มีพลังที่แข็งแกร่ง

โอ้ว ? หยางไค่รู้สึกตื่นเต้น เขายึดตัวตรงและกล่าวถาม : มีสิ่งใดบ้าง กล่าวออกมาให้ละเอียด หากว่าเขาพอใจ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า !!

คำกล่าวนี้ ทำให้ใบหน้านั้นผ่อนปรนลงอย่างมาก เขารีบกล่าวตอบในทันที : ข้ามั่นใจว่าเคล็ดวิชาของข้าต้องทำให้จอมยุทธุ์น้อยต้องพึงพอใจ วิเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ของข้าที่อยู่ในระดับลมปราณวิเศษมันล้วนมีความวิเศษและน่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่ภายใน

ลมหายใจของหยางไค่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

วิชายุทธุ์แบ่งมีการแบ่งระดับขึ้น จากระดับต่ำขึ้นสู่ระดับสูงสุด จากระดับสามัญ ขึ้นไปยังระดับปฐพี ระดับฟ้าสวรรค์ ระดับลมปราณวิเศษ ระดับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธ์ ระดับมหาจักรพรรดิ ทุกระดับจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำ วิชายุทธุ์ในระดับลมปราณวิเศษ ในอาณาจักรฮั่นที่ยิ่งใหญ่คงไม่มีใครที่ได้ครองครองมัน

หลายวันก่อนยังไค่ติดตามหล่างฉู่วเต่และคนอื่นๆร่วมเป็นร่วมตายกันมา สูญเสียเรี่ยวแรงพลังกำลัเป็นจำนวนมาก แต่พวกเขาได้รับเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ระดับปฐพีที่ซ่อนอยู่ในหินทารกคนละ 1 ตัว แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาต่างพึงพอใจอย่างถึงที่สุด ขั้นลมปราณวิเศษ มันสูงกว่าขั้นปฐพีถึง 2 ขั้นด้วยกัน

เมื่อสัมผัสถึงความต้องการของหยางไค่ ใบหน้าผ่อนคลายลงอย่างมาก เขารู้ว่าต้องทำให้หยางไค่พึงพอใจ ตนเองถึงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้

เขาไม่รอช้าและกล่าวอย่างรวดเร็ว : มีเคล็ดวิชาแขนงหนึ่ง ที่เรียกว่า วาจาผนึกใจ

หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูแปลกๆ

วิธีการฝึกฝนมันค่อนข้างง่าย คว้านหัวใจของเด็กที่ต่ำกว่า 10 ปี ทุกวันเจ้าต้องกินหัวใจ 3 ดวงเพื่อหลอมละลายมันให้กลายเป็นเลือดที่อยู่ในระหว่างหัวใจ ระยะเวลา 100 วันจะทำให้วิชายุทธุ์นี้สำเร็จ วาจากล่าวออกไป คนที่ได้ยินหัวใจของเขาจะแตกกระจายฆ่าได้ในครั้งเดียว !! ใบหน้ากล่าววิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้อย่างละเอียด น้ำเสียงของเขายังเต็มไปด้วยความภูมิใจ

หยางไค่ที่ได้ยิน แสดงสีหน้ายังไม่น่ามอง

เปลี่ยนใหม่ซิ !! ยังมิทันที่อำนาจพลังของเคล็ดวิชานี้จะกล่าวจบ หยางไค่กลับจ้องมองเขาด้วยความสายตาที่เยือกเย็น

โอ้ว ข้ายังมีเคล็ดวิชาหนึ่ง ที่เรียกว่า วาจาบุพผาสีเลือด

หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ ชื่อนี้ค่อนข้างใช้ได้มีความรู้สึกเสมือนภาพในห้วงความฝันที่อยู่ในบทกลอน

ใบหน้าหัวเราะและกล่าว : วิธีการฝึกฝนง่ายยิ่งกว่า แต่เจ้าตอนฝึกฝนในขณะที่มีความสัมพันธุ์กับหญิงสาว โดยการหลอมละลายเลือดของหญิงสาวจำนวน 1 หยดผสมผสานกับพลังจิตวิญญานของหญิงสาว หากว่าเคล็ดวิชานี้เงื่อนไขที่เหมาะสม มันจะสามารถฝึกฝนสำเร็จอย่างง่ายดาย นอกจานั้นหญิงสาวที่เจ้ามีความสัมพันธุ์ด้วยหากนางมีพลังความแข็งแกร่งในระดับที่สูงการฝึกฝนก็จะรวดเร็วมากขึ้นเช่นเดียวกัน ประมาณ 100 คน น่าจะสำเร็จ จากความสามารถของจอมยุทธุ์น้อย หญิงสาวเพียง 10 คน ใช้เวลาประมาณ 10 วันก็จะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาวาจาบุพผาสีเลือดจนสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน

ใบหน้าของหยางไค่ค่อนข้างดำคล้ำ เขากล่าวด้วยเสียงที่เยือกเย็น : นั่นมันเป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรม !!

ใช่ ใช่ ใช่ จอมยุทธุ์หนุ่มมีสติปัญญาที่เฉียบคม

เปลี่ยนใหม่ !!

ใบหน้าค่อนข้างอึมครึม แต่ไม่กล่าวก็มิอาจที่จะทำได้ : มีเคล็ดวิชาหนึ่งที่เรียกว่า วาจาชื่นชอบหมัดชื่นชม .

เปลี่ยนใหม่ !!

เปลี่ยนอีก !!

ใบหน้าแสดงออกด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง หากเขามีร่างกาย ในตอนนี้เขาอาจจะต้องคุกคำนับหยางไค่ เพราะเคล็ดวิชาที่เขากล่าวออกมา ไม่เป็นสิ่งที่หยางไค่ต้องการแม้แต่เคล็ดวิชาเดียว

มันเป็นเคล็ดวิชาที่โหดร้ายและโหดเหี้ยมถึงขีดสุด มันต้องใช้วิธีการหลายอย่างจึงจะสามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์จนสำเร็จ สิ่งที่ต้องกระทำล้วนเป็เรื่องที่โหดร้ายโหดเหี้ยม ผิดต่อฟ้าผิดต่อสวรรค์ !!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด