ตอนที่แล้วตอนที่ 117 ชัยชนะและความก้าวหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 119 กลับสำนัก

ตอนที่ 118 อาจารย์ของข้าคือแพทย์ที่เก่งกาจ


ตอนที่ 118 อาจารย์ของข้าคือแพทย์ที่เก่งกาจ

หยางไค่เข้าใจอย่างชัดเจน จนถึงตอนนี้ ตัวเขาเองจึงเป็นผู้ครอบครองกระดูกทองคำอย่างแท้จริง แม้ว่าก่อนหน้านี้กระดูกทองคำจะผสานเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่กระดุกทองคำไม่ได้ยอมจำนนต่อเขาอย่างแท้จริง มันค่อยเฝ้ารอคอย เฝ้าสังเกต เฝ้าทดสอบ ในที่สุดการกระทำของเขาก็ได้รับการยอมรับ ข้อสงสัยทั้งหมดถูกขจัดจนหมดสิ้น ดังนั้นในที่สุดกระดูกทองคำจึงยอมศิโรราบผสานรวมเป็นหนึ่งกับตนเอง

เมื่อภูมิภพที่ว่างเปล่าพังทลาย จิตวิญญานของหยางไค่กลับเข้าสู่ร่างกายของเขาอีกครั้ง

แต่หยางไค่ไม่เร่งรีบที่จะลืมตา เขาค่อยๆตรวจสอบสภาพของร่างกายอย่างละเอียด

บาดแผลในร่างกายไม่รุนแรงมากเท่าใด แต่ทรวงอกรู้สึกปวดอย่างทรมาณ แผลจากการถุกแทงที่ช่องท้องและไหล่ผสานจนเกือบหายดี

ภายในจุดตันเถียน หยดน้ำพลังลมปราณหยางกว่า 40 หยด ในตอนนี้เหลือเพียง 7-8 หยดเท่านั้น การต่อสู้ที่รุนแรงในค่ำคืนนั้น มันทำให้เขาสูญเสียอย่างมาก

เขาใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางในการปะทะกับเหวินเฟยเฉินและศิษยพี่ไช่ทั้งหมด 20 หยด และยังใช้ในการต่อต้านไอ่แห่งพลังหยินที่คอยแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย และยังต่อสู้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

แม้ว่าจะสูญเสียหยดน้ำพลังลมปราณหยางเป็นจำนวนมาก ตนเองก็ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค้า การต่อสู้ในครั้งนี้ เขตแดนของตนเองในตอนนี้ทะยานไปอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 7 !!

มันทะยานขึ้นถึง 3 ขั้น ทำให้หยางไค่ตื่นตะลึกอย่างมาก

เมื่อไต่รต่รองอย่างละเอียด ในขณะต่อสู้กับเหวินเฟยเฉินอย่างดุเดือด ในช่วงเวลานั้นความอดทนที่ไร้พ่ายของตนเองแสดงพลังอำนาจของมันอย่างยิ่งใหญ่จนทำให้ตนเองมีพลังความแข็งแกร่งที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ ตัวเขาเองน่าจะก้าวข้ามเขตแดนในตอนนั้น

การก้าวข้ามเขตแดนในครั้งนี้ แม้แต่ร่างกายของหยางไค่ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง หากว่าตนเองไม่ตรวจสอบอย่างละเอียด เขตแดนของเขาคงจะถูกปิดบังไว้เช่นนั้นอย่างแน่นอน !!

ไม่เพียงได้รับผลตอบแทนเพียงเท่านี้

ร่างกายของตนเองดูดซับพลังของผลึกน้ำแข็งนพเก้าเข้ามาโดยไม่ตั้ง เดิมทีหยางไค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนนี้เขารู้สึกและสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังครึ่งหนึ่งของผลึกน้ำแข็งนพเก้าถูกกักเก็บไว้ในส่วนที่ลึกลับที่สุดของกระดูกทองคำ

เมื่อรอจนกระทั่งตนเองทะยานขึ้นสู่เขตแดนลมปราณแท้จริง จะสามารถใช้ผลึกน้ำแข็งนพเก้าฝึกฝนลมปราณที่แท้จริง เพื่อให้พลังลมปราณแท้จริงของตนเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

แม้ว่าประโยชน์ในข้อนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตมันจะแสดงอำนาจที่แท้จริงของมันออกมา

นอกจากนั้น ความสงสัยความไม่เข้าเกี่ยวกับกระดูกทองคำในตอนแรกได้รับคำตอบที่สมเหตุสมผลอย่างชัดเจน

กระดูกทองคำของตนเอง นอกจากพลังหยางมันยังสามารถดูดซับพลังอื่นๆ จากนั้นจึงกักเก็บไว้ภายในร่างกาย เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมันจะมอบอำนาจพลังนั้นให้แก่ตนเอง

กระดูกทองคำสามารถดูดซับพลังได้มากเท่าไหร่ ความอดทนที่ไร้พ่ายของตนเองจะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น มันจะสามารถช่วยเหลือเขาได้มากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อกระดูกทองคำมอบอำนาจพลังให้แก่เขาพลังอำนาจนั้นจะแข็งแกร่งและดูดันเสมือนพลังอำนาจแห่งปีศาจที่ดุดัน ดังนั้นเมื่อใดทีความอดทนที่ไร้พ่ายถูกดึงออกมาใช้ ดวงตาของเขาจะประกายด้วยความหิวกระหายแห่งโหดเหี้ยม ร่างกายของเขาจะปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งปีศาจที่รุนแรง

แต่เพราะร่างกายมีพลังลมปราณหยางแท้จริงที่คอยปราบปราม มันจึงกลายเป็นศัตรูของกลิ่นอายแห่งปีศาจไปโดยปริยาย ดังนั้นตัวเขาจึงไม่สูญเสียการควบคุมสติของตนเอง พลังทั้ง 2 ประเภทปราบปรามซึ้งกันและกัน และยังคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนั้นมันจึงเพิ่มพลังความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ในขณะเดียวกันมันจึงทำให้เขากลายเป็นปีศาจที่หิวกระหายและบ้าคลั่งอย่างแท้จริง

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในที่สุดหยางไค่ก็เข้าใจว่าทำไมตำราสีดำถึงให้เขาฝึกฝนทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยาง เพราะมันช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้เขาในขณะที่ตัวเขาเองกำลังจะหมดสติ และเพื่อปกป้องตนเองเดินทางเข้าสู่เส้นทางปีศาจ

ทุกอย่างชัดเจนอย่างแจ่มแจ้ง !! หยางไค่ลืมตา และได้ยินเสียงถอยหายใจเบาๆลอยแว่วเข้ามา

มันเป็นเสียงการสนทนาระหว่างเซี่ยหนิงฉางและเม้งวู่หยาที่ลอยแว่วไปถึงหูของเขา

ศิษย์รัก.........อาจารย์พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ! เสียงของเม้งวู่หยาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และยังมีความรู้สึกที่เศร้าสลดและไม่เต็มใจ

หลายวันที่ผ่านมา เม้งวู่หยาใช้พลังลมปราณแท้จริงของตนเองรักษาหยางไค่ มันต้องสูญเสียพลังจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก แต่หยางไค่ยังหมดนอนสติโดยไม่รู้สึกตัว

นอกจากนั้นเขายังให้หยางไค่กลืนกินเม็ดยาสีทองคำ จากการสันนิษฐานของเม้งวู่หยา อาการบาดเจ็บของหยางไค่ต้องฟื้นฟูเป็นจำนวนมาก แม้ว่าไม่สามารถรักษาหยางไค่ให้เป็นปกติ แต่อย่างน้อยที่สุด หยางไค่ก็ควรที่จะฟื้นขึ้นมา ?

แต่จนถึงตอนนี้ไม่เพียงหยางไค่ไม่ฟื้น เขายังไม่รู้สึกตัวอีกด้วย

เม้งวู่หยาเองไม่ทราบว่าภายในร่างกายของหยางไค่ซ่อนความลึกลับไว้บ้าง เม็ดยาสีทองไม่สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนกลับมา แต่มันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกที่สูญเสียความรู้สึกทั้งหมด

แม้แต่พลังลมปราณแท้จริงของเขาที่ไหลเวียนเข้าไปในร่างกายยังไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน เสมือนว่าร่างกายของหยางไค่มีหลุมดำที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อพลังลมปราณไหลเวียนเข้าไป มันจะถูกดูดซับหายไปในทันที

เม้งวู่หยาจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นผลแห่งความน่าอัศจรรย์ของกระดูกทองคำ ? นอกจากพลังหยางกระดูกทองคำยังสามารถดูดซับพลังประเภทอื่นได้อีกด้วย พลังอำนาจของเม็ดยาสีทองถูกกระดูกทองคำดูดซับประมาณ 9 ส่วน แล้วมันจะแสดงผลที่สมควรของมันออกมาได้อย่างไร ?

ท่านอาจารย์............... หลายวันที่ผ่านมาเซี่ยหนิงฉางร้องไห้เกือบทุกวัน ดวงตาของนางแดงก่ำ เดิมทีในจิตใจยังมีความหวังเล็กๆ แต่เมื่อได้ยินเม้งวู่หยากล่าวเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดและยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่มีวิธีการอื่นๆ ? เซี่ยหนิงฉางจ้องมองอาจารย์ของตนเองด้วยความหวัง ความเป็นมาของเม้งวู่หยาไม่ชัดเจน เขาไมได้เป็นบุคคลสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน หากว่าเขายังไร้ซึ่งหนทาง ในโลกแห่งนี้ คงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือหยางไค่

ดูเหมือนว่าดวงวิญญาณของเขาถูกทำลาย เม้งวู่หยากล่าวดวยความอึมครึม : หลายวันที่ผ่านมาอาจารย์ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณของเขาได้

ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาวมากขึ้น

แต่เจ้าไม่ต้องกังวล เขายังไม่ตาย ! เม้งวู่หยารีบกล่าวปลอบโยนในทันที : เขาจะอยู่ในสภาพที่เหมือนคนตาย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาไม่สามารถพูดไม่สามารถได้ยิน ร่างกายของเขาจะไร้ซึ่งความรู้สึก นอกเสียจาก ...........

"นอกเสียจากอะไร ?"

นอกเสียจากว่าพวกเราจะค้นหาดวงจิตของเขาและพามันกลับมา ค่อยๆผสานจิตวิญญาณที่สลายตัวไป เม้งวู่หยาถอนหายใจ : แต่การตามหาดวงจิตของเขา.......ไม่สามารถตามหาในสถานที่แห่งนี้ได้ !!

หนิงฉางนิ่งสงบในทันที ท่ามกลางความนิ่งสงบมันยังเต็มไปด้วยการตัดสินที่อย่างแน่วแน่

เม้งวู่หยาเหลือบมองเซี่ยหนิงฉาง ยื่นมือออกไปและชี้นิ้วไปที่ด้านบน

เซี่ยหนิงฉางเงียบไปสักพัก แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความมั่นคงและแน่วแน่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องไปค้นหาดวงจิตของหยางไค่ให้พบและนำมันกลับคืนมา

พวกท่านทั้ง 2 กำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร ? ขณะที่บรรยากาศการสนทนาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ทางด้านหลังได้มีเสียงที่แหบแห้งดังขึ้นอย่างกะทันหน

เม้งวู่หยากล่าวตอบโดยสัญชาตญาน : กำลังพูดถึงอาการบาดเจ็บของเจ้า............

ทันทีที่กล่าวจบ การแสดงออกของเม้งวู่หยาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขาค่อยๆหันหน้ากลับไปมอง ในวินาทีนั้นดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างถึงที่สุด เพราะเขามองเห็นหยางไค่ที่นอนอยู่บนเตียงจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่สดใส

ศิษย์น้อง !! เซี่ยหนิงฉางที่เต็มไปด้วยความโศกเร้ารีบเข้าไป ขนตาที่ยาวสลวยสั่นสะท้านไปมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้น และจ้องมองหยางไค่ด้วยความกังวลอย่างสุดซึ้ง

เมื่อมองเห็นดวงตาบวมและแดงก่ำ หัวใจของหยางไค่รู้สึกสั่นไหว เขาเข้าใจดีว่าตนเองต้องหมดสติโอยไม่รู้ตัวเป็นเวลานาน และในวันเวลาที่เขาหมดสติไปนางต้องกังวลและเป็นห่วงมากกว่าใคร

ข้าไม่เป็นไร หยางไค่กล่าวตอบอย่างไม่สนใจ : ข้ารู้สึกอ่อนล้าเท่านั้น

ท่านอาจารย์ ท่านมาดูอาการของเขา เซี่ยหนิงฉางเช็ดหน้าของนางและรีบดึงเม้งวู่หยาเข้ามา

การถูกดึงอย่างฉันพลังทำให้เม้งวู่หยาสะดุดไปหลายครั้ง

มันไม่ใช่หน้าที่ของหญิงสาว หญิงสาวออกไปรอข้างนอก !! หากเม้งวู่หยาไม่เกรงหัวเข่าของเขา เขาคงถูกดึงจนล้มกลิ้งอย่างแน่นอน

แต่เม้งวู่หยาสามารถดึงสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เขาค่อยๆ ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหยางไค่อย่างรอบคอบ

กับทุกประโยคการแสดงออกของ Xia Ning Chang ได้รับความวุ่นวายอย่า

หลังจากนั้นไม่นาน เม้งวู่หยาขมวดคิ้วและไม่กล่าวอธิบาย เขาพึมพำกับตนเอง : เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีเหตุผล ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ?

คำกล่าวของเขาทุกคำ ทำให้ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง นางคิดแต่เพียงว่าอาการของหยางไค่กำลังแย่ลง

ท่านอาจารย์ ศิษย์น้อง................ เซี่ยหนิงฉางกัดริมฝีปากแน่น และกล่าวถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา

โอ้ว ในเมื่อฟื้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ใบหน้าของเม้งวู่หยาหงิกง เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยความเข้าใจ

ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ? เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแสดงออกด้วยความแปลกประหลาด เมื่อสักครู่ท่าทีของอาจารย์ยังกระทำเช่นว่าศิษย์น้องกำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วทำไมถึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง?

มันเป็นไปไม่ได้ เม้งวู่หยากล่าวด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ : หยางไค่ เจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดแล้วกลับมาอย่างเหนือธรรมชาติ ?

หยางไค่หัวเราะด้วยความข่มขื่น : เหรัญญิกเม้ง เจ้ากำลังสาปแช่งข้า ?

ใบหน้าของเม้งวู่หยาดูเหมือนว่าถูกใสร้าย : แตก่อนหน้านี้ดวงจิตของเจ้ามลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเจ้ากลับมาได้อย่างไร ?

หัวใจของหยางไค่สั่นเล็กน้อย เขาหวนคิดถึงเรื่องราวเหตุการณ์ในขณะที่เขาหมดสติ มันเป็นจิตวิญญาณของเขาเข้าไปสู่จิตใต้สำนึกของกระดูกกระทองคำจนหมดสิ้น

ท่านอาจารย์ ท่านเป็นแพทย์ที่เก่งกาจที่สุด !! เซี่ยหนิงฉางกล่าวด้วยความโกรธ

เม้งวู่หยารู้สึกอึดอัดจนอยากตาย

เมื่อสักครู่เขายังกล่าวบอกแก่เซี่ยหนิงฉางว่าหยางไค่กำลังเข้าสู่สภาวะที่ไร้วิญญาณ ต้องตามหาดวงจิตของเขากลับมาเขาจึงจะมีโอกาสฟื้นคืน แต่ไม่คาดคิดว่าในช่วงเวลาต่อมาเขาจะฟื้นตัว นี้ไม่ใช่การตบปากตัวเองหรือไง ? มันน่าอับอายอย่างยิ่ง การสูญเสียความน่าเคารพต่อหน้าศิษย์ที่รักนั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มหันต์สำหรับเขา

เม้งวู่หยารู้สึกว่าชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาพังทลายไปในทันที

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หยางไค่ฟื้นคืนมาเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าเม้งวู่หยาจะกังวลว่าหยางไค่จะล่อลวงศิษย์รักของตนเอง แต่ในค่ำคืนนั้นเป็นเพราะเขาที่ปกป้องศิษย์รักของตนเอง ทำให้ศิษย์รักของตนเองมีชีวิตรอดกลับมา และยังช่วยเก็บรวบรวมผลึกน้ำแข็งนพเก้า บุญคุณในครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเก็บใส่ใจไว้อย่างดีที่สุด

เม้งวู่หยาถอนหายใจไม่หยุด!! หยางไค่เพิ่งรอดชีวิตจากภัยภิบัตที่ยิ่งใหญ่และยังสามารถช่วยศิษย์รักของตนเองประสบความสำเร็จในการเก็บรวบรวมผลึกน้ำแข็งนพเก้า เขาจะยอมให้หยางไค่ตายได้อย่างไร ? ตัวเขาเองกลับกังวลขึ้นมาในทันที

หลังจากวันนี้ จะทำอย่างไรต่อไป เม้งวู่หยารู้สึกกังวลสับสนไขว้เข้วไปหมด เขาต้องการจัดการสถานการณ์นี้ให้เด็ดขาด แต่อีกใจก็กลัวศิษย์รักของตนเองจะโกรธเคือง ทำให้เขาลังเลใจอยู่ชัวครู่

หยางไค่ฟื้น ทำให้ความตึงเครียดของเซี่ยหนิงฉางผ่อนคลายลงในที่สุด หลายวันที่ผ่านมานางไมได้พักผ่อน เพราะกลัวว่าหยางไค่จะไม่ฟื้น แต่ในตอนนี้หยางไค่ฟื้นขึ้นโดยไร้ซึ่งอันตราย ทำให้นางไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

ในอีก 2 วันต่อมา หยางไค่กำลังฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บ โดยมีเซี่ยหนิงฉางคอยปรณิบัติ เม้งวู่หยาที่อยู่ข้างคอยถอนหายใจตลอดเวลา

วันที่ 3 เซี่ยหนิงฉางถูกเม้งวู่หยากล่าวออกคำสั่ง ให้นางดูดซับพลังของผลึกน้ำแข็งนพเก้า เพื่อเคลื่อนไหวพลังลมปราณทังหมดของตนเองให้กลายเป็นพลังลมปราณแท้จริง เพื่อก้าวไปยังเขตแดนลมปราณแท้จริง เพราะสมบัติชิ้นนี้ต้องถูกปรุงกลั่นหลอมละลาย แต่นางยังคงกักเก็บมันไว้ที่จุดตันเถียนตลอดเวลา

เบี่ยงอีกต่อไป นางค่อยๆปฏิบัติตามคำสั่งของเม้งวู่หยาอย่างเชื่อฟัง เสมือนในช่วงเวลาปกติที่เป็นหญิงสาวที่เรียบร้อยและน่าเอ็นดู ก่อนหน้าที่นางวางยาอาจารย์ของตนเองเป็นเพียงเหตุสุดวิสัยเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ว่าพวกเขาทั้ง 3 จะพักอยู่ในโรงเตี้ยม แต่เม้งวู่หยางมีพลังการบ่มเพาะที่สูงส่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครที่จะมารบกวนเซี่ยหนิงฉาง ดังนั้นเขาจึงวางใจให้นางเข้าปิดกั้นตนเองเข้าสู่การปรุงกลั้นหลอมละลายผลึกนพเก้า

ทางด้านหยางไค่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง บาดแผบภายนอกกระดูกซี่โครงบนทรวงอกยังต้องใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูจึงจะหายเป็นปกติ ในทุกๆ วันหยางไค่คอยนั่งฝึกฝนวิชายุทธุ์ของตนเอง เพื่อรอให้เซี่ยหนิงฉางบ่มเพาะพลังลมปราณแท้จริงของนางให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 3 จะเดินทากลับหอประลองยุทธุ์เซี่ยทันที

ในช่วงเวลาของวันนี้ ขณะที่หยางไค่กำลังฝึกฝนวิชายุทธุ์ เม้งวู่หยาได้ยกน้ำร้อนชามใหญ่เข้ามาในห้อง

เมื่อจมูกของหยางไค่สูดดมเข้าไป เมื่อเขาได้ได้กลิ่นที่หอมหวานนี้ หยางไค่จึงลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหน

เม้งวู่หยายื่นชามให้แก่หยางไค่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเขาได้กัดฟันกล่าวต่อหยางไค่ : ดื่มมันซิ !!

หยางไค่รับมันมายังไม่ลังเล หลังจากที่รับมันมาหยางไค่ยกดื่มอย่างรวดเร็ว เขาเลียริมฝีปากของตนเองและกล่าวดวยความตื่นเต้นและดีใจ : มันคืออะไร ? สรรพคุณของมันก็ใช้ได้ !

หลังจากที่ของเหลวในชามนี้เข้าสู่กระเพาะอาหารของเขา หยางไค่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นในทันที นอกจากนั้นภายในยังแฝงด้วยพลังที่ยิ่งใหญี่ ส่วนหนึ่งเข้าสู่เส้นเลือดและเส้นชีพจรลมปราณเพื่อรักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของมัน และอีกส่วนหนึ่งถูกดูดซับจากระดูกทองคำ

มุมปากของเม้งวู่หยากระตุก เขากล่าวด้วยความเศร้าโศก : มันเป็นยาอายุวัฒนะที่ข้าใช้เลือดแห่งจิตวิญญาณพันปีและสมบัตวิเศษอื่นๆปรุงกลั่นออกมา เจ้ากล่าวว่าสรรคุณของยาอาวุวัฒนะนี้ก็ใช้ได้ ? ยาอาวุวัฒนะนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด แต่มันถูกเจ้าดื่มกินไปในเสี้ยววินาที เจ้าคงรู้สึกว่ามันมีรสชาติที่ยอดเยี่ยม !!

รสชาติไม่เลว !! หยางไค่พยักหน้าอย่างรุนแรง

เม้งวู่หยาสูดลมหายใจเข้า เพื่อปรับสภาพลมหายใจและเลือดที่ไหลเวียนอย่างพลุกพล่าน เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ หากไม่ใช่ศิษย์รักของตนเองสั่นให้เขาใช้ยาตัวนี้รักษาอาการบาดเจ็บของหยางไค่ เขาไม่ทางที่จะนำมันออกมาใช้อย่างแน่นอน ยาอายุวัฒนะที่อยู่ในชามที่หยางไค่ดื้มกินเข้าไป เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ในวังของราชวงศ์ฮั่นที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถครอบครองมันได้ เจ้ามันตัวทำลาย ตัวทำลาย ตัวทำลายข้าจริงๆ ............

ยังมีอีกไหม ? หยางไค่เลียมุมปากของตนเอง และกล่าวดวยความต้องการ

เม้งวู่หยากล่าวอย่างไม่ใยดี : ไม่มี แม้ว่าข้าจะมีมันข้าก็ไม่มีทางให้เจ้า หากเจ้ากินมันอีก เจ้าคงตายจากการกินยาอายุวัฒนะที่มากเกินไป

ฮึฮึ หยางไค่หัวเราะเบาๆ ในใจเขาคิดว่ามีการช่วยเหลือจากกระดูกทองคำ ร่างกายของเขายังสามารถกักเก็บพลังแห่งสมบัติสวรรค์ เขาไม่มีวันตายจากการกินที่มากเกินไป

เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนนั้นให้ข้าฟังหน่อยสิ ใบหน้าของเม้งวู่หยาเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ดวงตาของเม้งวู่หยายังซ่อนเร้นความเกรี้ยวโกรธและเจตนาแห่งการฆ่าที่รุนแรงและในตอนนี้มันได้ประกายผ่านสายตาของเขาอย่างโหดเหี้ยม

หยางไค่หันหน้ามองเซี่ยหนิงฉาง : ศิษย์พี่ตัวน้อยไมได้บอกท่าน ?

หลายวันที่ผ่านมานางสนใจแต่อากรารบาดเจ็บของเจ้า ข้าเลยไม่ทันได้ถามนาง เม้งวู่หยางกล่าวตอลด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ดวงตาของเขาจ้องมองหยางไค่อย่างแน่วแน่ : คนที่ตายอยู่ในหุบเขาพวกเขาคือใคร ? แล้วเป็นใคร ..ที่ตั้งใจโจมตีทำร้ายพวกเจ้า ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด