ตอนที่แล้วEG บทที่ 179 เริ่มการถ่ายทำ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 181 อิทธิพลจากดารา ตอน 2

EG บทที่ 180  อิทธิพลของดารา ตอน 1 (อ่านฟรี)


ความเป็นมืออาชีพของนักแสดงในยุคนี้แทบไม่มีที่ติเลย พวกเขาเก่งกว่าดาราในยุคอนาคตเสียอีก แม้ว่าจะต้องเจอกับลมหนาวและไม่คุ้นเคยกับการขี่รถจักรยานยนต์ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ถ่ายโฆษณาทั้งสี่ตอนเสร็จเรียบร้อยก่อนที่ฟ้าจะมืด

เฝิงหยู่ตรวจดูโฆษณาที่ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันดีกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก หลังจากที่ลงเสียงและเพิ่มข้อความโฆษณาในตอนท้ายแล้ว ก็สามารถนำไปออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ได้ทันที

ในตอนกลางคืน เฝิงหยู่เลี้ยงสุกี้หม้อถ่านซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้กับทีมงานทั้งหมด ทุกคนมีความสุขกับอาหารมื้อค่ำและชื่นชมทักษะในการขี่รถจักรยานยนต์ของเฝิงหยู่ ถ้าเฝิงหยู่ไม่โชว์ให้พวกเขาดูด้วยตัวเองว่าต้องทำยังไง ป่านนี้พวกเขาคงยังถ่ายทำกันไม่เสร็จแน่ๆ

เฝิงหยู่ยิ้มหน้าบาน นักแสดงในยุคนี้ไม่ร้องขอให้ใช้สแตนด์อินมาแสดงแทนตัวเองเลย แต่วิธีนี้ก็ยิ่งได้ผลดีกว่า

ในคืนนั้น หิมะเริ่มตก พวกเขารู้สึกว่าโชคดีมาก แม้ว่าการมีหิมะตกเป็นฉากหลังอาจจะทำให้โฆษณาดูดี แต่กล้องที่พวกเขาใช้ก็ไม่เหมาะกับการถ่ายทำในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่ได้น่าจะไม่ดีสักเท่าไหร่

ในบ่ายวันถัดมา หลิวต้าชิ่งและจูซือเหมาเริ่มถ่ายภาพนิ่งสำหรับโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ พวกเขาออกไปถ่ายกันนอกสถานที่ภายในป่า รวมถึงถ่ายภายในสถานที่ และแม้แต่ที่โรงงานก็มี แน่นอนว่าตาเฉินหัวล้านต้องมีส่วนร่วมในการถ่ายภาพครั้งนี้ด้วย

ช่วงนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีตาเฉินหัวล้านอยู่ในโฆษณา แต่สัญญาระบุไว้ว่าเขาต้องร่วมถ่ายโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย

หลังจากที่ถ่ายภาพทั้งวันและใช้ฟิล์มจนหมดแล้ว ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ในคืนนั้น ทุกคนกลับไปที่กรุงปักกิ่ง พวกเขาทำงานเสร็จก่อนกำหนด 1 วัน นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์จำนวนสามคันก็ถูกขนส่งกลับไปที่กรุงปักกิ่งพร้อมกับพวกเขาโดยรถไฟ

พวกเขาได้รับรถจักรยานยนต์ฟรีโดยที่เงื่อนไขนี้ไม่ได้รวมอยู่ในสัญญา ซึ่งทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกว่าเฝิงหยู่ ใจกว้างมาก ในตอนนั้นรถจักรยานยนต์ขนาด 125 ซีซีมีมูลค่าอย่างน้อย 20,000 หยวน! แม้แต่ทีมงานสองคนที่ตาเฉินหัวล้านพามาด้วยก็ได้รับซองแดงที่มีเงิน 500 หยวนจากเฝิงหยู่คนละซองด้วย นี่เป็นการบอกให้รู้ว่าถ้าพวกเขาทำงานดี เฝิงหยู่ ก็พร้อมให้รางวัลอย่างงามเช่นกัน

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ตาเฉินหัวล้านก็นำโฆษณาที่ตัดต่อแล้วรวมถึงภาพถ่ายมาให้เฝิงหยู่ดู เฝิงหยู่ไม่ได้กังวลเรื่องคุณภาพเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าตาเฉินหัวล้านเป็นผู้กำกับมืออาชีพที่เคยถ่ายทำภาพยนตร์มาก่อน!

เรื่องที่ต้องพูดถึงก็คือเมื่อพวกพนักงานรู้ข่าวว่ามีดารามาที่โรงงานรถจักรยานยนต์ พวกเขาก็อยากไปมุงดู ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หมิงเต๋อไปห้ามปรามคนพวกนั้นด้วยตัวเอง ป่านนี้การผลิตรถจักรยานยนต์ในวันนั้นคงต้องหยุดชะงักไปหนึ่งวัน

แม้แต่เฝิงซิ่งไท่และจางมู่ฮวาที่รู้ข่าวนี้ก็รีบมาที่เมืองปิงทันที เฝิงหยู่บอกว่าพวกเขาสามารถถ่ายรูปกับดาราได้

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งพ่อและแม่ของเฝิงหยู่ต่างตื่นเต้นจนนอนไม่หลับในคืนก่อนหน้านั้น!

โชคดีที่เป็นเพียงแค่การถ่ายรูป พวกเขาจึงไม่ได้ทำอะไรบ้าบอออกไป แต่เรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความโด่งดังและเป็นที่นิยมของดาราทั้งสามคนนี้ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทุกคนต่างชื่นชอบพวกเขา!

เฝิงหยู่สั่งให้พนักงานของโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์เต็มกำลังการผลิต เขาไม่ได้กังวลเลยว่าจะไม่มีคนซื้อรถจักรยานยนต์ของเขา เขาอยากทำยอดขายให้ได้สูงสุดก่อนสิ้นปี

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ตาเฉินหัวล้านกลับมาพร้อมกับผลงานที่แก้ไขเสร็จแล้ว เฝิงหยู่ตรวจดูโฆษณาและภาพถ่าย เขารู้สึกพอใจมากสมแล้วที่เป็นมืออาชีพ แม้ว่าระดับความละเอียดของผลงานที่ได้จะไม่ได้ดีเท่ากับในยุคอนาคตก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในโฆษณาที่ดีที่สุดในยุคนั้น ตาเฉินหัวล้านถ่ายทำโฆษณาได้เหมือนราวกับว่าเป็นภาพยนตร์เลยทีเดียว

ภาพถ่ายดังกล่าวถูกส่งไปที่โรงพิมพ์เพื่อตีพิมพ์โปสเตอร์ ซึ่งเฝิงหยู่สั่งไปทั้งหมด 10,000 แผ่น

   

โปสเตอร์สีหนึ่งแผ่นมูลค่า 1 หยวน เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเฝิงหยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะยังไงการลงทุนครั้งนี้ก็จะต้องคืนทุนจากยอดขายรถจักรยานยนต์แน่นอน!

“ผู้จัดการหลี่ครับ ตอนนี้ผมอยากได้กำลังคนมาช่วยปิดโปสเตอร์ตามท้องถนน กรุณามอบหมายให้คนจากโรงงานของคุณมาช่วยงานนี้ด้วยนะครับ” เฝิงหยู่ไปร้องขอหลี่หมิงเต๋อให้ช่วยหากำลังคนให้ ทุกคนที่โรงงานรถจักรยานยนต์ตอนนี้กำลังยุ่งมากกับการผลิต แต่บริษัทเครื่องจักรยังพอมีคนว่างอยู่บ้าง

เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่ค่อยมีกิจกรรมสันทนาการ ดังนั้นเมื่อมีการปิดโปสเตอร์ในบริเวณที่มองเห็นได้ชัด รับรองว่าต้องมีคนมาดูแน่นอน พอเริ่มมีคนมาดูหนึ่งคน สองคน จากนั้นก็จะเริ่มมีคนจำนวนมากมามุงดู

ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีโปสเตอร์ผิดตามถนนหรือเสาโทรเลขมากนัก และยังไม่มีกฎระเบียบที่ห้ามการปิดโปสเตอร์ตามท้องถนน ดังนั้นจึงไม่มีคนไปดึงออกแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงหยู่ใช้โปสเตอร์สีที่มีดาราดังสามคน จะต้องมีบางคนที่ดึงแผ่นโปสเตอร์เพื่อเอากลับบ้านแน่นอน

และนี่คือสิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการ เพราะรถจักรยานยนต์ซงเจียงของเขาก็อยู่ในรูปภาพนั้นด้วย และเมื่อคนมองดูดาราดังกล่าว พวกเขาก็จะต้องสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ด้วยเช่นกัน

ด้วยการออกแบบที่สวยงามของรถจักรยานยนต์ เฝิงหยู่มั่นใจว่ารถจักรยานยนต์จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ!

ปัญหาเดียวก็คือตอนนี้อากาศในเมืองปิงหนาวมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อยอดขาย แต่ไม่เป็นไร ในช่วงปีใหม่ ยอดขายจะต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ

เฝิงหยู่อยากเตรียมทดลองตลาดก่อนและทำให้คนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ซงเจียง เขาอยากให้คนที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่นรออีกสักสองสามสัปดาห์ เพราะจะมีรถจักรยานยนต์รุ่นที่ดีกว่าวางขายในตลาด อีกแค่สองสัปดาห์เอง ทำไมไม่รออีกสักหน่อยล่ะ?

วันรุ่งขึ้น คนเริ่มสังเกตเห็นโปสเตอร์ที่มีดาราดังปิดอยู่บริเวณที่มีผู้คนหนาแน่นมาก เช่น ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า ตลาด เป็นต้น

จูซือเหมา ตาเฉินหัวล้าน และหลิวต้าชิ่ง ดาราสามคนนี้กำลังจะแสดงภาพยนตร์ด้วยกันหรอ? ชื่อภาพยนตร์เรื่องอะไรนะ? แล้วจะฉายเมื่อไหร่กัน?

แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าเป็นภาพยนตร์ โปสเตอร์พวกนี้ก็ต้องไปปิดอยู่ตามโรงภาพยนตร์หรือไม่ก็ศูนย์วัฒนธรรมสิ? ทำไมถึงมีโปสเตอร์ปิดไปทั่วเมืองเลยล่ะ?

ผู้คนเริ่มมุงดูรอบโปสเตอร์ และบางคนก็เอื้อมมือไปจับราวกับว่าได้สัมผัสกับดาราตัวเป็นๆ ด้วยตัวเอง

“เอ๊ะ แต่ดาราพวกนี้กำลังขี่หรือเข็นรถจักรยานยนต์ แล้วรถจักรยานยนต์คันนี้ก็สวยมากด้วย” คนหนึ่งในฝูงชนกล่าวออกมาเสียงดัง

ต่อมาไม่นานทุกคนก็สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ในโปสเตอร์ทุกแผ่น รถจักรยานยนต์สวยงามและดูดีมากกว่ารถจักรยานยนต์อื่นๆ ที่พวกเขาเคยเห็นมา!

“ใช่ๆ พวกเขาถ่ายภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์หรือเปล่า?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ? หลิวต้าชิ่งสวยจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้เจอตัวจริงสักครั้งหนึ่งในชีวิตคงฟินเวอร์” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งกล่าวขณะที่จ้องมองไปที่โปสเตอร์

“จูซือเหมาหล่ออะไรขนาดนี้ ฉันอยากแต่งงานกับเขาจัง” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวในขณะที่กำลังเพ้อฝันกลางวันไปไกล

“ฮ่าๆๆๆ ดูตาเฉินหัวล้านสิ ตลกมากเลย นั่นเขากำลังทำความสะอาดรถจักรยานยนต์อยู่หรอ? ฉํนชอบดูละครตลกของเขา ไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ร่วมแสดงในงานกาล่าคืนฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ด้วยหรือเปล่า?”

........

ในขณะที่ฝูงชนกำลังพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียงดัง พนักงานของบริษัทการค้าไท่หัวก็เดินออกจากฝูงชนไปเงียบๆ ข้อดีของฝูงชนก็คือเมื่อมีคนเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา ทุกคนก็จะร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็น และใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นในหลายๆ แห่งทั่วเมืองปิง และไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่มีคนยื่นมือมาดึงโปสเตอร์ของหลิวต้าชิ่งและรีบวิ่งหนีไป

คนอื่นๆ ในฝูงชนต่างตกใจ ไม่มีใครห้ามเขาหรอ? เนื่องจากไม่มีใครห้ามไม่ให้ดึงโปสเตอร์ ดังนั้นเราเอาโปสเตอร์กลับบ้านกันบ้างเถอะ!

จากนั้น เหตุการณ์ดึงโปสเตอร์ก็เกิดขึ้น โปสเตอร์ 2,000 แผ่นที่ปิดไปในวันนั้นหายเกลี้ยงภายในพริบตา ผู้คนต่างก็อยากดึงแผ่นโปสเตอร์กลับไปอวดโชว์ให้พวกเพื่อนบ้านและเพื่อนๆ ของตัวเองดู นี่เป็นโปสเตอร์ของดาราดังระดับประเทศในจีน แม้ว่าคุณจะมีเงิน แต่ก็อาจไม่ได้ครอบครองโปสเตอร์พวกนี้ก็ได้!

ในขณะที่พวกเขากำลังโอ้อวด พวกเขาก็สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ซงเจียง เฝิงหยู่ตั้งใจพิมพ์คำว่ารถจักรยานยนต์ซงเจียงโดยใช้ตัวอักษรขนาดเล็ก ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนต้องเพ่งอ่านดูใกล้ๆ ว่าข้อความนั้นเขียนว่าอะไร

แต่สิ่งที่อู่จื้อกางและคนอื่นๆ ที่เหลือคาดไม่ถึงก็คือเฝิงหยู่ปิดโปสเตอร์ส่วนใหญ่ที่บริเวณภายในโรงงานของรัฐวิสาหกิจ เช่น โรงงานการบิน โรงงานมอเตอร์ โรงงานผลิตไฟฟ้าจากความร้อน โรงงานเบียร์ โรงงานพลาสติก เป็นต้น พื้นที่ใกล้เคียงโรงงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมดก็ล้วนเต็มไปโปสเตอร์เช่นกัน

นี่เป็นเพราะว่าจำนวนของวัยรุ่นชายที่บริเวณดังกล่าวมีจำนวนมากที่สุด โปสเตอร์ของจูซือเหมาที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์พร้อมด้วยหลิวต้าชิ่งที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลังกระตุ้นความรู้สึกของหนุ่มวัยรุ่นให้อยากเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ในวันรุ่งขึ้น พอผู้คนเดินไปตามท้องถนน พวกเขาก็พบแผ่นโปสเตอร์ติดอยู่เต็มไปหมดเหมือนเดิม....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด