ตอนที่แล้วบทที่ 22 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (4) [อ่านฟรีวันที่ 31/07/61]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (6) [อ่านฟรีวันที่ 04/08/61]

บทที่ 23 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (5) [อ่านฟรีวันที่ 02/08/61]


บทที่ 23 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (5)

 

"มันต่างจากที่เธอพูดนะ!"

ยูอิลฮานได้ตะโกนออกมาจากความโกรธที่ความเป็นจริงมันไม่ยุติธรรม ยังไงก็ตามเอิลต้าก็ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่ชอบธรรม

[มันต่างตรงไหนล่ะ! ทำไมคุณไม่ลองไปดูเงื่อนไขการวิวัฒนาการวิชาหอกของคุณดูล่ะ!]

เขาได้ทำตามที่เธอบอกทันที

[ฆ่ามอนสเตอร์คลาส 3 ด้วยการแทง 0/500]

[ฆ่ามอนสเตอร์คลาส 3 ด้วยการฟัน 0/500]

[หินพลังเวทย์มอนสเตอร์คลาส 3 0/200]

[หินพลังเวทย์มอนสเตอร์คลาส 4 0/1]

"โอ้ พระเจ้า!"

เป็นอย่างที่เอิลต้าพูดจริงๆมันต่างกันมาก และนี่มันคือความแตกต่างกันเอามากๆเลยด้วย

"แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำตามเงื่อนไขของสกิลการพักผ่อนได้ง่ายๆนี่!"

[ฉันคิดว่ามันง่ายสำหรับคุณ]

เอิลต้าได้ประเมินเขาอย่างถูกต้อง แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะออร่าที่เขาปล่อยออกมาในตอนที่ทำกับดักแห่งการทำลายมากเกินไปก็ได้จึงทำให้เธอประเมินตัวเขาสูงไป

"ไม่ว่าค่าสเตตัสของฉันจะสูงมาแค่ไหนและศิลปะการต่อสู้ของฉันมันจะสูงแค่ไหนในท้ายที่สุดแล้วฉันก็มีเลเวลแค่ 28 และฉันยังใช้มานาไม่ได้อีกด้วย"

[โอ้ จริงด้วย คุณเป็นแบบนี้นี่เอง มอนสเตอร์คลาส 3 อาจจะยากไปหน่อยสำหรับคุณ]

กำแพงด้านมานามันต่างกันมากๆ คนที่ใช้มานาได้กับใช้ไม่ได้มันต่างกันราวฟ้ากับเหว

เหตุผลที่ยูอิลฮานสามารถสร้างการโจมตีที่ทรงพลังเหนือคนอื่นๆได้มันเป็นเพราะว่าระดับของศิลปะการต่อสูงของเขามันอยู่ในจุดสูงสุดและร่างกายของเขาก็ได้ทะลวงขีดจำกัดของมนุษย์ไปนานแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่มีสองสิ่งนี้เขาก็ไม่มีทางจะเหนือกว่าคนอื่นๆได้เลย

ในทางตรงกันข้ามหากยูอิลฮานได้รับความสามารถในการใช้มานาในสถานการณ์นี้ คำจำกัดความของคำว่า 'เลเวล' และ 'คลาส' ของบันทึกของอคาชิคที่ซึ่งเป็นกฏของโลกจะต้องสั่นคลอนไปไม่มากก็นาย

อีกไม่นานวันๆนั้นจะต้องมาถึง มันต้องมาถึงแน่นอน

เอิลต้าได้ตระหนักถึงเรื่องนี้และมองไปข้างหน้าพร้อมหยุดคิดเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นยูอิลฮานก็ได้ลุกจากที่นอน ไปล้างหน้าและเปลื่ยนเสื้อแล้ว

"แล้วฉันจะต้องไปฆ่าโทรลล์ที่ไหนล่ะนั่น? พวกมันปรากฏขึ้นมาบนโลกหรือป่าว?"

[มอนสเตอร์ไม่ได้มีแค่พวกที่วิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเดิมบนโลกเท่านั้น เมื่อมานาได้ถูกใช้งานมอนสเตอร์ที่ไม่เคยมีตัวตนบนโลกก็จะเริ่มปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน มันก็เหมือนๆกับพวกแร่ที่เดิมทีไม่เคยมีบนโลกนั่นแหละ นี่มันเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตหลายๆรูปแบบจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้หากไม่มีการสะสมของมานาจนถึงจุดๆหนึ่ง]

"แล้วที่เธออธิบายมามันสำคัญยังไงเนี้ย?"

ยูอิลฮานที่จัดการสิ่งต่างๆเสร็จแล้วได้บ่นกับคำอธิบายที่สมบูรณ์แบบของเอิลต้า แต่ต่อให้ตัวเขาออกไปทั้งชุดนอนก็ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของเขาอยู่ดี แต่ว่าเขาก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นทำให้เขาเปลื่ยนเสื้อและใส่หน้ากากหัวกระโหลกลงไป

"มาดูกันดีกว่า"

เหตุผลที่เขาเปิดทีวีขึ้นก่อนที่จะออกไปจากบ้านไปก็เพราะเขาคิดว่าทีวีจะต้องมีรายงานเกี่ยวกับผลของกับดักแห่งการทำงานที่เขาเพิ่งจะทำเสร็จเมื่อวานนี้ เอิลต้าบอกให้เขาไม่ต้องคิดมากแต่เขาจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? ผู้สร้างจะต้องมีความรับผิดชอบต่อไอเทมที่เขาสร้างขึ้นมาสิ

ยังไงก็ฉากที่ปรากฏขึ้นบนจอทีวีมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด

"...นั่นไม่ใช่ฉากที่ฉันสู้เมื่อสองวันก่อนหรอ?"

[คุณกำลังจะหมายถึงที่ๆคุณทิ้งศพเสือดาวยักษ์ไว้]

ภาพจากวิดีโอได้สั่นราวกับถูกถ่ายขึ้นจากเฮลิคอปเตอร์ แต่ว่ามันเป็นฉากที่ถูกกล้องถ่ายออกมาอย่าางแน่นอน ที่แห่งนั้นมีคนจำนวนมากมายรวมไปถึงยูอิลฮานกำลังสูงกับเสือขนาดยักษ์ ตึกสูงมากมายได้พังลงอย่างหมดสภาพและที่บางแห่งได้กลายเป็นซากปรักหักพังอีกด้วย

ยังไงก็ตาม

"เมื่อคิดว่าพวกเขาได้แยกชิ้นส่วนของมันออกในระยะเวลาสั้นๆนี่มันก็น่าสนใจนะ"

เขาไม่สามารถจะมองหาร่องรอยของร่างเสือดาวยักษ์ได้เลย แม้ว่าเขาจะพยายามมองขนาดไหนภาพภูเขาของเนื้อเสอดาวที่เขาทิ้งเอาไว้ก็ยังหายไป มันเหลือแค่ร่องรอยการต่อสู้ ศพและมนุษย์จำนวนมากก็ยังหายไป

[...มันอาจจะต่างไปจากที่คุณคิด]

ในตอนนั้นเองเอิลต้าได้พูดออกมาด้วยเสื่อทื่อๆ เมื่อยูอิลฮานกำลังจะถามกลับไปเขาก็ได้ยินเสียงออกมาจากจอทีวี

[มีคนกล่าวมาว่าดันเจี้ยนได้เปิดขึ้นและดูดกลืนพวกนั้นลงไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้กล่าวว่ามีดันเจี้ยนปรากฏขึ้นอยู่กลางเมืองและไม่ควรจะเข้าใกล้พื้นที่นี้....

ผู้ประกาศข่าวก็ยังคงพูดต่อไป แต่ยูอิลฮานไม่ได้สนใจแล้ว สายตาของเขาได้สั่นสะเทือน

"นั่นมันไม่มีทางจะเป็นดันเจี้ยน"

[คุณก็น่าจะรู้ดี]

เอิลต้าได้หยักหน้าของเธอ การแสดงออกของเธอได้เย็นชาขึ้นมา

[ดันเจี้ยนในเกาหลีได้ถูกเปิดใช้งานครั้งแรกไปแล้ว ถ้าหากว่ามีมอนสเตอร์ตัวใหม่ปรากฏขึ้นเนื่องจากการเปิดใช้งานของมานา มันก็เป็นไปได้ที่จะมีดันเจี้ยนปรากฏตัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ว่ามันต้องไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน]

"แล้วนั่นมันหมายความว่า"

หลังจากยูอิลฮานได้พึมพัมออกมา ภาพที่กล้องฉายไปได้แสดงให้เห็นเมืองที่พังลงไปได้กลายเป็นสีดำทันทีและตามมาด้วยเสียงที่พังลง จากนั้นภาพได้ตัดกลับไปที่ฉากโต๊ะข่าวและแสดงให้เห็นใบหน้าที่ตกตะลึงของผู้ประกาศข่าวทันที

ผู้ประกาศข่าวได้พยายามปกปิดเรื่องนี้เอาไว้และพูดออกมา 'มันดููเหมือนว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับภาพนะครับ' เขาได้ดำเนินรายการต่อให้เพื่อปิดเรื่องเอาไว้ แต่ยูอิลฮานได้รู้ในสถานการณ์นี้แล้ว

"มันมีมอนสเตอร์อยู่"

[...คุณดูออกสินะ]

"แน่นอน ฉันดูออก ยุทธวิธีมันก็คล้ายๆกัน"

ยูอิลฉานได้ฝึกศิลปะการต่อสู้เกือบทั้งหมดและวิธีการขยับร่างกายมา 1000 ปี ยังไงก็ตามเทคนิคนี้ได้ถูกจำกัดไว้กับมนุษย์ มันไม่มีทางเลยที่จะสามารถเอาเทคนิคพวกนี้มาใช้กับมอนสเตอร์ได้

ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็มองเรื่องนี้ออก มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ? คำตอบมันก็ชัดอยู่แล้ว

ปกปิดไงล่ะ เขาคือจ้าวแห่งการปกปิด ซ่อนเร้น

"แน่นอนว่ามันคือเสือดาว และมันก็เป็นสีดำสนิทด้วย... เอิลต้า เธอ"

[ฉันไม่รู้เหมือนกัน เสือดาวนั่นมันตายไปแล้วแน่นอนและคุณก็ยังเอาหินพลังเวทย์ออกมาแล้วด้วย 99.99% ของมอนสเตอร์ก็จะต้องตายไปแล้วแน่นอน]

"แล้วอีก 0.1% ล่ะ?"

[ถ้าหากมันมีลูก]

"ฉันเข้าใจแล้ว"

ใบหน้าของยูอิลฮานได้ซีดลง เขารู้สึกเหมือนว่าเขาทำพลาดแต่เขาได้อดทนเอาไว้ในขณะกำหมัดแน่น

เสือดาวสีนำนั่นปรากฏตัวออกมาบนจอนั้นคือลูกของเสือดาวยักษ์ที่พึ่งจะตายไปเมื่อ 2 วันก่อน

[ถ้าหากว่าคุณชำแหละมันอย่างถูกต้องเลือกแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นแน่ ในท้ายที่สุดแล้วภัยพิบัตินี้มันเกิดขึ้นมาจากความโลภของมนุษย์]

"ฉันอยากจะย้อนกลับไปตอนนั้นจริงๆ"

[แม้อย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องจริงที่เสือดาวสีดำนั่นเกิดขึ้นมาจากผลที่คุณไม่ยอมชำแหละมันให้หมด แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณต้องไปรับผิดชอบกับภัยพิบัตินั่น]

ยูอิลฮานที่พึมพัมออกมาเศร้าๆ เอิลต้าก็ได้ตอบเขากลับไปด้วยรอยยิ้มขม

[คุณไม่ได้ทำพลาดในเรื่องนั้น ลองมองย้อนกลับไปถึงเหตุผลนั่นก็คือคุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากทิ้งศพไว้ที่นั่น]

"ฉันไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ฉันทำเลย แต่ยังไงก็ตามฉันไม่สามารถรับได้กับการที่ต้องมีคนตายไปจำนวนมาก ในหมู่พวกเขาก็มีคนที่ฉันได้ช่วยเอาไว้และคนที่มองฉันด้วยจิตใจที่ดีและบางคนก็ตั้งมั่นในความเป็นธรรมด้วย"

ความสิ้นหวังของยูอิลฮานมันมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เอิลต้าก็ยังไม่ได้เข้าใจตัวเขาจริงๆ เอิลต้าได้ผิดหวังไปเล็กน้อยกับการที่เธอคิดว่าเธอมองเขาทะลุปรุโปร่งแล้ว

เธอได้คิดที่จะช่วยยูอิลฮาน หลังจากนั้นเธอก็ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ ทำไมสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างตัวเธอถึงมองไม่ออกถึงการมีอยู่ของมอนสเตอร์ตัวนั่น

[ถ้าหากว่าคุณอยากจะพูดถึงเรื่องความผิดล่ะก็งั้นฉันก็มีส่วน ฉันน่าจะคิดลึกไปถึงเหตุผลที่ทำให้เสือดาวนั่นคลั่งด้วย]

"งั้นมันก็ต้องการจะซ่อนลูกมันเอาไว้สินะ?"

[มันชัดเจนว่ามันต้องการจะซ่อนลูกในท้องของมันเอาไว้ด้วยการบ้าคลั่งเมื่อใกล้ตาย ตามปกติแล้วมันอาจจะทำให้มนุษย์หลงกลกันได้ แต่ว่ามันไม่น่าจะได้ผลกับฉันแต่......]

ยูอิลฮษนได้คิดถึงภาพของเสือดาวสีดำที่ปรากฏอยู่บนจอเมื่อไม่นานมานี้

"การปกปิด นี่มันคือเหตุผลที่ทำให้เธอไม่รู้ตัว"

[ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง ลูกของมันตัวนี้จะต้องมีความสามารถพิเศษคือการปกปิดแน่นอน]

นอกไปจากนี้ยูอิลฮานที่มีเลเวลการชำแหละอยู่ในขั้นสูงสุดและสามารถจะชำแหละได้แม้แต่ร่างมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ในเวลาสั้นๆก็ไม่ได้ชำแหละมันโดยสมบูรณ์

ต้องขอบคุณการทะเลาะกันเองของมนุษย์นี่ที่ทำให้การชำแหละถูกเลื่อนออกไปและเป็นผลให้เสือดาวสีดำนี่ได้เกิดขึ้นมาอย่างปลอดภัยและ.....

เมือคิดแบบนี้มันไม่ใช่การพูดเกินเลยไปเลยหากจะบอกว่าการเกิดขึ้นมาของเสือดาวดำนี้เป็นปาฏิหาริย์

"ฉันหวังว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่ฉันคิดนะ"

ยูอิลฮานได้ถามออกไปในขณะที่มองดูการแสดงออกที่ตื่นตระหนกและเหงื่อที่ไหลออกมาจากผู้ประกาศข่าว

"มันอยู่คลาส 3 หรือป่าว?"

[เมื่อคิดจากความสามารถการปกปิดที่ผิดปกติของมัน ก็อาจเป็นไปได้]

กับการตอบกลับของเอิลต้าทำให้ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและปิดทีวีลง เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะได้ข้อสรุปว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์คลาส 3 ได้ และตอนนี้นี่มัน... เขารู้สึกหมดท่า

ยังไงก็ตามเขาไม่อาจปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นอีก นอกไปจากนี้เขาก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกในตอนนี้ ถ้าหากว่าเขาพูดออกไปว่าเขาฆ่ามันไม่ได้ ถ้างั้นใครกันล่ะที่จะทำมันได้?

ในท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะไม่มีใครต้องมารับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ตัวอยู่อิลฮานก็ไม่สามารถจะอยู่เฉยๆได้ สำหรับยูอิลฮานที่ไม่ยอมจัดการเสือดาวให้หมดจดแต่แรกแล้วเขาก็ควรจะจัดการมันด้วยมือตัวเอง

เขาได้คิดถึงภาพของทหารที่มองมาที่เขาอย่างชื่นชมและภาพของผู้คนที่ให้กำลังใจเมื่อพวกเขารอดมาได้ เขาตกอยู่ในความนึกคิดในขณะที่กำหมัดแน่น

"ฉันจะต้องเตรียมตัว"

[คุณมั่นใจ?]

"มันอาจจะยากที่จะรับมือมันเพียงลำพัง แต่ว่าถ้าฉันได้ทำการเตรียมตัวที่จำเป็น มันก็ไม่น่าจะเป็นศัตรูที่ฉันจะต้องกลัวมากขนาดนั้นนี่?"

ยูอิลฮานในตอนนี้ไม่เหมือนตัวเขาที่มักจะคิดเรื่องการมีชีวิตอยู่ก่อนเสมอ เขาดูเหมือนจะมีความต้องการจะสู้มากๆ เอิลจต้าได้สงสัยเล็กน้อยกับเรื่องนี้แต่ว่าเหตุผลสำหรับความมั่นใจของยูอิลฮานนั่นก็ง่ายมา

มันเป็นเพราะว่าความสามารถของเสือดาวก็คือการปกปิดตัวตนนั่นเอง

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ในสเตตัสทั้งหมดของมันอย่างพละกำลังหรือการป้องกัน แต่ว่าถ้าพลังพิเศษของมันคือการปกปิดตัวตนถ้างั้นมันก็ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องกลัวเพราะยูอิลฮานคือจ้าวแห่งการปกปิดตัวตนที่โดยกำเนิดนั่นเอง

หลังจากที่ยูอิลฮานได้แสดงความมั่นใจออกมาเขาก็ถามกับเอิลต้าด้วยเสียงที่ระมัดระวังทันที

"....ยังไงมันก็คงไม่มีทั้งความแข็งแกร่งในด้านพละกำลังและพลังป้องกันที่สูงพอๆกันหรอกใช่ไหมล่ะ?"

[ไม่ต้องห่วงหรอกการคาดการณ์ของคุณมันถูกแล้ว มันเป็นไปไม่ได้สำหรับสิ่งมีชีวิตที่จะมีความสามารถในทุกๆด้าน โดยเฉาพะอย่างยิ่กับมอนสเตอร์แล้วด้วย ในกรณีของเจ้าเสือดาวนี่เพื่อที่จะยกระดับความสามารถในการปกปิดตัวตน สเตตัสด้านอื่นๆของมันจะต้องลดลง]

"อย่างนั้นสินะ....."

ยูอิลฮานได้ออกมาจากบ้านๆทั้งๆที่ยังคิดอยู่ เขาอยากจะฆ่ามันหลังจากที่เพิ่มเลเวลมากขึ้นกว่านี้แต่ว่าเขาไม่สามารถจะทำตัวอิสระได้ในเมื่อมันอยู่กลางเมื่อ กลับกันถ้าหากว่ามันเป็นดันเจี้ยนงั้นเขาก็อาจจะทิ้งมันเอาไว้เลยก็ได้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตและเป็นมอนสเตอร์คลาส 3 ที่มีความสามารถในการปกปิดตัวตนเป็นพิเศษทำให้เขาไม่สามารถปล่อยมันทิ้งเอาไว้ได้

ไปฆ่ามอนสเตอร์นี่หลังจากที่จัดการอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการฆ่ามันในเวลาที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และฆ่ามันซะ นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ถ้านั่นมันไม่ได้ผลเขาก็แค่ต้องหนีออกมา

นอกจากนี้มันก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งมี่จะลดความเสียหายได้ในขณะที่ฆ่ามัน

"ถึงแม้ว่าผู้ชายไม่ควรจะกลับคำพูด......"

แต่ว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ความภาคภูมิใจของมนุษย์มันช่วยอะไรไม่ได้เลย ในโลกยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าความภาคภูมิใจของผู้ชายอีกมากมาย

ยูอิลฮานได้เลียริมฝีปากในขณะที่เดินมุ่งหน้าไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะอย่างไม่ลังเลใจ จากนั้นเขาก็ได้ตรวจสอบนามบัตที่เขาได้มาเมื่อสองวันก่อนและต่อสายไปหาจักรพรรดินี คังมิเรย์

นี่คือจุดเริ่มต้อนการยุทธิวิธีช่วยเหลือมนุษยชาติของผู้ถูกทิ้งกับจักรพรรดินี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด