ตอนที่แล้วบทที่ 11 ท่าฟันหมีกริซลี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 การพัฒนา

บทที่ 12 เริ่มเรียน


หลังจากที่ฝึกฝนอยู่ที่สถาบันแห่งนี้มาได้สักระยะหนึ่งเขาก็เข้าใจว่าทำไหมสถาบันแห่งนี้ถึงได้ทรุดโทรมลงมากมายมหาศาลอย่างนี้เท่าที่เขาเห็นคือไคล์เป็นคนเดียวที่สอนอยู่ที่นี่ เขาเป็นทั้งคนสอน คนทำความสะอาดซึ่งเขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างในโรงเรียนแห่งนี้

วันนี้ไคล์ได้บรรยายเกี่ยวกับประเภทต่างๆของเทคนิคของการต่อสู้

"เทคนิคการต่อสู้นั้น แบ่งได้ เป็น 4 ประเภทคือ 1. การบ่มเพาะ 2. การฝึกฝน 3.การเก็บสะสมรวบรวมประสบการณ์ และ4.การฆ่า "

เขาอธิบายให้นักเรียนที่เข้ามาเรียนกับเขาอย่างตั้งใจแต่อย่างไรก็ตามสถาบันของเขานั้นมีเพียง เด็กๆ ที่ใกล้กับสถาบันเท่านั้นที่มาเรียนเพราะว่าค่าเรียนที่นี่ถูกมากแต่ไคล์ก็ไม่สนใจเขาทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อถ่ายทอดวิชาและทักษะรวมถึงความรู้ทั้งหมดที่เขามีและได้รับจากประสบการณ์จริงทั้งหมด

"เมื่อห้าสิบปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเลื่อนระดับได้เปรียบเทียบเทคนิคการต่อสู้นั้น ทั้ง 4 ประเภทกับฤดูกาลที่ต่างแตกกันซึ่งฉันเองก็ชอบการเปรียบเทียบแบบนั้น"

"สำหรับเทคนิค การบ่มเพาะนั้นเปรียบเสมือนร่างกายของเราที่ค่อยๆเพิ่มศักยภาพรอวันที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งเเกร่งหรือคล้ายๆกับฤดูใบไม้ผลิที่เมล็ดของต้นไม้นั้นจะค่อยๆพัฒนาขึ้นและเติบโต"

"เมื่อผ่านการการบ่มเพาะมาแล้วเทคนิคต่อไปคือการฝึกฝนซึ่งการฝึกฝนนั้นเปรียบเสมือนกับฤดูร้อนที่สดใส: ความร้อนที่ส่องลงมาบนศีรษะของเรานั้นคล้ายกับอารมณ์ที่รุนแรงของร่างกายของเราที่ทำการบีบและปลดปล่อยศักยภาพของร่างกายและพลังงานที่ได้รับจากการบ่มเพาะ ออกมา นี่เป็นเหตุผลที่ฉันยังไม่สอนทักษะอื่นๆให้พวกนายเพราะว่าการบ่มเพาะและการฝึกฝนของพวกนายยังไม่เพียงต่อทักษะที่ฉันจะสอนให้ โดยทั่วไปแล้วฉันจะรอให้ทักษะดาบพื้นฐานของพวกนายถึงระดับ 10 ก่อนฉันถึงจะสามารถสอนทักษะอื่นๆให้พวกนายได้"

"สำหรับเทคนิคการรวบรวมประสบการณ์นั้นคล้ายๆกับปลายฤดูใบไม้ร่วงมันเป็นทั้งการเริ่มต้นใหม่สำหรับการเก็บเกี่ยวของผลไม้และการตายจากของพวกสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมาย มันจะคล้ายๆเหมือนกับลมหายใจและโลหิตของพวกนาย ที่ผ่านการฝึกฝนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องรอวันที่จะวิวัฒนาการ"

"อย่างไรก็ตามเส้นทางการรวบรวมประสบการณ์ต่างๆนั้นมันมีความลึกซึ้งอย่างมากพวกนายต้องใช้หลายๆอย่างในการเก็บสะสมประสบการณ์เอาไว้ถึงเวลาที่พวกนายพร้อมแล้วฉันค่อยอธิบายให้พวกนายเข้าใจอีกครั้งแล้วกัน "ไคล์มองไปยังหน้าของนักเรียนที่กำลังฟังเขาบรรยาย พวกนักเรียนทำสีหน้าท้อเเท้ออกมาเพราะว่าสิ่งที่ไคล์บรรยายนั้นยากเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำความเข้าใจได้แต่ไคล์ก็ยังยิ้มออกมา

"เอาละ เทคนิคสุดท้ายสำหรับเส้นทางแห่งการฆ่า มันง่ายที่สุดสำหรับ 4 เทคนิคที่อธิบายมา มันมีความหมายตรงตัวอยู่แล้วการฆ่าอย่างหมดจดเปรียบเทียบได้กับความหนาวเย็นของฤดูหนาวที่จะทำให้พวกนายหนาวจนแข็งตายได้"

"เทคนิคนี้แตกต่างจาก 3 เทคนิคที่กล่าวไปอย่างมากสำหรับ 3เทคนิคที่พูดไปนั้นเป็นการ บ่มเพาะร่างกายแต่เทคนิคการฆ่านั้นไม่ใช่"

"อาจารย์ช่วยสอนเราเกี่ยวกับเทคนิคการฆ่าได้ไหมครับ"เด็กหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลถามขึ้น

ชื่อของเขาคือ อ็อกเดน เเละเขาเป็น 1 นักเรียนที่ แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันแห่งนี้

หลังจากได้ยินคำถามของอ็อกเดน ไคล์ก็หัวเราะเเล้วส่ายหัว

"มันยังไม่ถึงเวลาที่พวกนายจะเรียนรู้มันตอนนี้พวกนายจำเป็นต้องบ่มเพาะเเละฝึกฝนก่อน"เขากล่าวเตือนพวกนักเรียนที่เหลือด้วยเช่นกัน

"สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของพวกนายคือรากฐานของทักษะต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู็และฝึกฝนทักษะดาบอีกมากมายที่พวกนายไม่รู้จัก การเรียนรู้เส้นทางการฆ่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับพวกนายและอีกอย่างมันจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับการบำรุงและการฝึกร่างกายของพวกนายเอง เอาละ จบการบรรยายแล้ว เรามาเริ่มฝึกฝนท่าฟันหมีกริซลีกันต่อดีกว่า"

ในขณะที่ไคล์กำลังพูดจบชั้นเรียนก็มีนังเรียนคนนึงยกมือขึ้น

"อาจารย์ ผมมีคำถาม"ฟาง ซิงเจี้ยนนั้นเองที่เป็นคนถามขึ้น

เมื่อเห็นฟาง ซิงเจี้ยนยกมือไคล์ก็ยิ้มแล้วถามกลับ

"ว่าไง"

"ผมอยากรู้ว่าถ้าคนเรามีทักษะการต่อสู้เกิน 100 ทักษะ คนนั้นจะไม่เป็นอมตะเลยเหรอครับอาจารย์ เพราะว่าทุกๆ 10 ระดับของทักษะนั้นจะได้ค่าความสามารถของร่างกายเพิ่มขึ้น"

นี่เป็นคำถามที่เขาคิดมานานแล้วหลังจากที่เขาเห็นการพัฒนาความเเข็งเเกร่งของเขา

หลังจากที่ได้ยินคำถามของฟางซิงเจี้ยน ไคล์ก็ยิ้มออกมา

"ฉันคิดว่าคงยากนะที่จะมีใครสามารถมีทักษะดาบที่มากกว่า 100 ทักษะ โดยเฉลี่ยแล้ว พวกนักรบที่มีพรสวรรค์มากๆเขาจะฝึกฝนประมาณ 5-10 ปีกว่าที่เขาจะยกระดับของทักษะดาบ 1 ทักษะจนถึงระดับ 10 ได้ ฉันคิดว่าคงอย่างน้อยหลายพันปีเลยกว่าเขาจะเข้าใจทักษะดาบที่มีมากกว่า 100 ทักษะ แต่ว่ามันก็อาจจะมีก็ได้นะคนที่ที่สามารถเรียนรู้ทักษะดาบที่มีมากกว่า 100 ทักษะได้นะ เพียงแต่ฉันยังไม่เคยเจอคนนั้นเท่านั้นเอง"สิ่งที่เขาพูดออกมาคือสิ่งที่เขาคิดจริงๆแต่มันก็แทบเป็นไปได้เลยที่จะมีคนสามารถทำได้

หลังจากพูดเสร็จไคล์ก็หยุดพูดสักแปบก่อนจะตอบคำถามอื่นๆของฟาง ซิงเจี้ยนต่อ

"สำหรับคำถามที่ว่าทุก 10 ระดับของทักษะของเราจะเพิ่มประสิทธิภาพของร่างของเรานั้น มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเคยทำนะ ซึ่งช่วยให้ร่างกายของพวกเราเเข็งเเกร่งขึ้นจริงๆโดยการฝึกฝนทักษะซ้ำๆมันคล้ายๆกับเทคนิคการบ่มเพาะและการรวบรวมประสบการณ์เลยนะมันช่วยให้พวกเราเเข็งเเกร่งขึ้นจากเดิมเยอะเหมือนกัน"

หลังจากที่ยินคำตอบของไคล์ฟาง ซิงเจี้ยนก็ยิ้มออกมาและดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

การฝึกฝนดาบของเขาจะช่วยให้ร่างกายของเขาเเข็งเเกร่งขึ้นอย่างมหาศาล

"อื้ม แสดงว่าถ้าเราเรียนรู้ทักษะดาบอื่นๆจนถึงขีดสุดเราก็สามารถที่จะแข็งเเกร่งได้อย่างไร้ขีดจำกัดสินะ"

หลังจากที่ไคล์ตอบคำถามของนักเรียนเสร็จไคล์ก็พานักเรียนทั้งหมดมาฝึกซ้อมท่าฟันหมีกริซลีต่อเพราะว่าท่าฟันหมีกริซลีนั้นเป็นท่าพื้นฐานของสถาบันทักษะดาบแห่งนี้ นั้นเป็นเหตุผลให้นักเรียนของที่นี่จำเป็นต้องฝึกซ้อมท่านี้อย่างหนักเพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับทักษะนี้

หลังจากการฝึกซ้อมได้เริ่มต้นไปสักพักไคล์ก็ชี้นิ้วไปที่ อ็อกเดน พร้อมกับส่ายหัว

"อ็อกเดน ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วท่าฟันหมีกริซลีนั้น นายต้องควบคุ ร่างกายและจิตใจให้ดี จังหวะการสั่นของร่างกายและปลายดาบ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นายยังไม่สามารถยกระดับ ทักษะนี้ให้ถึงระดับ 10 ได้"

"แต่ว่าผมซ้อมวันละ 8 ชั่วโมงทุกวันเลยนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมทำผิดตรงไหน อะไรทำให้ผมไม่สามารถไปถึงระดับ 10 ของทักษะนี้สักที”

ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่ไคล์เข้าใจดี อ็อกเดนนั้นฝึกฝนทักษะนี้มาตั้งแต่ 8 ขวบร่างกายและสภาวะจิตใจของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากแต่เขาก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามคอขวดนี้ไปได้

ไคล์ส่ายหัวแล้วชี้ไปยังฟางซิงเจี้ยนแล้วพูดว่า

"ฟาง ซิงเจี้ยนนายช่วยแสดงท่าฟันหมีกริซลีที่นายพึ่งฝึกไปให้ อ๊อกเดนดูหน่อยสิ"

เขาหันไปทางฟาง ซิงเจี้ยนที่กำลังนั่งพักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ข้างสนามฝึก หลังจากที่ได้ยินเสียงอาจารย์เขาก็ลุกขึ้นและยืมดาบเดินออกมากลางสนาม ท้ามกลางสายตาของเพื่อนๆในชั้นเรียนที่หันมาดู

"อ็อกเดน สังเกตุการเคลื่อนไหวของฟางซิงเจี้ยนดีๆเข้าใจไหม"ไคล์ให้มาบอกอ็อกเดน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด