ตอนที่แล้วบทที่ 8 การพัฒนาที่ก้าวข้ามขีดจำกัด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 โรงเรียนสอนทักษะดาบ

บทที่ 9 ต้องรอด


สำหรับเขาการแก้แค้นนั้น เขาจะต้องมีพลังมากพอที่จะเเก้แค้นก่อนและวิธีที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้ในตอนนี้คื เขาต้องหาทักษะดาบที่มีพลังมากกว่านี้

สำหรับโลกมิราเคิล เวิร์ลนั้นในสถานที่ที ฟาง ซิงเจี้ยนอยู่เขาได้ข้อมูลจากชายชรามามากมาย และเขาเองก็ได้ยืนยันข้อมูลที่เขาได้เรียนมาจากเมืองอสูรปีศาจกับชายชราเพื่อที่เขาจะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาได้เรียนมานั้นไม่ผิดพลาด

แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องของมิราเคิล เวิร์ลพอสมควรแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามายังโลกมิราเคิลเวิร์ล แห่งนี้ตามข้อมูลที่ได้มาจากชายชรา ตอนนี้เขาอยู่ที่ชายฝั่งตะวันตกของประเทศซินโคด้า ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปนี้

"อืม, จากข้อมูลที่เราม รัฐบาลของเมืองอสูรปีศาจนั้นได ติดต่อค้าขายกับประเทศยูแรนลิส เท่านั้นอีก 5 ประเทศ พวกเขายังไม่ได ติดต่อค้าขายกันนั้นแสดงว่าข้อมูลของเราคงไม่ได้ถูกส่งไปยัง 5 ประเทศที่เหลือแน่ๆ เพราะพวกเค้ายังไม่ได้ติดต่อค้าขายกันนั้นอาจเป็นสถานที่ที่เราปลอดภัย"ฟาง ซิงเจี้ยนคิดอยู่สักพัก

"ถ้างั้นตอนนี้สิ่งที่เราต้องการรู้คือความสัมพันธ์ระหว่างยูแรนลิสกับเมืองอสูรปีศาจสินะ"งั้นคงต้องลองถามตาแก่ดูแล

“เฮ้ ตาแก่”ฟาง ซิงเจี้ยนตะโกนเรียกชายชราซึ่งเป็นคนช่วยเขาจากการโยนลงทะเลของแคโรไลน์ ซึ่งจรถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู็ว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงช่วยเขาไว้

ฟาง ซิงเจี้ยนหันไปเรียกชายชราหรือคนที่เขาเรียกว่าตาแก่นั้นแหละแต่ชายชราไม่ได้สนใจเขาเลยชายชราเอาแต่นั่งขัดดาบที่ดูเก่ามากๆอยู่จากนั้นชายชราก็โยนดาบนั้นมาให้ฟาง ซิงเจี้ยน

ทันทีที่ฟาง ซิงเจี้ยนรับดาบเขาก็ตรวจสอบลักษณะของดาบ ดาบเล่มนี้เป็นดาบมือเดียวซึ่งเป็นแนวตะวันตก ดาบมีความยาว 1.2 เมตร และใบดาบมีความกว้าง 3 นิ้ว สภาพของดาบนั้นเต็มไปด้วยรอยแหว่งซึ่งจากสภาพของดาบนั้นคงผ่านการต่อสู้มามากมาย

"เอาไป เจ้าคนป่าเถื่อนเจ้านี่มันบ้าขนาดสภาพร่างกายปางตายขนาดนี้ยังจะฝึกฝนทักษะดาบอีกเจ้าคงไม่ได้กำลังจะไปแก้เเค้นใครใช่ไหมเจ้าหนู"ชายชราพูดขึ้นขณะที่ยิ้มแห้งๆ

ฟาง ซิงเจี้ยนเงียบไม่มีคำตอบออกจากปากเขา

"นี่เป็นดาบที่ข้าใช้ในสมัยตอนที่ข้ายังอยู่กองทัพ ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้าเเล้ว เจ้าเอาไปใช้เถอะ"ชายชราก็พูดต่อ

"ขอบคุณมากตาแก่" ฟางซิงเจี้ยนพูดอย่างจริงใจแล้วมองไปยังชายชรา

หลังจากรับดาบจากชายชรามาฟาง ซิงเจี้ยนก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง

"เจ้าวางแผนว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ละ"ชายชราถามเหมือนเห็นฟาง ซิงเจี้ยนเตรียมข้าวของ

"ฉันจะขึ้นเหนือไปเมืองเคิร์สฉันได้ยินมาว่าที่นั้นมีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับนักรบและทักษะดาบ ซึ่งมันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับฉันในตอนนี้ "ฟาง ซิงเจี้ยนตอบกลับ อย่างช้าๆ

เมืองเคิร์สนั้นเป็นเมืองที่อยู่ใกล้หมูบ้านการประมงมากที่สุดและเขาวางแผนที่จะไปที่นั้นเพื่อ รวบรวมข้อมูลก่อนและเรียนรู้ทักษะดาบไปด้วยในระหว่างที่รวบรวมข้อมูล

"อื้ม เมืองเคิร์สอยู่ไกลและการเดินทางก็ค่อนข้างลำบากมากแล้วนี่ก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว การเดินทางจะยิ่งลำบากมากขึ้นอีกเพราะว่าฤดูหนาวพวกสัตว์ป่าจะออกมาล่าอาหารและยังมีพายุหิมะอีกเจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะตายก่อนที่จะไปถึงเมืองเคิร์สรึไง"ชายชราพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

"ฉันตัดสินใจแล้วตาแก่ นี้เป็นทางเดียวในตอนนี้และที่สำคัญฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้หรอกไม่ต้องเป็นห่วง" ฟางซิงเจี้ยนพูดอย่างช้าๆและเขาก็เงียบลง

"เวลาฉันเหลืออีกไม่มากแล้ว"เขาพูดขึ้นอีกครั้ง

ถ้าสิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนกับเปลวไฟสีม่วงนั้นเป็นเรื่องจริงตอนนี้เขาก็มีเวลาในการใช้ชีวิตเหลืออยู่อีกแค่ 5 ปี แล้ว

ชายชรานิ่งเงียบแปบนึง แล้วพูดต่อว่า "ถ้านายยังไม่ตายแล้วสามารถไปถึงเมืองเคิร์สได้ นายก็สามารถที่จะเรียนรู้ทักษะดาบต่างๆของนักรบได้เมื่อนายไปถึงเมืองนั้น "

ฟาง ซิงเจี้ยนมองกลับไปยังชายชราอีกครั้งแล้วพยายามจดจำใบหน้าของชายชราคนนั้นไว้

ชายชรายิ้มและโบกมือให้

"นายไปทำสิ่งที่นายต้องทำเถอะ"ชายชรากล่าวลาถึงแม้จะไม่ใช่คนในตระกูลเดียวกันแต่ชายชราก็รู้สึกผูกผันกับฟาง ซิงเจี้ยนไม่ใช่น้อย

....................................................

หมู่บ้านการประมงที่ฟาง ซิงเจี้ยนอยู่นั้นมันเป็นหมู่บ้านที่มีสภาพคล้ายๆยุโรปยุคกลางและคนส่วนใหญ่ไร้ความรู้นอกเหนือจากนั้นผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่มีเลเวลอยู่ที่ 5 และเป็นแรงงานทั่วไป พวกเขาใช้ม้าในการเดินทางและส่งสิ่งของกัน

"รีบขึ้นไปเร็ว เราต้องไปถึงที่พักก่อนเวลากลางคืน " ชายแก่ผมสีเหลืองดวงตาสีเขียว ผู้ซึ่งคุม ขบวนคาราวานนี้ตะโกนบอกขบวนคาราวานของเขา

ท่ามกลางเสียงดังของกองคาราวานฟาง ซิงเจี้ยนถือดาบของเขาแล้วเดินอยู่ข้างๆกอง คาราวานอย่างเงียบๆ

ทุกคนรอบข้างฟาง ซิงเจี้ยนกำลังวิ่งไปทั่วบริวานเพื่อคนสินค้าที่จะนำไปค้าขายที่เมืองอื่นซึ่งทุกคนไม่มีใครสังเกตุฟาง ซิงเจี้ยนเลยเพราะกำลังยุ่งกับงานที่ตัวเองกำลังทำกันอยู่ แต่มีสายตาคู่นึงจองไปฟาง ซิงเจี้ยน

"เห้ นายคนนั้นเป็นคนในคาราวานนี้รึเปล่า ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าเลย"หัวหน้าคาราวานตะโกนถามเพราะเห็นคนแปลกหน้ามายืนนิ่งและถือดาบอยู่ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังยุ่งอยู่กับคนงานแต่เพราะเห็นคนแปลกหน้ามายืนนานก็ทำให้เขาสงสัยไม่ได้

ฟาง ซิงเจี้ยนที่รู้ตัวกว่ามีคนตะโกนถามตัวเองก็หันไปตามเสียงละก็เห็นคนที่ตะโกนโวยวายเสียงดังเดินเข้ามาหาตนเอง

"นายเป็นใครแล้วมาทำอะไรแถวนี้คนกำลังรีบๆกันอยู๋"หัวหน้าคาราวานถามขึ้นแต่ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โกธรแต่อย่างไร เพราะชินแล้วกับการที่มีคนมาอยู่แถวๆคาราวาน

"พอดีผมต้องการไปเมืองเคิร์ส ซึ่งไม่ทราบว่าจะขอติดคาราวานของคุณไปได้ไหม แน่นอนผมไม่ได้ให้คุณพาผมไปฟรีๆแต่จะแลกกับการเป็นผู้คุ้มกันในการเดินทาง"ฟาง ซิงเจี้ยนไม่อยากเสียเวลาจึงยืนข้อเสนอไปตรงๆ

"ฉันก็เจออยู๋บ่อยนะที่มาขอติดไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ฉันไม่ได้ให้ไปหรอกนะเพราะคนพวกนั้นไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับฉันเท่าไหร่ แต่ถ้านายเสนอมายังงั้นก็ดี คนคุ้มกันรอบนี้มากันไม่ครบถือว่าได้คนคุ้มกันเพิ่ม งั้นมาสิเรากำลังออกเดินทางกันแล้ว"หัวหน้าคาราวานตอบรับอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นโชคดีของฟาง ซิงเจี้ยนที่มาทันคาราวานนี้ออกที่จะออกจากหมู่บ้านประมง

....................................................

ในช่วงกลางของการเดินทางได้เกิดพายุหิมะพัดรถขนสินค้าร่วงลงไปในหลุมทำให้การเดินทางล่าช้าเพราะหัวหน้าคาราวานคาราวานต้องเร่งให้คนงานและพวกทาสดึงรถสินค้าขึ้นมา

ตลอดการเดินทางนั้นพวกเขาเดินตามถนนที่เต็มไปด้วยพายุหิมะและฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง

"เอาไป นี่ค่าจ้างของนาย " หัวหน้าคาราวานโยนถุงเงินให้ฟาง ซิงเจี้ยนพร้อมทั้งพูดต่ออีกว่า

"เฮ้ นายจะไม่เดินทางไปเมืองฟินเลียนพร้อมกับพวกเราจริงๆเหรอ ถ้านายไปเมืองเคิร์สตอนนี้ ทางที่นายจะไปมันอันตรายมากนะ "เขากล่าวเตือนฟาง ซิงเจี้ยนเนื่องจากช่วงหลายวันที่ผ่านมาฟาง ซิงเจี้ยนได้ช่วยเหลือเขาหลายเรื่องทำให้ทั้งคู่สนิทกันในระดับนึง

"ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ชวน " ฟาง ซิงเจี้ยนพูดพร้อมกับยกกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาและเดินจากไป

"เฮ้ หัวหน้าฉันกำลังพูดกับแกอยู่นะ " ชายร่างยักษ์คนนึงพูดขึ้นทำท่าจะหาเรื่องแต่หัวหน้าผู้นำขบวนคาราวาน โบกมือสั่งให้หยุดไว้ก่อน "หัวหน้า" ชายร่างยักษ์พูดขึ้น

ชายร่างยักษ์ สงสัยว่าทำไหมหัวหน้าของเขาถึงไม่ให้สั่งสอนเจ้าเด็กตรงหน้าทั้งๆที่เจ้าเด็กตรงหน้านั้นมีระดับเพียงแค่ 9 เท่านั้น

หัวหน้าผู้นำขบวนคาราวานส่ายหน้าพร้อมกับมองไปยังดาบของฟาง ซิงเจี้ยนที่เหน็บอยู่ที่เอวของเด็กหนุ่มพร้อมกับมองการจากไปของฟาง ซิงเจี้ยนอย่างเงียบๆ

ฟาง ซิงเจี้ยนเดินทางขึ้นมาทางเหนือเขาต้องเผชิญกับพายุหิมะที่หนาวจัดความเย็นทำให้ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาต้องอาศัยเสื้อคลุมขนสัตว์ในการป้องกันผิวของเขาทุกครั้งที่เกิดพายุหิมะ

ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวฟาง ซิงเจี้ยนซ่อนตัวอยู่ในหลุมเล็กๆที่เขาขุดขึ้นข้างๆ กองไฟ ร่างกายของเขาสั่นด้วยความหนาวเน็ยแต่เเววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งการแก้เเค้น

"แคโรไลน์ ... ตระกูลโอนาซิส ..."

"รอฉันก่อนเถอะ"

หลังจากนั้นไม่นานด้วยความเหนื่อยล้าที่เดินต่อเนืองมาหลายวันทำให้เขาหลับลง

ฟาง ซิงเจี้ยนพุงไปข้างหน้าด้วยความเร็วพร้อมกับดาบของเขาออกจากเอว

ฟุบ

หยดเลือดสีเเดงค่อยๆไหลจากใบดาบลงสู่ทุ่งหิมะ เส้นทางที่เขาเดินไปนั้นเต็มไปด้วยเลือดของหมาป่าที่ออกมาล่า พวกหมาป่านั้นร้องโหยหวนและพยายามที่จะไล่ฆ่าฟาง ซิงเจี้ยน หมาป่าขนาดเล็กสุดที่ไล่ล่าเขานั้นมีขนาดตัวยาว 4 เมตร ซึ่งพวกมันไล่ฆ่าฟาง ซิงเจี้ยน อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

พวกมอนสเตอร์เหล่านี้เป็น พวกมอนเตอร์ที่ดุร้าย พวกมันวิวัฒนาการมาจากการต่อสู้และฆ่า มอนสเตอร์ตัวอื่น

ฟาง ซิงเจี้ยนวิ่งหนีพวกมันพร้อมทั้งโดดลงไปยังกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกที่เกือบเป็นน้ำเเข็งเพื่อหลบหนีพวกหมาป่า พวกหมาป่าขนาดใหญ่ได้หยุดและตามหาฟาง ซิงเจี้ยนอยู่ที่ริมแม่น้ำ หลังจากที่มันวิ่งตามริมแม่น้ำไปได้ 200-300 เมตร เพื่อตามหาฟาง ซิงเจี้ยน แต่ว่าพวกมันหาไม่เจอพวกมันจึงเลิกไล่ล่าแล้ววิ่งหายไป

หลังจากที่ลอยแม่น้ำมาได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ฟาง ซิงเจี้ยนก็พบโอกาสที่จะขึ้นจากแม่น้ำ

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็หาทางจุดไฟได้ เขายืนอยู่ข้างกองไฟแล้วเเกว่งดาบเพื่อออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อ ดวงตาของเขาส่องประกายท่ามกลางออกกำลังกายทุกครั้ง

'เราต้องรอด'เขาคิด

'ไม่สิ นอกจากเราต้องรอดแล้ว เราต้องแข็งเเกร่งขึ้นไปอีก!!'เขาตะโกนออกมาเสียงดังก้อง

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ ไฟความแค้นของฟาง ซิงเจี้ยนก็ไม่เคยลดลงเลย

...................................................

ชา คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมืองเคิร์สเสื้อผ้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฉีดขาดและรอยแผล มีรอยเลือดตามส่วนต่างๆของเสื้อผ้าลักษณะของเขานั้นหากใครพบเห็นคงวิ่งนี้แบบไม่คิดชีวิตอย่างแน่นอน

"ในที่สุดก็ถึงสะที"

"เมืองเคิร์ส"

ชายคนนั้นคือฟาง ซิงเจี้ยน เขาก้มหน้ามองหน้าต่างค่าสถานะของเขาซึ่งตอนนี้ได้มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาแล้ว

สัญชาตญาณการอยู่รอดของผู้เริ่มต้น : เกิดจากการพัฒนาขึ้นของความอดทนและสภาพจิตใจ(ทุกการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงจะไม่ส่งผลในระหว่างการต่อสู้)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด