ตอนที่แล้วEG บทที่ 157 ขอลายเซ็นพ่อ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 159 ขอเงินกู้เพิ่มมากขึ้น (อ่านฟรี)

EG บทที่ 158 เพิ่มจำนวนเงินต่อไปเรื่อยๆ (อ่านฟรี)


EG บทที่ 158 เพิ่มจำนวนเงินต่อไปเรื่อยๆ

กระบวนการกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างราบรื่นมาก และเฝิงหยู่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโลงอก ผู้จัดการจูไว้ใจได้มากจริงๆ

แล้วเขาจะไม่น่าไว้ใจได้ยังไงละ? ในเมื่อการเลื่อนตำแหน่งของผู้จัดการจูขึ้นอยู่กับการกู้ยืมเงินครั้งนี้ ส่วนหนึ่งของจำนวนเงินกู้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของธนาคารไอซีบีซีระดับจังหวัด และสิ่งนี้ทำให้หัวหน้าของเขาที่นั่นรู้สึกพอใจมากด้วย หัวหน้ายังสัญญาว่าหลังจากที่รองผู้จัดการธนาคารระดับจังหวัดลาออกในช่วงสิ้นปี ผู้จัดการจูจะเสียบแทนตำแหน่งนี้ต่อทันที

เฝิงหยู่พาลูกน้องไปที่เมืองจีเพื่อซื้อหุ้น และหลี่ซื่อเฉียงก็กลับไปที่เมืองเซินพร้อมกับลูกน้องบางส่วน พวกเขาไปซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดภายในช่วงเวลาเพียงไม่นาน

เฝิงหยู่เดาว่าไม่มีใครซื้อหุ้นได้บ้าคลั่งเท่าเขามาก่อน และตลาดหุ้นก็เริ่มอยู่ในขาขึ้นในช่วงสิ้นปี ด้วยการกวาดซื้อหุ้นจำนวนมากของเฝิงหยู่ในตอนนี้ ทำให้ช่วงตื่นทองของตลาดหุ้นอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าเงินทุนตอนนี้ของเขาอาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ แต่ต้องส่งผลกระทบบางอย่างต่อตลาดแน่นอน

หลังจากทำงานหนักมาสามวัน เฝิงหยู่และพนักงานของเขาก็กลับมาที่เมืองปิง พวกเขาใช้เงินจนหมด และพนักงานทุกคนรวมถึงเหวินตงจวินก็ได้เลือกหุ้นที่พวกเขาต้องการ โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะได้รับการบอกใบ้จากเฝิงหยู่ว่าให้เลือกหุ้นที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน ซึ่งหุ้นดังกล่าวเคยอยู่ในตลาดหุ้นมาก่อนเป็นเวลานานและจะเป็นหุ้นที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ทุกคนล้วนมั่นใจในตัวเฝิงหยู่ ทำไมพวกเขาจะต้องสงสัยคำพูดของคนที่กลายมาเป็นคนร่ำรวยและก่อตั้งบริษัทที่สร้างผลกำไรมากมายได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วยละ? ไหนๆ พวกเขาก็ซื้อหุ้นมาแล้วและก็ไม่มีทางเลือกอื่นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงหยู่ก็สัญญาว่าถ้าเกิดการขาดทุน ก็จะชดเชยเงินให้พวกเขา

แค่นี้ทุกคนก็พอใจแล้ว พวกเขาคิดว่าเฝิงหยู่จะหยุดพักสักหน่อย แต่เขากลับตรงไปหาหลี่ซื่อโหยวและโฮวไฮ่ถาวต่อ

“ยืมเงินงั้นหรอ? ผู้จัดการเฝิง บริษัทการค้าไท่หัวของคุณก็ถือหุ้นจำนวนมากกว่า และคุณก็หาเงินได้มากกว่าเราสองคนหาได้รวมกันเสียอีก แล้วคุณอยากจะมายืมเงินจากเรางั้นหรอ?” โฮวไฮ่ถาวถามด้วยความงุนงง บริษัทการค้าไท่หัวต้องการเงินหรือ?

“ผมเพิ่งลงทุนไปเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้เงินก็เลยขาดมือนิดหน่อย ผมจะรีบคืนเงินให้คุณตอนสิ้นปี”

หลี่ซื่อโหยวส่ายหัว “ผู้จัดการเฝิง โรงงานของเราไม่เหมือนกับบริษัทการค้าไท่หัวนะ เราเป็นรัฐวิสาหกิจ แม้ว่าจะมีลายมือชื่อของผมที่ทำให้ผมสามารถถอนเงินออกมาได้ก็ตาม แต่ผมก็ต้องตอบคำถามรัฐบาล เพราะนี่มันเป็นเงินของรัฐบาล ไม่ใช่ของเรา นี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถให้คุณยืมเงินได้”

โฮวไฮ่ถาวพูดขึ้นมาทันทีว่าโรงงานเขาก็ให้เฝิงหยู่ยืมเงินไม่ได้เหมือนกัน เขาบอกว่ากิจการของโรงงานเขาไม่คอยดีเท่าไรหนักและแถมยังขอเงินทุนวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมจากเฝิงหยู่กลับอีก เพราะตอนนี้เงินทุนเหลือน้อยแล้ว

เฝิงหยู่ถอนหายใจ การยืมเงินจากรัฐวิสาหกิจมันช่างยากเย็นจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงหยู่กำลังลงทุนในตลาดการเงินและไม่ใช่ธุรกิจทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวใจพวกเขา

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องลองไปพบคนสุดท้ายดูแล้วล่ะ

......

“ผู้จัดการเฝิง เรียกผมมาที่นี่ ผมนึกว่าคุณมีปัญหาใหญ่อะไร แล้วทำไมบริษัทคุณถึงขาดเงินทุนล่ะ?” ฟู่กวางเจิ้งไม่เข้าใจ กำไรจากเครื่องทำความชื้นก็โอนเข้าทุกเดือน และบริษัทการค้าไท่หัวก็ทำกำไรได้จำนวนมาก แล้วเฝิงหยู่จะขาดเงินทุนได้ยังไง?

เฝิงหยู่หัวเราะ “ไม่ใช่บริษัทการค้าไท่หัวหรอกครับที่ต้องการเงิน ผมเนี่ยแหละที่ต้องการเงิน เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งเจอธุรกิจที่สร้างผลกำไรและผมต้องยืมเงินบางส่วน บางทีคุณอาจจะช่วยแนะนำธนาคารฮ่องกงให้ผมได้ ผมอยากจะกู้เงิน”

ฟู่กวางเจิ้งเบิกตาโต “ธุรกิจอะไรที่สร้างผลกำไร? ให้ผมร่วมด้วยได้มั้ย?”

ฟู่กวางเจิ้งพบว่าหลังจากที่ตัวเองได้รู้จักกับเฝิงหยู่ เขาก็โชคดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เพิ่งซื้อวัตถุโบราณไป และไม่มีชิ้นไหนที่เป็นของปลอมเลย นอกจากนี้ ธุรกิจรถหรูมือสองก็ไปได้ด้วยดี และเขาก็ได้กำไรจำนวนมากจากธุรกิจนั้น ถึงขนาดได้รับคำชมจากพ่อของเขาเลยทีเดียว

เมื่อเขาลงทุนในบริษัทเครื่องจักรกับเฝิงหยู่ เขาก็ไม่ได้หวังว่าจะได้กำไรอะไรจากตรงนี้ แต่โบนัสและเงินปันผลเมื่อปีที่ผ่านมา และจากยอดสั่งซื้อในปีนี้ เขาอาจจะได้เงินลงทุนคืนในปีถัดไป เขาคาดว่าน่าจะได้เงินปันผลจำนวนมากอีกเป็นเวลา 5 ปี การลงทุนครั้งนี้ทำให้เขาได้รับผลตอบแทนที่สูงมาก

การลงทุนในบริษัทเครื่องจักรทำให้ตระกูลฟู่เห็นความสำคัญของฟู่กวางเจิ้ง อย่างไรก็ตาม การได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องทำความชื้นในต่างประเทศทำให้เขาโดดเด่นในตระกูลฟู่

สถานะของเขาเพิ่มสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ตระกูลฟู่เท่านั้น แต่รวมถึงคนรุ่นที่สองในฮ่องกงด้วย ตอนนี้ฟู่กวางเจิ้งมีขื่อเสียงมากในรุ่นนั้น เขาไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ในตระกูลฟู่อีกต่อไป

“ธุรกิจที่สร้างผลกำไรก็คือหุ้น!”

หุ้น? สีหน้าของฟู่กวางเจิ้งเปลี่ยนสีทันที เรารู้สถานการณ์ในตลาดหุ้นตอนนี้ และการลงทุนซื้อหุ้นตอนนี้จะทำให้ได้เงินงั้นหรอ? นี่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ดีงั้นหรอ?

“ผู้จัดการเฝิง คุณล้อผมเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”

“เปล่าครับ”

ฟู่กวางเจิ้งมองผู้จัดการจูอย่างงุนงง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฝิงหยู่อาจจะรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง และรู้ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นบ้าง? แต่ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี บริษัทการค้าไท่หัวน่าจะมีสินทรัพย์อย่างน้อยสิบล้านหยวน เฝิงหยู่ยังต้องการยืมเงินอีกหรอ?

“ถ้างั้นผู้จัดการเฝิงต้องการซื้อหุ้นอะไรหรอครับ?”

“หุ้นในประเทศจีน ผมจะซื้อหุ้นในประเทศจีนทุกหุ้นเลย!” เฝิงหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม

“หุ้นในประเทศจีนหรอครับ? มีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีนด้วยหรอครับ?” ฟู่กวางเจิ้งถามด้วยความประหลาดใจ

ไม่แปลกที่เขาจะประหลาดใจ ตอนนี้ประเทศจีนยังไม่มีตลาดหลักทรัพย์ แต่ฮ่องกงมีตลาดหลักทรัพย์มานานแล้ว และในปี 1986 ก็มีตลาดหลักทรัพย์ 4 แห่งปิดตัวลงและก่อตั้งใหม่รวมเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งเดียว ซึ่งที่นี่อนุญาตให้ค้าขายตราสารหนี้ระหว่างประเทศด้วย

ฟู่กวางเจิ้งคิดว่าเฝิงหยู่อยากจะซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่กลับกลายเป็นว่าเฝิงหยู่อยากจะซื้อหุ้นในประเทศจีน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีน แล้วจะซื้อขายหุ้นได้ยังไง ถ้าไม่มีการซื้อขาย แล้วมูลค่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร? รอรายงานทางการเงินตอนสิ้นปีงั้นหรอ? แล้วบริษัทในประเทศจีนพวกนี้จะทำกำไรได้เท่าไหร่และจะจ่ายเงินปันผลเท่าไหร่กัน?

“ยังไม่มีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีน เวลาจะซื้อหุ้นก็ต้องไปที่เคาน์เตอร์ของธนาคารเป็นหลัก แถมเอกสารใบหุ้นยังเป็นกระดาษอยู่เลย แต่รัฐบาลจีนเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจบ้างแล้ว ก่อนสิ้นปีนี้ น่าจะมีข่าวเรื่องการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์  เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น บริษัทสองสามรายแรกที่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จะถูกกำกับดูแลโดยรัฐบาล และทุกคนจะต้องซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าว เราทำเงินได้แน่นอน”

“อย่าบอกผมนะว่าคุณลงทุนเอาสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทการค้าไท่หัวไปซื้อหุ้นในประเทศจีนหมดแล้ว?” ฟู่กวางเจิ้งรู้สึกตกใจมาก เฝิงหยู่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

ตลาดหุ้นในจีนยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีทีท่าว่าจะรุ่ง เฝิงหยู่กล้าเสี่ยงเล่นใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง? สินทรัพย์ของบริษัทการค้าไท่หัวมีมูลค่าอย่างน้อยหลายสิบล้าน และเขาลงทุนทุกอย่างลงไปในตลาดหุ้นงั้นหรอ?

เฝิงหยู่พยักหน้า “ถูกต้องแล้วครับ ผมจึงอยากมายืมเงินเพื่อลงทุนต่อ ผมจะให้ดอกเบี้ยคุณสัก 10% ทุกปีเป็นเวลาสามปีโอเคมั้ยครับ? ผมหมายถึงดอกเบี้ยทบต้นนะ!”

ฟู่กวางเจิ้งไม่เข้าใจว่าทำไมเฝิงหยู่ถึงได้มั่นใจขนาดนี้ ดอกเบี้ยทบต้น 10% ทุกปีเป็นอัตราที่สูงกว่าธนาคารเสียอีก ทำไมเขาถึงมั่นใจว่าหุ้นประเทศจีนจะเพิ่มสูงขึ้นและยังคงอยากซื้อทุกหุ้น?

ฟู่กวางเจิ้งรู้สึกว่าเฝิงหยู่กำลังเล่นกับไฟ ถ้าเขาไม่ระวัง ไฟอาจจะลวกเขาก็ได้

“เอางี้ ผมต้องขอไปปรึกษาที่บ้านก่อนนะครับ” ฟู่กวางเจิ้งหยุดสักพักและค่อยพูด ในใจเขาคิดว่าจะปฏิเสธเฝิงหยู่อย่างไรดีที่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องบาดหมางกัน ไม่มีทางที่เขาจะให้เฝิงหยู่ยืมเงินแน่นอน แต่ถ้าเขาช่วยให้เฝิงหยู่ได้กู้เงิน เขาก็ต้องปรึกษากับครอบครัวเขาก่อน บางคนในตระกูลฟู่อาจจะต้องเป็นผู้ค้ำประกันเพื่อให้ได้เงินกู้มา ซึ่งพ่อของเขาต้องไม่ยอมแน่ๆ

พอเฝิงหยู่ได้ยินคำตอบและดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว ก็รู้ทันทีว่าฟู่กวางเจิ้งไม่อยากให้เขายืมเงิน ฟู่กวางเจิ้งไม่อยากจะเป็นผู้ค้ำประกันให้เขา ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่ต้องรีบเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ

“ตระกูลฟู่เล่นหุ้นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากลหรือเปล่าหรือว่ามีการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่า?”

“ลุงคนโตของผมซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากลและลุงคนที่สองก็มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ทำไมหรอครับ? คุณอยากลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้วยหรอ?”

เฝิงหยู่ใช้นิ้วเคาะโต๊ะและพูดว่า “ผมจะบอกคุณสองเรื่องนะครับ ซึ่งผมได้ยินมาจากพวกผู้นำ เรื่องแรกก็คืออสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นต้องขายทิ้งให้หมดโดยเร็วที่สุด แม้ว่าตอนนี้มูลค่าจะต่ำ แต่ก็ต้องขาย ถ้าไม่งั้น จะไม่มีโอกาสได้ขายอสังหาริมทรัพย์อีก เรื่องที่สองก็คือค่าเงินเยนของญี่ปุ่นจะแข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกสองสามปีข้างหน้า ดังนั้นอย่าหวังรอให้เงินเยนอ่อนตัวลงเพราะจะทำให้ขาดทุนได้ง่ายมาก!”

“คุณแน่ใจหรอครับ?”

“แน่ใจมากครับ”

ติดตามตอนใหม่ได้ก่อนใคร คลิกเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด