ตอนที่แล้วChapter 37: พลังอันน่าสะพรึงกลัวของลูกแก้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 39: วิคเตอร์, ข้าคือพ่อของเจ้า!

Chapter 38: บุกไปกันเลย!


กลุ่มทหารรับจ้างฟลามิงโก้ได้ตกลงร่วมมือกับ ลิงค์ และเมื่อไหร่ที่นักธนู กิลเดิร์น ได้สติ พวกเขาก็พร้อมที่จะออกเดินทางทันที

 

ก่อนหน้านี้ แจกเกอร์ ได้ทำการสำรวจภารกิจมาระดับนึงแล้ว และจุดหมายปลายทางของพวกเขาอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของป่าเกอเวนท์ที่เรียกว่าอ่าวเสียงสะท้อน

 

ขณะที่พวกเขาเดินทาง แจกเกอร์ ได้เล่าให้ ลิงค์ ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ ที่พวกเขาต้องไปเผชิญหน้าจากข้อมูลที่เขารวบรวมมา

 

“สมาชิกกลุ่มภารดรแห่งความมืดจะคอยเฝ้าทางเข้าของอ่าวและคอยลาดตระเวนบริเวณรอบๆประมาณหนึ่งร้อยหลา ตามข้อมูลที่เรารวบรวมมามีถ้ำอยู่ที่นั่น ซึ่งนั่นเป็นที่ซ่อนของ วิกเตอร์ โดยปกติภายในถ้ำจะมีพวกบอดี้การ์ดหลายคนอยู่ล้อมรอบมัน แต่ละคนต่างก็เป็นสมาชิกระดับสูงของกลุ่มภราดรที่มีทักษะในการต่อสู้สูง”

 

“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าเราจะต้องเจอกับศัตรูกี่คน?” ลิงค์ ถาม

 

"น่าจะอย่างน้อย 60 คนที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆอ่าว ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับบอดี้การ์ดในถ้ำนัก แต่มันน่าจะมีไม่น้อยกว่า 30 คน" แจคเกอร์ อธิบาย "เรามีเพียงแค่สี่คนดังนั้นการบุกเข้าไปตรงๆในถ้ำของสิงโตอาจเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก แผนเดิมของพวกเราคือพวกเราจะเฝ้าอยู่ที่ปากอ่าว ซึ่ง วิกเตอร์ เป็นผู้นำของกลุ่มภราดรแห่งความมืด คนแบบนั้นไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้ตลอดไปหรอก ในที่สุดเดี๋ยวเขาก็ต้องออกมา และเมื่อมันออกมาเราก็จะซุ่มโจมตีและฆ่ามันซะ "

 

"เว้นแต่ว่าพวกเราจะนอนรออยู่สองอาทิตย์แล้วไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของมันเลยสักครั้งหล่ะนะ" กิลเดิร์น พูดออกมาใบหน้าของเขาดูโศกเศร้า

 

ลิงค์ รู้สึกว่าเขายังคงมีกุญแจสำคัญบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ, ดังนั้นเขาจึงถามคนที่มีวาทศิลป์ที่สุดในบรรดาสามคนนี้ “ลูซี่ จริงๆแล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่?”

 

จากนั้น ลูซี่ ก็อธิบายรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบและตอนนี้ ลิงค์ ก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆมากขึ้น

 

ในตอนแรก กลุ่มทหารรับจ้างฟลามิงโก้ได้เกิดขึ้นมาในทางเหนือ แต่นับตั้งแต่ที่ดาร์กเอลฟ์โจมตีเมืองแกลดสโตน แจกเกอร์ ซึ่งเป็นผู้นำก็รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นั่น เพราะมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะได้พบกับกองทัพของดาร์กเอลฟ์ และสิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือดเหล่านี้ก็ไม่เคยแสดงความเห็นใจใด ๆ ต่อมนุษย์มาก่อน พวกมันจะฆ่าคุณทันทีที่พวกมันเห็นคุณโดยที่ไม่ถามคำถามใดๆทั้งสิ้น

 

และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็มีทางเลือกแค่ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อหรือจะย้ายลงไปทางใต้

 

ประมาณ 20 วันก่อนที่ทั้งสามคนจะมาถึงป่าเกอเวนท์ จากนั้นพวกเขาก็ได้รับภารกิจจากศาลากลางเมืองริเวอร์โควฟ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสืบไปรอบๆและรวบรวมข้อมูลจนมากพอและตัดสินใจที่จะเฝ้าดูที่อ่าวเสียงสะท้อน

 

แต่ในท้ายที่สุดการซุ่มโจมตีก็เป็นความพยายามที่ไร้ผล เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่พวกเขาไม่ได้เห็นร่องร้อยของ วิกเตอร์ เลย

 

ลิงค์ เคาะหน้าผากของเขาเบา ๆ ด้วยปลายไม้คทาของเขา เขาครุ่นคริดอยู่ครู่นึงและไม่นานหลังจากนั้น เขาก็คิดอะไรบางอย่างออก "วิกเตอร์ ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้ตลอดเวลาหรอก เพราะคุณไม่เคยเห็นเขาออกมา เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ภายในถ้ำตั้งแต่แรกหรือไม่ก็อาจจะมีทางออกอื่นในถ้ำก็ได้นะ"

 

“เป็นไปไม่ได้ มันจะต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ นั่นเป็นฐานเก่าของมัน! สมาชิกกลุ่มภารดรทุกคนที่พวกเราจับมาพูดแบบเดียวกันหมด” แจกเกอร์ แย้ง

 

"ถ้างั้นก็ทิ้งตัวเลือกที่สองไป“ลิงค์ ผสานมือของเขา”ผมได้ยินมาว่ากระต่ายที่ฉลาดแกมโกงจะขุดทางออกหลาย ๆ ทางจากโพรงของมัน วิกเตอร์ เองก็เป็นคนฉลาดที่กลัวความตาย ผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองติดกับอยู่ในอ่าวหรอก ถ้าเดาไม่ผิดทางออกอื่น ๆ ต้องอยู่ภายในถ้ำแน่ๆ "

 

ความจริงแล้วในเกมนั้นมีถ้ำอยู่ในอ่าวเสียงสะท้อนซึ่งเป็นถ้ำปลอมที่เรียกว่า เหมืองเงียบ ทางเดินในถ้ำเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนของทางตันทั้งหลายเหมือนกับเขาวงกต มีทางออกที่แตกต่างกันอย่างน้อยสามทาง ผู้เล่นหลายคนที่เข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกจะหลงทางไม่ต่ำกว่าครึ่งวันแถมยังไม่พบร่องรอยของ วิกเตอร์ อีกด้วย

 

และด้วยเหตุผลนั้น ทำให้ถ้ำนั้นถูกเรียกว่าเขาวงกตแห่งความเงียบ

 

ตอนนี้ที่นี่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งสภาพของถ้ำน่าจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น

 

สิ่งที่ ลิงค์ กล่าวทำให้พวกทหารรับจ้างคิดได้และพวกเขาทั้งหมดก็เชื่อในเหตุผลนั้น ลูซี่ ขมวดคิ้วและพูดออกมา "แล้วทางออกลับจะต้องเป็นตัวป้องกันที่สำคัญที่สุดของ วิกเตอร์ เฉพาะสมาชิกที่สำคัญที่สุดของกลุ่มภราดรเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ไม่มีทางที่เราจะหามันพบได้แน่"

 

"ไอพวกเวรหดหัวเหมือนเต่า, ไอพวกหนูขี้ขลาด!" กิลเดิร์น สบัดลูกศรในมือของเขาด้วยความโกรธ เขาคิดถึงเวลา 2 อาทิตย์ที่พวกเขารออยู่ที่ทางออกเหมือนกับคนโง่ การที่ทนฝนทนหนาวแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลยทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น

 

แจกเกอร์ หันมาถาม ลิงค์ “แล้วท่านมีความคิดเห็นอะไรบ้างรึเปล่า?”

 

แจกเกอร์ ค่อยๆเคารพ ลิงค์ ขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างแรกเพราะพลังของเขา และอย่างที่สองคือสมองของเขา

 

ลิงค์ มีตำตอบที่เขาคิดไว้นานแล้ว เขาพูดและหัวเราะไปด้วย “พวกเราบุกกันเถอะ”

 

ในตอนที่ที่คำพูดของเขาจบลง ทหารรับจ้างทั้งสามคนก็ยืนอ้าปากค้าง แจ็กเกอร์ ยักคิ้วขึ้น ใบหน้าของ กิลเดิร์น รู้สึกงุนงงถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนของเขามาก่อนหน้านี้เขาก็คงจะยิงธนูใส่ ลิงค์ไปแล้ว แต่ ลูซี่ กลับมีรอยยิ้มที่บูดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอ "ลิงค์ พวกเรามีแค่ 4คนนะ พวกมันมีเยอะกว่าพวกเรา 30 เท่าเลยนะ"

 

ลิงค์ เอาแต่หัวเราะเพียงอย่างเดียวและไม่ได้ตอบคำถาม เขากำลังคิดหาวิธีใช้แต้มโอมนิของเขา

 

ตอนนี้เขามีค่าโอมนิอยู่ทั้งหมด 105 แต้ม

 

ตามกฎของแต้มโอมนิ แต้มโอมนิหนึ่งแต้มสามารถแลกได้สูงสุด 10 แต้มมานาแต่ว่าตอนนี้เวทมนตร์ของเขาอยู่ในสถานะอ่อนแอผลจะลดลง 90% การแลกเปลี่ยนแต้มโอมนิหนึ่งแต้มจะได้ 1 แต้มมานาสูงสุดอาจดูเหมือนเล็ก แต่เขามีแต้มโอมนิที่เยอะพอสมควร

 

หลังจากคิดได้แล้ว ลิงค์ ก็ตัดสินใจแลก 75แต้มโอมนิกับค่ามานาสูงสุดดังนั้นตอนนี้ค่ามานสูงสุดของเขาคือ 99.1 พ้อยท์และเขายังนำขวดยามานาระดับต่ำซึ่งสามารถเพิ่มมานาได้ 100 แต้มมาด้วย และด้วยยาขวดนี้เขาสามารถเติมมานาได้เต็มที่ในครั้งเดียว ซึ่งหมายความว่าเขามี 198 มานาที่สามารถใช้งานได้ในวันนี้

 

ลูกแก้วของเขาหนึ่งลูกใช้มานา 1 แต้ม ทำให้เขาสามารถใช้ลูกแก้วได้ 198 ครั้งบวกด้วยเขามีผู้ช่วยสามคน ลูกแก้ว 1 ลูกต่อหนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย เขาสามารถเสริมการโจมตีของเขาด้วยคาถาอื่น ๆ และยุทธวิธีการต่อสู้เพื่อบุกเข้าไปในถ้ำได้ ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้

 

แต่ ลิงค์ ไม่ได้เพิ่มขีดจำกัดของมานาสูงสุดของเขาด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว – เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำอย่างนี้

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ เวทย์เลเวล 4 เวทย์เดียวอย่างระเบิดเพลิงก็ทำให้เขาเสียมานาไป 320 แต้มแล้ว ในสภาพปัจจุบันของเขาเขาไม่สามารถแม้แต่จะใช้ระเบิดเพลิงได้ แต่หลังจากเพิ่มไป 75 แต้มและผลของโรคมานาหมดลงเขาจะมีมานาถึง 991 แต้ม ซึ่งค่าโอมนิของเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยในตอนนั้น  ดังนั้นเขาจึงสามารถซื้อเวทมนตร์เลเวล 4 หรือเลเวล 5 ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถใช้พวกมันได้ในทันทีแทนที่จะต้องรอเพราะมานาสูงสุดของเขาต่ำเกินไป

 

ต่อให้ค่าโอมนิของเขานั้นไม่เพียงพอ แต่เขาก็ยังมีเวทย์ระเบิดเพลิงเหลืออยู่เวทย์นึง

 

มันก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่ที่จะเหลือค่าโอมนิเอาไว้ แต่มันก็ยังคงมีความเสี่ยงในการโจมตีอ่าวเสียงสะท้อน ถ้ามานาของเขาหมดลงเขาก็จะตกอยู่ในปัญหาและถ้าค่าโอมนิของเขาหมดลงเขาก็จะถึงจุดจบอย่างแน่นอน

 

เขาจึงตัดสินใจเหลือแต้มโอมนิไว้30 แต้ม เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

ขั้นตอนทั้งหมดของการเพิ่มแต้มมานาเกิดขึ้นในหัวของ ลิงค์ เช่นเดียวกับที่กระบวนการทั้งหมดสำเร็จ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดออกมา "ถ้าแค่พวกคุณสามคนมันก็คงจะเป็นภารกิจฆ่าตัวตาย แต่ถ้ามีผมอยู่ด้วยมันไม่มีปัญหาหรอก"

 

"..."

 

แจกเกอร์ และอีกสองคนมองหน้ากัน คำพูดเหล่านั้นทำร้ายอีโก้ของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงพลังที่ ลิงค์ ได้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่สามารถโต้เถียงกับเขาได้ พวกเขาเคยเห็นนักเวทย์หนุ่มคนนี้ใช้แค่เวทย์บอลเพลิงเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะมีลูกไม้อะไรซ่อนเอาไว้อีก?

 

แต่นั่นก็ยังคงเป็นเรื่องแปลกประหลาดเกินไป!

 

ดูเหมือนว่าทั้ง 3 คนจะยังไม่เชื่อ ดังนั้น ลิงค์ จึงโบกคทาของเขาไปมาและพูด “มันเริ่มมืดแล้ว พวกเราต้องรีบตัดสินใจในตอนนี้ ตัวผมเองก็มีชีวิตเดียว ผมคงไม่พาพวกเราทุกคนไปตายหรอกถูกไหม?”

 

นั่นเป็นคำพูดที่มีเหตุผลมากเลยทีเดียว

 

แจกเกอร์ เชื่อว่านักเวทย์หนุ่มที่ทรงพลังอย่างเขาคงจะไม่ล้อเล่น “งั้นจะให้พวกเราทำอะไรกันแน่หล่ะ?” เขาถาม

 

ลิงค์ คิดแผนในใจ ก่อนอื่นเขาซื้อเวทย์ใหม่ ร่างอวตาร

 

ร่างอวตาร

เวทย์ธาตุดิน เลเวล1

ผล: สร้างอวตารเงา อวตารสามารถสร้างเสียงฝีเท้าสามารถพูดและปล่อยกลิ่นออกมาได้ ไม่สามารถแยกแยะได้จากสายตาคนธรรมดา

(คำเตือน:มันว่ายน้ำไม่ได้ และอย่าให้มันไปโดนฝนถ้าไม่อยากให้มันพัง)

 

ทริคนี้คงจะหลอกพวกนักเวทย์ไม่ได้ แต่ว่ามันง่ายมากที่จะหลอกให้พวกภารดรแห่งความมืดหลงกลพวกเขา

 

หลังจากที่เวทย์ของเขาพร้อม เขาก็เริ่มวางแผนกลยุทธ์ในขณะที่เดินไปด้วย

 

ทหารรับจ้างได้ฟังอย่างกระตือรือร้น ตาของพวกเขากระพริบด้วยความคาดหมาย เมื่อ ลิงค์ สร้างร่างอวตาร ที่เหมือนกับ แจกเกอร์ อย่างสมบูรณ์ ทหารรับจ้างทั้งสามก็ไม่ได้มีข้อสงสัยประการใดเหลืออยู่ในแผนการของนักเวทย์หนุ่ม

 

เช่นเดียวกับ ลิงค์ และคนอื่นๆที่กำลังเตรียมที่จะบุกอ่าวเสียงสะท้อน ในเหมืองแห่งความเงียบ วิกเตอร์ ก็ได้พบกับแขกคนพิเศษ แขกคนนั้นสวมเสื้อคลุมศีรษะและมือของเขาก็สวมถุงมือไม่มีส่วนใดเลยของผิวของเขาที่ถูกเปิดเผย สิ่งเดียวที่ให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับแขกคนนี้คืออัญมณีสีฟ้าที่อยู่ในคทาที่เขาถืออยู่

 

บนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าทั้งสองคนมีกระเป๋าและคริสตัลที่มีแสงสีม่วงดำวางเอาไว้อยู่ เป็นเพราะคริสตัลทำให้ถ้ำดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดที่ลึกลับ ถึงแม้จะมีแสงเทียนประดับไว้เป็นจำนวนมาก

 

“วิกเตอร์ ถุงนี้ประกอบไปด้วยอัญมณีล้ำค่าที่มีค่ามากกว่า500เหรียญทอง นั่นคือรางวัลของเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำคือหาทางส่งคริสตัลนี้ไปให้นักเวทย์ในสถาบันอีสโควฟ นักเวทย์คนไหนก็ได้ที่สนใจในเวทย์มนตร์ดำ”

 

"ครับ นายท่าน" มือของ วิกเตอร์ จับกระเป๋าอย่างแน่นหนาตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภ ตลอดชีวิตของเขาสิ่งเดียวที่เขาให้ความสำคัญคือเงิน เมื่อเขาได้รับเงินแล้วเขาจะซ่อนเงินไว้ในที่ลับ ทุกครั้งที่เขาเก็บเงินหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

 

พูดตามตรง, เขาไม่มีปัญหาหรอกถ้าจะต้องขายญาติของเขา หากมันมีราคาสูง

 

“อย่าทำให้ข้าผิดหวังหล่ะแล้วก็อย่าทำให้นายของเจ้าผิดหวัง!” เสียงของคนที่ใส่ผ้าคลุมสีดำนั้นแหบแห้ง ถ้า ลิงค์ อยู่ที่นี่ เขาคงจะดูออกในทันทีว่าบุคคลปริศนาคนนี้ใช้เวทมนต์เพื่อดัดแปลงเสียงของเขา

 

"ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถครับ" วิกเตอร์ ย่อตัวคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อแสดงความพักดีของเขา ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นชายผ้าคลุมดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนอย่างตอนที่เขามา

 

วิกเตอร์ ได้แต่ตกใจอ้าปากค้างและรู้สึกเคารพ ช่างเป็นสกิลที่ทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้

 

เขาหยิบกระเป๋าวางลงบนโต๊ะและเปิดมัน ภายใต้แสงเทียน อัญมณีในกระเป๋าส่องประกายสดใส

 

“หึ หึ เพชรตาแมว อัญมณีฟ้า เพชรเพลิง...ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้  500 เหรียญทองสำหรับภารกิจ นายของข้าช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ” วิกเตอร์ ชื่นชมในขณะที่มองดูรายละเอียดของอัญมณีแต่ละชิ้น เขาดีใจจริง ๆ

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด