ตอนที่แล้วSOJ บทที่ 1 โลกใบใหม่ /ตอนที่ 12 เกมชิงบัลลังก์ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSOJ บทที่ 2 ลี้ภัย / ตอนที่ 14 การเผชิญหน้า(1)

SOJ บทที่ 1 โลกใบใหม่ /ตอนที่ 13 อาหารเย็น


โรงยิมสะอาดกว่าที่คิด เพราะคนที่ตายไปจะกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

ไม่เพียงแต่ค่าการฟื้นฟูจะช่วยลดช่วงเวลาคูลดาวน์หลังการใช้กรรมได้ แต่มันยังช่วยเพิ่มเวลาที่บาดแผลจะสมานตัวเองด้วย บาดแผลส่วนใหญ่จะปิดตัวลงอย่างช้าๆ

 

คนที่บาดเจ็บอย่างหนักจะตายจากอาการช็อคและกลายเป็นเถ้าถ่านไป ไม่เหลือร่อยรอยใดๆไว้เลย

 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสื้อผ้าของทุกคนยังเปื้อนเลือดอยู่ ก็คงคิดว่าทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

 

ความสงบสุขที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เกิดความกังวลขึ้นในใจของทุกคน

 

ผู้ที่ออกมาเป็นผู้นำคือ จง มินจี ถึงแม้กฏที่ว่าต้องทำตามคำสั่งราชาทุกประการจะหายไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครโต้แย้งถึงความยอดเยี่ยมในการเป็นผู้นำของเธอ จง มินจี มีผู้ติดตาม 258 คนจาก 483 ด้วยตัวตนของครูจริยธรรม ปาร์ค โซแลม ทำให้เธอมีผู้ติดตามจำนวนมากที่เป็นครู

 

จง มินจี ยืนต่อหน้าครูและให้คำสั่ง

 

{จะไม่มีใครออกจากโรงเรียนได้จนกว่าจะพลบค่ำ}

 

อย่างแรกเธอตรวจสอบว่าบริเวณโรงเรียนเช่นสนามด้านหน้าโรงเรียนก็ออกไปไม่ได้เหมือนกันหรือเปล่า จากนั้นเธอก็แบ่งทุกคนออกเป็นกลุ่มๆและผลัดกันเข้าไปชำระล้างร่างกาย จากนั้นเธอก็ออกคำสั่งให้รวบรวมจากโรงอาหารและร้านขนมมาแบ่งเป็นสัดส่วน

 

ราชาบริวาร ซง ซิมิน ก็ทำตามคำสั่งของเธอเช่นกัน ชอ ฮโย ไม่ต่อแถวเข้ารับอาหารแต่เดินลัดคิวเข้าไปหยิบเลย แต่เขาไม่ได้เอาไปมากกว่าที่คนอื่นได้รับ

 

ราชานักขัด คิม ฮยุนแบ็ค กังวลว่าเขาจะสูญเสียอำนาจของตัวเองไป

 

"เธอไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังคิดจะให้พวกเรามาขอส่วนแบ่งอาหารจากเธองั้นเหรอ?"

 

"แล้วจะให้ทำไง?"

 

"เธอไม่ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเองหรอมินจี แค่แบ่งอาหารให้เท่าเทียมกันและให้แต่ละกลุ่มไปแบ่งกันเองอีกทีก็พอ"

 

จง มินจี จ้อง คิม ฮยุนแบ็ค ก่อนที่จะให้อาหารและทรัพยากรณ์อื่นๆกับเขา คิม ฮยุนแบ็ค ยิ้มออกมา เขาคิดว่า จง มินจี ก็แค่คนใจอ่อนคนหนึ่ง ถึงแม้เธอจะเป็นเหมือนปีศาจในสนามรบ แต่เธอก็ทำอะไรไร้หัวใจในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้

 

'ถ้าเป็นฉันนะ ฉันไม่มีทางแบ่งให้คนอื่นแน่นอน ฮึ ฮึ ไม่อย่างนั้นจะมีอำนาจไปเพื่ออะไรล่ะ? ในเมื่อมีแล้วไม่รู้วิธีใช้มันแบบนี้"

 

เขาเห็นว่า จง มินจี นั้นต้อยต่ำกว่าตนเอง เป็นเพราะเธอเขาจึงได้อะไรมาหลายๆอย่าง เขาเข้าใจอุปนิสัยของ จง มินจี จึงหาประโยชน์จากมันได้

 

ในเมื่ออำนาจของเขานั้นไม่แน่นอน ดังนั้นการเป็นที่ชื่นชอบจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต่างจาก จง มินจี ที่แบ่งอาหารอย่างอดออม คิม ฮยุนแบ็ค ยอมให้ผู้ติดตามของเขากินเท่าที่อยากกิน

 

หลังจากการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อคเกอร์ และทานอาหาร ก็ถึงเวลาพัก ในเมื่อไม่มีอะไรทำ ผู้คนเริ่มคิดว่าทุกอย่างในตอนนี้เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนทั้งหมด โลกใบใหม่เกิดขึ้นในเวลาเพียง 1 วัน

 

"ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพวกเราเพิ่งฆ่าคนไป"

 

เมื่อตอนเช้าพวกเขายังเป็นครูและนักเรียนปกติธรรมดาอยู่เลย แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวไม่เคยฆ่าคนอื่นมาก่อน มันช่างน่าขนลุกขนพอง ความตกใจย้อนกลับมาหลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว ความรู้สึกที่พวกเขาได้เจอมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความอ่อนนุ่มเมื่อดาบเฉือนผ่านเนื้อหนังของคน ความร้อนของเลือดที่สาดกระเซ็นเลอะไปทั่วตัวพวกเขา รวมถึงลมหายใจสุดท้ายของคนตาย ความรู้สึกทุกอย่างที่เจอมาเริ่มจะย้อนกลับคืนมาในจิตใจพวกเขา

 

พวกเขารับมันไม่ไหวจริงๆ

 

"อย่าบอกนะว่าพรุ่งนี้ก็จะต้องฆ่ากันเองอีกแล้ว?"

 

“…เหี้ย อาจจะเป็นคืนนี้เลยก็ได้”

 

ถ้าพวกเขามีอย่างอื่นให้ทำ คงจะไม่จิตตกกันขนาดนี้ แต่ในเมื่อกฏไม่ยอมให้ออกจากโรงเรียนจนกว่าจะพลบค่ำ ความกังวลของพวกเขาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น

 

การต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างไม่มีจบสิ้น ไม่ว่าใครก็ต้องสิ้นหวัง ช่วงที่พวกเขารู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองถูกเชือดเฉือนและควักออกมา กลับเป็นในช่วงเวลาที่สงบสุข

 

เสียงร้องไห้ดังไปทุกที่ บางคนก็มองหาเพื่อนของตัวเองที่ตายไปแล้ว บางคนก็เดินเข้าไปในห้องเรียนที่ว่างเปล่าและเริ่มร้องไห้ออกมา

 

กลางคืนได้มาถึงแล้ว

 

นักเรียนที่รออยู่ที่ประตูโรงเรียนตะโกนออกมา

 

"กำแพงหายไปแล้ว! ออกไปได้สักที!"

 

ผู้คนตรงไปที่ประตูโรงเรียนเมื่อได้ยินเสียงตะโกน ในตอนนั้น มีข้อความส่งมาหาเหล่าราชา

 

{ทหารทุกคนต้องประจำอยู่ที่เดิมจนกว่าจะถึงตอนเช้า}

 

ชอ ฮโย พึมพำออกมาว่า

 

"โว้ย...พวกมันวางแผนอะไรอยู่เนี่ย?"

 

ข้อความที่บอกว่าให้ประจำที่เดิมถูกส่งมาให้ราชาเท่านั้น

 

"ทุกคนหยุดก่อน!!!"

 

เสียงของผู้หญิงดังมาจากในโรงเรียน มันเป็นเสียงของ จง มินจี เธอวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้และมาขวางประตูทางออก พร้อมกับ ชู ยังจิน

 

โชคดีที่ยังไม่มีใครออกไป น่าจะเป็นเพราะไฟถนนทุกดวงนั้นดับหมด มันจะน่ากลัวมากถ้าจะต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียวบนถนนมืดๆ ในวันที่มีคนตายมากมายขนาดนี้

 

"มีข้อความส่งมาหาราชา ว่าให้อยู่ประจำที่จนถึงเช้า ใครที่หนีจะต้องหายไป"

 

จง มินจี โกหกออกมาโต้งๆ ไม่มีคำไหนในนั้นเขียนว่า 'ต้องหายไป' มันบอกแค่ให้ประจำอยู่ที่เดิมเท่านั้น ถึงอย่างนั้น ชอ ฮโย ก็อดทึ่งกับการตัดสินใจที่รวดเร็วของเธอไม่ได้ ยังไงถ้าคนพวกนี้ไม่ทำตามที่ข้อความบอก พวกเขาจะต้องเจอโทษบางอย่างอยู่แล้วแน่ๆ

 

ผู้คนต่างก็หัวเสีย

 

"ทำไมมีแต่ราชาที่ได้รับข้อความล่ะ?"

 

ความสงสัยผุดขึ้นมาในความคิดพวกเขา ไม่สิ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อมันอยู่แล้วมากกว่า คนต่อมาที่แสดงตัวออกมาคือ ราชาบริวาร ซง ซิมิน

 

"ฉันก็ได้รับข้อความ มันเป็นความจริง"

 

ความเงียบเข้ามาแทนที่เสียงโวยวาย ถ้ามีราชาอีกคนมายืนยันว่ามันเป็นความจริง ทุกคนต้องเชื่ออย่างแน่นอน แต่ราชานักขัด คิม ฮยุนแบ็ค กลับมาทำมันพังเสียก่อน

 

"ฉันก็ได้รับข้อความ แต่เรื่องการหายไปน่ะเป็นเรื่องโกหก มันบอกแค่ให้ประจำอยู่ที่เดิมเท่านั้น"

ทุกคนเริ่มส่งเสียงอื้อึงอีกครั้ง จง มินจี จ้อง คิม ฮยุนแบ็ค ราวกับจะกระโดดถีบเขาให้ตายไปตรงนั้น

 

เขายักไหล่ตอบโต้เธอ

 

"ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการหายไปเขียนอยู่จริงๆเหรอ?"

 

นักเรียนหน้าโง่คนหนึ่งพูดขึ้นมา จง มินจี ตอบอย่างเข้มงวดว่า

 

"มีสิ มันมีคำว่าหายไปเขียนอยู่จริง คิม ฮยุนแบ็ค ทำไมนายถึงโกหก?"

 

คิม ฮยุนแบ็ค แสดงท่าทีอ้ำอึ้ง ก่อนจะขึ้นเสียง

 

“อะไรกัน? ฉันจะโกหกไปทำไม?”

 

คิม ฮยุนแบ็ค หัวเสีย เพราะเขาไม่ได้โกหก และด้วยท่าทางของเขาที่แสดงออกมาแบบนั้น บางคนก็ถึงกับคิดว่า 'ดูเหมือนเขาจะพูดความจริงนะ?'

 

"ฉันก็ได้รับข้อความ มันมีคำว่าหายไปเขียนอยู่" ชอ ฮโย พูด

 

ในเมื่อราชาจาก 3 ใน 4 พูดว่าอย่างนั้น ความคิดที่จะวิ่งออกไปนอกประตูโรงเรียนก็ได้หายไป เมื่อ จง มินจี พูดว่า "กลับเข้าไปข้างในเถอะ " ทุกคนก็เริ่มเดินกลับไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสงสัยอะไรเลย

 

"เฮ้อ! เออ ฉันยอมเป็นคนโกหกก็ได้! เข้าใจละ! ก็ได้! ขอโทษละกัน!"

 

ส่วนหนึ่งที่ยังมีคนสงสัยอยู่ อาจเป็นเพราะ คิม ฮยุนแบ็ค ที่ตะโกนเกรี้ยวกราดในระหว่างเดินกลับ

 

ในตอนกลางคืน จง มินจี ได้มาหา ชอ ฮโย

 

"คุยด้วยไปได้ไหม?"

 

ชอ ฮโย ยังมองไม่เห็นแสงใดๆส่องออกมาจาก จง มินจี ไม่มีทั้งเจตนาดีและเจตนาร้าย

 

"มีอะไรเหรอ?”

 

"ฉันอยากจะปรึกษาว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์บ้าอะไร"

 

สำหรับ ชอ ฮโย ที่อยากจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว เขาเดินเข้าไปในห้องเรียน สมาชิกหลักของกลุ่ม จง มินจี ได้รวมตัวกันที่นั่นแล้ว แม้แต่ ซง ซิมิน และ คิม ฮยุนแบ็ค ก็พาสมาชิกหลักของตนเองมาเหมือนกัน

 

จง มินจี เริ่มพูดก่อน

 

"มีสองสิ่งที่ฉันสงสัย อย่างแรกคือข้อความที่เขียนอยู่หน้าวงแหวนแห่งการเกิดใหม่ ฆ่า ฆ่าเท่านั้นจึงจะได้ฆ่า"

 

คนบางกลุ่มพยักหน้าให้กับคำพูดของ จง มินจี ในขณะที่คนอื่นๆทำท่าเหมือนจะไม่เข้าใจ

 

"ทำไมข้อความถึงเขียนว่า ต้องฆ่าเท่านั้นถึงจะได้ฆ่า แทนที่จะเป็น ต้องฆjาเท่านั้นถึงจะอยู่รอด?"

 

จง มินจี ไม่หยุดเพียงเท่านั้น

 

"อีกอย่างหนึ่ง ข้อความที่ได้รับมาเมื่อกี้ 'ทหาร'ทุกคนต้องประจำอยู่ที่เดิม มันเรียกเราว่าทหาร"

 

ชอ ฮโย พยักหน้า เขาคาใจข้อความในกระจกที่เขาเห็นเช่นกัน คำที่โผล่ออกมาเหมือนภาพลวงตา มันบอกให้เขา 'โกรธให้มากขึ้น'

 

"พวกมัน... ฉันไม่รู้ว่าพวกมันเป็นพระเจ้าหรือปีศาจ แต่ฉันคิดว่าพวกมันพยายามจะทำให้พวกเรากลายเป็นทหาร”

 

เธอหาข้อสรุปได้ด้วยตนเองแล้ว

 

“วงแหวนแห่งการเกิดใหม่ เป็นการฝึกส่วนบุคคล ที่พวกมันใช้ในการทดสอบความสามารถในการฆ่าของแต่ละคน พวกมันให้พวกเราต่อสู้กันเป็นทีมและเลือกผู้นำออกมา ในเกมชิงบัลลังก์ ต่อไปจะเป็นอะไรล่ะ? กลุ่มของพวกเราจะต้องไปต่อสู้กับอะไร?”

 

ทุกคนต่างก็เงียบกริบ วันพรุ่งนี้...จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น

 

จู่ๆ คิม ฮยุนแบ็ค ก็พูดออกมา เสียงของเขาฟังดูเหมือนคนกำลังเมา กลุ่มที่ไปค้นห้องเก็บของยามและเจอกับเหล้าจำนวนหนึ่ง คือกลุ่มของ คิม ฮยุนแบ็ค

 

"ฮ้าา น่าปวดหัวจริงๆ กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าจะเรียกมารวมตัวกันทำไมดึกๆดื่นๆ เดี่ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วจะตกตื่นกันไปทำมาย"

 

คิม ฮยุนแบ็ค เซนิดหน่อยเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ จง มินจี ถามว่า

 

"คิม ฮยุนแบ็ค นายเมางั้นเหรอ?"

 

"เฮ้ย เรียกห้วนๆแบบนี้ ฉันเป็นเพื่อนแกหรือไง? ไม่มีแม้แต่คำว่าพี่ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ"

 

เขาเมาแน่นอน เหตุการณ์ในวันนี้มันเหนือจริงเกินไป คิม ฮยุนแบ็ค จึงเริ่มเผยนิสัยจริงๆของตัวเองออกมาแล้ว

 

จง มินจี จ้องเขาตาไม่กระพริบและพูดออกมาว่า

 

"ตอนนี้ทุกๆคนกำลังอ่อนไหว ถ้าไปทำให้ใครหัวเสียตอนที่นายยังเมาอยู่ละก็ พวกเขาอาจจะชักดาบออกมาโจมตีออย่างไม่ลังเลเลยก็ได้นะ ออกไปเดี่ยวนี้ เลิกกินเหล้าและกลับไปนอนซะ"

 

คิม ฮยุนแบ็ค ได้ยินอย่างนั้น ก็ชูนิ้วกลางก่อนจะเดินจากไป

 

"ไปแระ จะคุยกันถึงเช้าเลยก็ได้นะ!"

 

จง มินจี เริ่มทำสีหน้าเย็นชา

 

การประชุมไม่ได้มีผลลัพธ์อะไรออกมาเลย มีแต่เพียงการตั้งทฤษฏีแบบคร่าวๆของ จง มินจีเท่านั้น พวกเขายังขาดข้อมูลอยู่ การประชุมจบลงด้วยข้อสรุปที่ว่าทั้งหมดจะมาพบกันอีกครั้งเมื่อได้ข้อมูลมากกว่านี้

 

ชอ ฮโย กลับไปที่ห้องเรียน นักเรียนคนอื่นๆต่างก็รวมตัวกับเพื่อนและแยกกันไปอยู่ตามห้องเรียนต่างๆเช่นกัน

 

ชอ ฮโย อยู่ในห้องเรียนเพียงคนเดียว เขานั่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เริ่มจากสถานะของเขา

 

{ชอ ฮโย}

*เผ่ามนุษย์

*ค่ากรรม

พละกำลัง: 71(+5) ความเร็ว: 75(+5) การควบคุม: 86

ความอดทน: 70 กำลังกาย: 0 (★) การฟื้นฟู: 90 (+10)

*แต้มกรรมคงเหลือ: 10 * ค่าผลกรรม: 59

 

{สกิลติดตัว}

ดวงตาแห่งการแยกแยะ

 

{ความสำเร็จ}

คุณได้ฆ่าคนที่มีกรรมในร่างกาย ก่อนที่กรรมจะถูกส่งเข้าร่างกายของคุณ

ความเหมาะสมในการเป็นกษัตริย์ 1/3

 

ร่างกายที่เต็มไปด้วยกรรมของเขาได้มีความสามารถเกินขีดจำกัดของมนุษย์ เขาเคยสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีสถานะไหนขึ้นไปถึง 100 แต่ก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันจะกลับมาเป็น 0 และมีสัญลักษณ์รูปดาวปรากฏขึ้นมาแทน

 

การมีดาวปรากฏขึ้นมาไม่ใช่แค่การเพิ่มสถานะธรรมดา มันเป็นการวิวัฒนาการกรรมของเขาไปสู่อีกระดับหนึ่ง หลังจากนั้น ถึงเขาจะฆ่าใครไปสถานะของเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว เป็นเพราะว่าคนธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไปแล้วหรือเปล่านะ?

 

ในส่วนของความสำเร็จ มีข้อความเกี่ยวกับ ความเหมาะสมในการเป็นกษัตริย์ปรากฏขึ้นมา มันเป็นรางวัลที่เขาได้จากการชนะเกมชิงบัลลังก์

 

{คุณได้รับ 1/3 ของความเหมาะสมในการเป็นกษัตริย์}

 

เหมือนเช่นเคยเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้เขาเริ่มจะเชื่อคำพูดของ จง มินจี ที่บอกว่าเรากำลังถูกฝึกให้เป็นทหารอยู่

 

หลังจากชนะเกมชิงบัลลังก์เขายังได้รับอาวุธมาด้วย ดาบปลายแหลมระดับ F ของเขาหักไปแล้วในระหว่างการต่อสู้ ในตอนนี้อาวุธที่เขามีคือ กระบี่โค้ง และดาบเล่มใหม่ที่ชื่อว่า ดาบนักล่า

 

ชอ ฮโย ยกมันขึ้นมาดู มันเป็นดาบสีดำดูสกปรกไม่สวยงาม แต่กลับคมมาก  มันเป็นรางวัลที่เขาได้จากกฏลับของเกมชิงบัลลังก์

 

{ดาบนักล่า}

ระดับ: D(หายาก,อาวุธวิวัฒนาการ)

เป็นดาบที่คมและทนทาน เมื่อได้ดื่มเลือดของคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ดาบเล่มนี้จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย

ความทนทาน: 1,000/1,000

 

แค่ระดับของอาวุธก็ไม่น่าพอใจแล้ว รางวัลที่เขาจะได้นั้นคืออาวุธระดับ D หรือสูงกว่า แต่เขากลับได้อาวุธระดับต่ำสุดจากในรางวัลนั้น แถมดาบนี่ยังไม่มีการเพิ่มสถานะใดๆให้ผู้ถือด้วย มันดูจะกระจอกกว่ากระบี่โค้งระดับ E เสียอีก แต่ ชอ ฮโย ก็พอใจกับอาวุธที่ได้

 

'ดาบน่ะแค่คมและทนทานก็พอแล้ว'

 

นอกจากนี้การที่ดาบแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งก็เป็นอะไรที่ไม่เลว

 

ชอ ฮโย นึกถึงตอนที่เขาสังหารผู้คนมากมาย มันทำให้เขารู้สึกขยะแขยง มันสร้างความสับสนขึ้นมาในจิตใจเขา เขารู้สึกดีที่ได้ฆ่าตามที่ใจอยาก

 

แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ว่าที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง และรู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของแม่เขาตอนที่อ้อนวอนให้เขาเลิกต่อสู้

 

ไม่สิ...นั่นกลับทำให้เขาฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก โกรธอย่างที่ไอ้คนสร้างเกมอยากให้เขาโกรธ

 

'ฉันเปลี่ยนอดีตไม่ได้'

 

ชอ ฮโย กัดฟัน แม่เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ถึงแม้เธอจะยังมีชีวิตอยู่...เขาก็ต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้นถึงจะมีโอกาสต่อต้านพวกมันได้ ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะปกป้องหรือล้างแค้นให้แม่ได้ เขาจะกลายเป็นหมากบนกระดานที่ทุกทรมานโดยไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ เพราะอย่างนั้น...

 

'ก็หมายความว่าฉันต้องกลายเป็นฆาตกร? ฉันต้องกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ลืมตัวตนในอดีตของตัวเองหรือเปล่า?'

 

ชอ ฮโย ส่ายหัว ถึงเขาจะต้องล้างแค้นให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ต้องมีกฏว่าใครควรฆ่าไม่ควรฆ่า ถึงมันจะเป็นกฏที่ดูเสแสร้ง แต่มันก็เป็นเพียงความคิดเดียวที่แม่ของเขาหลงเหลือไว้ให้ เขาจะไม่ทิ้งมันไป

 

ชอ ฮโย สร้างกฏง่ายๆขึ้นมา กฎที่จะทำให้เขาไม่ลืมชีวิตเดิมของตัวเอง

 

ใครที่สมควรตาย?

 

'คนที่พยายามจะฆ่าฉัน และคนที่อวดว่าตัวเองเก่งกาจหนักหนาต่อหน้าฉัน'

 

โชคดีที่คนพวกนี้มีมากมายไม่ต่างจากฝูงแมลงวัน ถ้าเขาอยากจะโดดเด่นเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าผู้คนมากมาย... ทุกๆวันคงจะไม่ต่างจากวันนี้

 

แล้วใครล่ะที่สมควรปกป้อง?

 

'สำหรับเรื่องนี้... ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คนที่มีประโยขน์กับฉันงั้นเหรอ? คนแรกก็คือ... จง มินจี?’

 

เลือกยากจังเลยแฮะ

 

ชอ ฮโย หลับตาลง

 

'ค่อยๆคิดไปละกัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน'

 

ในเมื่vเขากำหนดได้แล้วว่าใครที่ควรฆ่า มันก็เพียงพอสำหรับเวลานี้แล้ว

 

ค่ำคืนที่สงบสุข เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว ไม่มีใครเก่งพอที่จะร้องไห้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพียงเพราะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นหรอก

 

ความสุขและความเศร้านั้นต่างก็เข้าออกจิตใจของทุกคนเหมือนคลื่นทะเล มันเกิดขึ้นและหายไป แล้วก็เกิดขึ้นอีกครั้งวนเวียนไปไม่มีจุดจบ แม้แต่ในงานศพที่เศร้าสร้อยที่สุด ผู้ร่วมงานบางคนก็อาจหัวเราะออกมาและกลับมาร้องไห้ต่อในทันทีได้

 

อาจเป็นเพราะอย่างนั้น ค่ำคืนหลังจากการฆjาฟันกันกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่อยู่ๆก็มีเหตุวุ่นวายขึ้นกลบเสียงหัวเราะนั้น ชอ ฮโย ได้แต่ทำหน้าบึ้ง

 

มันเป็นเสียงร้องเพลงจากกลุ่มขี้เมาของ คิม ฮยุนแบ็ค

 

'ถึงฆ่าพวกขยะนั่นไปก็เสียเวลาเปล่า'

 

ถึงเขาจะหัวเสีย แต่ถ้าฆ่าพวกนั่นไป ความรู้สึกไม่สบายใจที่ตามคงจะน่ารำคาญยิ่งกว่านี้ ชอ ฮโย พยายามจะไม่สนใจพวกมัน และหันไปมองทางอื่น แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องของเขา เมื่อเปิดประตู เขาพบ จง มินจี และ ชู ยังจิน ทั้งสองอาวุธครบมือ

 

จง มินจี พูดออกมาว่า

 

"เราจะจัดการกับ คิม ฮยุนแบ็ค"

 

จากนั้นเธอก็อ่านสีหน้าของ ชอ ฮโย เพื่อดูว่าเขาจะไม่พอใจหรือไม่ เขายักไหล่ตอบเธอ

 

"ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"

 

จง มินจี พยักหน้าและเดินจากไป ชู ยังจิน เดินตามเธอไป

 

หลังจากที่ ลี ไฮจิน ได้ตายไป ชู ยังจิน ก็กลายเป็นผู้ติดตามที่ภักดีของ จง มินจี เพราะเธอช่วยให้เขาล้างแค้นให้แฟนสาวได้สำเร็จ ในตอนนี้เขาเป็นชายที่เต็มไปด้วยความดิบเถื่อน

 

"ไปกันเถอะ"

 

จง มินจี วิ่งออกไปตามโถงทางเดิน ข้างหลังเธอ เหล่านักรบชั้นยอดของกองทัพเธอต่างก็ตามมาติดๆ

 

"หา? นี่มันอะไรกัน!"

 

สมาชิกของกลุ่ม คิม ฮยุนแบ็ค ที่กำลังดื่มเหล้าและร้องเพลงกันอยู่เริ่มจะส่งเสียงเอะอะออกมา

 

ปึง!

 

เสียงของใครบางคนกระโดดใส่บางอย่าง เสียงครวญครางของคนที่ถูกแทงดังตามมา จากนั้นก็เป็นเสียงกรีดร้อง และ...

 

"ช่วยด้วย! ฉันขอโทษ!" มินจี! ได้โปรดเถอะ!! อ๊า!! อ้ากกกก!!!"

 

เสียงกรีดร้องย่างสิ้นหวังของ คิม ฮยุนแบ็ค

 

จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเงียบลงไป ค่ำคืนกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ชอ ฮโย มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นนักเรียนที่ยอมรับความจริงไม่ได้ ละเมิดคำสั่งให้ประจำที่ และหนีกลับบ้านไป ชอ ฮโย เดาว่าเขาคงจะไม่ได้เจอพวกที่หนีไปอีกแล้ว

 

เขามองไปที่ดวงจันทร์

 

มันไม่ต่างอะไรจากดวงจันทร์ของเมื่อวานนี้ ห้องเรียนก็ยังไม่ต่างจากห้องเรียนของเมื่อวานเช่นกัน

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ากลับต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง

 

มันเป็นโลกใบใหม่

 

บทที่ 1 โลกใบใหม่(จบ)

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด