ตอนที่แล้วตอนที่ 131 มุมแปลกๆ (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 133 ข้างบนนั้นหนาวเกินไป (FREE)

ตอนที่ 132 ความคิดของ ฉือ กูเหยียน (FREE)


โดนว่าจากเด็กบ้านนอก คนที่มีฐานะต่ำกว่าเขา  แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือการว่าร้ายเขาอย่างต่อเนื่อง  ที่สำคัญที่สุด ลู่ ยู่เฉิน ถูกว่าร้ายด้วยคำเดียวกันกับที่เขาใช้ว่า ฟาง เจิ้งจือ

"เจ้ากล้าดียังไง มาเรียกข้าว่าเจ้าโง่?" ลู่ ยู่เฉิน แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

แต่ในทางตรงกันข้าม ฟาง เจิ้งจือ กลับไม่สนใจอะไรเลย เพราะไม่ว่าจะที่ไหนๆ เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้พบกับใครๆ ก็มักจะไม่เป็นที่ชื่นชมสักเท่าไหร่นัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม

"อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะต่อสู้ตรงนี้..? นี่เป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดจะแสดงมารยาทต่ำๆออกมางั้นรึ? " ฟาง เจิ้งจือ มองไปทาง ลู่ ยู่เฉิน ด้วยท่าทีรังเกียจ

"มารยาท?! เจ้าพูดว่าข้ามารยาทต่ำงั้นรึ? " ตอนนี้ความโกรธเกรี้ยวภายในจิตใจของ ลู่ ยู่เฉินเริ่มปะทุมากขึ้น การถูกสั่งสอนมารยาทจากคนบ้านนอกนั้นเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้อย่างยิ่ง

แต่…

ท้ายที่สุด ลู่ ยู่เฉิน ก็ทำอะไรไม่ได้

 

คนทั้งสองที่มาพร้อมกับเขาเห็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็รีบลากตัว ลู่ ยู่เฉิน ออกไปโดยทันที

ถ้า ลู่ ยู่เฉิน ก่อความวุ่นวายในงานเฉลิมฉลองล่ะก็ คงจะไม่ดีแน่ เขาทั้งสองรู้ดีว่างานเฉลิมฉลองนี้มีความสำคัญแค่ไหน

ผู้คนอันมากมายได้เดินทางมาถึงแล้ว ทุกคนต่างมองไปมองมา แน่นอนเพื่อหา ฉือ กูเหยียน

"ปล่อยข้า พวกเจ้าปล่อยข้า ... " เสียง ลู่ เฉิน ตะโกนดังไปทั่วทั้งงาน

...

 

ในที่สุดพวกแมงวัน แมงหวี่ ก็จากไปเสียที

นี่ถือเป็นโอกาสที่ ฟาง เจิ้งจือ จะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสงบสุข แม้ว่าจะมีนักปราชญ์ที่อยู่รอบๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการต่อสู้ระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ ลู่ ยู่เฉิน  แต่ดูเหมือน ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ได้สนใจอะไร

เขายังคมชมทิวทัศน์รอบๆอย่างเพลิดเพลินต่อไป

ไหนคือหอสมบัติสวรรค์ที่พวกเขากล่าวถึงกัน?

ข้ายังไม่เห็นเลย... ?

ฟาง เจิ้งจือ มองไปทางซ้ายที ทางขวาที  แต่ไม่เห็นอะไรอื่นเลยนอกจากภาพเขียน ไม่มีหอ อาคาร หรือโถงใหญ่เลย แม้แต่ศาลาเล็กๆก็ไม่มี..

"โกหก!" ฟาง เจิ้งจือ อยาหกจะชูนิ้วกลางให้กับผู้ดูแลเหวินที่พาเขาเข้ามา

เขาค่อนข้างอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหอสมบัติสวรรค์ ถ้ามิติพิเศษถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์แล้วล่ะก็ โลกคู่ขนานอย่างหอสมบัติสวรรค์นั้น ใครเป็นผู้สร้างขึ้น?

สรวงสวรรค์?

หรือว่าเป็นพระเจ้า?

อย่าบอกนะในโลกนี้ มีเทพอยู่จริงๆ?

...

 

ขณะที่กำลังคิด ดนตรีของงานเฉลิมฉลองก็บรรเลงขึ้น

เมื่อเจ้าหน้าที่และเหล่านักปราชญ์ได้ยินเสียงเพลง ต่างก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง ฟาง เจิ้งจือ เดาว่างานคงจะเริ่มขึ้นแล้ว

จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปทั่วงาน

ทางด้านซ้าย ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่สวมชุดที่ดูเป็นทางการ  นั่นคงจะเป็นเหล่าเจ้าหน้าที่ของ 5 เมืองหลวง

ด้านขวามือ เหล่านักปราชญ์มากมายในชุดหรูหราของพวกเขา

ที่นั่งหลักอยู่สุดทางของฝั่งตะวันออกของงาน เพราะทิศตะวันออกนั้นเป็นทิศที่ผู้คนให้ความนับถือ

 

จากที่นั่งหลัก ที่นั่งของ ฟาง เจิ้งจือ คือที่นั่งที่ไกลที่สุดแล้ว

โชคยังดีที่นี้ไม่ใช่การทดสอบ ไม่มีการจำกัดสิทธิ์คนที่ม้าช้า นอกจากนี้อาหารที่จัดเตรียมไว้ให้ก็เหมือนกันหมด และที่นั่งก็ไม่ได้ต่างกันมากสักเท่าไหร่

แต่ที่นั่งของเขาเต็มไปด้วยความเงียบสงบรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม

 

ฟาง เจิ้งจือ ได้เห็นว่าที่นั่งของ ลู่ ยู่เฉิน ดูเหมือนจะอยู่ในระดับที่สองในหมู่นักปราชญ์ เขาไม่ได้นั่งอยู่หน้าสุด เขาจำได้ว่า ลู่ ยู่เฉิน เป็นบุตรของกองตรวจการสักที่หนึ่ง?

การจัดเตรียมที่นั่งก็เป็นหน้าที่ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ แล้วที่นั่งหน้าสุดสำหรับใครกันล่ะ? อย่าบอกนะว่ามีคนที่สำคัญยิ่งกว่าบุตรของกองตรวจการอีกงั้นหรือ..?

"ที่นั่งเดิมของเจ้าอยู่ในระดับใดกัน?" ฟาง เจิ้งจือ หันมองไปที่ เหยียน ซิว

"ระดับที่สองละมั้ง" เหยียน ซิว คิดสักครู่แล้วตอบ

"มั้ง..งั้นรึ?" ฟาง เจิ้งจือ สงสัยในคำพูดของ เหยียน ซิว

"ใช่อีก 2 ปีข้างหน้าข้าจะอยู่ในระดับแรก" เหยียน ซิว พูดต่อ เขาไม่ได้บอกเหตุผล แต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ฟาง เจิงจือ พยักหน้า เขารู้ดีว่า เหยียน ซิว ไม่ได้โกหกแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอีก 2 ปี

ในขณะที่เขากำลังจะถาม เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น

 

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามาในงาน

คนที่อยู่ตรงกลางด้านหน้าสุดคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมยาวสีม่วงที่ทำขึ้นจากขนสัตว์ บนหน้าผากของสัตว์นั้นถูกประทับตรารูปสามเหลี่ยมสีแดงเอาไว้

อายุราวๆ 40 ปี ดวงตาของเขาดูดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ราวกับเสือตัวใหญ่ รอบๆตัวเขาให้บรรยากาศอันเยือกเย็น

เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคือราชันเลือดสีเหล็กที่ย่างกายไปยังสมรภูมินับไม่ถ้วน

ทางด้านซ้าย หญิงสาวอายุราว 30 เดินตามเขามา นางมีเส้นผมสีเขียวหยก และสวมชุดกระโปรงสีแดงสด ประดับด้วยขนกระเรียนสีขาวนวล

ทั้งสองคนนั้นให้บรรยากาศอันสูงส่งและเย่อหยิ่ง

 

ทางด้านขวา…

แน่นอน.. นั่นคือ ฉือ กูเหยียน

เดินมาพร้อมกับ ฉือ เฮา แสดงให้เห็นถึงสถานะของนางในกองตรวจการอย่างชัดเจน

นี่เป็นครั้งแรก ที่ ฟาง เจิ้งจือ เห็น ฉือ กูเหยียน หลังจากที่นางเติบโตขึ้น วันนี้ ฉือ กูเหยียน สวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู ประดับด้วยขนสัตว์สีขาวนุ่มพาดบนไหล่ และสายคาดเอวสีชมพูอ่อนๆ ผมสีดำเงาเป็นประกาย ที่ยาวสลวยลงไปถึงเอวของนาง

บนหัวของนาง มีที่ปักผมรูปนกอยู่ ปากของมันคาบไข่มุกชิ้นเล็กๆอยู่

 

เมื่อนางปรากฎตัวขึ้น นักปราชญ์ทั้งหมดต่างมองกันตาไม่กระพริบ

แต่บนใบหน้านาง มีผ้าคลุมปิดอยู่ทำให้ไม่มีใครมองเห็นหน้านางได้ชัดเจน

แต่ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง

"ขอต้อนรับท่านราชัน ท่านฉือ และคุณหนู!" เมื่อเหล่านักปราชญ์และเจ้าหน้าที่เห็นพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นต้อนรับในทันที

 

"ทำไมนางต้องเอาผ้ามาคลุมหน้าด้วย?" ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างผิดหวัง

เขาไม่ได้ผิดหวังที่ไม่ได้เห็นใบหน้าของ ฉือ กูเหยียน แต่เขารู้สึกว่าถ้าได้เห็นใบหน้าของนางเสียก่อน หากเจอนางด้านนอกจะได้หนีนางได้ทัน

"ฉือ กูเหยียน ยังมีอายุไม่ถึง 16 ปี และยังไม่ได้หมั้นหมาย ในระหว่างงานเฉลิมฉลอง แน่นอนว่านางต้องปิดบังใบหน้าของตน " เหยียน ซิว ได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด เลยอธิบายออกไป

ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจในทันที

ใครกันที่อยากจะแต่งงานกับ เด็กผู้หญิงที่โหดร้ายกัน ! เดี๋ยวก่อนสิ ไม่ใช่! ตอนนี้ต้องเรียกนางว่า หญิงสาวที่โหดร้ายสิ ฮ่าฮ่า!

แต่งงานทั้งที แต่เถียงอะไรนางไม่ได้สักอย่าง ไม่สามารถเอาชนะนางได้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าสังเวชยิ่งนัก

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่า หญิงสาวที่เฉลียวฉลาดจนเกินไปก็ไม่ดีสักเท่าไหร่

มันคงจะดีกว่าถ้าเป็นเด็กสาวที่สุภาพอ่อนโยนและเรียบร้อย

 

วู่ จวี้เอ๋อ?

ไม่มีเสน่ห์มากมายเท่าไหร่ นอกจากนี้นางยังดูเป็นคนที่มืดมนนิดหน่อย!

หยุน ชิงวู?

เธออ่อนโยนจริงๆ ...

แต่นางเป็นคนที่ลึกลับเกินไปหน่อย

ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่พบหญิงที่เป็นที่หมายปองของเขาเลยแม้สักคนเดียว

"โอ๊ะ..ไม่! นางกำลังเดินมาทางนี้"

ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ฉือ กูเหยียน ก็เดินมาทางที่เขาอยู่แล้ว

ฟาง เจิ้งจือ รีบซ่อนตัวหลังต้นไม้ข้างโต๊ะในทันที เขานั่งอยู่ท้ายสุดของงาน นางคงยังไม่เห็นเขาใช่ไหม?

ในขณะที่กำลังคิด เขาเริ่มสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ตามที่คาดไว้ ฉือ กูเหยียน ไม่เห็นเขาและเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังเดินไปที่นั่งหลักพร้อมๆกับ ฉือ เฮา และราชัน พร้อมกับทักทายเหล่านักปราชญ์และเจ้าหน้าที่ตลอดทาง

"ขอบคุณท่านราชัน สำหรับงานเฉลิมฉลอง!"

"คุณหนูโตเป็นสาวแล้วสวยขึ้นมากเลย!"

"..."

"ฮ่าฮ่าฮ่า ... " วันนี้ ฉือ เฮา ดูจะมีความสุขมากกว่าวันอื่นๆ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

แต่ ฉือ กูเหยียน ไม่รู้เลยว่ารู้สึกยังไง เพราะใบหน้าถูกคลุมไปด้วยผ้าสีดำ จนเห็นเพียงดวงตาเท่านั้น

เมื่อพวกเขาเดินไปถึงที่นั่งหลัก เหล่านักปราชญ์และเจ้าหน้าที่ต่างก็กลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง

ตรงที่นั่งหลัก ผู้ดูแลเหวินก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

ในฐานะผู้ดูแลแห่งกองตรวจการ เขามีหน้าที่เหมือนเป็นเจ้าภาพของงานครั้งนี้

 

เขากระแอ่มเบาๆ 2 ครั้ง

รอยยิ้มปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน ในขณะที่เขาเตรียมจะพูด เสียงอันสดใสชัดเจนราวกับนกตัวน้อยก็ดังขึ้น

"ผู้ดูแลเหวิน ทำไมข้ารู้สึกว่ามีใครหายไป?"

เมื่อผู้ดูแลเหวินได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างในทันที คนหายไป? นี่เป็นไปได้อย่างไร? ทุกคนที่ได้รับเชิญมาถึงแล้วแม้แต่คนที่ไม่ได้รับเชิญก็มาถึงแล้วเช่นกัน

ไม่มีใครหายไปเลย ...

เขาต้องการที่จะเถียง แต่เขารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะเถียงออกไปได้

เพราะคนที่เขากำลังคุยด้วยคือ ฉือ กูเหยียน

ฉือ เฮา ไม่คิดจะสงสัยในคำพูดของ ฉือ กูเหยียน เลยแม้แต่น้อย

 

แต่…

ใครหายไป? ปกติคุณหนูก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับแขกในงานเลี้ยงเท่าไรนี่? หรือจะเป็น หญิงปากร้าย เย่เอ๋อ ?

ในขณะที่เขากำลังคิด เหงื่อก็เริ่มไหลออกมาจากแผ่นหลังของผู้ดูแลเหวิน

"กูเหยียน ใครที่เจ้าว่าหายไปกัน? บอกข้ามา!" ฉือ เฮา มองไปที่ ฉือ กูเหยียน ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นเดิม

"ข้าได้ยินมาว่าในการทดสอบกฎแห่งเต๋า มีผู้ที่ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองด้านทำไมข้าไม่เห็นตัวเขา?" สายตาของ ฉือ กูเหยียน เต็มไปด้วยความสงสัย

"โอ้...? กูเหยียน พูดถูก ข้าเองก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองเสียหน่อย บนดินแดนทะเลทรายทางเหนือไม่ได้มีผู้ที่ชนะการทดสอบทั้งสองด้านมาหลายปีแล้ว! " เมื่อ ฉือ เฮา ได้ยินเช่นนี้ เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วมองไปที่ผู้ดูแลเหวิน

ผู้ดูแลเหวินถอนหายใจเล็กน้อย

เพราะคนๆนี้ไม่ได้หายไป ...

"ข้าขอเรียนท่านราชันและคุณหนู นายน้อยฟาง ฟาง เจิ้งจือ เขา... " ระหว่างที่เขากำลังพูด ผู้ดูแลเหวินก็เงียบลง

เขาตระหนักได้ทันทีว่าด้วยระดับความสามารถของคุณหนูแล้ว นางคงจะไม่พลาดแน่ และที่กำลังตั้งคำถามนี้นั้นต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่นอน

นางต้องมีเจตนาเพื่ออะไรบางอย่างแน่ !

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด