ตอนที่แล้วตอนที่ 54 ออกจากป่าเก้าวงกต !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 56 ผู้ใดคือรักที่แท้

ตอนที่ 55 คนงามเพราะแต่ง !


 

 

แปลโดย : Roping

 

– – – – – – – – – – – –

 

“อือ ได้สิ แต่ยังไงตอนนี้อย่างแรกคือต้องออกจากป่านี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ในสถานการณ์ตอนนี้ นางจะไปที่ไหนก็มีค่าเท่ากัน

 

ดังนั้นพวกเขาจึงออกเดินทางในทันที และตรงไปที่เมืองรุกขศิลา

 

สองวันต่อมา ณ เมืองรุกขศิลา

 

เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของกวนซีหลินยังคงเปรอะไปด้วยเลือด ใบหน้าที่เรียกได้ว่าดูดีของเขาเปื้อนไปด้วยดินและคราบสกปรก เสริมด้วยแขนของเขาที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เขาจึงดูเหมือนคนเถื่อนในทุกกระเบียดนิ้ว

 

ทางด้านเฟิ่งจิ่ว เสื้อขาวที่นางใส่อยู่กลายเป็นสีเทา และใบหน้าก็ปกคลุมไปด้วยยาสมุนไพร ตัวของนางเต็มไปด้วยฝุ่นและดิน ดูไม่ต่างจากขอทานสกปรก

 

คนทั้งสองเดินเข้าไปในเมืองรุกขศิลา และแน่นอนว่าเป็นที่ดึงดูดสายตาเหยียดหยามจากคนที่พบเห็น แม้แต่คนที่เดินผ่านมายังพยายามเลี่ยงออกไปให้ห่างที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ด้วยเกรงว่าจะต้องไปข้องเกี่ยวด้วย

 

“บรรยากาศในเมืองนี่ผิดกันจริงๆ !” เฟิ่งจิ่วเปล่งเสียงออกมาขณะที่สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้นางได้กลิ่นหอมหวลของอาหารนานาชนิดภายในเมืองที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ

 

“จิ่วน้อย ก่อนอื่นเราต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน ไม่อย่างนั้นโรงเตี๊ยมหรือที่ไหนๆ ก็คงไม่ยอมให้เราเข้า” กวนซีหลินกล่าวพลางจับเสื้อผ้าขาดๆที่ห้อยอยู่บนร่าง

 

“อืมม ไหนดูซิว่ามีร้านไหนขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่แถวนี้บ้าง” นางกล่าวพลางมองไปรอบๆ นัยน์ตาของนางหยุดลงตรงจุดหนึ่งที่ห่างออกไป นางดึงกวนซีหลินให้เดินไปทางนั้นทันที “ตรงนั้น มีร้านนึงอยู่ตรงนั้น”

 

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว” เขารั้งนางไว้ให้หยุดอย่างร้อนรน ก่อนจะถามเบาๆว่า “จิ่วน้อย เรามีเงินหรือ? ถ้าไม่มีเงินแล้วเราจะซื้อเสื้อผ้าได้ยังไง?”

 

ได้ยินกวนซีหลินพูดเช่นนั้น นางก็กลอกตาและเอ่ยว่า “ทำไมข้าจะไม่มีเงิน ข้ามีน่าไม่ต้องห่วง” หลังพูดจบนางก็เขย่าถุงเล็กๆที่เอวให้ดู และพูดต่อว่า “มาเถอะ! ไม่ต้องพูดถึงแค่ชุดเดียว จะซื้อซักสิบชุดก็ยังไม่มีปัญหา”

 

เมื่อได้ยินว่านางมีเงิน กวนซีหลินจึงยิ้มออกและทั้งสองก็เดินเข้าสู่ร้านเสื้อผ้าไปด้วยกัน

 

“พี่ ลองนี่ดู! น่าจะเหมาะนะ”  นางหยิบเอาชุดคลุมสีดำสนิทที่ดูคุณภาพดีมาให้เขาลองใส่ดู

 

“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะลองดูนะ”

 

เขาไม่คัดค้านและหยิบชุดเข้าไปลองข้างใน ผ่านไปชั่วครู่เขาก็ออกมาหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ และเห็นเฟิ่งจิ่วกำลังเลือกชุดผู้ชายให้ตัวนางเอง ทำให้เขาพูดว่า “จิ่วน้อย ทำไมเจ้าเลือกชุดผู้ชายเล่า? เราเข้าเมืองแล้วและเจ้าก็ไม่ต้องแต่งตัวเป็นผู้ชายอีกต่อไปแล้ว เจ้าใส่ชุดกระโปรงสิ สตรีควรจะใส่กระโปรง มันจะช่วยเสริมให้พวกนางน่ารักยิ่งขึ้น”

 

เพราะในอดีตที่บ้านกับครอบครัวของเขา สตรีทั้งหมดล้วนนิยมใส่ชุดกระโปรงและทุกครั้งที่พวกนางไปเลือกซื้อก็ล้วนได้มาเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่าสิบชุด

 

นั่นทำให้เขาคิดว่าน้องสาวของเขาควรจะใส่ชุดกระโปรงสวยๆ ไม่ใช่ทำตัวให้เหมือนขอทานอยู่ตลอด

 

“ชุดผู้ชายมันสะดวกดี”

 

ขณะที่ตอบ นางก็เพิ่งจะยื่นชุดหลายชุดให้กับเจ้าของร้าน และพบว่าตัวเองถูกลากไปที่ฝั่งเสื้อผ้าสตรี ซึ่งกวนซีหลินเอ่ยเรียกเจ้าของร้าน “มานี่ที เอาอันนี้ อันนั้น แล้วก็อันนู้นให้น้องสาวข้าหน่อย”

 

เมื่อเห็นแบบนั้นเฟิ่งจิ่วก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็คิดไปคิดมานางก็ยอมแพ้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมือง และนางก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแบบขอทานแล้ว เพราะงั้นกลับไปใส่ชุดผู้หญิงสักหน่อยจะไปเสียหายอะไร?

 

“ชุดพวกนั้นน่ะ เอาเป็นสีแดงนะ!” นางเอ่ยขึ้นกับเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ในฉับพลัน

 

“ได้ขอรับ ได้ขอรับ” เจ้าของร้านไม่ทันสังเกตว่าขอทานน้อยนั้นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง ทว่าเขาก็รีบไปหยิบชุดสีแดงมาให้

 

“เจ้ามีผ้าคลุมหน้าไหม? เอาผ้าคลุมหน้าสีแดงมาให้ข้าสักสองสามผืน” ขณะที่สั่งกับเจ้าของร้าน นางก็หยิบเอาชุดมาให้กวนซีหลินอีกนิดหน่อยก่อนจะล้วงเอาเงินออกมาและกล่าวว่า “คิดเงิน”

 

“จิ่วน้อย เจ้าไม่เปลี่ยนชุดงั้นหรือ?”

 

นางยิ้มและกล่าวว่า “ชุดที่ข้าใส่อยู่ไม่ได้ขาดรุ่งริ่งเหมือนอย่างของเจ้า มันแค่สกปรกเท่านั้น เมื่อเราหาที่พักได้ ข้าจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนมาใส่พวกมัน ไม่อย่างนั้นข้าก็คงรู้สึกอึดอัดเปล่าๆที่ใส่ชุดใหม่ตอนนี้”

 

“นั่นก็จริง” กวนซีหลินพยักหน้า แล้วพวกเขาก็เริ่มออกเดินหาโรงเตี๊ยม

 

“จิ่วน้อย เจ้าเข้าไปอาบก่อนเลย พี่ชายเจ้าจะช่วยเฝ้าประตูให้เอง” ที่นอกห้อง กวนซีหลินยืนปักหลักอยู่ที่หน้าประตูห้องนาง ด้วยตั้งใจที่จะยืนเฝ้าให้เพื่อคุ้มกันนาง

 

เมื่อเห็นเขาปักหลักหน้าประตูเช่นนั้น นางก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่และกล่าวว่า “ไม่ต้องเลย นี่ในโรงเตี๊ยมนะ ข้าแค่ปิดประตูก็พอไม่ต้องให้เจ้ามาเฝ้าให้ เจ้าเองก็ไปอาบน้ำด้วย! ข้าหิวมากแล้ว! หลังอาบน้ำเสร็จเราจะไปหาอะไรกินกันทันที” ขณะที่พูด นางก็ดันกวนซีหลินเข้าไปในห้องของเขาที่อยู่ติดกัน

 

เมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วบอกว่านางหิว กวนซีหลินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทำตาม “ก็ได้ อย่าลืมปิดประตูนะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างนอกนี่หลังข้าอาบเสร็จ”

 

“อืม” นางรับคำอย่างรวดเร็วก่อนจะหันกลับเข้าไปในห้องของตนและปิดประตูแน่น ก่อนที่จะก้าวเข้าไปที่พื้นที่อาบน้ำที่มีอ่างน้ำร้อนเตรียมไว้รออยู่

 

อาจเพราะว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นพี่ของใครซักคน กวนซีหลินจึงปกป้องเฟิ่งจิ่วอย่างมาก ยิ่งหลังจากที่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงก็ยิ่งไปกันใหญ่ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวและก้าวออกมายืนเฝ้าหน้าประตูห้องของเฟิ่งจิ่วในทันที ซึ่งเป็นที่ดึงดูดสายตาสงสัยใครรู้จากเหล่าแขกคนอื่นที่ผ่านไปมา

 

เฟิ่งจิ่วใช้เวลาอาบน้ำไปไม่น้อย เกือบครึ่งชั่วยามกว่าที่ประตูห้องจะเปิดออกมาอีกครั้ง

 

กวนซีหลินได้ยินเสียงประตูเปิดจากข้างหลัง และเมื่อเขาหันไปมองข้างในดวงตาของเขาก็เบิกกว้างมากๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ ความตื่นตะลึงและกังขาปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

 

“จะ… จิ่วน้อย?”

 

“อืม” เฟิ่งจิ่วตอบกลับ ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น มุมของริมฝีปากนางขยับขึ้นแบ่งบานเป็นรอยยิ้มอันงดงาม

 

ถึงใบหน้าจะถูกทำให้เสียโฉม เรือนร่างของนางก็ยังมีเสน่ห์อย่างมาก ส่วนโค้งเว้างดงามเข้ากันกับชุดสีแดงสดได้ดียิ่ง ราวกับดวงตะวันยามบ่ายที่เฉิดฉาย งดงามจนแทบไม่อาจจ้องมองตรงๆได้

 

ผ้าคลุมสีแดงที่ซ่อนเร้นใบหน้านั้นทำให้ให้เกิดความรู้สึกที่ดูลึกลับและน่าค้นหา ทำให้ผู้คนกระหายที่จะได้ยลโฉมอันงดงามที่ซ่อนอยู่ ทว่าก็ไม่อาจมองทะลุผืนผ้าไปได้

 

ด้วยการแต่งกายในเสื้อผ้าสีแดงสดทั้งชุด นางช่างดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหล และในขณะเดียวกันก็ดูดุดันและดึงดูดสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวนางแผ่รังสีเย็นชาและหยิ่งทะนงออกมาดุจดั่งดอกบ๊วยแดงที่แบ่งบานท่ามกลางหิมะ แตกต่างกับจริตอันเอียงอายและอ่อนโยนของเหล่าสตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมา ทว่าด้วยบรรยากาศอันสูงส่งนั้นทำให้ดุจว่านางนั้นเกิดมาเพื่อปกครองและมีอำนาจเหนือผู้อื่น

 

เมื่อเห็นโฉมงามในชุดแดงตรงหน้า กวนซีหลินก็พูดไม่ออกเป็นเวลานาน ในหัวคิดได้เพียงว่าน้องสาวของเขาช่างงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ……

 

ผมนุ่มๆที่ดูงดงามของนางถูกจัดแต่งไว้ข้างหลัง เพียงแค่มัดหลวมๆด้วยแถบผ้าไหมสีแดง ปอยผมตกห้อยลงมาที่ข้างใบหน้ายิ่งเพิ่มความเย้ายวนและชวนให้ลุ่มหลง นัยน์ตางดงามเหนือผ้าคลุมหน้านั้นหรี่ลงเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม คิ้วนั้นดูเฉียบคมและชัดเจน

 

สิ่งที่เห็นทำให้เขาไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างนางกับขอทานสกปรกในความทรงจำได้เลยแม้แต่น้อย

 

“จิ่วน้อย เจ้างดงามมากจริงๆ แม้แต่เทพธิดาก็ยังไม่งดงามเท่าเจ้า ฮะ ฮะ…..”

 

ริมฝีปากของเขายิ้มอย่างโง่งม และเมื่อนึกไปว่าหญิงงามถึงขนาดนี้เป็นน้องสาวของเขา หัวใจของก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

 

“ไปกันเถอะ!” นางกล่าวพร้อมหัวเราะน้อยๆขณะที่ก้าวลงบันได การแต่งกายในชุดผู้หญิงทำให้นางค่อนข้างอารมณ์ดีทีเดียว

 

“โอ้ ได้เลย”

 

เขารีบตามไปและดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งจึงหันหน้าไปมองรอบๆ  ดังคาด เขาเห็นผู้ชายทั้งหมดในชั้นล่างจ้องมองมาที่น้องสาวของเขาอย่างตื่นตะลึง

 

เมื่อเห็นดังนั้น นอกจากความภูมิใจที่อยู่เต็มอกแล้ว เขาก็สาบานกับตัวเองเงียบๆ ว่าเขาจะต้องหาวิธีกำจัดรอยแผลบนใบหน้าของจิ่วน้อยให้จงได้

 

กระทั่งทั้งคู่ออกไปจากโรงเตี๊ยม เหล่าชายหนุ่มข้างในจึงค่อยได้สติกลับมา

 

“งดงามยิ่งนัก…… สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน? ไยหญิงสาวที่งดงามจนน่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้จึงได้มาที่เมืองของเรา?”

 

ขณะเดียวกันที่ร้านอาหารตรงข้ามกับโรงเตี๊ยม เมื่อมู่หรงอี่ซยวนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเห็นร่างในชุดแดงผ่านไป แววตาของเขาพลันเต็มไปด้วยความฉงนใจ

เหตุใดเงาร่างด้านหลังของคนผู้นั้นจึงได้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยถึงเพียงนี้?

– – – – – – – – – – – –

– – – – – – – – – – – –

*เมืองรุกขศิลา (石林镇)

石= หิน,ศิลา 林=ป่า,รุกข์  镇=เมือง

ดอกบ๊วยแดงท่ามกลางหิมะ(雪中红梅)

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด