ตอนที่แล้วตอนที่ 128 กระต่ายย่าง (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 130 งานเฉลิมฉลองกองตรวจการ (FREE)

ตอนที่ 129 จากไปเสียแล้ว (FREE)


เนื้อกระต่ายถูกนักปราชญ์จัดการอย่างรวดเร็ว

นักปราชญ์ในชุดคลุมสีขาวมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง และโบกมือให้เขา

 

เอาล่ะ ...

เขาได้ตัดสินใจมอบเนื้อกระต่ายนั่นให้นักปราชญ์ชุดขาวด้วยมือของเขาเอง

ตอนนี้เขาเลยต้องหยิบขนมขบเคี้ยวขึ้นมากินแทน

ขนมเหล่านี้เป็นวัตถุดิบล้ำค่าจากภูเขา เป็นของตากแห้ง 2-3 อย่างและผลไม้ที่สดใหม่อีก 2-3 ชนิด นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ ยังทำไวน์ผลไม้สุดพิเศษมาด้วย มีทั้งองุ่นและส้ม...

แม้ว่ามันจะไม่เร้าใจเท่ากับเหล้า แต่มันก็มีรสชาติที่หอมหวานและคมชัด นอกจากนี้เขายังมั่นใจว่าไวน์ของเขาสะอาดกว่าพวกพ่อค้าเป็นไหนๆ

 

นักปราชญ์ชุดขาวยื่นมืออกไปอีกครั้ง

ฟาง เจิ้งจือ นั้นปกติดื่มไวน์จากขวด จึงยื่นทั้งขวดนั่นให้นักปราชญ์ไป

นักปราชญ์ในชุดคลุมขาวรีบรับไว้ด้วยความยินดี  เขามองไปที่ขวดไวน์ที่ ฟาง เจิ้งจือ ส่งมาให้ และเกิดความลังเลอยู่กว่า 15 นาที ก่อนที่จะตัดสินใจละเมียดละไมดื่มมันอย่างระมัดระวัง ไม่นานดวงตาองเขาก็เบิกว้างขึ้น ...

หลังจากนั้น ขวดไวน์ก็ไม่กลับมาสู่มือของ ฟาง เจิ้งจือ อีกเลย

"หัวขโมย!" ฟาง เจิ้งจือ ร้องตะโกนในหัว แต่เขาคิดว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามคนในงานก็ยังเป็นแขกแขก...ลูกค้า! ลูกค้าคือพระเจ้า ใช่แล้ว ข้าจะต้องอดทนเข้าไว้

...

 

หลังจากได้ลิ้มรสชาติอาหารและเครื่องดื่ม ฟาง เจิ้งจือ ก็พานักปราชญ์ชุดขาวกลับไปที่หมู่บ้านและเตรียมที่จะแลกเปลี่ยนม้ากันในตอนเช้าและรีบๆไล่เขากลับไป

แต่…

เมื่อพวกเขากลับถึงบ้านดันเกิดอุบัติเหตุขึ้น

ชาวบ้านบนภูเขามักจะเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอและ ฉิน ซูเหลียน ก็ถือโอกาสทันที เมื่อนางเห็น ฟาง เจิ้งจือ พานักปราชญ์คนนั้นกลับมาที่บ้านก็คิดว่าเขาเป็นเพื่อนจากการทดสอบ รีบเชิญเข้าบ้านอย่างมีมารยาทในทันที

ในทางกลับกัน ฟาง เจิ้งจือ หาม้าป่าเมฆเพลิงหิมะเข้าไปในคอกด้วยความยินดี

 

แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่ ฟาง เจิ้งจือ วางแผนไว้เสมอ

"เจิ้งจือ เจ้าเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน?!" ฉิน ซูเหลียน รู้สึกโกรธมาก

"หือ ... " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉิน ซูเหลียน พลันรู้สึกว่าแม่ของเขาช่างมองโลกในแง่ดีเหลือเกิน

"การดูแลแขกที่มาที่บ้านคือหน้าที่ของเจ้าบ้านอย่างเรา แล้วเจ้าจะไปเอามาของเขามาเป็นของเจ้าเองได้ยังไงกัน...ยิ่งเป็นม้าที่ดูมีค่าแบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าห้ามทำแบบนั้น! "

"..."

"ใช่ เจิ้งจือ แม่ของเจ้าพูดถูก!" ฟาง เฮ่าเตอ ร่วมสนับสนุน

"..."

 

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่นักปราชญ์ในชุดขาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และพบว่าเขากำลังมองกลับมาด้วยความไร้เดียงสาราว กับทุกอย่างเป็นความผิดของ ฟาง เจิ้งจือ

"ข้าพลาดซะแล้ว!" ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ลืมนึกถึงนิสัยของ ฉิน ซูเหลียน และ ฟาง เฮ่าเตอ

อย่าบอกนะว่านี่เป็นจุดประสงค์ของนักปราชญ์คนนั้น?

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของพ่อและแม่

 

"เจ้าไปได้แล้ว พวกเราจะไม่แลกเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น!" ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ มุมปากเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหา ฟาง เจิ้งจือ ด้วยท่าทีลึกลับ

"ข้าได้ยินจากแม่เจ้าว่า เจ้าจะไปร่วมงานเฉลิมฉลองกองตรวจการ  ข้าก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ทำไมไม่รอจนถึงเวลานั้นแล้วเราค่อยมาแลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่? "

"จะว่าดีก็ดี ไม่ดีก็ไม่ดี?" ฟาง เจิ้งจือ ยังคงรู้สึกว่าควรจะต่อต้านแม่ของเขาอยู่

"สุภาพบุรุษพูดคำไหนคำนั้น ข้าจะผิดคำพูดได้ยังไงกัน?" นักปราชญ์ชุดขาวดูลำบากใจ

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่นักปราชญ์ชุดขาวและรู้สึกว่าบางอย่างมันแปลกๆ เหมือนกับว่าทุกอย่างได้ถูกวางแผนเอาไว้หมดแล้ว

มีปัญหา…

แต่ปัญหาอยู่ที่ไหนกัน?

เขาคนนี้ต้องการอะไรกันแน่? จะพักอยู่ในหมู่บ้าน 2-3 วันรึ? เพียงแค่ใช้เงินที่เขามีก็หาที่พักดีๆได้แล้ว ทำไมจะต้องพักที่หมู่บ้านด้วย

"ได้ๆ" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ปฏิเสธ แต่เขาต้องระมัดระวังตัวให้ดี

เมื่อนักปราชญ์ได้ยินเขาพูดแบบนี้รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นทันทีพร้อมทั้งดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความสดใส

...

 

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อ ฉิน ซูเหลียน รู้ว่านักปราชญ์ในชุดขาวต้องการจะพักอยู่ที่หมู่บ้านสักพัก นางก็รีบจัดเตรียมห้องพักในทันที

ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ให้เขาอยู่ใกล้สายตาไว้ก่อนคงจะดีกว่าปล่อยให้ไปเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก

...

 

วันที่สอง...ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น

ในเวลาเช้าตรู่ ฟาง เจิ้งจือ อ่านหนังสือของเขา นักปราชญ์คนนั้นก็เช่นกัน ตอนเที่ยงทั้งสองกินอาหารที่โต๊ะเดียวกัน ในช่วงบ่าย นักปราชญ์ในชุดขาวเข้าไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ในเวลากลางคืนพวกเขาจะกินอาหารและอ่านหนังสือของพวกเขาอีกครั้ง ...

รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน

...

 

ในวันที่สาม ฟาง เจิ้งจือ ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาด ทุกๆครั้งที่นักปราชญ์คนนั้นออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านในตอนบ่าย เขาจะทิ้งหนังสือของเขาเอาไว้บนโต๊ะ

...

ในวันที่สี่เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก

...

วันที่ห้ามันก็ยังคงเหมือนเดิม

...

ในวันที่หก ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ใช้โอกาสที่นัปราชญ์ออกไปข้างนอก หยิบหนังสือของเขามา

"อยู่บ้านของข้ามาก็หลายวัน ถือว่าเป็นค่าเช่าก็แล้วกัน?" ฟาง เจิ้งจือ มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างเต็มเปี่ยม โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นๆและเปิดหนังสือออกดูในทันที

เมื่อก้มลงมอง เขาถึงกับผงะไป นี่เป็นหนังสือที่บรรยายถึงเทคนิคการต่อสู้

ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เริ่มลุกวาวขึ้น เขาขาดอะไรมากที่สุดในปัจจุบัน? เทคนิกการต่อสู้?!

แต่…

นี่นับเป็นการขโมยหรือไม่?

ในความคิดของนักปราชญ์คงไม่ใช่ขโมยหรอกมั้ง?

ฟาง เจิ้งจือ เลิกคิดเรื่องอื่น และอ่านอย่างรอบคอบ จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็รู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้ชวนดูสับสนมาก

ถ้าจะให้อธิบายเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้แล้วละก็ มันเหมือนหนังสือที่จับหลายๆอย่างมายำรวมกัน

การใช้ดาบ การใช้หอก หารใช้ทวน การใช้กระบี่...

ทุกเทคนิกการต่อสู้ที่สอนอยู่ในหนังสือ  ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละเทคนิกที่สอนตะละชนิก็มีเพียง 1 เทคนิกเท่านั้น และคำอธิบายที่เขียนไว้ก็พื้นฐานมากๆ

เช่น เทคนิกการใช้เต๋าแห่งการสรรค์สร้างมีกี่ประเภท อะไรคือส่วนที่ยากที่สุดของวิชาการใช้อาวุธและมันทรงพลังยังไง?

จากนั้น ...

ไม่มีอะไรอีกเลย!

มันเหมือนเป็นหนังสือจับฉ่าย

 

"นี่มันหนังสืออะไรกัน? อย่าบอกนะว่าเจ้านั่นอ่านหนังสือที่ชวนงงอย่างนี้? " ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

โดยปกติหนังสือที่ดีนั้นควรจะมีคำอธิบายไว้ที่หน้าปกเล็กน้อยเช่น "หนังสือวิชาดาบ 13 ประตูแดนเหนือ" หรือ "วิชา 9 หอกแห่งขุนเขาทางใต้" จากนั้นก็จะมีเขียนอธิบายเนื้อหาของหนังสือคร่าวๆไว้ หรือมีรูปภาพประกอบเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ไม่มีคำอธิบายใด ๆ และไม่มีภาพประกอบใด ๆ

มันเป็นหนังสือที่ไม่มีอะไรเลย

ถึงแม้เขาจะค่อนข้างสงสัย แต่อย่างที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดในตอนนี้คือสิชาต่อสู้ ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมีแต่พื้นฐานและดูงงๆ

แต่…

อย่างน้อยก็ดีกว่าเขาไม่มีอะไรให้อ่านเลย

...

6 วันหลังจากนั้น นังสือก็ปรากฎบนโต๊ะอีกครั้ง

มันมีปกเหมือนเดิม แต่เนื้อหาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันมี้เทคนิกวิชาใหม่ๆ แต่ก็เหมือนเดิมที่แต่ละอาวุธก็มีเพียง 1 วิชาเท่านั้น

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ได้ความเห็นแก่เรียนราวกับน้ำที่แก้วน้ำไม่วีวันเต็ม เขาจึงหยิบหนังสือไปอ่านต่อในทันที

...

วันที่ 7 หนังสืออีกเล่มหนึ่งถูกนำมาวางไว้

...

วันที่ 8...

วันที่ 9...

...

12 วัน ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นในตอนเช้า เสียงม้าที่วิ่งออกไปในตอนเช้า ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ สะดุ้งตื่นจากการหลับไหล

"นี่มันแย่มาก!" ฟาง เจิ้งจือ นึกออกเพียงเรื่องเดียว เขารีบวิ่งไปที่คอกม้าทันที เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะใส่กางเกงให้ดี

เมื่อเขามองเข้าไป ม้าป่าเมฆเพลิงหิมะได้หายไปจากคอกแล้ว ไม่ไกลนักเขาเห็นร่างของนักปราชญ์ในชุดสีขาวกำลังขี่มันออกไปไกล

จากนั้นเขาก็หันกลับมา

มุมปากของเขามีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฎขึ้นมา อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ขาของ ฟาง เจิ้งจือ ที่ปราศจากกางเกง รอยยิ้มเขาพลันหายไปในทันที

"ไร้ยางอาย ... เจ้าคนไร้ยางอาย !!!"

ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินคำสบถลอยมาไกลๆ ฟาง เจิ้งจือ จึงชูนิ้วกลางส่งกลับไปให้นักปราชญ์ที่กำลังขี่ม้าห่างไปไกล

"ไม่ใช่คนที่กินของคนอื่นแล้ววิ่งหนีไป ไร้ยางอายยิ่งกว่าหรือ? แล้วการแลกเปลี่ยนที่เราตกลงกันไว้ละ? ความจริงใจอยู่ที่ไหนกัน?! "

ถึงแม้ว่าฝางเจิ้งชิงก็ไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าจะวิ่งออกไปจากหมู่บ้าน ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่กางเกง ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเสียง ฉิน ซูเหลียน จึงไม่มีทางเลือก กลับเข้าไปในห้องอย่างจำใจ

"เจิ้งจือ เกิดอะไรขึ้น?"

"ไม่มีอะไรแม่ แค่ม้าป่าเมฆเพลิงหิมะของข้าจากไปแล้วเท่านั้นเอง!"

...

 

ไม่กี่วันต่อมา แสงอาทิตย์อันสดใสส่องลงไปที่ สวนของ ฟาง เจิ้งจือ

ขณะที่ ฉิน ซูเหลียน จัดเตรียมของให้เขา นางจ้องมองมาที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความจริงจัง

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกอึดอัดจากการจองมองของนาง

"ท่านแม่ มีอะไรงั้นหรือ?"

"ครั้งต่อไปเมื่อเจ้ากลับมา อย่าลืมพา"กู หยาน"มาด้วยละ!" ฉิน ซูเหลียน สั่ง ฟาง เจิ้งจือ อย่างจริงจัง

"กู หยาน?" ฟาง เจิ้งจือ ก็พึ่งรู้ชื่อของนักปราชญ์ในชุดขาวนั่นจาก ฉิน ซูเหลียน แต่ความหมายของนางคืออะไรกัน พาเขามาด้วย?

แน่นอนสิ เจ้านั่นอยู่บ้านเขามาเกือบ 20 วัน แต่ไม่จ่ายค่าที่พักอะไรเลยแม้แต่น้อย!

"แม่ ไม่ต้องห่วง ข้าต้องจับตัวเขากลับมาให้ได้!" ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกแน่นหน้าอก เขาไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่นอน!

...

 

เมื่อเทียบกับการออกจากหมู่บ้านครั้งก่อน

ครั้งนี้ ฟาง เดินทาง ออกจากหมู่บ้านพร้อมกับความปันป่วนขึ้น ชาวบ้านทุกคนมารวมตัวกันเพื่อไปส่งเขาที่ทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อ ฉิน ซูเหลียน ได้เห็น ฟาง เจิ้งจือ บนหลังม้าเกล็ดเงิน น้ำตาก็ไหลรินอาบลงบนแก้มของนาง

ในทางกลับกัน ฟาง เฮาเต่อ ก็ปลอบขวัญนางอยู่ข้างๆ และให้มองไปทาง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยสายตาที่ส่งกำลังใจ

 

เหมือนครั้งที่แล้ว จาง หยางปิง นำถุงออกมา ในครั้งนี้มันไม่ใช่เศษเงินเล็กน้อยแต่มันเต็มไปด้วยเงินกระดาษมากมาย

"เอาไว้ใช้สำหรับการเดินทาง!"

"ได้เลย!"

ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า โบกมือลาเหล่าชาวบ้านก่อนที่จะขี่ม้าออกไป

...

 

หนึ่งเดือนต่อมา เมืองเกล็ดทอง 1 ใน 5 เมืองหลวงบนดินเแดนทะเลทรายทางเหนือ  คนจำนวนมากและรถม้ามากมายวิ่งผ่านประตูเมืองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าโบกมือทักทายกันไปมาอย่างกระตือรือร้น

เมืองเกล็ดทอง เมืองที่สำคัญของดินแดนทะเลทรายทางเหนือ มีกลิ่นอายของเหล็กและเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญที่สุด มีทหารยามที่สวมเกราะสีเงินคอยเฝ้าระวังประจำการอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเทียบกับเมืองที่เงียบสงบย่างเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์แล้ว

ความปลอดภัยของเมืองนี้มีมากกว่าหลายเท่า

 

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด