ตอนที่แล้วEG บทที่ 148 ประเด็นหลักคือศิลปะ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 150  ครูแปลกประหลาดจากประเทศจีน (อ่านฟรี)

EG บทที่ 149 อุตสาหกรรมเบาของสหภาพโซเวียต (อ่านฟรี)


ในตอนเย็น เฝิงหยู่ออกจากค่ายด้วยยานพาหนะของทหาร แต่ครั้งนี้ เขาได้แจ้งคณะกรรมการผู้จัดงานแล้วเผื่อว่าเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้กับโรงเรียนมัธยมปลายของเมืองปิงอีกครั้ง

แม้ว่าวันนั้นเฝิงหยู่ตัดสินใจจะไม่ดื่มอีกแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็เมาอีกและถูกแบกกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง นี่เป็นเพราะว่าคู่ค้าของคิริเลนโกมาครบกันหมดทุกคน

ทหารยูเครนที่มีอำนาจรุ่นที่สองได้เงินไปค่อนข้างเยอะหลังจากที่เฝิงหยู่ได้ซื้อรถบรรทุกล้าสมัยไป 80 คันครั้งที่แล้ว แล้วเขาจะไม่มาดื่มฉลองกับเฝิงหยู่ได้อย่างไร? หลังจากที่ดื่มฉลองไปสองสามรอบ เฝิงหยู่ก็เมาอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฝิงหยู่ยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ที่เขาตั้งใจมาสหภาพโซเวียตในครั้งนี้ ตอนที่เริ่มดื่มกัน เฝิงหยู่ก็บอกคู่ค้าชาวยูเครนถึงสิ่งที่เขาอยากซื้อ ในเวลาไม่นาน ตระกูลของชาวยูเครนนี้ยังคงมีอำนาจมากกว่าคิริเลนโก นี่เป็นข้อเท็จจริงที่แม้แต่คิริเลนโกก็ต้องยอมรับ

ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น เฝิงหยู่ได้รับข้อมูลมากมาย ตัวอย่างเช่น สหภาพโซเวียตยังคงมีอำนาจในอุตสาหกรรมการผลิต แต่สหภาพโซเวียตมุ่งเน้นเรื่องการทหารและอุตสาหกรรมหนักมากกว่า ทำให้อุตสาหกรรมเบาจึงไม่ค่อยดีเท่าไรนักและก่อให้เกิดความไม่สมดุลในภาคธุรกิจนี้ แม้ว่าจะมีทรัพยากรจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีการค้าที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คุณภาพชีวิตของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง

มีการพัฒนาเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็มีเงินทุนไม่มากพอที่จะนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางด้านทักษะความสามารถของผู้เชี่ยวชาญและคนงานธรรมดาทั่วไป มาตรฐานของคนงานทั่วไปยังแย่กว่าประเทศจีนเสียอีก

ศักยภาพด้านอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียตลดลงจากที่เคยเป็นหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ซึ่งถูกยึดตำแหน่งไปโดยประเทศจากฝั่งยุโรป เช่น เยอรมันตะวันตก ทั้งนี้ เนื่องมาจากเหตุผลเดียวกันนั่นเอง ซึ่งก็คือ แม้ว่าจะมีอุปกรณ์การวิจัยที่ทันสมัยพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่ก็ไม่มีเงินทุนที่เพียงพอ

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์หลายคนที่ถูกซื้อตัวเข้าไปในสหภาพโซเวียตต่างกลับไปที่เยอรมันตะวันออก เพราะมีข่าวลือว่าเยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออกจะรวมประเทศกันในอีกไม่ช้า

เฝิงหยู่เดาหาเหตุผลว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันตะวันออกจำนวนมากถึงได้กลับประเทศ ตอนนี้ประเทศเยอรมันตะวันออกถือว่าตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของสหภาพโซเวียตและศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีก็ถูกแบ่งโดยสหภาพโซเวียต ประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือรัสเซีย

นักวิทยาศาสตร์พวกนั้นที่ได้รับอนุญาตให้กลับประเทศได้ส่วนใหญ่แก่แล้วทั้งนั้นและไม่สามารถทำงานให้กับสหภาพโซเวียตได้อีกต่อไป สหภาพโซเวียตไม่อยากดูแลคนพวกนี้ และคนที่มีความสามารถส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของสหภาพโซเวียต

เฝิงหยู่มองไปที่ชาวโซเวียตพวกนี้ที่ดูหยิ่งทะนงแล้วก็ถอนหายใจเงียบๆ หลังจากที่เยอรมันตะวันตกและตะวันออกรวมประเทศกัน สหภาพโซเวียตจะเริ่มล่มสลาย จากประวัติศาสตร์สมัยก่อน เดือนมีนาคมปีหน้าเยอรมันตะวันออกก็จะออกจากสหภาพโซเวียต ซึ่งเวลานั้นจะเป็นช่วงที่ประชาชนตื่นตรระหนกและพยายามหาสิ่งดีที่สุดให้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด

นั่นน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเฝิงหยู่ เขาสามารถนำเข้าอุตสาหกรรมหนักและแม้แต่เครื่องจักรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมทางทหารกลับเข้ามาที่ประเทศจีนได้ รวมถึงเครื่องบินและปืนใหญ่ก็ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น

โชคดีที่คิริเลนโกไม่ได้ร่วมนอนกับเฝิงหยู่ในห้องด้วยกันเมื่อคืนที่แล้ว ไม่งั้นเขาคงได้ยินเฝิงหยู่ละเมอตะโกนเกี่ยวกับการซื้อโรงงานทั้งหมดในสหภาพโซเวียตแน่ๆ

ในวันนั้นตอนกลางวัน ที่ค่ายสอนเรื่องเกี่ยวกับศิลปะ เฝิงหยู่ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีความสนใจในศิลปะเลยจึงรู้สึกขี้เกียจ และในตอนเย็น เขาก็ขอลาและออกไปจากค่าย

เหวินตงจวิน นักเรียนที่เหลือ และพวกคุณครูต่างก็รู้สึกเคยชินกับการลาออกไปจากค่ายของเฝิงหยู่ในตอนกลางคืน พวกเขาทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นก็แค่ปล่อยให้เฝิงหยู่ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ

ยิ่งไปกว่านั้น ครูสามคนได้รับการบอกใบ้จากจางรุ่ยเฉียงว่าที่พวกเขามีโอกาสที่จะได้เยี่ยมชมห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโกก็เป็นเพราะอิทธิพลจากตระกูลของเฝิงหยู่

ดังนั้น พวกคุณครูจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับพฤติกรรมของเฝิงหยู่ พวกเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยกับเฝิงหยู่เนื่องจากเฝิงหยู่มีประวัติครอบครัวที่ดีแต่กลับไม่ค่อยใช้ประโยชน์ตรงนี้ในการเรียนของเขา ตอนแรกพวกเขาอยากให้เฝิงหยู่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี แต่ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนใจแล้ว การแนะนำนักเรียนเช่นนี้ให้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยของพวกเขาคงเป็นเรื่องน่าอับอาย

ในตอนเย็นวันนั้น เฝิงหยู่เยี่ยมชมโรงงานผลิตโทรทัศน์ หลังจากที่เดินชมห้องปฏิบัติการของโรงงาน เฝิงหยู่ก็รู้สึกผิดหวัง

นี่คือโรงงานผลิตโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียตหรือเนี่ย? โทรทัศน์ไร้คุณภาพพวกนี้ที่ผลิตจากโรงงานนี้คงนำไปขายในประเทศจีนไม่ได้แน่นอน

เฝิงหยู่มองหน้าคิริเลนโกอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่จี นี่พี่ล้อผมเล่นหรือเปล่า? นี่คือโรงงานผลิตโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียตหรอ? อุปกรณ์ที่นี่ยังแย่กว่าที่ประเทศจีนอีกนะ!”

เฝิงหยู่ไม่รู้ว่าในตอนนั้นประเทศผู้ผลิตโทรทัศน์ชั้นนำของโลกคือประเทศญี่ปุ่น รองลงมาก็คือสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน สหภาพโซเวียตอยู่ที่อันดับสี่ รองจากประเทศจีนเสียอีก เขาคิดว่าผู้ผลิตโทรทัศน์ของสหภาพโซเวียตคือดีที่สุดในโลก

แม้ว่าหลังจากปี 2543 ในรัสเซีย ยังมีโทรทัศน์ขาวดำอีกหลายล้านเครื่อง และมีการใช้โทรทัศน์สีที่ผลิตในยุค 70 และ 80 บ้าง ต่อมาบริษัทญี่ปุ่นอย่าง โซนี่ และ พานาโซนิค เข้ามาจับตลาด สำหรับแบรนด์โทรทัศน์ในประเทศของรัสเซีย พวกเขาก็ซื้อชิ้นส่วนจากประเทศจีนและนำมาประกอบในโรงงานรัฐวิหากิจใกล้ๆ กรุงมอสโก

คิริเลนโกรู้สึกอับอาย “โรงงานนี้เป็นโรงงานผลิตโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียตจริงๆ ถ้าคุณไม่สนใจเครื่องจักรการผลิตที่นี่ คุณก็น่าจะสนใจในเทคโนโลยีบ้าง พวกเขามีเทคโนโลยีการผลิตภาพที่ชัด ซึ่งสามารถนำไปใช้กับจอขนาดใหญ่ขึ้นได้”

เฝิงหยู่มองไปที่เทคโนโลยีการผลิตภาพที่ชัดเจน ซึ่งมันเทียบกับของญี่ปุ่นไม่ได้จริงๆ และก็ไม่ค่อยต่างกับเทคโนโลยีของประเทศจีนสักเท่าไร คงไม่ได้กำไรอะไรถ้าจะลงทุนกับเทคโนโลยีนี้

เฝิงหยู่ไม่สนใจโรงงานที่แรกแห่งนี้และคิริเลนโกรู้สึกผิดหวังเพราะเขาไม่ได้ค่านายหน้า เขาพบว่าเฝิงหยู่ไม่ใช่คนที่จะซื้อทุกสิ่งอย่าง เฝิงหยู่อยากได้เทคโนโลยีหรือเครื่องจักรที่มีความทันสมัยกว่าประเทศจีนเท่านั้น

แต่เตาเผาไฟฟ้าพลังงานสูงที่เฝิงหยู่ต้องการไม่สามารถหาซื้อได้ในราคาถูกๆ แม้ว่าสหภาพโซเวียตจากเศรษฐกิจแบบวางแผนไปเป็นเศรษฐกิจแบบการตลาดและโรงงานรัฐวิสาหกิจก็มีอำนาจจัดการการเงินของตัวเอง แต่เครื่องจักรที่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารก็ยังหาซื้อยากอยู่ดี

เขาควรพาเฝิงหยู่ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ดีมั้ย? บางทีเขาน่าจะพาเฝิงหยู่โรงงานทอผ้าก่อน

ในวันต่อมา เฝิงหยู่ไปเยี่ยมชมโรงงานทอผ้าซึ่งมีเครื่องจักรที่ไม่เก่ามากจนเกินไป ซึ่งที่นี่ยังมีเทคโนโลยีบางอย่างด้วย แต่ก็ไม่ได้ล้ำสมัยไปกว่าประเทศจีน

เฝิงหยู่ส่ายหัว ประเทศจีนกำลังไล่ตามอุตสาหกรรมเขาของสหภาพโซเวียตทันแล้ว ประเทศจีนน่าจะสามารถเข้ามายึดกิจการของสหภาพโซเวียตได้ภายใน 8-10 ปีข้างหน้า!

อย่างไรก็ตาม เฝิงหยู่ยังคงสั่งสายการผลิตในปี 2530 จากโรงงานทอผ้า  เครื่องจักร “ล้าสมัย” พวกนี้มีราคาถูกเกินไป แม้ว่าเทคโนโลยีจะไม่ได้ล้ำสมัยกว่าประเทศจีน แต่เฝิงหยู่ก็ยังหาเงินได้เพราะต้นทุนต่ำกว่าครึ่งของราคาเมื่อเทียบกับประเทศจีน โรงงานทอผ้าของเมืองปิงอยากซื้อสายการผลิตใหม่ และเฝิงหยู่ก็สามารถขายให้พวกเขาได้ นี่ถือว่าเป็นการช่วยเหลือประเทศบ้านเกิดของตัวเองด้วย

แน่นอนว่าเฝิงหยู่ต้องได้กำไรบางส่วนจากการตกลงทางธุรกิจนี้ กำไร 20% ก็น่าจะโอเคแล้วสำหรับเขา

ในอีกสองสามวันต่อมา เฝิงหยู่ก็ไปจับจ่ายซื้อของที่โรงงานอุตสาหกรรมเบารอบๆ เมืองมอสโก เขาซื้อเครื่องจักรราคาถูกและเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่ถูกมาก การเดินทางมาครั้งนี้เฝิงหยู่ใช้เงินไปประมาณหนึ่งล้านรูเบิ้ล และเขาสามารถขายสิ่งที่เขาซื้อมาในประเทศจีนได้อย่างน้อยสามล้านรูเบิ้ล เขาได้กำไรมากกว่าตั้งสองเท่า!

ติดตามตอนล่าสุดได้ที่ เพจ Kingdom นิยายแปล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด