ตอนที่แล้วบทที่ 168 หมู่เกาะแมกไม้รกร้าง  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 170 หนานหมิงจื่อ

บทที่ 169 โชคลาภร่วงลงมาจากฟ้า  


 

จั่วม่อตามติดด้านหลังแมลงทองทมิฬไปอย่างกระชั้นชิด มือกระชับกระบี่หยดน้ำ สายตากวาดมองรอบด้านเป็นครั้งคราว เฝ้าตื่นตัวระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

แมลงทองทมิฬวิ่งเร็วมาก จั่วม่อตามหลังมันไป ในใจเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก

หากเจ้าดำน้อยวิ่งรี่อย่างยินดีปรีดาเช่นนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่าบนเกาะร้างแห่งนี้จะต้องมีเส้นชีพจรปราณปฐพีหรือไม่ก็มหาสมบัติบางประเภท เดิมทีมันเคยคาดเดาว่าหมู่เกาะแมกไม้รกร้างเป็นเกาะอันยากจนแร้นแค้น แต่มองจากยามนี้ ดูเหมือนว่าจะได้สัมผัสความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว

สถานที่ที่เจ้าดำน้อยนำไป เป็นป่าทึบอันแน่นขนัดไปด้วยแมกไม้ ใจกลางป่ารกเรื้อแห่งนี้ เห็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำสีดำแห่งหนึ่ง เจ้าดำน้อยคล้ายหวาดกลัวทะเลสาบน้ำดำนี้เป็นอย่างยิ่ง รีบโกยอ้าวผ่านไปอย่างเร็วรี่ จั่วม่อเพ่งพิศทะเลสาบน้ำดำอย่างแปลกใจอยู่บ้าง ทะเลสาบนี้ไม่กว้างใหญ่เท่าใด มีพื้นที่ราวๆ สิบกว่าหมู่เท่านั้น แต่ที่แปลกก็คือ น้ำในทะเลสาบดำสนิทดุจน้ำหมึก ให้บรรยากาศคล้ายสถานที่แห่งความตาย ด้านข้างริมขอบไม่มีพืชหญ้าชนิดใดงอกเงย มีเพียงหาดหินกรวดสีขาวซีดผืนใหญ่

ผืนดินอันชั่วร้าย!

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จั่วม่อในใจปรากฏถ้อยคำเหล่านี้ลอยขึ้นมาเอง ทะเลสาบน้ำดำราบเรียบ นิ่งสงัดประหนึ่งตายดับไปนานแล้ว ตามริมขอบชายฝั่งไม่มีร่องรอยของสัตว์ใด ดูเหมือนจะแผ่ซ่านเค้าลางอัปมงคลอันแรงกล้าออกมา มันจดจำได้ว่าในม้วนหยกที่ศิษย์สำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบมอบให้ ก็กล่าวถึงทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบน้ำดำเป็นอันตรายมาก ขอเตือนว่าให้อยู่ห่างๆ ไว้เป็นดี

จั่วม่อตอนนี้ไม่มีเวลาจะมัวมาศึกษาวิเคราะห์ทะเลสาบดำ มันเร่งฝีเท้าตามเจ้าดำน้อยไป

ท่ามกลางแมกไม้พนาไพร เจ้าดำน้อยไม่ผิดอันใดกับสายลมกระโชกแรง เห็นเพียงเงาดำแล่นลิ่วอยู่เลือนราง หากจั่วม่อไม่ได้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงจิตใจกับเจ้าดำน้อย มันคงสูญหายไปนานแล้ว

เห็นเจ้าดำน้อยทวีความเร็วขึ้นอีกหนึ่งส่วน จั่วม่อรีบเร่งฝีเท้าตามไปด้วย

เจ้าดำน้อยทันใดนั้นพุ่งหายเข้าไปในรอยแตกบนพื้นหิน ในลานโล่งกว้างที่อยู่ใกล้เคียง จั่วม่อฝืนยิ้มในใจ มองส่องเข้าไปในรอยแตกซึ่งกว้างราวสองนิ้วมือ กระบี่หยดน้ำในมือมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งขึ้นฟ้าโดยไม่รีรอ กระบี่บินหมุนควงเร็วรี่ดุจสว่าน กลายเป็นเงาสีฟ้ากลุ่มหนึ่งพุ่งดิ่งลงมา เจาะทะลวงเข้าไปในรอยแตกอย่างหักโหม!

ตูม!

เศษหินปลิวเวียนว่อน กระจัดกระจายไปทั่ว หลุมที่กว้างพอให้จั่วม่อมุดผ่านเข้าไปได้ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

จั่วม่อโบกมือคราหนึ่ง กระบี่หยดน้ำบินกลับเข้าสู่มือ มันก้มตัว มุดลงไปในหลุม จากนั้นโพรงถ้ำกว้างใหญ่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตา ที่แห่งนี้เป็นถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง ไม่ห่างออกไปนัก เห็นแมลงทองทมิฬตัวน้อยเฝ้ารอจั่วม่ออยู่ด้านใน พอเห็นจั่วม่อลงมา มันส่งเสียงกรีดร้องคำหนึ่ง หมุนตัว วิ่งนำไปเบื้องหน้า จั่วม่อปรับสภาพสายตาอย่างรวดเร็ว รีบไล่ตามเจ้าดำน้อยไป

ความมืดมิดในโพรงถ้ำใต้ดินไม่มีผลต่อเจ้าดำน้อยเลยสักนิด จั่วม่อก็ใช้พลังจิตสำนึกอันเข้มแข็งแผ่ออกไปรอบด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างสะท้อนเข้ามาในใจมันประหนึ่งเห็นชัดเจนด้วยสายตา

เร่งรุดเข้าไปในโพรงถ้ำ จั่วม่อรู้สึกว่ามันกำลังมุ่งหน้าลงต่ำ ดิ่งลึกลงไปใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทาง มันใช้กระบี่บินทะลวงทางตันเข้าไปเป็นครั้งคราว จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่พบร่องรอยว่าเคยมีผู้คนล่วงหน้าเข้ามาก่อน ทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นคาดหวังมากยิ่งขึ้น

 

เดินต่อไปราวครึ่งชั่วยาม เมื่อจั่วม่อเลี้ยวผ่านทางโค้งมุมหนึ่ง พบเห็นฉากเบื้องหน้า ก็พลันตะลึงลาน

เห็นบ่อหินหลอมเหลวสีแดงก่ำขนาดใหญ่โตมหฬาร ไหลเวียนช้าๆ ค่อยๆ เดือดปุดผุดพราย ในครรลองสายตามันเต็มไปด้วยแสงสีแดงสดใส ในโถงถ้ำประหนึ่งโลกสีแดงเข้มอันเป็นเอกเทศใบหนึ่ง คลื่นความร้อนกวาดออกมาเป็นครั้งคราว แต่ละระลอกคล้ายบิดเบือนชั้นบรรยากาศจนแปรปรวน บัดเดี๋ยวชัดเจน บัดเดี๋ยวพร่าเลือน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถัน

ทะเลสาบหินหนืดคล้ายปะทุอยู่ตลอดกาล มีขนาดพื้นที่ราวสามหมู่ ผนังหินที่ล้อมรอบยอยยุบตัวลงไปในบ่อหินหลอมเหลวตลอดเวลา ละลายหายไป แต่หลังจากนั้นสักครู่ หินหนืดตรงบริเวณชายฝั่งเย็นตัวลง กลับกลายเป็นหินแข็งอีกครั้ง ถมทับหลุมบ่อจนเต็มเหมือนเดิม

ฮะ? ดวงตาของมันตกลงบนร่างแมลงทองทมิฬ ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เจ้าดำน้อยปีนขึ้นไปบนก้อนหินสีแดง เริ่มแทะอย่างเมามัน

จั่วม่อดวงตาเบิกกว้างในทันใด เผยแววปิติยินดีอย่างเปี่ยมล้น

หินเพลิงแดงเดือด!

มันไม่อาจยับยั้งเท้าของตนอีกต่อไป ก้าวเข้าไปหยิบหินสีแดงขึ้นมาจากพื้น หินภูเขาไฟสีแดงนี้แม้ไม่ใช่หยกก็แทบไม่ต่างจากหยก เป็นสีแดงเข้ม บริสุทธิ์และสดใส เพียงสัมผัสก็รู้สึกถึงความร้อนลวกประดุจเหล็กที่ถูกเผาจนแดงฉาน หากจั่วม่อไม่ผนึกพลังปราณห่อหุ้มไว้รอบมือ ฝ่ามือของมันจะถูกแผดเผาตรงๆ จนกลายเป็นกระดูกกองหนึ่งไปแล้ว

ช่างเป็นหินที่มีพลังปราณไฟอุดมสมบูรณ์กระไรเช่นนี้!

หินเพลิงแดงเดือด ระดับสี่!

จั่วม่อในยามนี้อยากแหงนหน้าหัวร่อให้ก้องฟ้า ผู้ใดจะคิดว่าเกาะรกร้างแร้นแค้นจะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้! มันกวาดตามองไปรอบด้าน ริมขอบชายฝั่งทะเลสาบหินหนืดเติบโตเป็นวงกลมสีแดงเข้ม สวรรค์ของข้า! ล้วนเป็นแหล่งกำเนิดหินเพลิงแดงเดือดทั้งสิ้น!

แค่หินเพลิงแดงเดือดในสถานที่นี้เพียงสิ่งเดียว ก็มากพอจะทำให้การเดินทางมายังหมู่เกาะแมกไม้รกร้างของมัน คุ้มค่าเหลือที่จะกล่าว!

ไม่เสียเวลาเอ่ยคำใด จั่วม่อเริ่มเก็บรวมรวมหินเพลิงแดงเดือดอย่างรีบด่วน ไม่หลงเหลือไว้แม้แต่ชิ้นเดียว หินเพลิงแดงเดือดกระจายตัวเป็นรูปแบบที่สม่ำเสมอ เกือบทั้งหมดล้วนเติบโตในพื้นที่ที่ใกล้ชิดกับบ่อหินหนืดมากที่สุด ก่อตัวขึ้นในแถบกว้างรายรอบทะเลสาบหินหนืด หินเพลิงแดงเดือดเหล่านี้ถูกกลั่นกรองขัดเกลาผ่านหินหนืดมานับเวลาไม่ถ้วน สิ่งสกปรกที่เจือปนละลายหายไปตั้งแต่แรก ดังนั้นพวกมันมีระดับคุณภาพและความบริสุทธิ์สูงมาก

ในจำนวนหินเพลิงแดงเดือดทั้งสิ้นหกสิบกว่าก้อน ส่วนใหญ่เป็นระดับสาม มีจำนวนหินเพลิงแดงเดือดระดับสี่ถึงหกก้อน

นี่เป็นโชคลาภที่น่าอัศจรรย์ใจ!

จั่วม่อพออกพอใจเป็นที่สุด ถูกโชคลาภที่มาจากสวรรค์ทุบตีจนหัวหมุนมึนงง เพื่อให้รางวัลกับเจ้าดำน้อย มันนำหินเพลิงแดงเดือดระดับสี่ก้อนหนึ่งส่งให้เจ้าดำน้อยจัดการได้ตามสบาย

เจ้าดำน้อยพอเห็นของรางวัล รีบละทิ้งหินเพลิงแดงเดือดระดับสามที่แทะกินไปแล้วครึ่งก้อนในทันที โถมเข้าตะครุบใส่หินเพลิงแดงเดือดระดับสี่ทันควันราวกับก้นของมันติดไฟ หินเพลิงแดงเดือดก้อนหนึ่งไม่ได้ใหญ่โตอันใด เพียงขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อย เจ้าดำน้อยกัดกินราวกับก้อนหินเพลิงเป็นขนมกรอบ กร้วม กร้วม หินเพลิงแดงเดือดระดับสี่ไม่นานก็หายวับไปกับตา

เสร็จสิ้นมื้ออาหารของมัน เจ้าดำน้อยจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับว่าทั้งร่างกำลังลุกไหม้ นอนนิ่งเงียบงัน ไม่ไหวติง

จั่วม่อแตกตื่นจนขวัญหาย ความเชื่อมโยงระหว่างมันกับเจ้าดำน้อยขาดสะบั้นไปอย่างกะทันหัน!

มันรีบคว้าตัวเจ้าดำน้อยขึ้นมาวางในมืออย่างระมัดระวัง เจ้าดำน้อยในเวลานี้คล้ายหินเพลิงแดงเดือดก้อนหนึ่ง ความร้อนสูงอย่างผิดปกติ จั่วม่อค่อยๆ ใช้จิตสำนึกตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในที่สุด หลังจากยืนยันแล้วว่าแมลงทองทมิฬตัวน้อยยังไม่ตาย มันต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก นับตั้งแต่ติดอยู่ในค่ายกลครึ่งปี สำหรับจั่วม่อ นกโง่กับเจ้าดำน้อยก็ไม่ได้เป็นแค่พาหนะกับแมลงปราณอีกต่อไป แต่เป็นดั่งสหายคู่ใจของมัน

จั่วม่อคาดเดาว่าคราวนี้เจ้าดำน้อยเพียงรับประทานพลังปราณไฟมากเกินไป จนเกิดอาการ ‘อาหารไม่ย่อย’ เท่านั้น

“เจ้าตัวตะกละน้อย!” มันบ่นพึมพำ นำเจ้าดำน้อยใส่ลงไปในแหวน

เมื่อกวาดหินเพลิงแดงเดือดจนเกลี้ยงเกลา จั่วม่อค่อยเยือกเย็นลง หันมาวิเคราะห์ทะเลสาบหินหนืดใต้ดินใหม่อีกรอบ กระทั่งยืนอยู่บนฝั่ง ยังสามารถรู้สึกถึงพลังปราณไฟที่มีมากมายอย่างล้นเหลือ

สถานที่แห่งนี้ นี่มันขุมทรัพย์ชัดๆ !

จั่วม่อเริ่มครุ่นคิดใคร่ครวญว่าจะใช้ขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรดี

มันกวาดจิตสำนึกสำรวจไปมาสองสามรอบ ไม่ได้พบสิ่งใดแปลกใหม่อีก

แรกเริ่มเดิมที เจตนาของมันคือเสาะหาเส้นชีพจรปราณปฐพี คาดไม่ถึงว่าจะพบทะเลสาบหินหนืดไฟพิภพแทน นี่ไม่ได้อยู่แผนการของมัน แม้ว่าจะไม่คาดฝันอยู่บ้าง แต่ทะเลสาบหินหนืดนี้ยังคงมีประโยชน์ใช้สอยไม่ธรรมดา

จั่วม่อยืนนิ่งอยู่กับที่ ขบคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเริ่มลงมือ

วัตถุดิบมากมายหลายชนิดปรากฏขึ้นในมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อการเดินทางมายังหมู่เกาะแมกไม้รกร้างของมันในคราวนี้ สำนักได้เปิดคลังสินค้าของสำนักให้แก่มัน แน่นอนว่ามันย่อมไม่เกรงอกเกรงใจ กวาดทุกสิ่งทุกอย่างมาจนกว่าซือฟู่จะสิ้นเนื้อประดาตัว ยอมแพ้ไปเอง เทียบกับกาลก่อน สำนักกระบี่สุญตาในวันนี้ครอบครองทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในระดับที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความหลากหลายของวัสดุขั้นสูงในคลังสินค้า ทำเอาจั่วม่อตาลายละลานไปหมด

จั่วม่อเรื่องทั่วไปอาจเกียจคร้านสันหลังยาว แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมัน ย่อมไม่เคยละเลยมาก่อน

พลิกฝ่ามือคราหนึ่ง กระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์สองหูรูปมังกรไร้เขาก็ปรากฏขึ้น มังกรไร้เขาบนกระถางเป็นสีแดงจางๆ ร่างเรียวยาวที่ม้วนพันรอบกระถาง ถูกสลักคล้ายเปลวไฟลุกโชติช่วง

จั่วม่อตวัดมือซัดเบาๆ กระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์ก็พลันปรากฏบนขอบฝั่งทะเลสาบอย่างมั่นคง

มันพลิกฝ่ามืออีกหน ปรากฏกระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์อีกใบหนึ่ง รูปร่างหน้าตาเหมือนใบที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน

ตวัดมืออีกครั้ง กระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์ก็ตั้งมั่นตรงอีกจุดหนึ่งอย่างแม่นยำ

จั่วม่อซัดกระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์สองหูรูปมังกรไร้เขาออกไปเจ็ดใบในรวดเดียว ทั้งหมดตั้งอยู่ริมทะเลสาบหินหนืด เว้นระยะห่างจากกันอย่างสม่ำเสมอ

กระถางหลอมกลั่นสัมฤทธิ์สองหูรูปมังกรไร้เขาทั้งเจ็ดใบเป็นสินค้าระดับสามชั้นยอด เมื่อครั้งที่จั่วม่อหยิบพวกมันทั้งเจ็ดออกมาจากคลังสินค้าของสำนัก ใส่ลงไปในแหวนของมัน ศิษย์ที่รับผิดชอบคลังสินค้าถึงกับหน้าเขียวคล้ำ น่าเกลียดสุดทนดู

จั่วม่อดวงตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจัง สองมือประดุจบุปผาบาน เริ่มเดินวนรอบทะเลสาบช้าๆ ยุทธภัณฑ์เวทกับวัตถุดิบมากมายปลิวออกจากมือไม่ขาดสาย

 

หนึ่งชั่วยามให้หลัง จั่วม่อปาดเหงื่อบนหน้าผาก ทะเลสาบหินหนืดรายล้อมด้วยอาณาเขตวัตถุดิบสีสันสดใสสารพัดชนิด น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง!

มันระบายลมหายใจยาว สองมือผนึกมุทรารวดเร็วดุจสายฟ้า ร่ายเวทวิชาสร้างเป็นกระแสลำแสง พุ่งเข้าไปในขบวนวัตถุดิบ

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาสามชั่วยามเต็ม ขณะที่กระทำมุทราท่วงท่าสุดท้ายเสร็จสิ้น คนคล้ายหมดเรี่ยวสิ้นแรง กระแทกนั่งลงกับพื้น ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

จั่วม่อเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจตาย แต่ยังฝืนลากขาขัดไขว้ในท่าดอกบัว เข้าสู่ห้วงฌานในทันที

หลายชั่วยามถัดมา มันค่อยลืมตาขึ้น พลังปราณฟื้นฟูเต็มเปี่ยม

“ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้เอง” มองดูค่ายกลที่ก่อตั้งแล้วเสร็จ มันไม่ใคร่พอใจนัก

ทะเลสาบหินหนืดมีพลังปราณไฟอุดมสมบูรณ์มาก อีกทั้งยังมีร่องรอยของไฟพิภพแทรกอยู่ภายใน นี่นับเป็นกระถางหลอมกลั่นตามธรรมชาติอันยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นหลอมกลั่นโอสถหรือหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ ล้วนจำเป็นต้องใช้กระถางหลอมกลั่นตามธรรมชาติใบนี้ ดังนั้นมันไม่ลังเลที่จะสละกระถางสัมฤทธิ์สองหูระดับสามทั้งหมดเจ็ดใบ ก่อตั้งค่ายกลเพลิงสี่หวน!

หลังผ่านค่ายกลเพลิงสี่หวน พลังปราณไฟจะบรรลุถึงระดับชั้นอันน่าแตกตื่น ไม่ว่าจะเป็นหลอมกลั่นโอสถหรือหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ สมควรประสบความสำเร็จเป็นสองเท่าโดยที่ลงแรงเพียงครึ่ง!

ค่ายกลใหญ่ขบวนนี้ขับเคลื่อนด้วยตัวเองตามธรรมชาติ กระถางหลอมกลั่นทองแดงทั้งเจ็ดประหนึ่งวังวนเจ็ดแห่ง สูบกลืนพลังปราณไฟจากทะเลสาบหินหนืดอย่างบ้าคลั่ง หลังจากปราณไฟแล่นผ่านสี่หวน มันจะเปลี่ยนเป็นเส้นเปลวไฟสีแดงสด พุ่งขึ้นไปกลางอากาศเหนือทะเลสาบหินหนืด เส้นเปลวไฟแดงจัดทั้งเจ็ดปะทะกันกลางเวหา กลายเป็นไฟสีน้ำเงินเยือกเย็นเบ่งบานกลางอากาศ

จั่วม่อในที่สุดค่อยมีทีท่าพึงพอใจ ค่ายกลขบวนใหญ่ไม่สมบูรณ์ แต่เปลวไฟเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว

มันหยิบห่วงทองแดงแบนๆ บางๆ ออกมาจากแหวนมิติ ห่วงทองแดงที่ไม่มีใดพิสดารนี้ ทุกส่วนของพื้นผิวปกคลุมด้วยอักขระยันต์หลากหลายรูปแบบ

จั่วม่อสะบัดมือซัดห่วงทองแดงเข้าไปในกองไฟที่กลางอากาศ

เปลวไฟลุกวาบ ห่อหุ้มห่วงทองแดงไว้ภายใน ห่วงทองแดงลอยอยู่กลางเปลวไฟ เงียบงันอย่างผิดปกติ

จั่วม่อจัดวางอาคมหวงห้ามไว้เป็นชั้นๆ รวมทั้งสิ้นเจ็ดชั้น รายล้อมรอบชายฝั่งทะเลสาบหินหนืด ก่อนจะหยุดมือ

มองไปยังห่วงทองแดงที่ลอยอยู่ในเปลวไฟอีกครั้ง เห็นห่วงทองแดงที่เดิมมีสีเหลืองอมแดง เริ่มเผยให้เห็นรอยเส้นสีแดงฉานเบาบางเท่าเส้นผมเส้นหนึ่ง จั่วม่อใบหน้าคล้ายคาดหวังอยู่บ้าง ก่อนที่มันจะจากมา

ออกมาจากถ้ำ จั่วม่อจัดวางอาคมหวงห้ามหลายชนิดไว้รอบทางเข้าอย่างรอบคอบ ป้องกันไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป

 

เหล่าศิษย์สำนักกระบี่สุญตา ตลอดหลายวันมานี้ทำงานตามแผนการของจั่วม่อ ในที่สุดก็ทยอยเสร็จสิ้นครบถ้วนตามภารกิจที่บันทึกไว้ในม้วนหยกของแต่ละคน จั่วม่อไม่ได้อธิบายรายละเอียดมากนัก แต่ทุกคนยังคงทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มาคราวนี้จั่วม่อเลือกเฟ้นมาเฉพาะซิวเจ่อสายการผลิตทั้งสิ้น พวกมันส่วนใหญ่ซื่อสัตย์เชื่อฟังเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ทุกผู้คนอยากรู้อยากเห็นไม่น้อบ ศิษย์พี่ที่แท้คิดทำอะไร?

ดังนั้นเมื่อศิษย์พี่ที่หายหัวไปสองสามวันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ทุกคนรีบเข้าไปรายล้อม ผลัดกันรายงานความคืบหน้าของพวกมัน

จั่วม่อตระเวนตรวจงานของแต่ละคนอย่างถี่ถ้วนอีกรอบ ดวงตาเผยแววพึงพอใจ

“พี่น้องทั้งหลาย ขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยของพวกเจ้า!” จั่วม่อปรบมือ “ทุกคนรับเม็ดยาปฐมปราณคนละขวด พักผ่อนสักสองสามวัน”

แม้พวกมันจะไม่ทราบว่าศิษย์พี่ทำเรื่องลึกลับอันใด แต่มีขวดโอสถปราณอยู่ในมือ ทุกคนก็รู้สึกพออกพอใจยิ่ง พอรับรางวัลแล้ว พวกมันก็เตรียมแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ในเวลานี้เอง ลำแสงกระบี่สายหนึ่งสาดประกายที่ขอบฟ้า

ลำแสงกระบี่สายนี้รวดเร็วจนน่าตระหนก คนผู้นั้นคล้ายพบเห็นหมู่เกาะแมกไม้รกร้าง ลำแสงเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน มุ่งตรงมายังหมู่เกาะแมกไม้รกร้างแทน

จั่วม่อกับเหล่าสหายร่วมชะตากรรมของมัน ตึงเครียดขึ้นมาทันที

 

เกล็ดเล็กๆ น้อยๆ – ที่จริงหมู่เกาะแมกไม้รกร้าง ในต้นฉบับไม่ได้ใช้คำนี้ แต่เป็นคำว่า แนวหินปะการังแมกไม้รกร้าง หากนึกภาพไม่ออก ลองเสิร์ชดูคำว่า great barrier reef ซึ่งเป็น reef หรือแนวหินปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งการเกิดสภาพภูมิประเทศแบบนี้ มักมีภูเขาไฟและลาวาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยชนิดขาดไม่ได้ ดังนั้นการที่จั่วม่อพบบ่อลาวาบนเกาะ เรียกได้ว่าคนเขียนเก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด