ตอนที่แล้วเล่ม 5 ตอนที่ 8 : สบโอกาสได้ประมือ (1) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 5 ตอนที่ 8 : สบโอกาสได้ประมือ (3) [อ่านฟรี]

เล่ม 5 ตอนที่ 8 : สบโอกาสได้ประมือ (2) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

ARK ลงทุกวัน เวลา 10.50-11.00 น.

วันจันทร์-ศุกร์ : ลงวันละ 1 ตอน

วันเสาร์-อาทิตย์ : ลงวันละ 1 ตอนขึ้นไป

==========

เล่ม 5 ตอนที่ 8 : สบโอกาสได้ประมือ (2)

 

เมื่อมีใครสักคนมาขอเข้าร่วม อลันมักจะใช้ระบบแบบปล่อยเข้ามาก่อน จากนั้นเขาจึงค่อยใช้อำนาจเข้ากดดันควบคุมการเงินส่วนกลาง อีกทางหนึ่ง หากพวกเขาเกิดไม่เชื่อฟังขึ้นมา เขาจะใช้อำนาจที่มีเตะอีกฝ่ายออกไปจากกิลด์ ดูเหมือนที่เขาเล่นเกมนี้ก็เพราะคาดหวังจะได้รับคะแนนสูงสุดในการทดสอบเข้าทำงาน อะไรที่ทำให้อลันเป็นถึงขนาดนี้ได้กัน? นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่อาจเข้าใจได้

‘ในบรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหมดของเรา ผลการประเมินของอลันเมื่อไม่นานมานี้ก็ไม่ค่อยดีนัก ที่จริงคนที่มารวมตัวกันตอนนี้ก็น่าจะเพื่อสนุกกับเกมแท้ ๆ คนทั้งสองพันคนที่มารวมตัวกันนั้น... มันไม่ใช่เกมอย่างที่เราอยากให้เป็นเลยสักนิด...’

“นี่สาวน้อย เป็นไรทำไมดูหมองหม่นจัง?”

ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งได้เข้ามาใกล้พร้อมกล่าวขึ้น

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าเป็นคนของแผนกวางแผนของทางโกลบอลเอ็กซอร์ท โฮมย็องฮวัน

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“แหม สาวน้อยนั่งโต๊ะประชาสัมพันธ์กลับมีท่าทีหมองหม่นขนาดนี้ ทำเอาแรงใจการทำงานผมดิ่งฮวบเลยนะเนี่ย”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นแน่นอนค่ะ”

เมื่อคังมีซูตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นนั้น ฮามย็องฮวันจึงส่งถ้วยกาแฟให้เธอก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

“ถ้าเป็นกังวลเรื่องการทดสอบเข้าทำงานของบริษัทก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องใส่ใจนะ เพื่อนเธอชื่ออลันไม่ใช่เหรอ? ฝ่ายวางแผนน่ะสนใจในตัวอลันมากเลยทีเดียว การประเมินผลของเขาก็จัดว่าสูง แถมยังเป็นคู่หูที่ดีกับเธอด้วยนี่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปยังไงก็ผ่านแน่นอนอยู่แล้ว”

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกน่า”

โฮมย็องฮวันเกาศีรษะก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะเบา

ในตอนนั้นเอง คังมีซูที่นึกอะไรขึ้นได้จึงกล่าวถามออกไป

“จะว่าไป คุณรู้จักอาร์คนิมหรือเปล่าคะ?”

“อาร์ค?”

โฮมย็องฮวันเผยความงุนงงตอบกลับมา

“ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนนะ เธอรู้จักเขาเหรอ?”

“ค่ะ นิดหน่อย...”

“อืม ที่จริงฉันก็รู้จักทุกไอดีที่ฝ่ายวางแผนให้ความสนใจอยู่นะ... แต่ไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย บางทีเขาอาจจะไม่ค่อยมีส่วนช่วยสร้างความก้าวหน้าอะไรในเกมละมั้ง”

“แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ภารกิจอีเวนท์สำเร็จนี่คะ?”

คังมีซูพูดออกด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจ ใช่ หากอยู่ข้างอลันตลอดย่อมต้องเคยได้ยินชื่ออาร์คมาอย่างแน่นอน ระหว่างภารกิจอีเวนท์ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่รับหน้าที่ไปจัดการปืนใหญ่มอดไหม้และประสบความสำเร็จกลับมาโดยการยึดครองปืนใหญ่หรือไรกัน? ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่อาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดฝ่ายวางแผนจึงจดจำไอดีของอีกฝ่ายไม่ได้ คังมีซูจึงอธิบายเรื่องของอาร์คให้โฮมย็องฮวันฟังจนต้องพยักหน้ารับ

“จริงเหรอเนี่ย? แปลกมาก ความสำเร็จนั่นสมควรโดนจับตามองด้วยซ้ำ... ในบรรดาผู้เข้าสมัครทั้งสิ้นสองพันคนอาจมีตกหล่นได้ เข้าใจแล้ว ฉันจะตรวจสอบให้อีกครั้งนะ”

“รบกวนด้วยค่ะ”

“โอ๊ะ จะว่าไป คังมีซูผู้งดงามประจำโกลบอลเอ็กซอร์ทถึงกับถามถึงชายคนหนึ่ง นี่เธอมีคนในใจอยู่แล้วสินะ? ทำฉันอิจฉานะเนี่ย”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”

“ฮ่าฮ่า! ได้ ได้ ไม่แกล้งเธอแล้วก็ได้ ไว้ฉันจะดูให้นะ”

โฮมย็องฮวันที่แกล้งเธอเล่นเสร็จจึงเดินจากไป คังมีซูมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสับสน ในบรรดาคนทั้งหมดที่เข้าร่วมสัมภาษณ์ คิมฮยอนอู... ไม่สิ อาร์ค ทำไมชื่อนี้ถึงมักโผล่ขึ้นมาเรื่อยเลยนะ? เธอไม่รู้เลยจริง ๆ ทว่าอาร์คนั้นคือคนที่เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เธอได้พบเจอ เพราะงั้นแล้วเธอเลยอาจเกิดความเป็นห่วงขึ้นมา ใช่แล้ว นี่ก็แค่เป็นห่วงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ

* * *

 

“อะไรกัน? ถ้าเธออยากจะนอนทำไมไม่นอนตอนกลางคืน...”

ฮยอนอูเอามือขยี้ตาขณะที่ต้องรับฟังคำบ่น

จีวอนฮวารังตรงหน้าก็กำลังเกาหัว

“เธอนี่นะ ตอนเล่นเกมก็นึกว่าเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็นิ่งไปแล้วก็หลุดออกจากเกม ตอนไปดูนั่นเธอก็หลับไปแล้ว”

“ผมบอกแล้วนี่ครับ ว่าตอนอยู่โลกบาดาลมันมีหลายอย่างที่ผมต้องทำจนแทบไม่ได้นอนเลยน่ะ”

“ตอนฉันอายุเท่าเธอ ฉันอยู่ข้ามวันข้ามคืนได้ทั้งสัปดาห์เลยรู้ไหม”

“นี่คุณเป็นมนุษย์หุ่นเหล็กที่ทางรัฐบาลสร้างขึ้นหรือไงกันครับ?”

“ใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ที่สำคัญคือจิตใจ”

“งั้นผมก็เป็นคนที่จิตใจอ่อนแอมากครับ ชอบเผลอหลับในประจำเลย”

อาร์คเม้มริมฝีปาก จีวอนฮวารังจึงยิ้มตอบกลับไปให้

“จะยังไงก็ตาม พวกเราก็ต้องเจอกันก่อนที่ฮเยซองจะเข้าเกมมาอีกครั้งอยู่แล้ว พอดีมีเวลาเหลือก็เลยอยากแนะนำใครบางคนให้นายรู้จัก ที่จริงฉันก็เคยพยายามจะแนะนำให้รู้จักก่อนหน้านี้หรอกนะ แต่ว่ามันกลับเป็นเรื่องยากไปเพราะพวกเรายุ่งกันทั้งคู่”

“แนะนำ? นัดบอดอะไรทำนองนั้นเหรอครับ?”

“อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”

เสียงกระดิ่งพลันดังขึ้นขณะที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ขณะมองไปรอบ อีกฝ่ายเป็นชายวัยสามสิบปีสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใส่เสื้อยืดไม่มีแขน กางเกงขาสั้น แถมยังลากรองเท้าแตะมาอีก ดูไปแล้วคล้ายพวกมิจฉาชีพเกรดสามอะไรทำนองนั้น

อีกฝ่ายมองหาในร้านอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเดินเข้ามาใกล้จีวอนฮวารังจากนั้นจึงนั่งลงด้านข้าง ฮยอนอูจึงย้ายสายตามองไปยังจีวอนฮวารัง เป็นเพราะจีวอนฮวารังคืออดีตฝ่ายสืบสวน ระหว่างที่ยังมีหน้าที่การงานเขาจึงได้พบกับพวกที่โดนทัณฑ์บนเยอะแยะเอาเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้หลายคนก็มีความเห็นต่างออกไป เมื่อจีวอนฮวารังเกษียณตัวออกมา ก็มีหลายคำติฉินนินทาพูดกล่าวถึงเรื่องพวกนี้ หลังได้เห็นสภาพอีกฝ่ายแล้ว ฮยอนอูจึงเข้าใจความรู้สึกนั้น นับว่าโชคยังดีที่จีวอนฮวารังยังจำได้ว่าต้องกล่าวทักทายอะไรบ้าง

“ทำไมมาช้าล่ะ?”

“ไม่เอาน่าลูกพี่ นี่ไม่ได้มาให้ถามเสียหน่อย ยังไงแล้วตั้งแต่ที่ลูกพี่ทิ้งงานฝ่ายสืบสวนนั่นมาชีวิตก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเยอะเลยนี่ แต่เหมือนลูกพี่จะยังไปพัวพันอะไรกับเจ้าหนูพวกนั้นอยู่นะ ให้ผมโทรหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาจัดการพวกเขาให้ไหมครับ?”

“เลิกล้อเล่นได้แล้ว ตำรวจจะตามจับก็แค่พวกผู้ร้าย ตอนนี้พวกนั้นไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว”

“ครับ ไม่เล่นแล้วก็ได้”

อีกฝ่ายยิ้มกลับขณะที่หันมองมาทางฮยอนอู

“เพื่อนลูกพี่เหรอ?”

“อา ใช่แล้ว! คนนี้ชื่อฮยอนอู ทักทายเขาด้วย ฮยอนอูเป็นรุ่นน้องของฉันที่มหาวิทยาลัยพละ ทางนี้ชื่อลีมย็องลง ก่อนหน้าที่จะมาเป็นฝ่ายสืบสวนก็เคยเป็นพวกไม่ได้ความมาก่อนน่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อลีมย็องลง เหมือนที่เธอได้ยินแหละ ฉันเคยเป็นพวกไม่ได้ความก่อนที่จะมาเป็นฝ่ายสืบสวน”

ลีมย็องลงยิ้มให้ขณะยื่นมือออกมา

ความรู้สึกตรงหน้านี้ก็ยังคล้ายอีกฝ่ายจะเป็นพวกไม่ได้ความเหมือนเดิม

“ผมคิมฮยอนอูครับ”

ฮยอนอูยื่นมือเข้าไปจับมือของอีกฝ่ายก่อนที่จะมองไปยังจีวอนฮวารัง ว่าทำไมเขาถึงรบกวนเวลานอนตนเองเพื่อแนะนำนายตำรวจคนนี้ให้รู้จักกัน

“ฮยอนอู ไม่นานมานี้เธอบอกว่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอใช่ไหม?”

“ครับ อย่างน้อยก็สองชั่วโมงตอนเช้า”

“นั่นสินะ นี่เองเหตุผลที่ฝีมือของเธอในเกมถึงดีขนาดนั้นได้ แต่ขีดจำกัดของมันก็หยุดที่การออกกำลังกายนะ เป็นเพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เขาทำงานอยู่ใกล้บ้านเธอ ฉันเลยจะแนะนำให้เธอไปฝึกที่ยิมของสำนักงานตำรวจแทน”

“ครับ? แต่ว่า...”

ฮยอนอูยังคงเผยสีหน้าสับสนออกมา แน่นอนว่าเขารู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวเริ่มถึงขีดจำกัดการพัฒนาในช่วงหลายวันมานี้ น่าจะเป็นเพราะขีดจำกัดของการออกกำลังกายโดยลำพัง แต่ลำพังแค่ตอนนี้ร่างกายของเขาก็มีพละกำลังเกินกว่าคนทั่วไปพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม ฮยอนอูก็มักใช้เทควันโดในเกมอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นแล้วเขาจึงปรารถนาที่อยากจะพัฒนาฝีมือตนเองให้มากยิ่งขึ้น แต่แล้วทำไมต้องเป็นยิมของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันล่ะ? ในเมื่อเขาไม่เคยได้ยินได้ฟังอะไรมาก่อน ฮยอนอูจึงมองลีมย็องลงด้วยดวงตาที่สับสน ลีมย็องลงจึงออกหน้าแทนโดยไม่สนจีวอนฮวารัง

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ที่สำนักงานตำรวจก็มีประชาชนทั่วไปหลายคนมาใช้งานเหมือนยิมทั่วไปแหละ แถมยังมีคนที่เคยเป็นสมาชิกทีมเทควันโดตัวแทนประเทศด้วยนะ แม้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจะไม่ค่อยดีนักก็เถอะ แต่เธอสามารถเรียนเทควันโดโดยตรงกับเขาได้นะ เธอเคยได้ยินเรื่องตัวแทนทีมชาติที่ต้องถอนตัวไปเพราะเหตุความรุนแรงหรือเปล่า?”

“นี่นายแก่จนเลอะเลือนหรือไง? ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดต่อหน้าเด็กงั้นเหรอ?”

“ว่าแต่ ผมไปใช้งานโรงยิมจะไม่มีปัญหาอะไรแน่เหรอครับ? ถ้าจะทำให้ทางโรงยิมต่อว่าได้ ผมไม่ไปน่าจะดีกว่านะครับ”

“ไม่เอาน่า ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ในเมื่อเป็นคนของลูกพี่ เธอควรรู้นะว่ายิมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่ะแตกต่างจากพวกยิมใกล้บ้านลิบลับ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนยังไงหรือว่าจะมีเพื่อนอย่างลูกพี่ ต่อให้เธอไปวิ่งเล่นในนั้นก็ไม่มีใครว่าหรอก...”

ลีมย็องลงเริ่มมองฮยอนอูด้วยสายตาใคร่สงสัยแทน

“หึหึหึ นายยังไม่รู้อะไร ถึงเขาจะมาจากมหาวิทยาลัยพละแถมยังดูไม่ได้ความแต่ก็เป็นลูกศิษย์ที่ดีเลยเชียวนะ นานแล้วมั้ง ไม่ใช่ฉันบอกหรือไงว่ามีใครคนหนึ่งเตะกรามฉันจนร่วงน่ะ? เขาเนี่ยแหละ”

“โห คนนั้นเองเหรอครับ? คนที่ลูกพี่ไปหาเรื่องข้างถนนคนนั้นน่ะนะ?”

“หาเรื่อง? ไร้สาระน่า ที่จริงมันก็นานแล้ว ตอนนั้นก็ทำเอาฉันตกใจจริงแหละนะ แต่พอมาเทียบกับตอนนี้แล้วก็เหมือนคนละคนเลยทีเดียว”

“โธ่ คุณลุงครับ!”

ฮยอนอูส่งเสียงดังขึ้นขณะที่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง

มันเป็นเหตุการณ์ตอนที่จีวอนฮวารังยังเคยทำหน้าที่จนพวกผู้ร้ายยังต้องสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว และมันเป็นเรื่องตอนที่เขาเตะเข้าใส่กรามของอีกฝ่าย! เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่เขาแทบไม่อาจลืมเลือน ช่วงไม่นานหลังจากพ่อของเขาเสียไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ จีวอนฮวารังได้มาหาฮยอนอูที่เที่ยวเตร่ไปทั่ว แม่นายอยากคุยด้วย นั่นคือคำแรกที่จีวอนฮวารังพูดออกมา

ทว่า ก่อนที่จะได้พูดคำจบ ฮยอนอูก็เตะเข้าใส่กรามของจีวอนฮวารังไปเสียแล้ว หากเป็นคนอื่นอาจเรียกทนายความมาเรียกร้องค่าเสียหายไปแล้วก็ได้

แต่จีวอนฮวารังเพียงแค่หันกลับมาจ้องตาใส่ หลังจากนั้น ที่จีวอนฮวารังทำก็เพียงแค่หัวเราะออกด้วยสีหน้าสนุกสนานเท่านั้นเอง

...นั่นจึงทำให้ฮยอนอูจำฝังใจ หลังจากนั้น เขาก็สลบไปวูบหนึ่งก่อนที่จะรู้ตัวก็ตอนที่ตื่นอยู่ในห้องผู้ป่วยที่แม่พักรักษาตัวอยู่แล้ว กล่าวตามตรง เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหลั่งน้ำตาออกเพราะความเจ็บหรือว่าความสำนึกผิดที่อยู่ในใจกันแน่

‘นั่นนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เกิดมาเลยที่มีคนทำให้เราสลบเพราะไปยั่วโมโหเข้า ทำไมเราถึงได้กล้าทำเรื่องอะไรแบบนั้นได้กัน ไม่อยากนึกถึงมันเลยจริง ๆ’

ขณะฮยอนอูจ้องมองอย่างไม่พึงใจนัก จีวอนฮวารังกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หันมองไปทางอื่น ขณะนั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา เป็นลีมย็องลงที่เหมือนพวกคนไม่เอาไหนในหนังเกรดต่ำนั่นเอง

“โฮ่ หมอนี่คือคนที่เคยเตะคางลูกพี่งั้นสิ?”

“ไม่ครับ นั่นก็แค่อุบัติเหตุ ลุงก็พูดเกินไป”

“แล้วเขาก็รับมันเนี่ยนะ? ลูกพี่เนี่ยนะ? เรื่องตลกขำขันชัด ๆ”

มุมปากของลีมย็องลงยิ้มออกขณะพยักหน้ารับ

“เอาละ ยืนขึ้นเถอะ ที่โรงยิมตอนนี้น่าจะโล่ง ฉันจำเป็นต้องดูให้เห็นกับตาก่อน”

“ครับ? แต่ว่าผม...”

“เป็นผู้ชายคิดพิรี้พิไรอะไรให้มากความกัน? ตามมาได้แล้ว!”

ก็เหมือนกับพวกคนเสเพลทั่วไป ลีมย็องลงเป็นคนที่ตรงไปตรงมาตามธรรมชาติ ท้ายที่สุดฮยอนอูจึงโดนลากตัวไปโดยใช้ความรุนแรงจนกระทั่งถึงโรงยิมสำนักงานตำรวจ ตอนที่เขามาถึงครั้งแรกก็คิดว่าเป็นยิมที่ดีอยู่หรอก เป็นเพราะมันมีอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมายหลายชนิดจัดเรียงไว้ แถมยังมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำฝักบัวที่เป็นซุ้มแยก ฮยอนอูมองทั่วโรงยิมด้วยสายตาอึ้งทึ่ง ขณะนั้นเองลีมย็องลงได้ชี้ไปยังตู้เก็บของก่อนจะที่จะเข้าไปหยิบชุดเครื่องแบบโยนออกมาให้ จากนั้น ลีมย็องลงจึงเปลี่ยนชุดตัวเองเป็นเครื่องแบบเช่นเดียวกัน

“ลองดู ขนาดน่าจะพอดีนะ”

“ครับ?”

“เจ้าหนูนี่เพิ่งมาที่นี่ก็คิดจะไม่สนใจน้ำใจที่หยิบยื่นให้แล้ว? ถ้าหากนายเป็นผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ก็เข้าร่วมซะ อย่าคิดอะไรให้มันมากความ เอ้า รีบเปลี่ยนชุดเร็วเข้า”

สารวัตรแห่งเกาหลีใต้พูดกล่าวถึงขนาดนั้น ดังนั้นแล้วฮยอนอูจึงเปลี่ยนชุดเครื่องแบบและลุกขึ้นยืนมองไปยังลีมย็องลง ที่อยู่อีกด้านคือจีวอนฮวารัง ตอนนี้เขาทำเพียงแค่มองอยู่ในระยะห่างไกลออกไป ลีมย็องลงลูบคางของตนขณะพูดกล่าวขึ้น

“ยิมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีกฎและกติกาใดทั้งสิ้น หากมีคนสู้กัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มจนไม่ได้สติและไม่สามารถต่อสู้ได้ การต่อสู้จะจบลงเท่านั้น ถ้าเข้าใจแล้ว... ก็เริ่มได้เลย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด