ตอนที่แล้วตอนที่ 116 ครึ่งหนึ่ง (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 118 ภูเขาและแม่น้ำ (FREE)

ตอนที่ 117 ข้าเป็นคนขี้ขลาด! (FREE)


...

บนลานประลองมีเงาหนึ่งเคลื่อนไหวไปมา

ก่อนจะค่อยๆหายไปกลายเป็นร่างของ ฟาง เจิ้งจือ

เขามองไปที่ เหยียน ซิว ราวกับเป็นเด็กนักเรียนอันแสนดี

"อย่างน้อยก็ใช้มันออกมาได้ถึง 60 เปอร์เซ็น!" เหยียน ซิว พูด

"ขอขอบคุณมาก!" ฟาง เจิ้งจือ โค้งตัวคำนับ เหยียน ซิว อย่างจริงใจ

"ข้าไม่ได้สอนอะไรเจ้าซะหน่อย"

"ฮ่าฮ่า..."

 

"จะต่อกันเลยไหม?"

"ได้เลย!"

จากนั้นสายตาของทั้งสองก็จดจ้องกันอีกครั้ง บรรยากาศอันคึงเครียดของลานประลองกลับมาอีกครั้งราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ความฝัน

"วิชาดาบที่ข้าจะใช้ต่อจากนี้ไปจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าวิชาที่ข้าใช้ก่อนหน้านี้ มันเป็นวิชาที่ยากที่จะศึกษา" เหยียน ซิว พูดอีกครั้ง

"ดูเหมือนว่าวิชาที่เจ้าว่ามาจะทรงพลังมากล่ะสิ" ฟาง เจิ้งจือ พูดกลับ

"มันทรงพลังมากแต่ข้าไม่ค่อยชอบวิชานี้เท่าไหร่" เหยียน ซิว พูดต่อ

"ไม่ชอบรึ?" ฟาง เจิ้งจือ เริ่มสับสนในคำพูดของ เหยียน ซิว เขาไม่ชอบใช้วิชานี้ แต่กลับใช้มันได้ แสดงว่าวิชานี้คงเป็นวิชาที่ตระกูลเหยียนทุกคนต้องเรียนรู้

"วิชานี้เกิดจากการรวมตัวของสามการสรรค์สร้างหลอมรวมกันด้วยพลังแห่งดวงอาทิตย์ 3 ดวงดาวคือ ดาวแห่งแสงสว่าง ดาวแห่งสายลมและดาวแห่งไฟ มันประกอบไปด้วยเจตจำนงในการฆ่าของเทพแห่งสงครามอาชูรา !" เมื่อพูดจบ เหยียน ซิว ก็เริ่มเคลื่อนไหว

เขาโบกพัดสีทองไปมา ด้วยท่วงท่าของ เหยียน ซิว จู่ๆอากาศทั่วลานต่อสู้ก็ร้อนขึ้นและมีลูกไฟแสงสีแดงปรากฎขึ้นกลางอากาศ ลูกไฟค่อยๆขยายตัวใหญ่และส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ราวกับดวงอาทิตย์สีแดงมาปรากฎอยู่ตรงหน้า

 

"อาทิตย์เหนือฟากฟ้า!" เหยียน ซิว ร้องตะโกน ใบหน้าของเขาพลันแสดงออกถึงความโหดร้าย นัยน์ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที

ที่ผ่านมา ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่า เหยียน ซิว นั้นมักจะเป็นคนที่อารมณ์นิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา แต่เวลาใช้วิชานี้ทำให้เขาดูดุร้าย นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบวิชานี้

เป็นเพราะเจตจำนงการเข่นฆ่าของเทพสงครามอาชูร่าที่ยืมมางั้นรึ?

 

เอาล่ะ ...

เห้อ..ตอนนี้อากาศช่างร้อนเหลือเกิน!

ถ้าการใช้วิชาคมดาบดอกท้อเบ่งบานของเขาก่อนนี้ราวกับตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้วละก็ วิชาที่เขาใช้ตอนนี้ก็ทำให้ร้อนระอุดั่งอยู่ในทะเลทราย

"เขาคิดจะสร้างตำนานเพลิงน้ำแข็งหรือไงกัน?"

ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ เหยียน ซิว ก็กระโจนขึ้นไป

 

"ฆ่า!"

"ฆ่า?"

ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังสังเกตุการณ์อยู่เช่นเดิม แสงสีแดงก็ส่องประกายออกมาจากพัดสีทองของ เหยียน ซิว

แสงสีแดงเคลื่อนไหวไปตามสายลมเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม

มันค่อยๆใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ร่างของเขาแผ่จิตสังหารที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันออกมา แสงสีแดงแยกตัวออกมาจากพัดสีทองกลายเป็นรูปทรงของจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ร้อนแรงฟาดฟันไปที่ ฟาง เจิ้งจือ

"เอ่อ ... " ฟาง เจิ้งจือ รีบหยุดสังเกตุการณ์ในทันที เพราะรู้สึกว่าชีวิตตัวเองสำคัญกว่ามาก

โชคยังเข้าข้างที่เขาได้เรียนรู้วิชา เงาสายลม ไปเมื่อครู่

ร่างของเขาจางลง

 

"ตูมมม!"

เวลาเดียวกันกับที่ ฟาง เจิ้งจือ หลบเลี่ยงการโจมตี เสียงของระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นทั่วลานประลอง

เศษหินกระเด็นไปทั่ว

ฟาง เจิ้งจือ หันหลังมามอง และแสดงความรู้สึกออกมาผ่านทางสายตาได้อย่างชัดเจนว่าเขาตกใจ เขาเข้าใจในทันทีเลยว่าทำไม เหยียน ซิว ถึงใช้คำว่า "ทรงพลัง" กับวิชานี้

ฉากที่เกิดขึ้นอธิบายได้อย่างชัดเจน

ที่ลานประลองเป็นแบบนี้เกิดจากพลังของ เหยียน ซิว รอยดาบตัดเป็นสองส่วนลึกลงไป พื้นหยกสีขาวราวกับถูกหมึกสีดำขีดไว้

พลังที่น่าสะพรึงกลัวทำให้เหล่าคนดูรอบๆผู้ทดสอบโดยรอบตกใจเป็นอย่างมาก

 

"น...นี่เป็นระดับของการทดสอบระดับเมืองหลวงจริงๆหรือ!?"

"ข้าเชื่อว่ามันต้องเป็นฉากที่หาดูได้ยากแน่ๆ?"

"คนตระกูลเหยียน...เมื่อพูดถึงชื่อของพวกเขามันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว!"

ในขณะที่ผู้เข้าสอบต่างตกตะลึง ฮัน ฉางเฟิง ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัดสิน ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาเกิดอารมณ์ที่หลากหลาย "ดาบของเทพแห่งสงครามอาชูร่า" จากตระกูลเหยียนนั้น เป็นวิชาที่เกิดขึ้นมาบนสนาบรบ ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยเจตนารมณ์แห่งการเข่นฆ่าของเทพแห่งสงครามอาซูร่าอยู่ ฟาง เจิ้งจือ คงไม่อาจสามารถเลียนแบบได้

 

เป็นไปตามที่ ฮัน ฉางเฟิง คาดการณ์

ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเรียนรู้ ดาบแห่งอาซูร่า ของ เหยียน ซิว ได้

แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

เพราะเขาสามารถพลิกแพลงได้เสมอ!

เจ้าใช้ดวงอาทิตย์ ข้าจะใช้ดวงจันทร์ เจ้าใช้ไฟ ข้าจะใช้น้ำแข็ง แม่ว่าแสงของดวงอาทิตย์จะไม่มีแสงใดเทียบเคียงได้ แต่ถ้าเป็นดวงจันทร์ละก็การยืมแสงจากดวงอาทิตย์มาใช้ ไม่ใช่เรื่องยาก

มันคือเต๋าแห่งความสัมพันธ์ของหยินและหยาง

ข้าไม่สามารถยืมพลังจากเทพแห่งสงครามโดยตรงได้ ได้ แต่ข้ายืมของเจ้าได้!

จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็เริ่มเคลื่อนไหว ใช้มือโบกดาบสีขาวหยก ดวงจันทร์สีขาวที่สวยงามก็เริ่มปรากฎขึ้นมาบนท้องฟ้า ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์เพื่อที่จะยืมแสงอันส่องสว่างของดวงอาทิตย์

"ฆ่า!"

มันไม่เหมือนกับของ เหยียน ซิว การโจมตีของ ฟาง เจ้งจือ เต็มไปด้วยแสงอันบริสุทธิ์ไม่มีเจตนามุ่งร้ายใดๆ มีแต่ความสงบเยือกเย็น

 

"ฆ่า!"

บนลานประลอง้กืดรอยขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง

ฮัน ฉวงเฟิง รู้สึกเหมือนไม่สบายในทันทีแล้วรีบลุกจากที่นั่ง เมื่อมองไปที่เครื่องหมายที่ปรากฎขึ้นมันทำให้เขารู้สึกตกใจจนไม่สามารถปิดซ่อนความรู้เอาไว้ได้

เหล่านักปราชญ์คนอื่นจ้องมองไปด้วยสายตาที่เบิกกว้างและแข็งค้าง เป็นไปได้ยังไง? ฟาง เจิ้งจือ เชี่ยวชาญกี่ศาสตร์กันแน่? และเขามีดาวแห่งเต๋ากี่ดวงกัน?

สามารถเข้าถึงวิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น สร้างสิ่งใหม่ได้อย่างฉับพลันจากสิ่งที่เขาเรียนรู้

 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้รู้สึกรำคาญกับปฏิกิริยาตอบรับของคนรอบตัวเขา ...

แต่เขาเหลือบไปหา เหยียน ซิว

เหยียน ซิว ตกใจเป็นอย่างมาก  แม้เขาคิดว่าเต๋าแห่งการสรรค์สร้างที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงแห่งเทพสงครามอาชูร่า ฟาง เจิ้งจือ เองก็อาจจะใช้มันได้เช่นกัน

แต่…

เมื่อคิดแล้วคิดอีก เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว เขาเริ่มรุ้สึกแย่ทันที

เพื่อที่จะเข้าใจเจตนารมณ์ของอาซูร่า เขาต้องทุ่มแรงกายแรงใจอย่างนหนักขนาดไหน

"เจ้ายืมแสงของข้า? แล้วเจตนารมณ์ของเทพสงครามอาซูร่าล่ะ?" เหยียน ซิว มองไปยังเครื่องหมายที่ลานประลอง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และจับพัดสีทองของเขาแน่น

"แสงนั้นอาจยืมได้ แต่ทว่าเจตนารมณ์นั้นไม่สามารยืมได้....จริงๆแล้วเทพอาชูร่านั้นเป็นคนใจดีแล้วเป็นหนึ่งในตัวแทนของความเมตตา แต่อย่างไรก็ตามเขามักจะต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนและสร้างผู้เกลียดชังเอาไว้เป็นจำนวนมาก จนคนทั่วไปตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดี ข้าเข้าใจสิ่งนี้ดี ดังนั้นข้าจึงอาศัยวิธีอื่นในการยืมเจตนารมณ์ของเทพสงครามอาชูร่า! "

"วิธีอื่นงั้นรึ?" เหยียน ซิว เริ่มสับสน

"ใช่ เพื่อที่จะใช้เจตนารมณ์แห่งการเข่นฆ่าได้ ภายในหัวใจก็ต้องมีเจตนารมณ์แห่งการเข่นฆ่านั้นอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ข้าใช้ความเงียบสงบ" ฟาง เจิ้งจือ กล่าวสิ่งที่ชวนให้สับสนออกมาอีก

 

"ความเงียบสงบ?" เหยียน ซิว ไม่ค่อยเข้าใจ

"ใช่ ... นี่เป็นวิธีพูดที่ทำให้มันดูสวยงามเท่านั้นเอง อันที่จริงก็คือเมื่อผู้คนอยู่ในที่อันเงียบสงบ ในใจจะเริ่มว้าวุ่นกลัวอันตรายรอบด้าน เมื่อถึงจุดที่ความกลัว ความขี้ขลาดสูงสุดแล้วนั้น คนคนนั้นก็จะทนไม่ได้อีกต่อ เขาจะไม่ยอมนิ่งเฉยและปล่อยพลังอันบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยเจตนารมณ์แห่งการฆ่าเพื่อปกป้องตัวเองออกมา! " ฟาง เจิ้งจือ อธิบายอย่างจริงใจ โชคดีที่เขาค่อนข้างจะหน้าด้านพอสมควร คนทั่วๆไปไม่ค่อยจะยอมรับหรอกว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด

นอกจากนี้ความขี้ขลาดของเขานั้นไม่มีขอบเขต

"ความขี้ขลาด?" เหยียน ซิว รู้สึกหดหู่ใจ แต่ดูเหมือนจะเขาใจในบางอย่างขึ้นมา "ขอบคุณที่ช่วยสอนข้าเรื่องนี้!"

"ฮ่าฮ่า..เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่สามารถถเรียนรู้สิ่งนี้ได้เพราะไม่มีใครขี้ขลาดเท่ากับข้าอยู่แล้ว " ฟาง เจิ้งจือ เผยยิ้มออกมา

เมื่อทุกคนที่นั่งอยู่รอบได้ยินคำพูด ฟาง เจิ้งจือ ต่างแสดงความตกใจออกมา เพราะไม่มีคนปกติที่ไหนกล้ายอมรับเรื่องพวกนี้หรอก

ดูเหมือนว่า…

ความขี้ขลาดจะกลายมาเป็นเจตนารมณ์แห่งการเข่นฆ่า?!

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด