เล่ม 5 ตอนที่ 7 : สุนัขจนตรอก (2) [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ARK ลงทุกวัน เวลา 10.50-11.00 น.
วันจันทร์-ศุกร์ : ลงวันละ 1 ตอน
วันเสาร์-อาทิตย์ : ลงวันละ 1 ตอนขึ้นไป
==========
เล่ม 5 ตอนที่ 7 : สุนัขจนตรอก (2)
พวกเขาลืมเลือน แม้อาร์คจะปรากฏตัวขึ้น ทว่ามือสังหารยังเหลืออีกทั้งสิ้นสิบสองคน แต่ละคนล้วนเลเวลสูงถึง 120 อีกทางหนึ่ง จัสติสแมนมีกำลังคนเหลือเพียงแค่สิบห้า เลเวลเฉลี่ยก็แค่ 60~70 เท่านั้น แถมพลังชีวิตของพวกเขายังเหลือไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นอาร์คก็ตาม คนเพียงคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์โดยรวมได้
“หึหึหึ โง่เขลา แกจะต้องเสียใจที่ไม่วิ่งหนีไปขณะยังมีโอกาส”
“ฉันมันคนมีมารยาทไม่เหมือนแกหรอก”
ทว่า อาร์คยังคงตอกคำพูดยันกลับ
“อ้อ จริงด้วย ลืมบอกไป ฉันพาเพื่อนมาเป็นกลุ่มด้วยนะ อยู่ตรงโน้นแน่ะ”
“ว่าอะไร? เพื่อน?”
“ใช่ พวกเขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว...”
“เจ้านาย!”
เสียงของเดดริคดังขึ้นจากทางด้านหลัง อันเดลถึงกับหันศีรษะไปมองทันควันจนคอแทบเคล็ด
“อะ-อะไรกัน นี่มันบ้าอะไร?”
ด้านหลังในตอนนี้ รอบพื้นที่กระท่อมเริ่มสั่นสะท้านเพราะร่างขนาดเล็กจำนวนมากเริ่มปรากฏตัว จำนวนคนแทบใกล้เคียงหนึ่งร้อยคน! พวกเขาล้วนสวมใส่ฮู้ดจึงไม่อาจสำรวจมองให้ชัดเจนได้... หนวดสามถึงสี่เส้นยื่นออกจากข้างจมูกโผล่พ้นใต้ฮู้ดออกมาให้ได้เห็น
ใช่แล้ว พวกเขาเหล่านี้เป็นชาวแรคคูนจากโลกบาดาลนั่นเอง
ในตอนที่อาร์คกำลังจะออกจากโลกบาดาล เขาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
โทรศัพท์สายดังกล่าวเป็นหมายเลข 1407 ที่เพิ่งตายเมื่อครู่นี้ เขาได้โทรไปบอกเล่าถึงเรื่องที่อันเดลพามือสังหารทั้งสิบสี่คนบุกโจมตีเข้าใส่กระท่อม
อาร์คจึงเริ่มครุ่นคิดถึงปัญหาดังกล่าว หากมือสังหารมีทั้งสิ้นสิบสี่คน นั่นหมายความว่าโอกาสสำเร็จที่จะจัดการปาร์ตี้ของจัสติสแมนได้แทบจะแน่นอน ทว่า กระทั่งว่าอาร์คเผยตัวตนออกไป ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่าง ฉับพลันนั้นเอง กองกำลังชาวแรคคูนจึงปรากฏขึ้นในความคิด
‘ใช่แล้ว พวกเขาสามารถมาโผล่ที่ไคโร้ทผ่านทางอิกดราซิลได้!’
โดยทันที อาร์คจึงเรียกหาอิกดราซิลผ่านทางเมล็ดพันธุ์ของโปโป้
จิตวิญญาณของโปโป้ได้เชื่อมต่อกับอิกดราซิลจึงทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ อาร์คจึงอธิบายเรื่องราวให้อิกดราซิลรับฟังและร้องขอความช่วยเหลือผ่านทางเหล่าผู้อาวุโส
คำร้องขอความช่วยเหลือของเขาได้รับการตอบรับ หน่วยพลปืนใหญ่จึงถูกส่งมาช่วยเหลือผู้บัญชาการเดิมของพวกเขา ขณะนั้นเอง อาร์คจึงทิ้งเดดริคเอาไว้เพื่อเตรียมการขณะที่ตนเร่งร้อนมุ่งมายังกระท่อม
“ให้ฉันแนะนำสหายใหม่ของฉันก่อนแล้วกัน”
อาร์คยิ้มให้อันเดล
“เริ่มกันเลย นับจำนวนเหมือนเมื่อครู่...”
“บ้าบอ... พวกแกทำบ้าอะไร? ฆ่าพวกมันสิวะ!”
อันเดลตะโกนดังลั่นสั่งการโจมตี มือสังหารทั้งสิบสองจึงเร่งร้อนพุ่งเข้าใส่พร้อมชักดาบออกมา ด้วยเลเวล 120 นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าทึ่ง ทว่า กองพลปืนใหญ่ชาวแรคคูนตรงหน้านี้คือใคร? เป็นกองกำลังที่อาร์คทำการฝึกฝนด้วยตัวเองและเคยล้มมอนสเตอร์เลเวล 150 และ 250 มาแล้ว
ขณะนั้นเอง ชาวแรคคูนหลายสิบคนที่รับชมเรื่องราวอยู่ในป่าจึงหยิบจับอาวุธขึ้น จากนั้น ตึง ตึง ตึง เสียงปืนใหญ่ถูกยิงออกแทบจะพร้อมเพรียงกันได้ดังขึ้นจากหลายทิศทาง
ตูม ตูม ตูม!
ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนี้แทบทำเอาใจเต้นระรัวได้
ดอกไม้ไฟหลากสีสันถึงกับระเบิดขึ้นทั่วทุกหนแห่ง
มือสังหารเหล่านี้ไม่ต่างอะไรไปจากใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง ทุกครั้งที่โดนกระสุนโรมรันโจมตีเข้าใส่ พลังชีวิตของพวกเขาจะหายไปอย่างรวดเร็ว
มือสังหารทั้งสิ้นเก้าคนจบชีวิตไปโดยง่าย ขณะที่มือสังหารที่เหลือต่างกระจายตัวออกอย่างโกลาหล
จัสติสแมนและกลุ่มคนที่เหลือต่างรับชมเรื่องราวด้วยความเงียบงัน
“นี่... นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
อันเดลร้องตะโกนออกขณะที่เห็นมือสังหารทั้งเก้าตายตกไปโดยทันทีจากการโจมตี จากนั้น จึงเป็นอาร์คส่งเสียงดังขึ้นเพื่อหยุดการโจมตีขณะเริ่มพูดกล่าว
“ฉันจะให้โอกาสแก”
“ว่าอะไรนะ?”
“มือสังหารสามคน นั่นคือจำนวนที่แกส่งมาไล่ล่าฉันก่อนหน้านี้ ให้พวกที่เหลือถอยไปและนิ่งเฉยดูสิ่งจะเกิดขึ้น ฉันจะรับมือกับมือสังหารทั้งสามเอง และไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ให้เรื่องราวครั้งเก่าก่อนมันจบสิ้นไป คิดว่ายังไง?”
อาร์คจ้องมองอันเดลขณะยื่นข้อเสนอให้
“พูดตามตรงนะ... มันน่ารำคาญ เพราะฉันรู้ว่าคนอย่างแกไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายแน่ อีกทั้งถ้าหากแกคอยไล่ตามแบบนี้ฉันคงไม่เป็นอันต้องทำอะไรกันพอดี เพราะงั้น มาจบเรื่องราวที่การต่อสู้ครั้งนี้ให้มันสิ้นเรื่องไป”
อันเดลกรอกตาขณะถามออกด้วยความสงสัย
“ฉันจะเชื่อแกได้ยังไง?”
“ลุงจัสติสแมน”
เมื่ออาร์คหันศีรษะไปถาม จัสติสแมนจึงพยักหน้ารับโดยทันที
“ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเข้าไปขัด ตกลง พวกเราจะไม่เข้าไปแทรก”
“เอาล่ะ เป็นไง? ตอนนี้เหลือแต่แกแล้ว”
อันเดลพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำ
“ดี พวกมือสังหารที่เหลือ... ถอยออกมาให้หมด”
“เริ่มกันได้หรือยัง?”
อันเดลเริ่มหัวเราะดังลั่นออกมาจากปาก
“โง่เง่ายิ่งนัก โง่เง่าเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ลืมไปแล้วหรือไงว่าครั้งก่อนเผชิญหน้าสามคนผลลัพธ์ออกมายังไง?”
“เรื่องตอนนั้น? ฉันจำได้ดีเลยทีเดียว”
อาร์คจ้องมองอันเดลก่อนจะเผยท่าทีเย็นชาตอบกลับ
“งั้นแกควรรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น! ไปเลย ฆ่ามัน!”
อันเดลออกคำสั่ง มือสังหารทั้งสามจึงนำเอาม้วนคัมภีร์ออกมาใช้งานโดยทันที
[ฟื้นฟูไร้ผล] [ห้ามออกจากสภาวะต่อสู้] [ฉกฉวย] ทั้งหมดนี้เป็นคอมโบม้วนคัมภีร์ที่เคยกดดันจนอาร์คต้องตกลงไปในหลุมนรก มือสังหารเหล่านี้ใช้งานม้วนคัมภีร์ออกมาโดยพร้อมเพรียงก่อนจะเริ่มพุ่งเข้าใส่
ดาบถึงกับเข้าโจมตีพร้อมกันจากทั้งสามทิศทาง!
ขณะนั้นเอง ดวงตาของอาร์คจึงทอประกาย
‘ตอนนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ล้างแค้นความพ่ายแพ้ครั้งก่อนหน้าแล้ว!’
เป็นเพราะอาร์คในตอนนี้รู้ถึงความได้เปรียบที่ตนมีจึงร้องขอการท้าประลอง
แน่นอน ชัยชนะย่อมต้องเข้าข้างอาร์ค
ด้วยเงื่อนไขมือสังหารสามคนที่พุ่งเข้ามา อาร์คที่ครั้งก่อนไร้ซึ่งพลังทำได้เพียงรับความพ่ายแพ้ และตอนนี้หากเงื่อนไขไม่ใช่แบบเดิมมันก็ไม่อาจทำให้จิตใจเขาสงบลงได้
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขามั่นใจคือสิ่งที่ได้รับมาจากโลกบาดาล เขาต้องการรู้ว่าฝีมือของตนพัฒนาไปมากขนาดไหนจากการได้รับหนึ่งในสามสิ่งมหัศจรรย์มาเพิ่ม ทั้งหมดที่เขาได้รับมาไม่ใช่เพียงแค่เลเวล แต่ยังมีทักษะใหม่ หากเขาสามารถชนะมือสังหารทั้งสามภายใต้เงื่อนไขเช่นเดิมได้ งั้นมันก็จะเป็นความภาคภูมิที่อยู่กับตัวของเขาเอง
‘เราชนะได้ ไม่สิ เราชนะแล้วต่างหาก!’
“ร่ายรำแห่งความมืด!”
อาร์คก้มร่างลงต่ำขณะใช้ทักษะใหม่ออกมา
ฉับพลันนั้นเอง พื้นที่ถึงกับถูกย้อมไปด้วยความมืด บริเวณกึ่งกลาง สีแดงสามแห่งได้ปรากฏขึ้นขณะเห็นพวกมันเหวี่ยงดาบ ภาพตอนนี้คล้ายกับการมองผ่านแว่นอินฟราเรดในหนังสายลับไม่มีผิด
อาร์คเพิ่งลองใช้ทักษะนี้เป็นครั้งแรกจึงยังสับสนอยู่บ้าง
‘อะไรกัน? คิดว่าร่ายรำแห่งความมืดจะเป็นแค่ทักษะที่ยกระดับอัตราการหลบหลีกเสียอีก?’
ขณะนั้น เขาพลันได้ยินเสียงของดาบที่เหวี่ยงเข้าหา
รอยเท้าสีแดงถึงกับปรากฏขึ้นบนพื้นเบื้องหน้า ดูเหมือนมันจะทำให้เขาสามารถเห็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเห็นในหนังสือตำราศิลปะการป้องกันตัว พวกมันคือการเคลื่อนเท้า
‘หรือจะให้เราเคลื่อนไหวตามรอยเท้าตรงหน้านี้ไป?’
เขาจึงเริ่มก้าวเท้าออกไปตามรอยเท้าสีแดงที่ปรากฏขึ้นบนพื้น รอยเท้าเหล่านี้จางหายก่อนที่รอยใหม่จะปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ยิ่งเขาก้าวเท้าไปมากเท่าไหร่ รอยเท้าก็จะยิ่งหายไปรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าการตามรอยเท้านี้จะง่าย แต่ยิ่งเขาเพ่งสมาธิไปกับมันมาก มันก็จะยิ่งทำให้รอยเท้านี้เพิ่มความเร็วมากขึ้นตาม
ทว่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับเหลือเชื่อเกินจะกล่าว
ตึก ตึก ตึก ตึก!
เขาเพียงแค่ก้าวเท้าตามไปเท่านั้นเอง
ขณะที่เพ่งสมาธิไปกับรอยเท้า มันจะเป็นเรื่องยากต่อการมองการเคลื่อนไหวของพวกมือสังหาร ทว่า ร่างของอาร์คกลับสามารถเคลื่อนไหวดั่งสายลมหลบเลี่ยงทุกการโจมตีไปได้
“เรื่องบ้าอะไรกัน!”
ขณะที่อาร์คหลบเลี่ยงความเสียหายไปได้จนปรากฏขึ้นที่อีกฝั่ง พวกมือสังหารถึงกับร้องออกด้วยความตื่นตกใจ
ทว่า กลับเป็นอาร์คที่ตกใจยิ่งกว่า
‘นี่สินะร่ายรำแห่งความมืด!’
มันเป็นไปตามคำอธิบาย ทั้งอัตราการหลบหลีกและพลังป้องกันถึงกับเพิ่มขึ้นในระยะเวลาส่งผล
ทว่า เทคนิคนี้ก็ไม่ใช่ว่าง่ายใช้งาน
ร่ายรำแห่งความมืดก็คล้ายกับพวกเกมเต้นที่ต้องใช้เวลาการฝึกฝนอยู่พักหนึ่ง หรือก็คือ รูปแบบของท่าเท้าจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้มันคือสิ่งที่จะช่วยให้เขาหลบเลี่ยงความเสียหายไปได้ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งาน ความผิดพลาดจึงมีมากถึง 40% ด้วยกัน
ความเสียหายที่ได้รับจากมือสังหารทั้งสามนั้นเพียงแค่ 250 หน่วย นั่นหมายความว่าความเสียหายถึงกับถูกลดทอนไปได้กว่า 50% ผลลัพธ์ดังกล่าวนี้ยังเป็นเพราะเขามีพลังป้องกันที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย!
‘ถ้าโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้น นั่นก็หมายความว่าเราจะไม่โดนความเสียหายอะไรเลย?’
ทว่า ยังคงมีอีกสิ่งหนึ่ง ร่ายรำแห่งความมืดนั้น... เขาไม่จำเป็นต้องใช้มือแต่อย่างใด
ครั้งนี้ เขาเพียงแค่เพ่งสมาธิไปกับการก้าวเดินตามรอยเท้า และถ้าหากเขาคุ้นชินกับร่ายรำแห่งความมืดเมื่อใด นั่นหมายถึงเขาจะสามารถใช้การโจมตีไปด้วยได้
แน่นอน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่พูดหรือคิด
ถ้าหากเขาเพ่งสมาธิไปกับการโจมตี อย่างนั้นแล้วโอกาสสำเร็จที่จะใช้ร่ายรำแห่งความมืดก็จะหล่นฮวบลง และนั่นจะทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะได้รับความเสียหายเกินคาดคิด นอกจากนี้ ถ้าหากอัตราความสมบูรณ์ลดน้อยลงกว่า 30% นั่นหมายถึงเขาจะได้รับบทลงโทษด้วยการโดนการโจมตีแบบคริติคอล
‘นี่มันดาบสองคมหรือไม่ใช่? แต่ถ้าหากเราสามารถโจมตีได้ขณะที่ยังรักษาอัตราความสำเร็จมากกว่า 50% เอาไว้ได้ งั้นมันก็จะส่งผลอย่างมหาศาล สิ่งแรกเลย เราต้องเข้าใจการทำงานของมันให้ดีกว่านี้!’
อาร์คยังคงใช้งานร่ายรำแห่งความมืดอย่างต่อเนื่อง รูปแบบของท่าเท้าที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนไปตามแต่สถานการณ์ พวกมันไม่เคยเหมือนกัน เป็นเพราะการโจมตีแบบเดียวกันแทบไม่อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง ทว่า หลังผ่านการทบทวนไปหลายรอบ เขาก็เริ่มที่จะจับทางรูปแบบท่าเท้าได้มากขึ้น
การโจมตีส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงได้โดยการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ขณะนั้นเองจะเป็นโอกาสให้ทำการโจมตีสวนกลับได้ เมื่อจับหลักการได้แล้ว มันจึงไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่อาร์คเคยทำได้ครั้งก่อนหน้านี้เลย
“อะไร นี่เรื่องบ้าอะไรกัน ไอ้หมอนี่มันยังไงกันเนี่ย?”
“การเคลื่อนไหวพวกนี้มัน…!”
มือสังหารทั้งสามร้องออกด้วยน้ำเสียงสับสนขณะที่การโจมตีโดนหลบเลี่ยงไปได้เสียส่วนมาก หลังจากที่ใช้ร่ายรำแห่งความมืดเป็นครั้งที่สี่ อัตราความสำเร็จของเขาจึงสูงกว่า 60% แล้ว
และเมื่อนั้น จึงเป็นเวลาที่อาร์คจะได้ทำการโจมตีโต้กลับ
“คมดาบแห่งความมืด!”
อาร์คใช้ทักษะต่อเนื่องผ่านทางร่ายรำแห่งความมืดและคมดาบแห่งความมืด นั่นคือปะทะความมืด!
ดาบของอาร์คคลี่ออกโดยทันทีขณะที่กระดูกซี่โครงได้เข้าครอบงำลำคอของมือสังหารเอาไว้ คมดาบแห่งความมืดเป็นการโจมตีไม่สนพลังป้องกันและจะเป็นการโจมตีแบบคริติคอล ด้วยการใช้งานปะทะความมืด ผลลัพธ์ความเสียหาย 200% จึงถูกเพิ่มเข้าไป
พลังชีวิตของมือสังหารถึงกับหายไป 30% โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ไม่จริง!”
อันเดลแทบสำลักลมหายใจเพราะความเสียหายมันมหาศาลเกินไป
“หือ ว่าอะไรนะ? นี่แกคิดเหรอว่าฉันจะเสียเวลากว่าสิบวันไปโดยเปล่าประโยชน์น่ะ?”
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่อาร์คท้าทายให้เกิดการประลองขึ้น ระหว่างช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโลกบาดาล อาร์คได้ยกระดับเลเวลครั้งใหญ่ เมื่อตอนที่มือสังหารทั้งสามไล่ล่าเขาเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเขายังเลเวลเพียงแค่ 90 เท่านั้น
ทว่า ระหว่างที่เขาอยู่ในวงกตใต้ดินก็เลเวลเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 5 ระดับ และช่วงที่เข้าบัญชาการกองกำลังชาวแรคคูนเข้าจัดการกับอิกดราซิล เขาจึงได้รับเลเวลมาอีกทั้งสิ้น 21 ระดับ ทำให้อาร์คตอนนี้เลเวลสูงถึง 116!
มีเพียงเท่านั้นหรือ? หลังจากได้รับชิ้นส่วนความมืดมา โบนัสจากธาตุความมืดของเขาก็ยกระดับขึ้นเป็น 40% หากนำค่าสถานะมาเทียบเปรียบแล้ว เลเวลของเขาตอนนี้สมควรสูงถึง 162 ด้วยซ้ำ แถมเขายังมีอุปกรณ์สวมใส่ใหม่พร้อมผลลัพธ์เสริมจากเซ็ตไอเทม พวกมันนั้นรู้เพียงแค่รูปแบบการต่อสู้ที่อาร์คเคยเป็นก่อนหน้าจะร่วงหล่นลงไปในหลุมนรก ทว่า ครั้งนี้มันล้วนแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
อีกทางหนึ่ง มือสังหารพวกนี้เลเวลเพียงแค่ 120 ด้วยธาตุความมืดของพวกมัน ตอนนี้ก็สมควรเลเวล 132 กระทั่งว่าพวกมันมีอาชีพเป็นมือสังหาร แต่ก็ยังคงมีระดับความต่างมากมายถึง 32 เลเวลด้วยกัน...