เล่ม 5 ตอนที่ 6 : ชิ้นส่วนแห่งความมืด (4) [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ARK ลงทุกวัน เวลา 10.50-11.00 น.
วันจันทร์-ศุกร์ : ลงวันละ 1 ตอน
วันเสาร์-อาทิตย์ : ลงวันละ 1 ตอนขึ้นไป
==========
เล่ม 5 ตอนที่ 6 : ชิ้นส่วนแห่งความมืด (4)
‘ถึงกับเป็นเซ็ตไอเทม!’
ดวงตาของอาร์คเบิกกว้างออก
โบนัสที่มอบให้เพราะเซ็ตไอเทมนับว่ามหาศาล ซึ่งมันบ่งชี้ว่าเมื่อใดที่อาร์คสวมใส่พวกมัน ก็จะได้รับทั้งพละกำลัง ความคล่องตัว และความอดทนที่เพิ่มขึ้นถึง 10 หน่วย รวมทั้งพลังป้องกันของเขายังจะเพิ่มขึ้นอีก 20 หน่วยด้วย
‘นอกจากนี้ มันยังมีไอเทมอีกสองชิ้น ถ้าหากเราสามารถหาทุกชิ้นมาได้ ไอเทมเซ็ตราชันก็จะสมบูรณ์...?’
เขาแทบไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าโบนัสในกรณีที่ครบเซ็ตนั้นจะเป็นเช่นไร
‘เซ็ตไอเทม... หากเป็นเกมอื่นก็พอจะพบเจอได้บ่อย แต่ไม่รู้เลยว่านิวเวิลด์มีของแบบนี้อยู่ด้วย ทำไมเราไม่เคยเห็นข้อมูลเรื่องพวกนี้เลยกันนะ... และมันจะส่งผลก็ต่อเมื่อสวมใส่อย่างน้อยสามชิ้นด้วยกันอีกต่างหาก? นี่หมายความว่าหากได้รับอะไรมาแล้วก่อนจะขายต้องพิจารณามันให้ดีด้วย?’
มันเป็นเรื่องยาก เพราะไอเทมนั้นมีรูปร่างที่แตกต่างกันไปหาได้สอดคล้องใดกับชิ้นอื่นในเซ็ต
แต่ว่า เขาจะสามารถได้รับเงินจำนวนมหาศาลได้หากนำเซ็ตไอเทมออกประมูลขาย
ทุกความคิดของอาร์คยังคงเป็นการหาเงิน
“ขอบคุณครับ”
“หือ? ถือว่าดีแล้วที่เจ้าชอบมัน”
“งั้นผมขอรับนี่ไว้แล้วก็คงต้องไปแล้วครับ ในเมื่อได้พบอิกดราซิลแล้ว คงถึงเวลาต้องจากลาแล้วครับ”
“นั่นสินะ”
อาร์คหันหน้าเข้าหาเหล่าผู้อาวุโสก่อนจะโค้งกายให้
ที่ด้านนอกศาลากลาง ชาวแรคคูนหลายร้อยคนกำลังรวมตัวกันอยู่
เมื่ออาร์คเดินออกมา พวกเขาจึงตั้งแถวอยู่สองฟากของถนน
“เคารพ!”
เหล่าทหารต่างนำดาบเชิดชูขึ้น ขณะที่พลปืนใหญ่ต่างยกปืนใหญ่ของตนชี้ขึ้นฟ้า ท้ายที่สุดแล้ว ผู้นำของแต่ละหน่วยจึงออกคำสั่งทำความเคารพต่ออาร์คขณะที่เริ่มยิงปืนใหญ่ขึ้นฟ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
ในขณะเดียวกันนั้น ดอกไม้ไฟสีสันสดใสจึงบังเกิดขึ้นบนฟากฟ้าที่มืดมิดในโลกบาดาล มันเปรียบดั่งพิธีปิดโอลิมปิกอย่างไรอย่างนั้น!
“ท่านผู้บัญชาการอาร์คจงเจริญ!”
“ก็นะ เจ้าลงแรงอย่างหนักหน่วงจนพวกเราได้รับความสงบสุขกลับคืน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า พวกเราชาวแรคคูนจึงขอบคุณเจ้าจากใจจริง ไม่ว่าเมื่อใด หากเจ้าต้องการกำลัง เจ้าสามารถร้องขอมายังพวกเราได้ พวกเราได้เรียนรู้แล้วว่าความกล้าหาญสามารถทำอะไรได้ ต้องขอบคุณเจ้าเลยทีเดียว”
ผู้อาวุโสตบไหล่อาร์คขณะที่กล่าวคำออกมา
อาร์คมองไปยังกองกำลังชาวแรคคูนด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก และด้วยคำพูดของผู้อาวุโส ที่พวกเขาเป็นเช่นตอนนี้ได้ก็เพราะมีอาร์คช่วยฝึกฝน และเป็นเขาที่เข้าร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอ็นพีซี
เหมือนเรื่องราวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน?
เขานึกย้อนไปถึงตอนที่แจ๊คสันปิดพื้นที่เลี้ยงฉลองให้กับตน
‘ใช่แล้ว... ตอนนี้โลกบาดาลกลับคืนสู่ความสงบสุขแล้ว ถึงเวลาต้องจากลาแล้วล่ะ’
อาร์คมองพวกเขาทีละคนจนกระทั่งเดินพ้นจากเมืองไป
หลังจากนั้นไม่นาน ตอนนี้เขามาถึงอิกดราซิลแล้ว เมื่อเข้าไปภายในต้นอิกดราซิล อาร์คจึงได้เห็นว่าภายในตอนนี้กลับกลายเป็นสว่างไสว
เถาวัลย์ที่เคยมีไม่มีอีกต่อไป แสงสว่างดวงเล็กได้ลอยล่องอยู่รอบบริเวณจนทำให้สภาพคล้ายเวลากลางวัน เป็นอิกดราซิลรับรู้อยู่ตลอด แมกไม้ในตอนนี้เริ่มแยกออกขณะที่เผยเส้นทางใหม่ขึ้น
ด้วยเหตุนั้น อาร์คจึงสามารถมุ่งตรงเข้าไปยังใจกลางได้
[ยินดีต้อนรับ เจ้าได้บอกลาเสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่?]
อิกดราซิลกล่าวทักทายอาร์คในรูปลักษณ์ของนักบวชพุทธ
“ใช่ครับ”
[ตอนนี้ สิ่งที่เหลืออยู่คือจุดประสงค์ดั้งเดิมที่เจ้ามายังสถานที่แห่งนี้]
“ผมได้ยินมาว่าต้องผ่านการทดสอบจึงจะได้รับหนึ่งในสามสิ่งมหัศจรรย์”
อิกดราซิลเอ่ยถามขึ้นขณะยิ้มให้
[เจ้ารู้หรือไม่ว่าสามสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นใดอยู่ในที่แห่งนี้?]
“ไม่ทราบครับ ผู้อาวุโสชาวแรคคูนก็ไม่ทราบเช่นกัน...”
[สามสิ่งมหัศจรรย์ที่ข้าเก็บรักษา มันคือ ‘ชิ้นส่วนความมืด’]
“ชิ้นส่วนความมืด?”
อิกดราซิลพยักหน้า
[ดังนามของมัน มันคือสิ่งที่บรรจุเอาไว้ซึ่งพลังแห่งความมืด ตามตำนานแล้ว มันคือชิ้นส่วนที่หลุดลอกออกจากลอร์ดแห่งความมืด ทว่าข้าไม่ทราบว่าเรื่องราวนี้จริงหรือเท็จเช่นไร]
[อย่างไรแล้ว มันนับเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในสามสิ่งมหัศจรรย์]
[ในอดีต กระทั่งผู้ค้นหาความจริงยังประสบปัญหาการควบคุมพลังของมัน]
[มีความเป็นไปได้ว่าผู้ถือครองอาจหลุดจากเส้นทางจนเข้าสู่ด้านมืดเพราะพลังอันมหาศาลภายในของมัน ดังนั้นแล้ว การทดสอบจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อได้รับซึ่งชิ้นส่วนความมืด]
อิกดราซิลเริ่มมีท่าทีโอนอ่อนลง
[ทว่า เจ้านั้นได้พิสูจน์ทุกสิ่งอย่างแล้ว ว่าเจ้ามีทุกอย่างที่ต้องการครบถ้วนในห้วงวิกฤต ความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความมืด เจ้านั้นไม่สูญสิ้นความกล้าหาญที่มีและกระทั่งมีชัยเหนือมัน เป็นเพราะพันธสัญญาโบราณที่มีต่อผู้กล้ามาบัน ข้าขอมอบชิ้นส่วนความมืดนี้ให้แด่เจ้า]
อิกดราซิลกำหมัดเอาไว้แน่น เมื่อคลายมือออก ภายในคือรูปสลักหินที่มีพลังสีดำแผ่ออกมา เขาจำเป็นต้องมีภูมิความรู้โบราณวัตถุระดับ 50 เพื่อยืนยันสถานภาพไอเทมนี้ ทว่า ภูมิความรู้โบราณวัตถุของอาร์คนั้นเข้าถึงระดับ 80 นานแล้ว
เมื่อรับเอาชิ้นส่วนมา หน้าต่างข้อมูลจึงเผยขึ้นโดยทันที
=====
ด้วยภูมิความรู้โบราณวัตถุของท่าน ‘ชิ้นส่วนของศิลาแห่งพลังอำนาจโบราณ’ จึงได้รับการยืนยัน
=====
ชิ้นส่วนของศิลาแห่งพลังอำนาจโบราณ (ชิ้นส่วนความมืด)
ชิ้นส่วนความมืดจะกระเพื่อมส่งถ่ายออร่าแห่งความมืดอันลึกล้ำออกมา
ชิ้นส่วนความมืดจะเป็นเหตุให้ท่านรู้สึกได้ถึงสิ่งเย้ายวนใจอย่างถึงที่สุด ด้วยพลังของท่าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุม ทว่า ท่านต้องมีความหวังและต้องแข็งแกร่งขึ้นพร้อมความกล้าหาญที่จะเผชิญ จงนำเอาความมืดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของตัวท่าน
ด้วยภูมิความรู้โบราณวัตถุ ท่านจึงได้ทำการยืนยันว่าสิ่งของนี้เป็นหนึ่งในสามสิ่งมหัศจรรย์ที่ผู้กล้ามาบันเคยใช้ครั้งร้อยปีแห่งความมืดมิด
ผู้กล้ามาบันได้ถ่ายทอดพลังอำนาจไว้ภายในสามสิ่งมหัศจรรย์เพื่อชนรุ่นหลัง ถ้าหากผู้ค้นหาความจริงได้รับสามสิ่งมหัศจรรย์มาครอบครอง จะสามารถได้รับพลังอำนาจแห่งผู้กล้ามาบันได้
* ผู้ถือครองชิ้นส่วนแห่งความมืดสามารถใช้เคล็ดวิชาของผู้กล้ามาบันได้
ค่าประสบการณ์ +30,000 | ภูมิความรู้โบราณวัตถุ +15 | ความฉลาด +10 | ชื่อเสียง +20
=====
ทักษะประจำอาชีพใหม่
ของขวัญแห่งความมืด2 (ขั้นต้น, มีผลต่อเนื่อง) : พลังของผู้เดินทางแห่งความมืดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่ออยู่ในความมืด ทุกความสามารถเพิ่มขึ้น 40% ระยะเวลาส่งผลของ ‘ลอบเร้น’ เพิ่มขึ้นเป็น 20 นาที ทว่า ทักษะนี้ไม่อาจเลื่อนระดับได้
=====
ทักษะประจำอาชีพใหม่
ร่ายรำแห่งความมืด (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน) : ทักษะลำดับที่สองแห่งผู้กล้ามาบัน จะช่วยให้ท่านสามารถมองในความมืดได้ดียิ่งขึ้น เมื่อท่านหลบซ่อนตัวตนในความมืด ท่านสามารถใช้การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทำให้สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้ อัตราความสำเร็จขึ้นอยู่กับเลเวลของทักษะ ยิ่งทักษะเลเวลสูง ความเสียหายที่ได้รับก็จะลดน้อยลง และในบางครั้งจะสามารถสะท้อนการโจมตีของศัตรูกลับไปได้
พลังมานาเรียกใช้ : 300
=====
ทักษะต่อเนื่องใหม่ได้รับการลงทะเบียน
* ทักษะต่อเนื่อง ปะทะความมืด (ร่ายรำแห่งความมืด + คมดาบแห่งความมืด)
หลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูและสวนกลับการโจมตีแบบคริติคอล
หากทักษะต่อเนื่องสำเร็จ : มีโอกาส 50% ที่จะมอบความเสียหายคริติคอล 200% แก่ศัตรู
หากทักษะต่อเนื่องล้มเหลว : มีโอกาส 50% ที่ร่ายรำแห่งความมืดจะถูกยกเลิกและโดนการโจมตีแบบคริติคอล
=====
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ความสุขสันต์มาเยือนหลังผ่านความทุกข์ยาก
ด้วยการทำภารกิจให้สำเร็จและทวงคืนความสงบสุขกลับสู่โลกบาดาล เขาจึงได้รับสามสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นที่สองมาครอบครอง ตั้งแต่ที่เขาผนึกนิดฮอกก์เอาไว้ได้อีกครั้ง สิ่งตอบแทนการกระทำนั้นก็เริ่มหลั่งไหลมาไม่หยุดยั้ง
อย่างไรแล้ว จุดประสงค์หลักของผู้เดินทางแห่งความมืดก็เพื่อออกค้นหาสามสิ่งมหัศจรรย์ ดังนั้นแล้ว ค่าตอบแทนครั้งนี้นับว่าสมน้ำสมเนื้อ
สิ่งแรกนั้นคือของขวัญแห่งความมืด ในเมื่อเขาได้รับสิ่งที่ความมืดประทานมาอยู่ก่อนแล้ว มันก็เป็นอะไรที่คาดเดาได้ว่ามันจะก้าวหน้าขึ้น แต่ด้วยความสามารถเพิ่มขึ้น 40% ในความมืด! นี่ไม่ใช่ว่าสามารถทัดเทียมเลเวล 140 ได้ทั้งที่ยังอยู่เลเวล 100 หรือไร?
และทักษะใหม่อย่างร่ายรำแห่งความมืดก็เป็นอะไรที่ไม่คาดคิด
ตอนที่เขาได้อ่านข้อมูล มันก็เป็นอะไรที่แตกต่างไปจากที่เขาคิดว่าน่าจะได้รับแล้ว
ไม่เหมือนกับอาชีพอื่น อาร์คยังไม่เคยมีทักษะที่ช่วยเรื่องการหลบหลีก เขาคาดหวังถึงมันก็จริงแต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะชอบสิ่งที่ได้รับมานี้ ปัญหามันอยู่ที่ร่ายรำแห่งความมืดนั้นใช้พลังมานาสูงมาก
‘ถ้าอยากใช้ก็ต้องเสียพลังมานาถึง 300 หน่วยเลย?’
แถมมันยังทำความเสียหายไม่ได้ เพราะงั้นแล้วก็เหมือนเขาต้องเสียพลังมานาไป 300 หน่วยเพื่อเทเลพอร์ตตัวเอง! ถ้าหากเขามีพลังมานาเต็ม 100% หมายความว่าจะใช้ทักษะนี้ได้สี่ครั้ง? นอกจากนี้ ยังมีทักษะต่อเนื่องที่ได้รับมาพร้อมร่ายรำแห่งความมืด
‘ปะทะความมืด... ไม่รู้เลยว่ามันจะใช้ได้ดีไหม เพราะทั้งหมดแล้วต้องใช้พลังมานาถึง 400 หน่วยในคราวเดียว นั่นพอให้เราใช้คมดาบวายุได้หนึ่งครั้งเลย’
คมดาบวายุนับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขา แถมยังต้องเสียสละดาบไปเล่มหนึ่ง อีกทางหนึ่ง ปะทะความมืดมันช่วยให้เพียงแค่เสริมความเสียหายการโจมตีคริติคอลเท่านั้น
อีกทั้งปะทะความมืดยังมีความเสี่ยงยิ่งกว่าการใช้คมดาบวายุที่ต้องสูญเสียดาบไปเสียอีก
‘เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดูมีประโยชน์ ถือว่าไม่แย่แล้วกัน’
อาร์คตัดสินใจที่จะพึงพอใจในสิ่งที่ได้รับมา อย่างไรเสีย เป้าหมายของเขาที่มายังโลกเบื้องล่างนี้ก็สำเร็จแล้ว
“ว่าแต่ ผมพอจะถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ?”
[ข้าฟังอยู่]
“ท่านรู้ตำแหน่งของสามสิ่งมหัศจรรย์ที่เหลืออยู่ไหมครับ?”
อาร์คนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของอิกดราซิลจากตำนานแห่งนอร์ส อิกดราซิลคือสัญลักษณ์แห่งสติปัญญา เป็นรากฐานให้กับโลกทั้งเก้า
แน่นอน ว่ามันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจำนวนโลกในตำนานและที่อยู่ในส่วนลึกของโลกใบนี้จะเป็นเช่นเดียวกัน อย่างน้อย ในเมื่อมันอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและเคยพบเจอกับผู้กล้ามาบัน ก็สมควรที่จะให้เบาะแสอะไรได้บ้าง
ทว่า อิกดราซิลกลับส่ายศีรษะ
[ข้าได้ยื่นขยายรากไปทั่วทั้งทวีปทางตอนเหนือเมื่อนานมาแล้ว ทำให้ข้าได้พบเห็นหลายต่อหลายสิ่ง ข่าวลือที่ข้าได้ยินถึงตำแหน่งของสามสิ่งมหัศจรรย์นับว่าผ่านมานานยิ่ง บางที... มันอาจอยู่ในโลกที่เจ้าไม่รู้จัก]
“โลกอื่นเหรอครับ? หรือมันโดนทำลายไปแล้ว?”
อิกดราซิลหัวเราะกับคำถามของอาร์ค
[ย่อมไม่ใช่ ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โลกกลางคือโลกที่เจ้ารู้จัก ถ้าหากพูดโดยภาษาของพวกเจ้า มิดการ์ดคือหนึ่งในโลกทั้งเก้าที่คงอยู่ หรือก็คือ มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในโลกดังกล่าว ลอร์ดแห่งความมืดและผู้ติดตามของมันนั้นได้อาศัยอยู่ในอีกระบบที่แตกต่างออกไป]
“งั้น ก็หมายความว่าผมต้องออกค้นหาสามสิ่งมหัศจรรย์ในโลกอื่นเหรอครับ?”
[ข้าไม่มั่นใจนัก ทว่า เจ้าคือผู้ค้นหาความจริง ไม่ใช่ว่าเจ้ามาที่นี่เพราะการชี้นำของเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ที่คิดเข้าปกครองทุกสรรพสิ่งหรือ? หากเจ้าพยายาม นั่นย่อมเป็นไปได้ที่จะพบเจอเบาะแส]
‘งั้นเราก็ต้องกลับไปเริ่มตั้งแต่ต้นใหม่สินะ?’
อาร์คถอนหายใจออก ขณะนั้น อิกดราซิลเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
[นี่อาจจะเป็นคำแนะนำเล็กน้อย... จงระวังตัวไว้]
“ครับ?”
[ผู้ชายสีแดงคนนั้นค้างคาใจข้า นิดฮอกก์ถูกผนึกเอาไว้ในที่แห่งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว มันเป็นความลับที่มีเพียงการพูดต่อปากต่อปากของคนไม่กี่คนเท่านั้น เหตุผลที่เขามาฟื้นคืนชีพให้นิดฮอกก์นั้นยังไม่อาจคาดเดา... ทว่า หากสิ่งที่ข้าคาดเดาเป็นจริงแล้ว...]
อิกดราซิลเริ่มพึมพำขณะถอนหายใจออก
[เป้าหมายนั้นสมควรเป็นการปลุกความมืดให้ตื่นขึ้น]
“ความมืดคืออะไรกันแน่ครับ? เป็นคน? หรือเทพปกรณัมผู้ชั่วร้าย?”
[ความมืด... ตัวตนของมันคือสิ่งที่ทำให้ทุกชีวิตในทวีปต้องหวาดกลัว มันจะนำพาหายนะมา ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น และถ้าหากจุดประสงค์ของชายสีแดงคนนั้นคือต้องการปลุกความมืดให้ตื่นขึ้น... เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่สุดย่อมต้องเชื่อมโยงกับมรดกของเจ็ดผู้กล้า ฉะนั้นแล้ว จงระวังตัวและอย่าได้มองข้ามอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด]
“ผมจะจำเอาไว้ครับ”
[เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ไปยังสถานที่ที่ต้องการตัวเจ้า...]
อิกดราซิลเข้ามาใกล้ก่อนจะลูบศีรษะของอาร์ค จากนั้น ร่างของอาร์คจึงถูกแสงปกคลุมเอาไว้
อนุภาคแสงขนาดเล็กเริ่มลอยฟุ้งออกจากแก่นของอิกดราซิลไหลหลั่งไปตามเส้นทาง เขาตามพวกมันไปเปรียบดั่งการไหลของกระแสน้ำจนกระทั่งสุดปลายสายตาของเขาปรากฏขึ้นเป็นท้องฟ้าสีคราม
การผจญภัยของเขาที่ร่วมกับชาวแรคคูนในโลกบาดาลได้จบสิ้นลงแล้ว
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไปพลันดังขึ้น