ตอนที่แล้วบทที่ 79: สามปีต่อมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 81: พบกับจ้าวสำนัก

บทที่ 80: อัจฉริยะหงหยิง


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 80: อัจฉริยะหงหยิง

อย่างไรแล้วความแข็งแกร่งทางกายภาพของหุ่นเชิดก็ยังเป็นน่าที่หวาดกลัว หากใช้มันได้อย่างเหมาะสม ความแข็งแกร่งของมันจะน่าตกใจเอาเรื่องเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น เจ้าอ้วนที่มีทรัพยากรครบครันในมือพร้อมให้หุ่นเชิดใช้งานหอกเหล็กดำได้ถึงหนึ่งร้อยด้าม เมื่อผ่านกระบวนการปรับแต่งและขัดเกลาอย่างพิถีพิถันแล้ว หอกจะมีความสามารถใช้งานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้ผลข้างเคียงเหลือน้อยที่สุดยามใช้งาน เมื่อหุ่นดังกล่าวโยนหอกออกไปด้วยแรงเต็มกำลัง มันจะสามารถสร้างหลุมบนระฆังเหล็กดำได้ กล่าวได้ว่าอำนาจทะลุทะลวงของมันทัดเทียมได้กับดาบบินระดับเจ็ดเลยทีเดียว

แน่นอนว่าหอกเป็นอาวุธด้านกายภาพ การจะขว้างออกไปแต่ละครั้งต้องใช้เวลา บวกกับความเร็วในการพุ่งไปของมันยังไม่อาจเทียบเท่ากับดาบบินได้ ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกตนจึงสามารถหลบหลีกมันได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าหอกหนึ่งเล่มจะสามารถหลบได้ง่ายดาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหลบหอกหลายสิบเล่มได้ ก่อนอื่นเลยคือเจ้าอ้วนมีเหมืองของตนเองที่ไร้ขีดจำกัดอยู่ภายในมิติลึกลับ ลมทองแดงที่ใช้ในการสร้างหุ่นนั้นช่างเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเหล็กสีดำที่ใช้สร้างหอก วัสดุเหล่านี้คล้ายกับภูเขาขนาดย่อมอยู่ในมิติของเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าอ้วนสามารถปรับแต่งหุ่นของเขาได้ดั่งใจนึกด้วยวัสดุไร้ขีดจำกัดที่มี แม้แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ความสำเร็จลดน้อยลงในขั้นตอนการปรับแต่งยังไม่สามารถหยุดเขาได้ เจ้าอ้วนยังสามารถปรับแต่งหุ่นของเขาจนสำเร็จได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

หุ่นนี้กับเจ้าอ้วนเชื่อมต่อกันทางจิตวิญญาณ เขาสามารถดึงมันออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ หากเจ้าอ้วนหยิบมันออกมาใช้และสั่งการให้ปาหอกไปในเวลาที่เหมาะสม แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอาจจะต้องพบกับหายนะ

นอกเหนือจากหุ่นเชิดลมทองแดงทั้งสามสิบหกตัว เจ้าอ้วนยังทำการปรับแต่งพยัคฆ์ปีกแหลมสองตัวที่เสร็จเรียบร้อยไว้ในครอบครอง พยัคฆ์แต่ละตัวนั้นมีความสามารถในการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ซึ่งถือว่ามันมีประโยชน์อย่างมาก! สิ่งเดียวที่เขาไม่พอใจในตัวของมันคือการใช้งานแต่ละครั้งจะต้องอาศัยหินจิตวิญญาณจำนวนมาก รวมทั้งหุ่นเชิดทั้งหมดที่เขามีด้วย อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาไม่สามารถนำมันออกไปใช้พร่ำเพื่อได้ พวกมันสามารถแสดงฝีมือได้ในการต่อสู้ใหญ่ ๆ เท่านั้น

เจ้าอ้วนใช้เวลาในการเป็นศิษย์นอกอยู่สามปี ภายในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ไม่มีศิษย์นอกคนไหนรู้ว่าเขาที่ดูไม่มีพิษสงได้สังหารราชครู ฉงตู และบิดาแห่งจักรพรรดิ ไม่มีแม้แต่ผู้ใดล่วงรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้สังหารบุตรชายของสำนักระดับกลาง พวกเขารู้แต่เพียงว่าเจ้าอ้วนได้รับการดูแลโดยอาวุโสชั้นสูงของสำนัก และมีเงินเดือนที่สูงมาก เขาไม่จำเป็นต้องทำภารกิจใด ๆ อีกทั้งยังสามารถเข้าออกหอสมุดได้อย่างสะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้เรียกความอิจฉาจากศิษย์ผู้อื่นได้อย่างล้นหลาม

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะแตะต้องเขา เนื่องจากสถานะของเขานั้นเป็นถึงศิษย์ผู้พิทักษ์ สิ่งนี้ช่วยขจัดปัญหาให้เขาได้มากมาย

สามปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเจ้าลิงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นห้าแล้ว ส่วนหานหลิงเฟิงนางเข้าสู่ศิษย์ในแล้ว เมื่อไม่นานมานี้นางเป็นที่ชื่นชมของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นเก้า แต่นางติดขัดอยู่เป็นเวลาครึ่งปีและไม่มีหนทางที่จะก้าวหน้าได้เลย

ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือ ระดับเก้าและสิบจะมีอุปสรรค และหลังจากผ่านอุปสรรคดังกล่าวแล้ว สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนที่ประสบผลสำเร็จ จากนั้นนางเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสามและเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ถ้าหากนางมิอาจก้าวข้ามอุปสรรคนั้นได้ นางก็จะติดอยู่ตรงนั้นตลอดไป

สำหรับเจ้าอ้วนนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่สิบ และกำลังเข้าใกล้ระดับปฐมภูมิ ซึ่งตอนนี้เขากำลังจะแยกตัวออกจากผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนแล้ว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าอ้วนที่สามารถทะลวงอุปสรรคมาได้อย่างง่ายดาย หานหลิงเฟิงรู้สึกมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกไม่พอใจนัก นางถามเขาถึงการทำลายอาการตีบตัน แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้นางรู้สึกอยากจะบีบคอเขาตลอดเวลา

“ตีบตัน? มันคืออะไร?” เจ้าอ้วนมักตอบกลับคำถามเช่นนี้ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา ซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดว่าเขากำลังพูดความจริงอยู่

ในความเป็นจริง เขาไม่ได้โกหกหานหลิงเฟิง เมื่อเขาเข้าสู่เส้นทางปฐมบทแห่งความโกลาหล ราวกับว่ามันเป็นเส้นทางที่กว้างขวางและไม่มีสิ่งใดกีดกั้นเขาอยู่เลย เขาจึงไม่ประสบพบเจออาการตีบตันแต่อย่างใด

ถ้าหากไม่ใช่ว่านางสนิทคุ้นเคยกับเจ้าอ้วนมาก และรู้ดีว่าเขาฝึกตนได้รวดเร็วเพียงใด นางคงไม่เชื่อว่ามีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่บนโลกนี้ด้วย

แต่หานหลิงเฟิงก็ยอมรับเจ้าอ้วนในฐานะผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนยิ่งกว่าผู้อื่น เพราะว่าเขาสามารถปรับแต่งเวทมนตร์สายฟ้าได้ อีกทั้งในตัวตนของเขายังมีองค์ประกอบแห่งธาตุทั้งห้านั้นแต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาดูด้อยกว่าผู้อื่นเลย การเพิ่มเหตุการณ์ที่เขากล่าวว่าไม่เคยพบเจอคอขวด ก็ยังสามารถยอมรับได้อยู่

จากนั้นนางจึงเลิกแข่งขันกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ พร้อมกับเริ่มดื่มด่ำความสุขให้กับตนเอง เมื่อผ่านการกระทำเช่นนั้น นางสามารถมองเห็นได้ทันทีถึงความเปลี่ยนแปลงของปราณจิตวิญญาณในตัวเอง

เพียงแค่ในขณะนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักเสวียนเทียนอันสงบสุข บัดนี้ผู้นำสำนักและภรรยาของเขาได้ออกจากการเก็บตัวฝึกตนแล้ว!

ผู้นำสำนักได้เก็บตัวฝึกตนเป็นเวลายี่สิบปีนับตั้งแต่เจ้าอ้วนได้เกิดมา ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดงงงวยอย่างมากที่จู่ ๆ ผู้นำก็ตัดสินใจปิดประตูเข้าสู่การฝึกตนแบบสันโดษ ไม่มีข่าวสารใด ๆ พวกเขาละเลยความรับผิดชอบทั้งหมดที่มี สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ พวกเขากลับไม่พบอาการตีบตันและระดับการฝึกฝนยังเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าการปิดประตูเพื่อฝึกตนนั้นไม่มีประโยชน์ใด การฝึกตนของพวกเขาสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งพาการฝึกแบบนี้อีกต่อไป

ในขณะนี้ ความสงสัยของพวกเขาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว เป็นเพราะว่าพวกเขาปิดประตูฝึกตนแบบเป็นคู่ แต่การกลับออกมาครั้งนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง เหตุผลที่พวกเขาเข้าสู่การฝึกตนแบบคู่เพราะว่าภรรยาของเจ้าสำนักเห็นว่าเจ้าอ้วนนั้นน่ารักน่าชังเสียจริง ๆ จิตใจของความเป็นแม่ในตัวนางถูกปลุกขึ้น แม้ว่าจิตวิญญาณแห่งเต๋าจะเมินเฉย ผู้นำสำนักกังวลเรื่องนี้ อีกทั้งความจริงเขาต้องการบุตร ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าสู่ความสันโดษเพื่อจัดการกับเรื่องนี้

อย่างแรกเลยนั้นคือผู้ฝึกตนระดับสูงที่ต้องการมีบุตร พวกเขาจะเตรียมวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ลูกหลานที่ออกมามีพรสวรรค์ อย่างเช่นการกินยาอายุวัฒนะต่าง ๆ หรือฝึกตนด้วยวิธีที่พิเศษ จากนั้นพวกเขาจึงจะมีเพศสัมพันธ์เพื่อมีบุตร และเมื่อรู้สึกว่าตั้งครรภ์ พวกเขาจะดูแลทารกตั้งแต่อยู่ในท้อง เด็กจะถูกเลี้ยงดูด้วยสมบัติต่าง ๆ มากมาย

ผลการทำงานอย่างหนักของผู้ฝึกตนเหล่านี้จะทำให้เด็กที่เกิดมาเป็นอัจฉริยะ แต่ทว่าเด็กจะฉลาดมากเพียงใดไม่มีใครรู้ พรสวรรค์ของลูกหลานผู้นำสำนักนั้นจะอยู่ที่หนึ่งพันปี และจะเข้าสู่ระดับหยวนหยินได้ภายในร้อยปี

อาจกล่าวได้ว่าในขณะที่หงหยิงเกิดมา เหล่าอัจฉริยะในสำนักเสวียนเทียนและบรรดาผู้ฝึกตนที่เรียกตนเองว่าอัจฉริยะอาจสูญเสียร่มเงาของตนเอง

ด้วยพรสวรรค์ดังกล่าว บวกกับการดูแลของบิดามารดาที่แข็งแกร่ง จะเกิดเป็นผลผลิตแบบใด?

ผลก็คือเมื่อหงหยินอายุสิบเจ็ดปี เขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสอง!

อะไรคืออายุสิบเจ็ดปี? ในตอนที่เจ้าอ้วนอายุเพียงสิบเจ็ดปี เขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นหนึ่งเท่านั้น! สำหรับหานหลิงเฟิง ผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ไม่เลวร้ายนัก นางอายุสามสิบและติดอยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นเก้า! แม้ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในสนามแห่งนี้จะมีพรสวรรค์ แต่กลับไม่สามารถก้าวได้รวดเร็วเช่นนี้! ในตอนนี้ถือกำเนิดบุตรแห่งสำนักเสวียนเทียนที่สามารถเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสองก่อนอายุยี่สิบปี!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด