ตอนที่แล้วตอนที่ 108 ไม่ได้ตั้งใจ (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 110 เกราะทะเลหยก (FREE)

ตอนที่ 109 สูงส่งและยิ่งใหญ่ (FREE)


"อา !!!" จาย หยงเฟิง หัวเราะออกมาอย่างขมขืน ถึงท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าตัวเองแพ้ได้ยังไง ความโกรธยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในหัวของเขา แต่ทุกอย่างค่อย ๆ มืดสนิทแล้วเขาก็สลบไป

"เห้อ..สภาพของเขาในตอนนี้ดูแย่เอามาก ๆ เลย !" ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวเบา ๆ

ในขณะก็ได้เกิดเสียงประกาศดังขึ้นบนท้องฟ้า

"ฟาง เจิ้งจือ ,ผ่านรอบแรก!"

"จาย หยงเฟิง ,หมดสิทธิ์สอบ!"

"หลี่ ... หมดสิทธิ์สอบ!"

"..."

 

เมื่อเหล่าผู้เข้าทดสอบได้ยินเสียงประกาศนี้ ต่างก็มั่นใจว่า จาย หยงเฟิง ได้พ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฟาง เจิ้งจือ คงจะมีทำเนียบติดในรายชื่อมังกรซ่อนอันดับที่ 56 แน่นอน

เด็กน้อยของหมู่บ้านผู้สามารถเข้าถึงอันดับที่ 56 ของทำเนียบมังกรซ่อนได้

ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเสียจริง

ประตูหินปรากฎขึ้นตรงหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ในทันที

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ประตูหิน เขายิ้มเล็กน้อย และตัดสินใจที่จะเดินเล่นก่อน  เขาคิดว่าควรจะนำวิธีการหลบหลีกฝนอุกกาบาตไปแนะนำให้คนอื่น และหาเงินสักเล็กน้อย

ยกตัวอย่างเช่น เก็บเงิน 200-300 ต่อหัว

แต่น่าเสียดาย…

นี่คือการสอบกฎแห่งเต๋า ถ้าเขาเอาไปบอกคนอื่นจะถือว่าเป็นการช่วยคนอื่นและนั่นเป็นการโกงซึ่งมันจะทำให้เขาต้องเสียชื่อ

ฟาง เจิ้งจือ จึงเดินเข้าประตู ก่อนที่ประตูจะค่อยๆหายไป

...

 

"พี่เฮ่อ ในรอบที่สองพวกเราจะทำยังไงกันดี?" เด็กหนุ่มที่สวมเกราะสีดำที่มีคิ้วเข้มหนามองไปยังประตูหินที่หายวับไป

"ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ เขาน่าจะเข้าถึงระดับประทับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงไปแล้ว? " เด็กหนุ่มอีกคนในเกราะสีขาวสะอาด มีท่าทีประหลาดใจ ในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่ง

เมื่อพวกเขาพูดจบประโยค ทั้งคู่ก็มองไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

เขาคือเด็กที่มีอายุราวๆ 18 ปี ใบหน้าของเขาดูสะอาดสะอ้าน ดูเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ชุดเกราะที่ดูเป็นเอกลักษ์บนร่างของเขานั้น มันเป็นเกราะโลหะที่มีสีน้ำเงินอมเทา และมีลวดลายต่าง ๆ สลักเอาไว้อยู่ เป็นลวดลายที่ดูประณีตเอามาก ๆ

ทั้งยังมีเกราะหน้าอกที่โปร่งแสงฝังอยู่ด้านในอีก เพียงแค่นี้ก็รู็ได้เลยว่านั้นไม่ใช่ของทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน

คนอื่น ๆ นอกจากเด็กหนุ่มทั้งสองที่สวมชุดเกราะสีขาวและสีดำ ค่อย ๆ ถอยออกห่างจากตัวเขาไปประมาณ 3 เมตร

 

เพราะเขาก็คือ ฮั่ว คังกัง

เขาคืออัจฉริยะที่เข้าถึงระดับผนวกดาราได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ความเย่อหยิ่งของเขาเป็นที่เลื่องลือ มีเพียง ตัง ยู่หลง กับ จาง เจ๋อตง เท่านั้นที่คุยกับเขาได้

"ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดจากที่พวกเราคาดหมายไว้ ข้าต้องเปลี่ยนแผนเสียหน่อย ... " ฮั่ว คังกัง มองไปที่ ตัง ยู่หลง กับ จาง เจ๋อตง อย่างสุขุมเยือกเย็น

"จะเป็นยังไงถ้าในรอบที่ 2 ข้าจะไปท้าทายเขา!" ตัง ยู่หลง พูดอย่างเย็นชา

ภายใน 3 คนนี้ แม้ว่า ตัง ยู่หลง เป็นอันดับที่ 35 ของทำเนียบมังกรซ่อนแต่หากเปรียบเทียบแล้วเขาคือคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม  แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดในสามคนนี้

"พี่ตัง พี่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร เพราะตอนนี้เราได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของ ฟาง เจิ้งจือ แล้ว!" จาง เจ๋อตง ส่ายหัวอย่างผู้มีปัญญา เขาเกิดในตะกูลที่เป็นนักปราชญ์และเขาชอบการต่อสู้ด้วยปัญญามากกว่า

"ใช่แล้ว พี่จางพูดถูก ความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ อย่างมากก็อยู่แค่ระดับประทับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง  นอกจากนี้ถึงเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่จะไม่มีทางผ่านรอบ 2 ไปได้แน่นอน! " ฮั่ว คังกัง พยักหน้า

 

"พี่ฮั่วตั้งใจจะทำอะไรงั้นหรือ?" ตัง ยู่หลง ถามด้วยความสงสัย

"อันที่จริง ฟาง เจิ้งจือ ทำให้ข้ามีความคิดดี ๆ บางอย่าง!" ฮั่ว คังกัง มองไปที่ฝนหินอุกาบาตแล้วครุ่นคิด

"พี่ฮั่วหมายถึง ... " แววตาของ จาง เจ๋อตง สว่างขึ้นราวกับว่ารู้ถึงความคิดของ ฮั่ว คังกัง

"แบบที่เขาทำกับ จาย หยงเฟิง ทำไมเราไม่ใช้วิธีเดียวกันกับเขาล่ะ? ให้เขาได้ลิ้มรสชาติของสิ่งที่ตัวเองทำว่ามันรู้สึกเยี่ยงไร? " ฮั่ว คังกัง เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

"ข้าเข้าใจแล้วล่ะว่าในรอบที่สาม พี่ฮั่วต้องการจะทำอะไร ... " เมื่อ จาง เจ๋อตง ได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา

"ใช่แล้วถ้าเราเก็บพลังเอาไว้จนถึงรอบที่สาม พวกเราคนหนึ่งในนี้จะไปหลอกล่อ เหยียน ซิว แล้วให้เราอีกสองคนจะจู่โจม ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกัน  หึหึ เขาจะกลายเป็นคนพิการ ไม่มีทางผ่านการทดสอบไปได้แน่นอน!" ฮั่ว คังกัง มองไปที่ ตัง ยู่หลง ที่ไม่ค่อยเข้าใจพร้อมอธิบายออกมา

"พี่ฮั่ว...ช่างเป็นการพูดที่ชาญฉลาดเสียจริง!" เมื่อ ตัง ยู่หลง ได้ยินเช่นนี้ เขาก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง

"ไปกันได้แล้ว!" ฮั่ว คังกัง ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปที่เหล่าผู้ทดสอบโดยรอบด้วยความรังเกียจ แล้วก็เดินตรงเข้าไปยังเขตแดนฝนหินอุกาบาต

จาง เจ๋อตง และ ตัง ยู่หลง เดินตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเหล่านักปราชญ์เห็นทั้งสามเดินตรงเข้าไปยังเขตแดนฝนหินอุกาบาต ต่างก็เกิดความเชื่อมั่นและค่อย ๆ เดินตามเข้าไป

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู็ถึงความลับของฝนหินอุกาบาตและจะสามารถผ่านมันไปได้ ทุกคนต่างมีความรู้ไม่มากนัก เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น

ดังนั้นหลังจากที่เหล่านักปราชญ์มากกว่า 10 คน เดินตรงเข้าไปยังเขตแดนฝนหินอุกาบาต ฉากที่น่าสลดก็เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยความวุ่นวาย

"พี่จาง ข้าขอโทษ!"

"พี่หลี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจ ผู้ชนะหรือผู้แพ้ยังไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินกันได้!"

"อา...เจ้า...หลอกโจมตีข้าอย่างนั้นรึ?"

ผู้ทดสอบบางคนร้องไห้ บางคนดีใจ ในการต่อสู้ระหว่างพวกเขาเอง จากนั้นประตูหินก็ปรากฎขึ้น หายวับไป ปรากฎขึ้นอีก หายไปอีก ทีละคน ทีละคน

ไม่นานหลังจากนั้นกว่าครึ่งของผู้ทดสอบก็ได้หายไปจากมิติพิเศษแห่งนี้

...

 

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เดินออกมาจากประตูหิน เขาก็สังเกตุเห็น เหยียน ซิว ยืนอยู่ มือไคว่หลัง ใบหน้าไร้ความรู้สึกเช่นเคย

และด้านหน้าของ เหยียน ซิว มีหน้าผาที่สูงลิบลิ่ว จากบนนี้ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงน้ำกระทบหินที่อยู่ด้านล่าง และมองไม่เห็นอะไรแม้แต่น้อย เห็นเพียงหมอกสีดำที่ปกคลุมอยู่เท่านั้น

สายลมที่แผ่วเบาพัดผ่านอย่างต่อเนื่อง และ เหยียน ซิว หยิบพัดสีทองขึ้นมาในมือ

"เจ้ามาแล้ว?" เหยียน ซิว พูดแบบไม่ได้หันกลับไปมอง

"ใช่แล้ว" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าเบา ๆ

"เจ้าช้าเล็กน้อย" เหยียน ซิว พึมพำกับตัวเองและในขณะเดียวกันดูเหมือนจะกำลังขอโทษ

"ข้าต้องจัดการเรื่องของตัวเองสักนิดหน่อยเลยมาสาย" ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังจะพูดเขาเดินไปหา เหยียน ซิว และมองไปที่หน้าผาที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา

"กระโดดเลย?" เหยียน ซิว ชี้ไปยังหน้าผาด้านหน้า

 

ฟาง เจิ้งจือ ก้มลงมอง

และตระหนักว่า ...

มันสูงมาก!

"รอก่อน" ฟาง เจิ้งจือ คิดอยู่ชั่วครู่แล้วส่ายหน้า

"ได้" เหยียน ซิว ไม่ได้สังเกตุท่าทีที่เปลี่ยนไปของ ฟาง เจิ้งจือ

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดกันก็ได้ยินเสียงเท้าเบาๆดังมาจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงหินอุกกาบาตที่ตกใส่พื้นอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ปรากฎร่างคน 3 คนขึ้นมา

คนหน้าสุดคือ เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าสะอาดสะอ้านสวมเกราะโลหะสีน้ำเงินอมเทาประดับลวดลายที่สลักเอาไว้อย่างประณีต บนใบหน้าของเขาแสดงความหยิ่งยโสออกมาชัดเจน และด้านหลังมีชายหนุ่มอีก 2 คน ที่สวมชุดเกราะสีขาวและชุดเกราะสีดำเดินออกมาตามมาตามลำดับ

เด็กหนุ่มที่สวมเกราะสีดำดูเป็นคนดย็นชา และอีกคนเด็กหนุ่มที่สวมชุดเกราะสีขาวนั้นดูสง่างามและสูงส่ง

เมื่อทั้งสามคนปรากฎตัวขึ้น สายตาก็จับจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ในทันที

ฟาง เจิ้งจือ ก็มองกลับไปเช่นกัน แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่ชุดเกราะสีน้ำเงินอมเทา ทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที

"ข้าชอบชุดเกราะนั่น! ช่างดูสูงส่งและยิ่งใหญ่"

 

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด