ตอนที่แล้วบทที่ 163 ผู้คนไม่อาจทำเช่นนี้  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 165 สำนักสุญตาลงมือแล้ว

บทที่ 164 ค่ายกลเจตจำนงกระบี่มหาประลัย


 

ขณะที่จั่วม่อกำลังตะลึงลาน ไม่ทราบจะทำอย่างไร ภายนอกค่ายกล อู่หลิงซ่านเหรินสีหน้าท่าทีภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

“ค่ายกลนี้ใช้เจตจำนงกระบี่ของสหายเต๋าซินหยานที่แข็งแกร่งที่สุด ปกป้องจุดศูนย์กลาง และมีเจตจำนงกระบี่ของพวกเราทั้งสี่อยู่ในตำแหน่งสำคัญ น้ำพุปราณเก้าแห่งเป็นเส้นทาง แทรกซอนไปตลอดทั้งค่ายกล เพื่อให้เจตจำนงกระบี่กำเนิดใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด เจตจำนงกระบี่ทั้งห้าก่อเกิดทำลายล้างซึ่งกันและกัน หากไม่บรรลุเจตจำนงกระบี่ขั้นหัวใจแปลง ชั่วชีวิตนี้ไม่สามารถหาทางรอดออกมาได้ ต่อให้เป็นชนชั้นจินตัน แต่หากเจตจำนงกระบี่ของพวกมันระดับไม่สูงพอ ยังคงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน หากคิดทำลายค่ายกลด้วยพละกำลังซึ่ง หน้า เท่ากับแส่หาที่ตาย!”

เผยเหยียนหรานกล่าวยกย่อง “ค่ายกลที่ซ่านเหรินก่อตั้งขึ้นน่าอัศจรรย์ใจนัก ใช้เจตจำนงกระบี่ก่อตั้งค่ายกล ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน!”

อู่หลิงซ่านเหรินในใจภาคภูมิใจ แต่ภายนอกไม่ได้เสียกิริยา กล่าวอย่างสุภาพว่า “หากมิใช่เป็นความต้องการของสำนักท่าน ข้าก็คงไม่สามารถคิดวิธีการเยี่ยงนี้ได้” จากนั้นทอดถอนคราหนึ่ง “ในวันนั้นข้าเป็นผู้ตัดสิน เฝ้าชมดูการต่อสู้ของจั่วม่อโดยตรง กล่าวตามความสัตย์ ช่างน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง แต่สหายเต๋าซินหยานกล่าวไม่ผิด พวกเราเป็นเซียนกระบี่ ย่อมต้องฝึกปรือกระบี่! แต่ข้านึกไม่ถึงว่าสำนักท่านจะยอมจ่ายมากมายถึงเพียงนี้เพื่อศิษย์ผู้เดียว ถือกำเนิดในสำนักเช่นนี้ จั่วม่อโชคดีเสียจริง!”

เผยเหยียนหรานสั่นศีรษะ “เงินกับยุทธภัณฑ์เวทอาจสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คน ผู้คนอยู่ที่ใด สำนักอยู่ที่นั่น ผู้คนเข้มแข็ง สำนักก็เข้มแข็ง ในเมื่อมันเป็นศิษย์สำนักเรา เช่นนั้นเรื่องนี้ย่อมเป็นภาระของพวกเรา ข้าเพียงหวังให้มันเลิกหลงทางและหวนกลับสู่มรรคาที่ถูกต้อง โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นนั้นก็ไม่เสียแรงที่พวกเราทุ่มเทแล้ว”

อีกสามคนมีสีหน้าดุดันจริงจัง

อู่หลิงซ่านเหรินในใจบังเกิดความนับถือเลื่อมใสต่อคนเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง “เจ้าสำนักเผยมั่นใจได้ เด็กผู้นี้เฉียบแหลมเฉลียวฉลาด จะต้องเข้าใจความปรารถนาดีของพวกท่านอย่างแน่นอน”

เผยเหยียนหรานหัวร่อ “หากซ่านเหรินท่านไม่ช่วยเหลือ พวกเราก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร เด็กเหลือขอผู้นี้น่าปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างแท้จริง!”

“อย่าได้เกรงใจ นี่หาได้ลำบากอันใด รอจนผ่านการขัดเกลา มันจะเข้าใจอย่างชัดแจ้ง โลกนี้แม้มีหมื่นพันวิถี แต่มีเพียงมรรคากระบี่จึงจะเป็นวิถีที่ถูกต้องเที่ยงแท้ หนึ่งกระบี่สะบั้นสรรพสิ่ง ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่ ฝีมือทั้งหลายของมันล้วนเป็นเพียงเศษกระดาษเท่านั้น” อู่หลิงซ่านเหรินกล่าวอย่างทระนง มันกล้ากล่าววาจาเช่นนี้มิใช่เพราะว่ามันเชื่อมั่นในค่ายกลของตน แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อเจตจำนงกระบี่ของคนทั้งสี่เบื้องหน้านี้ต่างหาก

มันเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับสี่ผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่สุญตามาก่อน หยานเล่อช่ำชองด้านธุรกิจการค้า สือฟ่งหรงมีฝีมือทางหลอมกลั่นโอสถ เจ้าสำนักเผยเหยียนหรานไม่ถามไถ่ทางโลก ชื่อเสียงของกระบี่มังกรน้ำแข็งยิ่งได้ยินอย่างหนาหู แต่ไม่เคยพบเห็นกับตา จึงไม่เคยรู้สึกอันใด เฉพาะเมื่อได้มาก่อตั้งค่ายกลในคราวนี้ จึงได้สัมผัสกับรากฐานอันลึกล้ำของสำนักกระบี่สุญตาด้วยตนเอง พวกมันเหนือล้ำเกินกว่าจินตนาการของบุคคลภายนอก

ในเจตจำนงกระบี่ทั้งห้า นับเจตจำนงกระบี่ของตัวมันเองอ่อนด้อยที่สุด นี่ทำให้มันรู้สึกอับอายขายหน้าไม่น้อย มันไม่เคยพบเห็นเจตจำนงกระบี่ที่ทั้งแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเท่าของซินหยานมาก่อน ถึงกับเหนือล้ำกว่าบรรดาผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นยอดฝีมืออีกมากมาย

แรกเริ่มเดิมที อู่หลิงซ่านเหรินยังเคยกังวลว่าเจตจำนงกระบี่ของคนทั้งสี่จะไม่บริสุทธิ์เพียงพอ จนไม่อาจรักษาเสถียรภาพของค่ายกลเอาไว้ได้ แต่บัดนี้มันเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าเป็นตนเองที่ดูแคลนพวกมันมากเกินไป

ด้วยเจตจำนงกระบี่ของซินหยานทำหน้าที่เฝ้าพิทักษ์ศูนย์กลางของค่ายกล ขบวนค่ายกลขนาดมโหฬารนี้แข็งกล้าดุจหินผา ไม่อาจทำลายได้ มหาค่ายกลนี้ยังแข็งแกร่งกว่าค่ายกลอื่นๆ ที่มันเคยสร้างมาทั้งหมด กระทั่งยอดคนด่านจินตัน หากโจมตีค่ายกลขบวนนี้ ภายใต้การรุมล้อมจู่โจมของเจตจำนงกระบี่บริสุทธิ์ของห้ายอดคนด่านจินตัน เกรงว่ายากที่จะหนีรอดได้อย่างปลอดภัย

ความเสียใจเพียงหนึ่งเดียวของมัน คือค่ายกลที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ กลับมีไว้เพื่อกักขังศิษย์ด่านจู้จีผู้หนึ่ง นี่ทำให้มันไม่อาจรู้สึกถึงรสชาติของความสำเร็จได้เต็มที่

อย่างไรก็ตาม เพื่อฉวยโอกาสคราวนี้ เพาะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสำนักกระบี่สุญตา อู่หลิงซ่านเหรินย่อมยินดีที่จะทำทุกอย่าง ยิ่งได้เห็นพลังอันน่าพรั่นพรึงของบุคคลทั้งสี่ มันยิ่งบังเกิดความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่ออนาคตอันโชติช่วงของสำนักกระบี่สุญตา เหล่าผู้อาวุโสเข้มแข็ง ทั้งยังใส่ใจฟูมฟักศิษย์ของพวกมัน ศิษย์เหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะบุรุษ สำนักเช่นนี้ มันนึกหาเหตุผลที่จะไม่พุ่งทะยานขึ้นไม่ได้จริงๆ

เผยเหยียนหรานเห็นใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของทุกคน แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “เด็กเหลือขอนี้มักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเราเสมอ เวลานี้ปล่อยให้มันเล่นสนุกด้วยตัวเองอย่างช้าๆ ไปก่อน ไปเถอะ พวกเราสมควรได้พักผ่อนคลายกันเสียที ซ่านเหรินจะได้ทดลองลิ้มรสชาปราณของข้าด้วย”

อู่หลิงซ่านเหรินรีบเห็นพ้องทันที

 

จั่วม่อไม่ล่วงรู้อย่างสิ้นเชิงว่าผู้อาวุโสล้วนจากไปแล้ว มันไม่กล้าขยับตัวสักนิด

เนื่องเพราะมันคุ้นเคยกับมังกรผู้ยิ่งใหญ่ผู้กำลังเคลื่อนผ่านด้านหน้ามันเป็นอย่างดี มันเคยถูกเจ้าสิ่งนี้สับสังหารนับครั้งไม่ถ้วน คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้อีกแล้ว เจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงรอง!

จั่วม่อกัดฟันแน่น ทันใดนั้นเงยหน้าขึ้น ร่ำร้องโอดครวญ “ซือฟู่! ศิษย์ผิดไปแล้ว! ศิษย์จะปรับปรุงตัวเอง ปล่อยศิษย์ออกไปเถอะ...”

ท่านอาจารย์อาจดูเย็นชา แต่นางห่วงใยกังวลกับมันมาก หากมันวิงวอนขอร้อง บางทีซือฟู่อาจจะใจอ่อน ยินยอมปล่อยมันออกไปก็ได้

ร่ำร้องอยู่นาน จนเสียงแหบเสียงแห้ง ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากภายนอกค่ายกล จั่วม่อในใจท่วมท้นไปด้วยน้ำขม หัวใจน้อยๆ ของมันลอยเท้งเต้งอยู่ในความขมขื่น จนกระทั่งถึงตอนนี้ มันยังคงไม่เข้าใจว่ากระทำสิ่งใดผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้ท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสพิโรธโกรธเกรี้ยวถึงปานนี้

ขณะที่ร่ำร้องตะโกน เท้าของมันก็ไม่กล้าก้าวออกจากจุดเดิมแม้แต่นิ้วเดียว มังกรยักษ์วนเวียนอยู่ด้านหน้ามันอย่างเสรี ไม่ยอมละไปไหนไกล บางครั้งคราวดวงตาเฉยเมยเย็นชาคู่นั้นยังกวาดผ่านร่างมันเป็นระยะ จั่วม่อหนาววูบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

มันไม่สงสัยเลยว่าหากมันขยับสักนิด เจ้ามังกรจะตะปบเบาๆ ด้วยกงเล็บ จากนั้นมันก็จะถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดเนื้อกระเซ็นไปทั่ว ปิดฉากชีวิตน้อยๆ อันน่าเวทนาของมัน

เจ้าสิ่งนี้เป็นของจริง!

มันอยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา ร่างกายสั่นระริกไปทั้งตัว

เมื่อได้เผชิญกับใบหน้าที่แท้จริงของมังกรน้ำแข็งของอาจารย์ลุงรอง มันค่อยตระหนักอย่างแจ่มแจ้งว่า เจตจำนงกระบี่ปลอมที่ผูเยาสร้างขึ้นมากับของจริงที่อยู่ตรงหน้านี้ ที่แท้แตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนี้! ช่างน่าสะพรึงกลัว! ความกลัวตามสัญชาตญาณ พลุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ ไม่ว่าจะพยายามระงับยับยั้งสักเท่าใด ความกลัวเป็นเหมือนหญ้าปีศาจที่ไม่อาจต้านทานได้ แพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งในใจมัน

หลังจากยืนสั่นกระวนกระวายอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม มังกรค่อยเคลื่อนห่างออกไป แต่ยังคงเหลือบมองจั่วม่อแวบหนึ่งก่อนจากไป จั่วม่อเพียงสบตาก็เข้าใจความนัยในสายตาคู่นั้น

‘ข้าจะกลับมาอีก’

เมื่อมังกรหายไปอย่างสมบูรณ์ แรงกดดันบีบคั้นอันน่าพรั่นพรึงก็สาบสูญไปโดยไร้ร่องรอย พื้นดินรอบข้างว่างเปล่าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

ในเวลานี้ จั่วม่อค่อยคลายจากอาการตึงเครียด เริ่มกวาดตาสำรวจสภาพรอบด้าน พลันเข้าใจในทันทีว่ามันอยู่ใจกลางค่ายกลขบวนใหญ่ หวนนึกถึงค่ายกลอันน่าอัศจรรย์ที่มองเห็นจากกลางอากาศ อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

ท่านย่ามันเถอะ! ท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสคราวนี้ต้องการเล่นงานมันถึงตายเลยหรือไร?

มันเพิ่งจะทอดถอนชมเชยในความมหัศจรรย์ของค่ายกลขบวนใหญ่นี้อยู่หยกๆ ไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกอาจารย์ลุงรองโยนเข้ามาในค่ายกลตรงๆ

จั่วม่อต้องยอมรับ มันประเมินโทสะของอาจารย์ลุงรองที่มีต่อมันต่ำเกินไปจริงๆ!

จั่วม่อค่อยๆ ฟื้นฟูความคิดจิตใจ นึกถึงว่ามันร่ำร้องอยู่เป็นเวลานาน แต่ไร้การตอบสนอง ทันใดนั้นเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโส คราวนี้ตั้งใจให้มันต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยคิด ว่าอาจารย์ลุงรองกับคนอื่นๆ จะลงโทษมันอย่างไร ทุบตี หันหน้าเข้าหาผนังเพื่อสำนึกผิด หรือฝึกพิเศษอย่างโหดร้าย มันล้วนเตรียมตัวเตรียมใจไว้พรักพร้อม

แต่หลังจากคำนวณทั้งหมด ผู้ใดจะคาดคิดว่าอาจารย์ลุงรองจะโหดเหี้ยมไร้ปราณีถึงเพียงนี้!

แม้ว่าจั่วม่อไม่เข้าใจค่ายกลนี้ แต่สามารถเห็นลักษณะพิเศษของค่ายกลอย่างชัดเจน มันยังมีความรู้ทางค่ายกลอยู่บ้าง มองปราดเดียวก็ทราบว่าฝีมือของผู้ก่อตั้งค่ายกลขบวนนี้ สูงส่งกว่ามันมาก

ที่สูงส่งกว่านี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเดียว แต่ครอบคลุมถึงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังบำเพ็ญเพียร ภูมิปัญญาทางค่ายกล เจตจำนงกระบี่ และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกเหนือจากความกลัว จั่วม่อเพ่งมองรอบด้าน ในใจทราบกระจ่างว่าเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสไม่ได้ต้องการชีวิตมันอย่างแน่นอน คนเหล่านั้นเพียงต้องการให้มันต้องทนทุกข์ทรมานสักเล็กน้อย

แต่ค่ายกลมหาประลัยนี้...

อันตรายมาก! อันตรายสุดขั้วไปเลย!

จั่วม่อกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ภายในไม่กี่ก้าว ความตื่นตะลึงในใจมันยิ่งมายิ่งรุนแรง

แต่ละย่างก้าวเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาสังหาร!

บัดซบ! จั่วม่อต้องการด่าทอมารดามันสักครา!

กระทั่งบนพื้นดินยังแฝงเร้นไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่เล็กละเอียดและหนาแน่น แทรกผ่านรองเท้า ทิ่มแทงใส่ฝ่าเท้ามันโดยตรง ฝ่าเท้าปวดแปลบดุจเข็มแทง ราวกับว่ามันกำลังเดินอยู่บนแผ่นเหล็กที่ปกคลุมไปด้วยเข็มเหล็ก ทุกย่างก้าวเป็นความเจ็บปวดแทบขาดใจ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น อากาศเบื้องหน้าอาจดูไม่มีพิษมีภัย แต่ขอเพียงขยับผ่านเข้าไป อากาศที่ปั่นป่วนย่อมจะก่อตัวเป็นชั้นเจตจำนงกระบี่รายล้อมมันเอาไว้ เจตจำนงกระบี่ที่คล้ายเศษน้ำแข็งเล็กละเอียดเหล่านี้ จะรุมสับสังหารจั่วม่อที่อยู่ตรงกลาง!

ผู้คนไม่อาจทำเช่นนี้...

จั่วม่อคร่ำครวญในใจ มันที่แท้ล่วงเกินซือฟู่กับเหล่าผู้อาวุโสใหญ่โตปานใด จึงทำให้ทุกคนเดือดดาลถึงเพียงนี้?

หากยังรั้งอยู่ที่เดิม ก็ได้แต่รอคอยให้มังกรหวนกลับมาเท่านั้น จุดนี้อันตรายเกินไป! มันขบกรามแน่น โคจรวัชรสูตรน้อยทันที ยามนี้วัชรสูตรน้อยของมันบรรลุถึงขั้นวงจรสัตตบงกชทองคำ ดาบกระบี่ยากกล้ำกราย

โชคดีที่เกอฝึกปรือวิชานี้มา...จั่วม่อในใจชื่นชมยินดี

 

โถงสุญตา เผยเหยียนหรานกับพวกดื่มชาอย่างสบายอกสบายใจ

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กเหลือขอนั่นจะต้องใช้วัชรสูตรน้อยอย่างแน่นอน” หยานเล่อหัวร่อสะใจ เหลือบมองซินหยานซึ่งดื่มโดยปราศจากวาจา “ศิษย์พี่รองคิดการณ์รอบคอบจริงๆ แม้แต่วัชรสูตรน้อยยังนับรวมเข้าไปด้วย”

“เซียนกระบี่เพียงฝึกปรือกระบี่” ซินหยานกล่าวอย่างไร้อารมณ์ ยกชาขึ้นจิบคำหนึ่ง จากนั้นกล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่ฝึกปรือกายา”

“เด็กผู้นี้เหลือร้ายจริงๆ มันเพียงแค่หลงเดินผิดทางเท่านั้น” สือฟ่งหรงใบหน้ามีโทสะกรุ่นๆ ศิษย์ของนางทำให้ทุกผู้คนปวดเศียรเวียนเกล้า ทั้งยังเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ในใจนางจึงรุมเร้าด้วยไฟโทสะ “ให้มันฝึกปรือวิชาเสริมสร้างสังขาร เพื่อที่จะได้มีบางอย่างไว้ช่วยชีวิต หนอย มันกลับประเสริฐยิ่ง สามารถบรรลุถึงขั้นที่สี่อย่างเงียบเชียบ เรียกให้มันศึกษาวิชาค่ายกล เพื่อให้มันได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาหลอมกลั่นโอสถ จะได้มีงานทำ ไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิต นึกไม่ถึงเดรัจฉานน้อยนี้จะลุ่มหลงงมงายในค่ายกล จนไม่ทราบเส้นทางที่ถูกที่ควร เส้นทางรองกลายเป็นเส้นทางหลัก! ส่วนเส้นทางหลักของมันกลับก้าวถอยหลัง!”

กล่าวไปกล่าวมา นางทั้งโศกเศร้า ทั้งอึดอัดขัดข้องยิ่ง “ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของข้า ข้ามักละเลยในการอบรมสั่งสอนมัน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มันหลงทาง!”

อู่หลิงซ่านเหรินรีบปลอบโยน “นางเซียนสืออย่าได้ตำหนิตนเองมากเกินไปแล้ว คนหนุ่มสาว มักถูกล่อลวงด้วยสิ่งใหม่ๆ เสมอ นี่เป็นเรื่องธรรมดา สำนักใดไม่มีศิษย์เช่นนี้สักคนสองคนเล่า? ในฐานะผู้อาวุโส พวกเราได้แต่ค่อยๆ ชี้นำพวกมันเท่านั้น”

“ซ่านเหรินกล่าวถูกต้อง ศิษย์น้องหญิงก็อย่าได้เศร้าเสียใจไป” เผยเหยียนหรานปลอบประโลมอีกแรง

หยานเล่อหัวร่อฮี่ฮี่ “เจ้าเด็กนั่นคงได้ทนทุกข์ทรมานสักเล็กน้อยแล้วกระมัง วัชรสูตรน้อยของมันข้าเห็นเป็นที่ขัดตามานานแล้ว วงจรสัตตบงกชทองคำ? มันนึกว่ามันเป็นเซียนวรยุทธ์หรือไร? เผชิญหน้ากับเราแม้แต่เซียนวรยุทธ์ยังกระเจิง! มันต้องเข้าใจเสียทีว่าฝีมือทั้งหมดที่มันมี เป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น”

อีกสี่คนไม่มีผู้ใดคัดค้านวาจาของหยานเล่อ พวกมันล้วนมีสีหน้าว่านั่นจริงแท้แน่นอนอย่างที่สุดแล้ว

ความทระนงของเซียนกระบี่ เพาะสร้างจากความเหนือล้ำกว่าผู้ใดนับพันๆ ปี ไม่เคยสั่นคลอนมาก่อน

 

จั่วม่อคาดไม่ถึง ว่าพฤติกรรมของมันจะถูกเหล่าผู้อาวุโสคาดคำนวณไว้อย่างถี่ถ้วน

ทันทีที่มันโคจรวัชรสูตรน้อย เจตจำนงกระบี่ซึ่งคล้ายเศษน้ำแข็งเหล่านั้น พลันเปลี่ยนเป็นคล้ายปลาฉลามกระสากลิ่นเลือด เร่งรุดถาโถมมาจากทุกทิศทุกทาง พุ่งตรงเข้าหามันดุจคลุ้มคลั่ง

วิ้งวิ้งวิ้ง!

วู้มวู้มวู้ม!

เสียงกรีดร้องที่แตกต่างกันของเจตจำนงกระบี่ดังสนั่นอยู่ในหูจั่วม่อ ราวกับภูเขาถล่มแม่น้ำทลาย ฟ้าดินเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน!

เหตุเปลี่ยนแปลงอุบัติขึ้นกะทันหันเกินไป จั่วม่อได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ!

มันเหม่อมองกระแสอากาศแปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนเชี่ยวกราก มองเสียงกรีดร้องกระหึ่มบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเจตจำนงกระบี่ มองพายุเจตจำนงกระบี่ถาโถมเข้าหามันอย่างบ้าคลั่ง จากทุกทิศทุกทาง...

อะไร...นี่มันอะไรกัน...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด