เล่ม 5 ตอนที่ 3 : กลับตัวกลับใจ (3) [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ARK ลงทุกวัน เวลา 10.50-11.00 น.
วันจันทร์-ศุกร์ : ลงวันละ 1 ตอน
วันเสาร์-อาทิตย์ : ลงวันละ 1 ตอนขึ้นไป
==========
เล่ม 5 ตอนที่ 3 : กลับตัวกลับใจ (3)
การต่อสู้ดำเนินต่อไปตามที่คาดการณ์ไว้ อันธพาลพวกนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งกว่ากลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนเล็กน้อย ทว่า ด้วยความที่ลอเร็นโซ่และจัสติสแมนเข้าช่วยเหลือ สถานการณ์จึงควบคุมไว้ได้ง่ายกว่าที่คิด
ลอเร็นโซ่เลเวล 80 เขาจึงสามารถต่อสู้โดยลำพังได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
อีกทางหนึ่ง จัสติสแมนก็สามารถช่วยเหลือได้มากพอสมควรเพราะค่าสถานะพิเศษที่ได้รับจากทักษะอย่างความยุติธรรม
ค่าสถานะพิเศษพวกนี้หากเป็นการต่อสู้เดี่ยวแล้วพวกมันจะไร้ซึ่งผลอันใด แต่หากเป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม นับว่ามันเป็นพลังที่เหนือชั้นเลยทีเดียว
ทว่า ผู้เล่นที่ช่วยแปรเปลี่ยนสถานการณ์มากที่สุดกลับเป็นนักดนตรีอย่างโรโค่!
เมื่อโรโค่เข้าร่วมการต่อสู้ มันจะเป็นการพลิกกระดานให้กับฝั่งกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนเลยทีเดียว
ในช่วงแรก นักดนตรีอาจเป็นอาชีพที่ดูแล้วไม่น่าใช้งานเพราะดูไร้ประโยชน์สิ้นดี
นักดนตรีทั้งทำความเสียหายได้ต่ำและมีพลังป้องกันเพียงน้อยนิด ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่อาจเล่นฉายเดี่ยวได้ ในขณะที่ปาร์ตี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ชายตามองตัวฟื้นฟูทางเลือกเช่นเดียวกัน
เป็นเพราะข้อเสียของนักดนตรีมันมีมากกว่าแถมยังไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ได้ดีนัก ดังนั้นแล้วค่าประสบการณ์ที่พวกเขาจะได้รับในการต่อสู้ย่อมไม่แตกต่างอะไรไปจากพ่อค้า
พวกเขาไม่สามารถสู้ได้ นั่นจึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างเชื่องช้ายิ่ง
นับว่ามันเป็นอาชีพที่น้อยคนจะเลือกเล่นจนแทบไม่มีเลยก็ว่าได้
ทว่า โรโค่ที่ชื่นชอบดนตรีอยู่แล้วกลับเหมือนได้รับการสนับสนุนให้ทำในสิ่งที่เธอชอบ
อีกทั้ง โรโค่ก็ไม่ได้เล่นเกมนี้โดยลำพังด้วย
ตั้งแต่ที่เธอเข้าเกมมา เธอได้พบเจอกับจัสติสแมนและกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บน
แทนที่จะหวาดกลัวการต่อสู้เพราะต้องปะทะกับมอนสเตอร์ แต่แล้วโรโค่กลับสนุกยิ่งกว่าในเมื่อสามารถใช้เวทมนตร์ของเธอช่วยพี่ชายพวกนี้เอาไว้ได้
และในตอนนี้ นักดนตรีคนนี้ก็เลเวลเกินกว่า 40 แล้ว
นั่นจึงทำให้เธอได้รับทักษะที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน
=====
ทักษะนี้สามารถเรียนรู้ได้หลังจากนักดนตรีผ่านเงื่อนไขตามที่กำหนด
เงื่อนไข : นักดนตรีเลเวล 40, ค่าสถานะงานศิลป์ 150, มีทักษะขั้นกลางสายดนตรีตั้งแต่สามทักษะขึ้นไป
เสียงกังวานที่อ่อนโยน (ขั้นต้น, มีผลต่อเนื่อง) : ท่านได้ผ่านจุดที่ลึกล้ำที่สุดที่บทเพลงแท้จริงควรจะเป็น ท่านสามารถเล่นบทเพลงทั้งหลายและได้รับฟังเสียงอันงดงามเหล่านั้นจากใจของท่าน
ดังนั้นแล้ว มันจะช่วยเพิ่มความเข้าใจต่อบทเพลงของท่าน บทเพลงของท่านจะได้รับการพัฒนาไปตามเส้นทาง บทเพลงที่อ่อนโยนจะฝังรากลึกในจิตวิญญาณและหัวใจของผู้ที่ได้รับฟัง เสียงที่ก้องกังวานนี้จะยังคงหลงเหลืออยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งจนกระทั่งท่านเล่นบทเพลงสุดท้ายจบลง
กระทั่งว่าเล่นบทเพลงอื่น เสียงกังวานที่อ่อนโยนนี้จะไม่จางหาย แต่จะช่วยเสริมสร้างให้ผลลัพธ์ของบทเพลงเหนือล้ำยิ่งขึ้น
[หากเล่นบทเพลงประเภทเดียวกันอย่างต่อเนื่อง บัพสามชนิดสามารถรวมผลลัพธ์กันได้ผ่านทางเสียงกังวานที่อ่อนโยน ระยะเวลาส่งผลขึ้นอยู่กับบทเพลงสุดท้ายที่เล่นออก]
=====
นับว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าเลยทีเดียว
และนั่นจึงทำให้โรโค่ในตอนนี้ หลังผ่านเลเวล 40 มาได้ เธอจึงกลายเป็นตัวพลิกผันสถานการณ์
ผลลัพธ์ของเสียงกังวานที่อ่อนโยนมันน่าสะพรึงเกินไปสำหรับผู้อื่น
“สายลมโหมพัดต้นหญ้าที่พลิ้วไหว...”
เพื่อที่จะเพิ่มความเร็วการโจมตีและความเร็วการเคลื่อนไหว โรโค่จึงร้อง ‘บทเพลงแห่งสายลม’ ที่ช่วยเพิ่มความเร็วถึง 5% หากเป็นนักเวท ทักษะของพวกเขาจะเพิ่มความเร็วได้ 10% ทว่า ด้วยเสียงกังวานที่อ่อนโยน มันจึงสามารถทำให้บัพสามารถควบรวมกันได้ถึงสามครั้งจนพลิกผลันสถานการณ์ได้
เมื่อร้อง ‘บทเพลงแห่งสายลม’ ติดกันถึงสามครั้ง มันจะช่วยให้ความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 15%! นอกจากนี้ ระยะเวลาส่งผลของนักดนตรีนั้นนับได้ว่ายาวนานกว่าเวทเร่งความเร็วของนักเวทเสียอีก
และผลลัพธ์เช่นเดียวกันของ ‘บทเพลงแห่งชีวิต’ ก็ช่วยให้พลังชีวิตสามารถฟื้นฟูได้
ภายในระยะเวลาสามนาที พลังชีวิตจะสามารถฟื้นฟูได้ 200 หน่วย แต่ตอนนี้ ‘บทเพลงแห่งชีวิต’ สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ถึง 600 หน่วยภายในเวลาสามนาที หากพลังชีวิตจะฟื้นฟูในระยะเวลาที่กำหนดนี้ นับได้ว่าผลลัพธ์ของมันล้ำเลิศกว่าเวทมนตร์ฟื้นฟูเสียอีก
แม้ว่าอัตราการเติบโตที่น้อยนิดจะเป็นจุดอ่อน แต่ผลลัพธ์ของมันนับว่าล้ำเลิศยิ่งกว่าหากเทียบกับเวทมนตร์ของพวกนักเวท นักดนตรีในตอนนี้ยังไม่มีกระดานพูดคุยข่าวสารอย่างเป็นทางการอันใด ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เลือกเดินสายอาชีพนี้ต่างก็ต้องห่อเหี่ยวเพราะโดนผู้เล่นอื่นทอดทิ้งจนต้องไปยกเลิกเส้นทางอาชีพกันจ้าละหวั่น
ทว่า กฎแห่งเกมย่อมไม่ทอดทิ้งพวกเขา หากผ่านพ้นมาได้ก็สามารถเป็นได้ถึงตำนานมีชีวิต...
ตัวละครที่มีแต่ปัญหามากมายและความอ่อนแอที่ล้นพ้นในช่วงต้น หากผ่านไปได้มันจะกลับกลายเป็นตัวละครที่เหนือล้ำ แต่เรื่องพวกนี้ทางเกมไม่ได้แจ้งแต่อย่างใด จะทราบได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นสามารถฟันฝ่ามาได้เท่านั้น
แต่ความเป็นจริงนี้ หากเป็นผู้ที่เคยเล่นเกมมาก็สมควรพอรู้อะไรมาบ้าง แม้ว่าจะไม่ต้องพูดกล่าวออกมาก็ตาม
แม้ว่าพวกอันธพาลเหล่านี้จะพบเห็นโรโค่ที่เข้าร่วมจึงตัดสินใจเร่งพุ่งเข้าขัดขวาง แต่แล้วกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต่างไม่ปล่อยให้การโจมตีเข้าถึงมาสคอตนำโชคของพวกเขาเป็นแน่
“ไอ้หนูพวกนี้คิดเหรอว่าพวกเราจะปล่อยให้พวกมันยื่นมืออันโสโครกไปแตะต้องน้องน้อยผู้น่ารักของเราได้?”
พวกอันธพาลเริ่มล้มลงอย่างรวดเร็วเพราะกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนเข้ารุมกว่าสามถึงสี่คน ความรุนแรงนี้ยังคงดำเนินต่อไปกว่าสิบนาที
ท้ายที่สุดแล้วชัยชนะอันแน่นอนนี้ย่อมสามารถคาดเดาได้
แม้ว่าจะมีผู้ต่อต้านสามคนตายไป พวกที่เหลือต่างก็จบลงที่สภาวะวิกฤต จัสติสแมนจึงหันไปสั่งการ
“จับพวกมันมารวมกัน แล้วมัดเอาไว้ด้วย”
“ครับ!”
หมายเลข 1402 ที่รู้จักกันในฐานะผู้ซ่อมแซมและมีทักษะพิเศษเฉพาะทางอย่าง ‘มัด’ จึงจัดการมัดพวกเขาและโยนเอาไว้ในห้องเดียวกัน เมื่อเรื่องราวเรียบร้อยดีแล้ว พวกอันธพาลทั้งเจ็ดคนที่ออกไปก่อนหน้านี้เพิ่งจะกลับมา
“ไอ้บัดซบลอเร็นโซ่! ถึงกับหลอกพวกเรา...! หือ? พวกแกมาทำอะไรที่นี่?”
“พวกเรางั้นรึ?”
“ผดุงความยุติธรรม!”
กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต่างตะโกนออกมาพร้อมเพรียงกัน
ตุบ ตับ! ตึง! ฟึ่บ!
ไม่ช้า ใบหน้าของพวกอันธพาลที่เหลือต่างก็เต็มไปด้วยรอยแผล
และนี่ก็เป็นอีกครั้ง มีนักรบตายไปอีกคนหนึ่ง มีอันธพาลทั้งสิ้นสิบสี่คนที่ถูกจับตัวเอาไว้ได้
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องราวได้แล้วมั้ง?”
จัสติสแมนเข้ามาในห้องที่พวกอันธพาลโดนขังเอาไว้พร้อมเริ่มปฏิบัติการ ‘กลับตัวกลับใจ’
“ก็นะ ลอเร็นโซ่เล่าเรื่องราวของพวกแกให้ฉันฟังหมดแล้ว”
จัสติสแมนกระแอมไอออกมาขณะเปิดปากพูด
“ทุกวันพวกแกเอาแต่ข่มขู่และบีบบังคับ กระทั่งทำให้คนที่กลับตัวกลับใจแล้วต้องฝืนใจกระทำเพื่อเงินให้กับพวกแก! พวกแกก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ จะน้อยจะมาก ฉันก็ไม่คิดว่าพวกแกจะมีพื้นฐานที่เลวชั่วขนาดนั้น ไม่ว่าใครต่างก็เคยทำเรื่องผิดพลาดเพื่อมีชีวิตรอดอยู่ต่อ แต่เส้นทางที่พวกแกเลือกมันผิดและยากจะหวนกลับ แต่ชีวิตมันยาวนานกว่านั้น แม้ว่าพวกแกจะคิดได้ก็ตอนที่สายเกินแก้ แต่มันก็ยังมีวิธีแก้ไข ตอนนี้คือโอกาสนั้น พวกแกคิดอยากชุบตัวเป็นคนใหม่ล้างมือทำเรื่องดีบ้างหรือไม่?”
“อย่ามาพูดบ้า ๆ”
“ก็ไม่รู้หรอกนะพวกแกคิดอยากทำอะไร แต่อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายแบบนี้เชียวล่ะ”
“ถ้าพวกแกได้พบลูกพี่ก็จะเข้าใจเอง... หึหึหึ ลอเร็นโซ่ แกเองก็ด้วย ใช่แล้ว พวกแกทั้งหมดต้องโดนฝังทั้งเป็นพร้อมไอ้แก่นี่”
เขาอุตส่าห์แนะนำจากใจจริง แต่แล้วสิ่งที่ได้กลับคืนมาคืออะไร เส้นเลือดแทบเต้นตุบตับอยู่บนหน้าผากของจัสติสแมนแล้ว
“อืม คงต้องให้รับรู้ถึงมิตรภาพเสียบ้างแล้วมั้ง? จักตู!”
“ครับ! เฮ้ย แกคนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้น่ะ”
จักตูเผยรอยยิ้มพึงใจขณะดึงอันธพาลคนดังกล่าวออกมา
อันธพาลคนดังกล่าวพลันตึงเครียด หากมองจากสภาพการณ์แล้ว ไม่ว่าใครต่างก็เดาออกว่าความรุนแรงจะต้องเกิดขึ้นแน่ ทว่า ไม่ช้า ใบหน้าของพวกเขากลับต้องกลายเป็นบิดเบี้ยวไป
“อ้าปาก!”
จักตูบีบปากอีกฝ่ายขณะบังคับให้ฝืนกินอาหารเข้าไป
นี่เรื่องบ้าอะไร?
ตลกหรือ? นี่เล่นตลกกันอยู่หรือไง?
พวกอันธพาลต่างหัวเราะออกด้วยสีหน้าโง่งม แต่แล้วขณะนั้นเอง เลือดพลันพรั่งพรูออกจากปากของอันธพาลคนที่กินอาหารเข้าไป อันธพาลคนอื่นที่เริ่มโดนฝืนให้กินต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
“อะไร นี่มันบ้าอะไร?”
“พิษ?”
พวกอันธพาลเหล่านี้ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาสับสน คนที่จะอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ก็กำลังร่างสั่นเพราะกินอาหารเข้าไป
โดยไม่รู้ว่ามันคือพิษอะไร ความหวาดกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจของพวกจนมากล้น เรื่องนี้เป็นลอเร็นโซ่เคยประสบพบเจอมาก่อน เขายังต้องสั่นเทิ้มขณะนึกย้อนกลับไป
อาหารที่ยัดเยียดให้พวกมันกินล้วนเป็นจานรวมมิตรพิเศษโดยอาร์ค
จัสติสแมนได้สั่งอาหารเหล่านี้มาหลังได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากลอเร็นโซ่ พวกมันคือจานรวมมิตรที่น่าพรั่นพรึง
ชาวอันธพาลเหล่านี้ที่กินอาหารเข้าไปถึงกับตัวแข็งทื่อไม่รู้ชะตากรรม
“เอาล่ะ ดูเหมือนน่าจะได้เวลาพูดคุยกันแล้วนะ”
จัสติสแมนหัวเราะออกอย่างพึงใจก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้นมา
“พวกแกจงหลับตาลงและมองย้อนไปยังอดีตที่เคยเกิดขึ้น ดูว่าชีวิตพวกแกดำเนินมายังไง วิธีการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กลับง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ พวกแกจะต้องเสียใจหากปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไป ชีวิตใหม่กำลังรอคอยอยู่ตรงหน้าพวกแกแล้ว ฉันจะให้พวกแกได้ใช้ชีวิตเพื่อความยุติธรรม และตอนนี้ ก็เป็นเวลาที่ความยุติธรรมจะต้องออกโรงแล้ว...”
เรื่องราวถัดจากนั้นล้วนเป็นทฤษฎีเรื่องความยุติธรรมฉบับจัสติสแมน
พวกอันธพาลที่ได้รับฟังต่างเผยสีหน้ารำคาญ แต่พวกเขาก็ยังคงอดทน ทว่า มันก็เพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ผ่านไปได้สิบนาทีหลังจบบทเรียนแล้ว ก่อนที่ใครจะพูดกล่าวออกมา จัสติสแมนจึงเริ่มพูดต่อ
“...หากอับอายที่จะกระทำความดี งั้นจะฝึกฝนความยุติธรรมและใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร? แม้ว่าเส้นทางที่พวกแกใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้จะเป็นตามที่หวัง แต่แล้วหากพวกแกยอมเปิดใจรับเอาความยุติธรรมเข้าไป เมื่อนั้นพวกแกจะได้เดินบนหนทางที่เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เอาล่ะ จักตู เริ่มได้เลย!”
“ครับ ได้เลย”
จักตูยืนขึ้นบนแท่นปราศรัยพร้อมเริ่มพูดกล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“เอ่อ ฉันคือหมายเลข 1401 เรียกว่าจักตูก็ได้ ก่อนที่ฉันจะได้หมายเลขที่เหมือนหุ่นยนต์นี้มา ตอนที่ยังเด็กฉันเคยฝันอยากเป็นจิตรกร แต่แล้วตอนที่เพิ่งอายุได้หกขวบ แม่ก็เสียไปขณะที่พ่อเริ่มดื่มเหล้า...”
จักตูเล่าเรื่องราวชีวิตออกมา
มันเป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ต้องเดินบนเส้นทางอันมืดมิด มีส่วนร่วมกับองค์กรที่กระทำสิ่งเลวร้าย มิตรภาพคือสิ่งที่ไม่เคยมี จะมีก็เพียงแต่การหักหลัง
ท้ายที่สุด ชีวิตของเขาจึงต้องถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ ชีวิตของเขาต้องอยู่ในหลุมลึกที่ไม่อาจเห็นแสงสว่าง เรื่องราวเหล่านี้ไม่ว่าใครหากได้ยินเข้าอาจต้องหลั่งน้ำตาออกมา ทว่า การเล่าเรื่องนั้นกลับเป็นไปอย่างยาวนานยิ่ง
สามชั่วโมง... หรือหากนับเวลาในเกม มันคือเวลาทั้งสิ้นเก้าชั่วโมง ทว่า พวกอันธพาลเหล่านี้กลับยังคงกระหายที่จะฟัง มันไม่ใช่เพราะเรื่องราวน่าประทับใจ
แต่มันเป็นเพราะหากสติหลุดลอยไปชั่วครู่ จานอาหารรวมมิตรจะถูกนำออกมายัดเยียดเข้าปากของพวกมันโดยทันที
“มหัศจรรย์!”
“เอ้า ปรบมือ!”
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
ในที่สุดก็จบลงเสียที แม้กระทั่งพวกอันธพาลยังต้องหลั่งน้ำตาเพราะจบสิ้นเสียที แต่มันกลับไม่ใช่...
เมื่อจักตูที่พูดโดยไม่หยุดพักได้จบเรื่องราวลงแล้ว ต่อไปจึงเป็นหมายเลข 1402 ที่ออกมาเล่าเรื่องราว ‘ฉันเองก็มีชีวิต’ ตามมาติด ๆ
เรื่องต่อมาคือ ‘ถ้าหากฉันคิดได้’ พูดโดยหมายเลข 1403 จากนั้น ‘ข้าวในคุก’ เป็นหมายเลข 1404 เล่าเรื่อง... การเล่าเรื่องพวกนี้มีเป้าหมายเพื่อเกลี้ยกล่อม แต่แล้วเวลาที่ใช้ไปจนกระทั่งหมายเลข 1406 เล่าเรื่องราวจบ มันก็ผ่านไปทั้งสิ้นสองวันในโลกความเป็นจริงแล้ว
ในเกมก็เท่ากับหกวัน
แน่นอนว่า กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต่างผลัดกันไปนอน แต่ทางด้านกลุ่มอันธพาลกลับต้องถ่างตารับฟังเรื่องราว หากหลุดลอยไปครู่จะได้รับอาหารจานพิเศษ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนดวงตาของพวกมันแทบแดงก่ำไปด้วยเลือดแล้ว
“เอาล่ะ รอบนายแล้ว หมายเลข 1407”
“ดะ-เดี๋ยว รอก่อน!”
พวกอันธพาลต่างร่ำร้องออก
“พวกเราได้ฟังพอแล้ว”
“ใช่แล้ว สิ่งที่พวกเราได้ทำไป... พวกเราเสียใจจริง และคิดจะฆ่าตัวตายชดใช้บาป!”
“ตอนนี้พวกเราคิดล้างมือเพื่อกลายเป็นคนใหม่แล้ว”
“ใช่ พวกเราไม่ขอฟังอีกต่อไป พวกเราจะคงอยู่เพื่อความยุติธรรม!”
“เพราะงั้น ได้โปรด หยุดเล่าเรื่องเสียที...”
พวกอันธพาลต่างส่งสายตาแดงก่ำเปี่ยมน้ำตาขอร้องออกมา
“อืม... พวกแกสำนึกแล้ว? จากนี้ไปจะทำแต่ความดี?”
“ใช่ ตามนั้น”
“งั้นก็มีอีกคำถามที่ฉันอยากถาม”
จัสติสแมนเริ่มลูบหนวดขณะเปิดปากกล่าวขึ้น
“มีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามสังหารคนดีอยู่บริเวณนี้ พวกแกจะจัดการกับพวกมันยังไง? หากพวกแกคิดพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการสังหาร พวกเราจะไม่ยอมรับการกลับตัวกลับใจครั้งนี้และจะป้อนอาหารให้เยอะขึ้นด้วย”
“คนชั่วเหล่านั้นจะต้องถูกนำความยุติธรรมออกมาตีแผ่!”
“ใครกันที่จะทำแบบนั้น?”
“หือ? อา แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเรา!”
“รู้ใช่ไหมว่าเรื่องราวไม่ง่ายแถมยังอันตราย?”
“เพื่อความยุติธรรมแล้วไม่มีอะไรต้องหวั่นเกรงแม้ชีวิต!”
พวกอันธพาลต่างตะโกนออกคล้ายเข้าภวังค์ลัทธิอะไรสักอย่าง
มันคือสิ่งที่ออกมาจากใจจริง
พวกมันต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในห้องที่มืด รับฟังเรื่องราวของกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนจนเวลาผ่านไปทั้งสิ้นถึงหกวันด้วยกัน
พวกอันธพาลเหล่านี้โดนล้างสมองจนสิ้นแล้ว