เล่ม 5 ตอนที่ 3 : กลับตัวกลับใจ (2) [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ARK ลงทุกวัน เวลา 10.50-11.00 น.
วันจันทร์-ศุกร์ : ลงวันละ 1 ตอน
วันเสาร์-อาทิตย์ : ลงวันละ 1 ตอนขึ้นไป
==========
เล่ม 5 ตอนที่ 3 : กลับตัวกลับใจ (2)
ภายในป่าก่อนหน้านี้ ทั้งจัสติสแมน โรโค่ และกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต่างได้รับการยกระดับครั้งใหญ่
พวกเขาได้ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ในป่าที่หนาแน่น พวกมันเหล่านั้นล้วนเลเวลเกินกว่า 100 เพราะงั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงนับว่าดีเอาการ
หลังเรื่องราวในป่าผ่านพ้น จัสติสแมนก็เลเวลเกินกว่า 60 ไปนานแล้ว ส่วนคนอื่นเพิ่งเข้าถึงเลเวล 60 เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
โรโค่ยังสามารถช่วยฟื้นฟูได้แม้จะเลเวล 40 ก็ตาม... นี่หมายความว่ากลุ่มปาร์ตี้ทั้งสิบสองคนนี้หาได้มีพลังอำนาจที่ธรรมดาไม่
ทว่า คู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นมือสังหารสามคนที่เลเวลสูงถึง 120
“อย่างที่จักตูว่า ในความเป็นจริงพวกเราอาจมีโอกาสชนะได้ แต่นี่คือในเกม มันยากที่จะชนะเพราะเลเวลที่ต่างกันอย่างมหาศาล”
ทั้งพลังโจมตีและป้องกันในตอนนี้นับว่าต่างชั้นเกินไป
ส่วนต่างของเลเวลระหว่างพวกเขาและอาร์คที่สู้กับมือสังหารได้อย่างหนึ่งต่อหนึ่งนั้น มันห่างกันราวคูณสองเลยทีเดียว นับว่าใหญ่หลวงเอาการ
“ถ้าหากพวกเรามีกันเพียงแค่หนึ่งหรือสองคน พวกเราย่อมไม่มีโอกาสได้ทำอะไรพวกอันเดลทั้งสี่คนเป็นแน่”
ตอนนี้จัสติสแมนได้กลายเป็นเกมเมอร์คนหนึ่งไปแล้ว
จัสติสแมนในอดีตย่อมไม่รู้เรื่องราวอะไร แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง เขารับรู้แล้วถึงความสามารถและระบบเลเวลภายในเกม
ถ้าหากอาศัยเพียงแค่ฝีมือ จัสติสแมนย่อมมั่นใจว่าไม่มีใครต้านทานเขาได้ แต่หากเป็นในเกม ถ้าหากผู้เล่นเลเวล 10 เข้าโจมตีผู้เล่นเลเวล 100 ด้วยดาบแล้ว เขามั่นใจว่ามันคงไม่สร้างความเสียหายอะไรให้
หรืออีกทางหนึ่ง ถ้าหากผู้เล่นเลเวล 100 โจมตีเข้าใส่ผู้เล่นเลเวล 10 เข้าล่ะก็ ผลลัพธ์ย่อมต้องเป็นความตายอย่างไม่ต้องสงสัย มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันสักนิด
หนทางเดียวที่ผู้เล่นเลเวลต่ำกว่าจะสามารถเอาชัยเหนือผู้ที่เลเวลสูงกว่าได้ ย่อมมีเพียงแต่การใช้จำนวนเข้าแลก
แต่ว่า หากใช้จำนวนสิบสี่รุมสี่นั้น... มันก็ยังไม่ใช่จำนวนที่จะเรียกได้ว่าเหนือกว่าอย่างสิ้นเชิงได้
“ถ้าพวกเราตายที่นี่ มันก็จะยิ่งทำให้อาร์คหนักใจมากขึ้น”
“แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ เขาก็ต้องจบสิ้นอยู่ดีนี่?”
“พวกเราต้องหาหนทาง”
จัสติสแมนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะมองไปยังซิดและกล่าวถามขึ้น
“ซิด?”
“ครับ”
“ก่อนหน้าที่อาร์คจะเผชิญหน้าพวกมัน เขาไปทำอะไร?”
“เรื่องนั้น...”
ซิดมองไปทางลอเร็นโซ่ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้ฟัง
มันเป็นภารกิจของเจ้าของร้านขายของที่เกี่ยวข้องกับลอเร็นโซ่ หลังจากพวกเราได้รับฟังเนื้อหาของภารกิจแล้ว ทั้งจัสติสแมนและเหล่าผู้โดนทัณฑ์บนต่างก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาทางใบหน้า
“เจ้าอาร์คนั่น... ถึงกับทำภารกิจแบบนี้ด้วย?”
ท้ายที่สุดแล้วจัสติสแมนถึงกับพูดเสียงขึ้นจมูก
จัสติสแมนเคยเป็นอดีตสารวัตรที่ได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้มามากมาย
เคยเป็นอดีตอันธพาล แถมยังต้องทำตามความต้องการขององค์กร ถูกไล่ต้อนจนเข้าตาจนและต้องก่ออาชญากรรมอีกครั้ง...
เป็นเพราะเคยประสบพบเจอในความเป็นจริงมาแล้ว จัสติสแมนจึงยอมรับเรื่องราวของลอเร็นโซ่ได้โดยง่ายดาย
กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต่างก็เคยประสบพบเจอเรื่องราวแบบนี้มาโดยตรงต่างก็ไม่ได้พูดกล่าวสิ่งใดออกมา
ทว่า พวกเขาต่างยอมรับลอเร็นโซ่ในฐานะหนึ่งในพวกเขา
“ลอเร็นโซ่ เจ้าคงเจ็บแค้นใจมากเลยสินะ”
“ข้า? ก็... ไม่...”
“และดูเหมือนอาร์คก็จะคิดเช่นเดียวกัน...”
หากเป็นคนที่ดูดีอยู่แล้ว หากทำเรื่องดี มันก็จะยิ่งทำให้ดูดีมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะเป็นภารกิจภายในเกม แต่ความเป็นจริงที่เขาพยายามช่วยลอเร็นโซ่ให้พ้นเงื้อมมือองค์กร เพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนเพิ่มความนับถือต่ออาร์คมากขึ้นแล้ว
หลังจากที่จักตูพิจารณาเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาจึงเปิดปากพูดกล่าวขึ้นมา
“พี่น้อง นี่อาจมีความเป็นไปได้”
“ว่าอะไร?”
“เรื่องของอาร์คนับว่าเร่งด่วน แต่ไม่ใช่ว่าลอเร็นโซ่ก็มีสิ่งที่ต้องทำหรอกหรือ?”
“อืม ก็จริง แล้วพวกเราควรทำยังไงกัน”
“งั้นจะว่ายังไงหากพวกเราสามารถทำสองสิ่งไปพร้อมกันได้?”
จักตูพูดขึ้นให้จัสติสแมนฟังเป็นการลับ
จากนั้นความมีชีวิตชีวาพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของจัสติสแมน
“โอ้ ฟังดูไม่เลวเลยนี่! เฮ้ ซิดใช่ไหม? ภารกิจของอาร์คพวกเราก็ทำได้ใช่ไหม?”
“ครับ? งั้น... เชิญผมเข้าปาร์ตี้ด้วยครับ”
หลังจากซิดร่วมปาร์ตี้กับจัสติสแมนแล้ว เขาจึงทำอะไรบางอย่างกับหน้าต่างระบบ หลังจากนั้นไม่นาน หน้าต่างข้อมูลภารกิจจึงโผล่ขึ้นตรงหน้าจัสติสแมน
=====
ปาร์ตี้ของผู้เล่นซิดต้องการแบ่งปันภารกิจที่กำลังดำเนินอยู่ [กอบกู้ชื่อเสียงของลอเร็นโซ่] หากท่านยอมรับจะได้รับการแบ่งปันรางวัล แต่หากภารกิจล้มเหลว ท่านก็จะได้รับบทลงโทษเช่นเดียวกัน ท่านต้องการร่วมการแบ่งปันหรือไม่?
=====
“โอ๊ะ โชคดีนะที่ภารกิจนี้มันแบ่งปันกันได้”
“งั้นก็ตามนี้ มาทำให้สำเร็จกันเถอะ”
“พูดอะไรกันเนี่ย?”
กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนทั้งหมดต่างเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงใคร่สงสัย
“กลับตัวกลับใจ!”
“หือหา?”
“เจ้าพวกที่มายุ่มย่ามกับลอเร็นโซ่ ท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะต้องกลายมาเป็นพี่น้องที่เชื่อฟังคำสั่งของพวกเรา พวกเราจะต้องทำทุกสิ่งอย่างเพื่อเปลี่ยนใจให้พวกมันมาเข้าข้างลอเร็นโซ่ให้ได้ พวกเราจะมอบโอกาสให้กับมัน ดังนั้นแล้ว ฉันจะเป็นคนไปทำให้พวกมันต้องคิดใหม่ ให้พวกมันเข้าร่วมกับฝ่ายความยุติธรรมเอง”
จัสติสแมนยิ้มกล่าวออกมา
“แน่นอนว่า เมื่อใดที่พวกมันเข้าร่วมกับความยุติธรรม พวกเราจะเพิ่มจำนวนกำลังคนได้ ยกตัวอย่าง อาจจะสามารถจับมือสังหารพวกนั้นได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ...”
นี่เป็นแผนการที่จักตูเสนอขึ้นมา
เพิ่มจำนวนคน พวกคนที่ข่มเหงลอเร็นโซ่ส่วนใหญ่แล้วเลเวลไม่ได้สูงไปกว่า 60 หากล่อลวงพวกอันธพาลเหล่านั้นและบังคับให้ย้ายฝ่ายได้ อย่างนั้นแล้วจำนวนของกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าโดยทันที
จากสิบสี่ปะทะสี่ จะกลายเป็นยี่สิบแปดปะทะสี่
กระทั่งว่ามีความต่างของเลเวลที่ค่อนข้างมาก แต่ถ้าหากมีจำนวนมากกว่าถึงเจ็ดเท่าตัวแล้วล่ะก็ มันก็คุ้มค่าที่จะลอง!
“ดีมาก”
“เอาล่ะ ได้เวลาไปทำสิ่งที่ถูกต้องกันแล้ว”
นิวเวิลด์นับเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมกลับตัวกลับใจให้กับพวกอดีตนักโทษ
โปรแกรมการปรับตัวเข้ากับสังคมของพวกเขาคือการใช้ความยุติธรรม!
อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ได้เป้าหมายในการทำภารกิจแล้ว
* * *
“เจ็ดคน ให้มุ่งหน้าไปตามจุดที่กำหนดไว้”
ลอเร็นโซ่พูดเสียงเบาออกมา
จัสติสแมนพยักหน้ารับขณะมองไปยังอาคารเก่าหลังหนึ่ง
“เอาล่ะ ที่กบดานตรงหน้านี้สมควรมีคนอยู่ประมาณสิบคนได้”
หลังจากที่พวกเขาวางแผนการภายในกระท่อมเสร็จเรียบร้อย จัสติสแมนจึงเข้าสู่ไคโร้ทโดยใช้งานม้วนคัมภีร์ [ลวง]
จัสติสแมนรับหน้าที่นำกลุ่มคน ครั้งที่เขายังเคยเป็นสารวัตรในเกาหลีใต้ จัสติสแมนถึงขั้นเคยกระโดดโผล่เข้าไปท่ามกลางวงล้อมอาชญากรที่ติดอาวุธครบมือด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเรื่องราวพวกนี้ต่างทำเอาอาชญากรทุกคนต่างหวาดกลัวแม้กระทั่งอยู่ในบ้านพักของตัวเอง... อย่างน้อย จัสติสแมนก็เคยใช้ชีวิตเช่นนั้นมาก่อน
แม้พวกอาชญากรจะไม่กล้าทำอะไรโดดเด่นจนจัสติสแมนต้องออกโรง แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ร่างกายหย่อนยาน
ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือเหนือล้ำสักเพียงใด กระทั่งว่าซุปเปอร์แมนยังไม่อาจเป็นอมตะได้
นอกจากนี้ ตั้งแต่สมัยยังเป็นสารวัตรแล้ว ในช่วงปีบ่อยครั้งที่เขาจะเข้าปะทะกับเหล่าร้ายต่าง ๆ
มันทำให้แม้เขาจะอยู่เพียงลำพังก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
นั่นจึงทำให้เขาได้รับผิดชอบตำแหน่งผู้บัญชาการของหน่วยงาน
เพราะแบบนั้น เขาจึงเป็นที่รู้จักในเขตทิศใต้ของเมือง อีกทั้งเขายังเคยเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบต่อต้านการก่อการร้าย อีกทั้งยังเคยได้รับการไปฝึกพิเศษที่ทวีปอเมริกาใต้ ทั้งหมดนี้จึงทำให้เขาได้กลายเป็นตำนานมีชีวิตคนหนึ่งก็ว่าได้
และผู้กล้าในตำนานดังกล่าวนั่น ตอนนี้กำลังเผยซึ่งความสามารถอยู่ภายในเกม
‘พวกเหล่าร้ายที่อยู่ในที่แห่งนี้น่าจะเลเวลประมาณ 60~70’
อีกทางหนึ่ง เลเวลเฉลี่ยของกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนคือเลเวล 50 ปลาย ๆ
ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นผู้เล่นแถมยังมีเลเวลมากกว่าถึง 10 ระดับแบบนี้ โอกาสก็นับว่าน้อยนิดแล้ว ทว่า หากศัตรูเป็นเอ็นพีซี นั่นก็ไม่น่าใช่ปัญหาอะไรที่จัสติสแมนและกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนต้องเป็นกังวลว่าจะได้รับชัยชนะหรือไม่
‘ปัญหาอยู่ที่พวกมันจะมีกันเท่าไหร่นี่แหละนะ’
คนร้ายพวกนี้สมควรมีจำนวนราวสิบเจ็ดถึงยี่สิบคนได้
หรือก็คือ รวมจัสติสแมน โรโค่ ลอเร็นโซ่ และซิด รวมทั้งผู้โดนทัณฑ์บนเข้าไปด้วยแล้ว พวกเขาก็จะมีกันทั้งสิ้นสิบสี่คน ด้วยความต่าง 10 เลเวล แถมถ้าหากอีกฝ่ายยังคนเยอะกว่าก็ออกจะยากเล็กน้อยแล้ว
นอกจากนี้ เป้าหมายของจัสติสแมนไม่ใช่ได้รับชัยชนะ เขาต้องการที่จะสะกดข่มโดยไม่สังหาร เพื่อที่จะให้พวกเขาเปลี่ยนใจมาเข้าข้างเดียวกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า งานในครั้งนี้คือการจับเป็นไม่ใช่การสังหาร
‘พวกเราไม่มีทางอื่นเพิ่มจำนวนคนได้อีกแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนั้น นี่ก็คงเป็นวิธีการเดียว เราต้องลดจำนวนของพวกมันลง’
นี่คือข้อสรุปที่จัสติสแมนคิดออกมาได้
“เป้าหมายของพวกมันคือบีบบังคับให้ลอเร็นโซ่กลับเข้าองค์กร พวกนายอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าหากลอเร็นโซ่เป็นนกต่อไปเรียกพวกมันออกมา พวกมันย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกตามมาแล้ว”
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ลอเร็นโซ่ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังที่กบดานดังกล่าว
[ฉันจะกลับเข้าองค์กร แต่ก่อนหน้านั้น มันมีปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ เพราะงั้นมาพบที่กระท่อมของฉันด้วย]
ไม่ช้าหลังจากนั้น เหล่าร้ายทั้งเจ็ดคนได้มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งนัดพบ พวกที่เหลืออยู่ภายในก็สมควรมีราวสิบคนได้ หากเป็นจำนวนเท่านี้ก็พอมั่นใจได้แล้วว่าจะมีชัยเหนือพวกมัน
“ดีล่ะ ก่อนที่พวกมันจะพบเห็นแล้วกลับมา เริ่มกันเลย!”
“อืม จะปลูกฝังความยุติธรรมให้พวกมันยังไงดี?”
“มาคิดเรื่องนี้กันก่อนแล้วค่อยออกไปดีกว่า”
“ได้เวลาขยับขยายกลุ่มกันแล้ว”
เหล่าผู้โดนทัณฑ์บนต่างนำเอาอาวุธออกมาพร้อมรอยยิ้มน่าขนลุก
ทั้งท่อเหล็ก มีดแล่เนื้อ โซ่... ถ้าหากสิ่งของพวกนี้จะปรากฏในหนังอันธพาลตีกันแล้วล่ะก็ มันไม่น่าแปลกใจอะไรเลยสักนิด
สิ่งเหล่านี้พวกเขาล้วนได้รับมาจากพื้นที่ต้องห้ามในแจ๊คสัน บึงเน่านั่นเอง
แม้รูปลักษณ์ของพวกมันจะไม่ได้พิเศษอะไรนัก แต่พอเป็นบุคคลเหล่านี้ถือแล้ว... มันก็นับว่าเป็นอาวุธที่ข่มขวัญได้ดีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นอาวุธระดับวิเศษ
ท่อเหล็กช่วยเพิ่มความเร็วโจมตี มีดแล่เนื้อเพิ่มโอกาสการทำคริติคอล และโซ่ก็ช่วยให้เกิดสภาวะผิดปกติมึนงง
ในฐานะตัวแถมแล้ว ซิดถึงกับโดนจุดประกายความหวาดกลัวออกมา
‘เหมือนที่คิดไว้เลย คนพวกนี้ไม่ธรรมดาจริงด้วย’
ตอนนี้ กลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนกำลังนำอาวุธทั้งหลายที่พร้อมใช้ต่อสู้ของเหล่าร้ายเดินเข้าไป มันไม่ต่างกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลย ไม่สิ ไม่ว่าจะทั้งตัวนักแสดงหรือว่าสถานการณ์ก็ล้วนไม่แตกต่าง
ตึง ตึง!
เมื่อเตะประตูอาคารขณะเดินเข้าไปภายใน พวกเขาจึงเริ่มมองสอดส่องสภาพรอบด้านที่อยู่ภายใน
ด้วยความที่ประตูบานนั้นถูกเปิดออกอย่างแรงจึงทำให้มีฝุ่นคลุ้ง... และตอนนี้จัสติสแมนที่อยู่ด้านหลังกำลังเผยเสียงหัวเราะออกมา
“พวกนาย จับกุมพวกมันทั้งหมดซะ”
“หือ จับกุม?”
“นั่นพูดอะไรของมัน? ตาลุงนี่เป็นใคร?”
เหล่าร้ายที่อยู่ข้างในต่างเผยน้ำเสียงประหลาดใจ
“อา... น่าอับอาย พวกนายอย่าทำบรรยากาศเสียสิ ลืมสิ่งที่ต้องท่องในสถานการณ์แบบนี้ไปแล้วหรือไง?”
จัสติสแมนผลักคนอื่นขณะก้าวเดินเข้ามาด้านหน้า
เมื่อผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มก้าวเดินออกมา บรรยากาศก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ฉับพลันนั้นเอง เขาพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“คุกเข่าและยอมจำนนซะ เรื่องหนักจะได้เป็นเบา”
ที่จริง จากประสบการณ์ส่วนตัวก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขาจะตอบกลับมายังไง และโดยทันที เหล่าร้ายตรงหน้าจึงตอบสนองกลับมา
“พล่ามบ้าอะไรวะ?”
“เฮ้ย มันบุกรุกเข้ามาก็จัดการมันเลย!”
“ไอ้พวกหมูไม่กลัวน้ำร้อน ตัดลิ้นมัน!”
กลุ่มอันธพาลเริ่มลุกขึ้นขณะพุ่งเข้าใส่
ทว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้โดนทัณฑ์บนกลับรวดเร็วยิ่งกว่า
“ฮ่า! ไอ้โง่พวกนี้มันเอาอะไรมาคิดว่าจะชนะความยุติธรรมได้กัน?”
ขณะฟาดโต๊ะแตกกระจาย พวกเขาเริ่มหยิบจับเก้าอี้มาขว้างปาออกไปขณะเริ่มเหวี่ยงมีดแล่เนื้อเข้าใส่พวกมัน
ภาพฉากพวกนี้เหมือนการวิวาทในหนังอันธพาลเสียจริง