ตอนที่แล้วบทที่ 160 เม็ดยาเพลิงเหลือคณา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 162 ซื้อๆ ขายๆ

บทที่ 161 หลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่


 

ไฟหินงอกจู่ๆ ก็ลุกโชนขึ้น ราวกับสาดน้ำมันลงไปในกองไฟ เปลวไฟพุ่งสูงจรดเพดาน พลังสภาวะก็ทะยานขึ้น

จั่วม่ออดตื่นเต้นตึงเครียดไม่ได้ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมาถึงแล้ว

ไฟหินงอกขนาดมหึมาพ่นเปลวไฟแปลบปลาบไม่ขาดสาย ประดุจสัตว์ประหลาดพิโรธ บรรยากาศหนาวเหน็บกราดเกรี้ยวแพร่กระจายไปทั่ว แม้แต่เส้นชีพจรปราณของจั่วม่อยังได้รับผลกระทบ รู้สึกคล้ายถูกเข็มมากมายทิ่มแทงพร้อมกัน

ซู่รีบรั้งพลังปราณของนางกลับคืน ในเวลาเช่นนี้ พลังปราณของนางมิเพียงไม่มีส่วนช่วยเหลือจั่วม่อ ยังจะเป็นเหตุให้มันเสียสมาธิ

นางเปิดตา จ้องมองจั่วม่อที่นั่งอยู่ตรงหน้านาง ร่างกายมันสั่นสะท้าน บนหน้าผากปรากฏชั้นน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง ลมหายใจพวยพุ่งละไอสีขาวออกมา

ไฟเย็นอันร้ายกาจ!

ซู่ในใจตื่นตะลึง เฝ้ามองจั่วม่ออย่างเคร่งเครียด หากขั้นตอนผสานรวมล้มเหลว ก็ไม่ต้องกล่าวถึงการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ของนางแล้ว

จั่วม่อหัวใจปลอดโปร่ง มันกระทำเท่าที่ทำได้ไปหมดแล้ว ที่เหลือก็สมควรขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต

เมื่อเวลาผ่านไป ไฟหินงอกอันคลุ้มคลั่งค่อยๆ เงียบสงบ เปลวไฟหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดค่อยมีเสถียรภาพ

ไฟหินงอกใหม่ถือกำเนิดขึ้น!

ไฟหินงอกในยามนี้แตกต่างจากกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง ประการแรก ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมราวหนึ่งในสาม แต่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือโครงสร้างของมัน แต่ก่อนไฟหินงอกเป็นสีขาวนวลดุจน้ำนม แต่เวลานี้ไฟหินงอกแบ่งเป็นสามระดับชั้นอย่างน่าประหลาดใจ

ชั้นนอกสุดเป็นเปลวไฟสีขาวน้ำนมเช่นเดิม ชั้นกลางเป็นเปลวไฟสีแดงเข้ม และสิ่งที่ทำให้จั่วม่อแปลกใจมากที่สุด คือเปลวไฟสีดำที่อยู่ตรงใจกลาง แม้ว่าเปลวไฟดำสนิทนี้จะบางเบาเท่าเส้นด้าย แต่ยังคงสามารถพบเห็นได้อย่างง่ายดาย กองไฟทั้งกองเห็นเป็นสามระดับอย่างชัดเจน

ไฟสีขาวย่อมเป็นไฟหินงอก ไฟสีแดงเข้มเป็นไฟหลอมเหลวใต้พิภพที่ดูดกลืนมาจากเม็ดยาเพลิงเหลือคณา เช่นนั้นเส้นใยไฟสีดำนี้เล่า? จั่วม่อกระหายใคร่รู้อยู่บ้าง

หลังจากตรวจสอบดู มันค่อยเข้าใจกระจ่าง เส้นใยไฟสีดำบางเฉียบนี้ ที่แท้เป็นเปลวไฟที่ติดเชื้อสารพิษเมื่อตอนที่มันแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬในครั้งนั้น! หากไม่ใช่การกลายพันธุ์ในคราวนี้ มันคงไม่ได้สังเกตเห็น ว่าในเมล็ดพันธุ์ไฟของมัน ยังมีร่องรอยของพิษร้ายเช่นนี้แฝงเร้นอยู่ สิ่งที่จั่วม่อคิดไม่ถึง คือสารพิษก็สามารถกลายเป็นเปลวไฟด้วย!

เปลวไฟใหม่แตกต่างจากไฟหินงอกดั้งเดิมมาก การควบคุมให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

พลังหยินเย็นเยือกลดน้อยลงอย่างมาก แต่การแปลงระหว่างน้ำแข็งกับไฟ ราบรื่นสะดวกดายยิ่งกว่าเดิม ทว่าจั่วม่อไม่ทราบว่าเปลวไฟสีดำที่ด้านในสุดจะใช้งานเยี่ยงไร? ในหมู่เปลวไฟทั้งสามดวงนี้ ไฟหินงอกมีระดับต่ำสุด ต่อมาเป็นไฟหลอมเหลวใต้พิภพ ส่วนไฟที่มีระดับสูงสุดเป็นไฟสีดำซึ่งจั่วม่อไม่รู้อะไรเลยนี้เอง แต่เมื่อขบคิดใคร่ครวญดู จั่วม่อก็พบว่านี่เป็นเรื่องปกติ เส้นใยไฟสีดำนี้ก่อกำเนิดขึ้นจากการแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬระดับสี่ เช่นนั้นไฟสีดำก็ย่อมเป็นไฟระดับสี่!

ไฟหินงอกเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสองเท่านั้นเอง

จั่วม่อไม่รีบไม่ร้อน ค่อยๆ สำรวจเปลวไฟใหม่อย่างช้าๆ นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ไฟชนิดใหม่อย่างแท้จริง กระทั่งตำรามุกหยินประลัยกัลป์ยังไม่มีจารึกเอาไว้ นั่นหมายความว่าจั่วม่อได้แต่ตรวจสอบทำความเข้าใจด้วยตัวมันเองเท่านั้น

จมลึกอยู่ในการสำรวจเมล็ดพันธุ์ไฟสายพันธุ์ใหม่ จั่วม่อหลงลืมเวลาที่ผ่านไปอย่างสิ้นเชิง

ซู่สังเกตเห็นร่างกายของจั่วม่อกลับสู่ภาวะปกติ ชั้นน้ำแข็งบนหน้าผากมันหายไป ค่อยระบายลมหายใจคราหนึ่ง เห็นจั่วม่อคล้ายจะเข้าสู่ห้วงสมาธิ นางไม่ได้เร่งรัดมัน นั่งลงที่ด้านข้าง โคจรพลังฟื้นฟูพลังปราณในร่างกายนาง นางรอคอยมาเนิ่นนานแล้ว รออีกสักสองสามวันจะเป็นไรไป

 

จั่วม่อพอนั่งลงคราวนี้ ก็นั่งถึงสามวัน

เมื่อมันลืมตาขึ้นอีกครั้ง นอกจากความเหนื่อยล้าแล้ว ในดวงตายังมีประกายเจิดจ้าที่ไม่อาจปกปิดซ่อนเร้นไว้ได้

ซู่คลายใจลง

อีกหนึ่งวันผ่านไป จั่วม่อกลับคืนสู่สภาพที่ดีที่สุด และในที่สุดก็จะเริ่มต้นหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ของแม่นางซู่

จั่วม่อไม่ยินยอมให้ซู่ชมดู หากมีผู้คนอยู่ด้านข้าง ผู้หลอมสร้างจะถูกรบกวนได้ง่าย มันเดินเข้าไปยังห้องสันโดษ วัตถุดิบที่จำเป็นทั้งหมดล้วนถูกวางเตรียมเอาไว้เรียบร้อย มิหนำซ้ำยังมีกองจิงสือไว้สำหรับให้มันใช้ฟื้นฟูพลังปราณอีกด้วย

จั่วม่อหัวร่อถูกอกถูกใจ มันย่อมไม่ปฏิเสธจิงสือ นับจากนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จในการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ มันจะอยู่ภายในห้องสันโดษ แม่นางซู่จะเฝ้าระวังป้องกันอยู่นอกประตูด้วยตัวเอง

จั่วม่อหยิบม้วนหยกขึ้นมาดู ในม้วนหยกบันทึกค่ายกลทั้งหมดที่จำเป็นต้องแกะสลักลงบนชิ้นส่วนกระบี่แต่ละชิ้น รวมถึงวิธีการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่อย่างละเอียด สำหรับวิธีการหลอมสร้างไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ จั่วม่อเพียงเหลือบมองคราวเดียว ก็ทำความเข้าใจกระบวนการทั้งหมดอย่างครบถ้วน

จิตใจของมันถูกดึงดูดเข้าสู่ค่ายกลทั้งสี่อย่างรวดเร็ว

นี่เป็นค่ายกลสี่ชนิดที่มันไม่เคยพบเห็นมาก่อน แค่เรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มันเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ เพื่อให้ผู้หลอมสร้างประสบความสำเร็จในการหลอมสร้างอย่างสมบูรณ์ ภายในม้วนหยกอธิบายค่ายกลทั้งสี่รูปแบบนั้นไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นที่สุด

จนกระทั่งอ่านจบสิ้น จั่วม่ออดสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บไม่ได้

ค่ายกลระดับสี่!

ค่ายกลระดับสี่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสี่ชุด!

เวลานี้จั่วม่อค่อยเข้าใจกระจ่าง ว่าไฉนซู่ไม่สามารถหาคนหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ให้แก่นางได้จนถึงบัดนี้ ชิ้นส่วนกระบี่แต่ละชิ้นจำเป็นต้องสลักค่ายกลระดับสี่ไว้ชุดหนึ่ง ชิ้นส่วนกระบี่สี่ชิ้น จะแกะสลักค่ายกลระดับสี่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงรวมทั้งสิ้นสี่ชุด

มิหนำซ้ำ ระหว่างค่ายกลทั้งสี่ ยังคงมีการเชื่อมโยงอันยอดเยี่ยมพิสดารประการหนึ่ง

จั่วม่อผู้หลงคิดว่ามันเตรียมการมาพรักพร้อมแล้ว ค่อยพบว่าความยากลำบากในการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่คราวนี้ ยังสูงล้ำกว่าที่มันคาดเอาไว้ ทั้งยังสูงกว่ามาก!

มันส่ายหน้าอย่างอับจนปัญญา การค้าคราวนี้ขาดทุนย่อยยับจริงๆ! อาศัยความยากลำบากนี้ มันสามารถเรียกราคาสูงกว่านี้มาก จั่วม่อรู้สึกเศร้าเสียดายอย่างสุดซึ้งที่พลาดโอกาสทำกำไรอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่มันยากจนข้นแค้นถึงเพียงนี้

จั่วม่อดึงความสนใจกลับมายังค่ายกลในม้วนหยก ขั้นแรกมันต้องทำความเข้าใจค่ายกลทั้งสี่ชุดนี้เสียก่อน

หากมันไม่อาจเข้าใจค่ายกลอย่างปรุโปร่ง ไหนเลยจะสามารถสลักค่ายกลอันร้ายกาจเหล่านี้ ลงบนชิ้นส่วนกระบี่ชิ้นเล็กๆ ได้?

หากนี่เป็นช่วงก่อนการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ จั่วม่อจะต้องสะบัดก้นจากไปอย่างแน่นอน เพียงแค่สี่ค่ายกลระดับสี่ที่แตกต่างกันสิ้นเชิงเหล่านี้ แน่นอนว่าเกินขีดความสามารถของมันไปไกลโข แต่เวลานี้จั่วม่อเพิ่งจะยกระดับเมล็ดพันธุ์ไฟของมันสำเร็จ อีกทั้งผ่านการชุบตัวจากม้วนหยกค่ายกลเบื้องต้นของคุนหลุน ความเชื่อมั่นของมันพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด

จั่วม่อตัดสินใจที่จะท้าทายความยากลำบากนี้!

ตามคำบรรยายอย่างละเอียดในม้วนหยก มันเริ่มเข้าใจค่ายกลทั้งสี่ประเภททีละน้อย จากจุดนี้สามารถมองเห็นได้ ว่าม้วนหยกคุนหลุนมีส่วนช่วยเหลือมันมากมายถึงเพียงไหน! ผ่านการศึกษาร่ำเรียนม้วนหยกของคุนหลุน ความรู้ความเข้าใจของจั่วม่อยกระดับขึ้นมาอีกหลายขั้นในรวดเดียว

ค่ายกลระดับสี่ ตามธรรมชาติแล้วย่อมมีจุดที่ลึกซึ้งและคลุมเครือมากมาย อย่าว่าแต่นี่ยังเป็นสี่ค่ายกลระดับสี่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม จั่วม่ออาศัยระยะเวลาห้าวัน ค่อยๆ ไขว่คว้าเค้าร่างคร่าวๆ ของค่ายกลทั้งสี่ทีละน้อยๆ

ครั้นเมื่อค่ายกลทั้งสี่ชุดปรากฏขึ้นตรงหน้ามันในที่สุด ในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกของความสำเร็จที่ยากจะบ่งบอกบรรยาย ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งหมดเลือนหายไป หัวใจสุขสราญ ต้องการกู่ตะโกนให้ก้องฟ้า

จั่วม่อไม่ได้ใช้ค่ายกลเพลิงสี่หวนสองห่วงโซ่ตามที่หลินเชียนแนะนำ มันต้องการใช้โอกาสอันหายากนี้ทดสอบพลังของเมล็ดพันธุ์ไฟใหม่ของมัน

จะอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ธุระของมัน จั่วม่อคิดอย่างไร้เยื่อใย

จั่วม่อวางแม่เหล็กเย็นทั้งสี่ชิ้นไว้ตรงหน้า คราวนั้นที่มันตัดแบ่งแม่เหล็กเย็น แต่ละชิ้นมีขนาดไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตสำหรับมัน

ก่อตั้งค่ายกลรวบรวมปราณ จั่วม่อนั่งลงตรงใจกลางค่ายกล เจดีย์ห้าสีลอยอยู่ตรงหน้า เจดีย์ห้าสีสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมห้าธาตุของมัน ซึ่งรวมการควบคุมธาตุไฟไว้ด้วย

จั่วม่อพลิกฝ่ามือ เมล็ดพันธุ์ไฟใหม่ปรากฏขึ้นเหนือปลายยอดเจดีย์ห้าสี จั่วม่อตัดสินใจตั้งชื่อเมล็ดพันธุ์ไฟชนิดใหม่นี้ว่า ไฟหลอมเหลวขาวดำ เนื่องจากยังเคยไม่มีผู้ใดระบุชื่อมาก่อน มันก็ตั้งได้ตามใจชอบแล้ว

แก่นแกนเป็นสีดำ เปลวไฟสีแดงเข้มอยู่ชั้นกลาง ไฟสีขาวน้ำนมเป็นชั้นนอก

ไฟหลอมเหลวขาวดำลุกไหม้อย่างเงียบสงบ ไม่มีอาการดุร้ายพลุ่งพล่านเมื่อกาลก่อนแม้แต่น้อย เชื่องเชื่ออย่างไร้ที่เปรียบ

จั่วม่อดวงตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง มันโยนแม่เหล็กเย็นชิ้นเล็กๆ เข้าไปในไฟหลอมเหลวขาวดำ

พลังปราณในร่างเริ่มโคจรไปยังไฟหลอมเหลวขาวดำ เปลวไฟเพิ่มสูงขึ้น ห่อหุ้มแม่เหล็กเย็นไว้ภายในอย่างแน่นหนา ขั้นแรกมันต้องใช้ไฟขจัดสิ่งสกปรกในแม่เหล็กเย็น หากเป็นผู้อื่น นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามหาศาล อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สำหรับจั่วม่อ มันมีจิตสำนึกอันทรงพลัง สามารถตรวจพบสิ่งสกปรกในชิ้นแม่เหล็กเย็นได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้ ประสิทธิภาพของมันสูงส่งกว่ามาก

มันใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการกลั่นเกลาชิ้นแม่เหล็กเย็นจนไร้สิ่งเจือปน

ในช่วงเวลาระหว่างนั้น สิ่งที่มันต้องทำคือการรักษาการจ่ายพลังปราณอย่างคงที่ไม่ขาดตอน อาศัยความช่วยเหลือจากค่ายกลรวบรวมปราณกับเจดีย์ห้าสี กระบวนการอันลำบากยากเข็ญนี้กลายเป็นง่ายดายมาก

ขั้นต่อไปคือหลอมสร้างแม่เหล็กเย็นเป็นรูปกระบี่

จั่วม่อสูดลมหายใจลึก ทันใดนั้นเร่งเร้าพลังปราณมากกว่าเดิม ไฟหลอมเหลวขาวดำพุ่งสูงขึ้น ภายในห้องสันโดษ ทั้งร้อนและเย็นในเวลาเดียวกัน สองบรรยากาศที่ตรงกันข้ามกัน กระแทกใส่กันอย่างรุนแรง เสียงแตกระเบิดดังระรัว

ในเปลวไฟ แม่เหล็กเย็นค่อยๆ ละลาย จนกระทั่งกลายเป็นบ่อโลหะร้อนหลอมเหลว

สิ่งที่แปลกประหลาดคือโลหะหลอมเหลวนี้ไม่ได้มีสีแดงฉาน แต่เป็นสีฟ้าปนดำอันพิสดารชนิดหนึ่ง ปลดปล่อยบรรยากาศหนาวเหน็บออกมาอย่างแรงกล้า

ด้านล่างของเปลวไฟหลอมเหลวขาวดำ เจดีย์ห้าสีทันใดนั้นก็หมุนรอบตัวเองช้าๆ แล้วเร่งเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นเงาห้าสีอันเลือนราง

โลหะหลอมเหลวภายในกองไฟ คล้ายถูกดึงด้วยเรี่ยวแรงที่มองไม่เห็น ค่อยๆ แปรเปลี่ยนรูปร่างอย่างเชื่องช้า

เวลาผ่านไป หยดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากจั่วม่อ ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น ดูคล้ายแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ แต่ภายใต้การควบคุมของมัน ความเร็วในการหมุนของเจดีย์ห้าสีไม่เพียงไม่ลดลง ถึงกับยังรวดเร็วขึ้นไปอีก!

ภายในเปลวไฟ โลหะหลอมเหลวไหลเลื่อนอย่างเชื่องช้า เกือบจะมีเค้าโครงรูปกระบี่แล้ว

เวลานี้จั่วม่อค่อยมีโอกาสพักหายใจ ปรับพลังปราณเล็กน้อย ค่ายกลรวบรวมปราณรอบกายมันถูกใช้จนเกลี้ยงฉาด สลายกลายเป็นฝุ่นผง มันฉวยโอกาสนี้ก่อตั้งค่ายกลรวบรวมปราณขึ้นใหม่อีกชุด ขั้นตอนสำคัญที่สุดกำลังจะมาถึง!

จั่วม่อถลึงตากว้าง ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย

โลหะหลอมเหลวเริ่มค่อยๆ แข็งตัวขึ้น ทันใดนั้น โลหะหลอมเหลวสีฟ้าปนดำพลันปรากฏสีฟ้าสดใส

จั่วม่อหัวใจโลดขึ้น สองมือคลี่ออกประหนึ่งบุปผาบาน ร่ายเวทวิชาติดต่อกันเป็นชุด ลำแสงพวยพุ่งออกจากมือ ตรงไปยังชิ้นส่วนกระบี่ภายในกองไฟ ชิ้นส่วนกระบี่กลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ผิดท่าแล้ว เปลวไฟไม่มีพลังมากพอ!

จั่วม่อขบกรามแน่น โคจรพลังปราณอีกหน เปลวไฟสีดำที่ใจกลางของไฟหลอมเหลวขาวดำ ประดุจลิ้นสีดำเรียวยาวฉกวูบ เลียใส่ชิ้นส่วนกระบี่ตรงๆ ในเวลาเดียวกัน สองมือของมันก็ร่ายกระบวนท่าออกอย่างพร้อมเพรียง!

ลำแสงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเข้าไปในเปลวไฟไม่ขาดสาย

ชิ้นส่วนกระบี่สีฟ้าสดใสทันใดนั้นก็สว่างจ้า เมื่อลำแสงจากเวทวิชาพุ่งลงบนชิ้นส่วนกระบี่ ราวกับว่าลำแสงสลักลวดลายลงบนพื้นผิวของชิ้นส่วนกระบี่ มองเห็นได้ชัดเจน

จั่วม่อไม่กล้าหยุดชะงัก เบิกตากว้าง เร่งเร้าพลังปราณทั่วร่าง ผมเผ้าลุกชี้ชัน ร่างกายประดุจวังวนอันรุนแรง พลังปราณจากค่ายกลรวบรวมปราณ ถูกกำลังที่มองไม่เห็นฉุดดึงให้ถาโถมเข้าหามันอย่างบ้าคลั่ง

พลังปราณมหาศาลโถมทะลักเข้าไปในร่างกายมัน แม้จะมีแผนผังปิศาจ แต่จั่วม่อยังรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ มันไม่มีเวลาจะมาโอดครวญ ดรรชนีของมันเร่งเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ ลำแสงจากเวทวิชาพวยพุ่งเข้าไปยังชิ้นส่วนกระบี่อย่างไม่หยุดยั้ง

การหลอมสร้างอย่างรุนแรงสุดขั้วนี้กินเวลาไปถึงสามชั่วยามเต็ม

โลหิตสายหนึ่งไหลปรี่ลงมาจากมุมปากของจั่วม่ออย่างเงียบเชียบ หลั่งรินลงพื้น

ดรรชนีที่รวดเร็วจนดูพร่าเลือน จู่ๆ ก็ชะงักกึกตรงหน้ามัน ลำแสงเวทวิชาสายสุดท้ายประทับใส่ชิ้นส่วนกระบี่ในเปลวไฟอย่างแม่นยำ

ติง!

ชิ้นส่วนกระบี่ครางกระหึ่ม!

ชิ้นส่วนกระบี่เปล่งแสงเจิดจรัสอย่างฉับพลัน จากนั้นสลัวลง จนกระทั่งจางหายไป

เห็นชิ้นส่วนกระบี่สีฟ้าปนดำชิ้นเล็กๆ ลอยนิ่งเงียบอยู่ในอากาศ

 

สิบวันให้หลัง

ซู่ผู้เฝ้าป้องกันอยู่นอกประตู ทันใดนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ความเบิกบานใจระคนประหลาดใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด