เล่ม 5 ตอนที่ 1 : โลกบาดาล (3) [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
==========
เล่ม 5 ตอนที่ 1 : โลกบาดาล (3)
ตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในโลกบาดาลกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขายังไม่พบเจออะไรกระทั่งหมาป่าทั่วไป สถานที่แห่งนี้ไม่คล้ายจะมีมอนสเตอร์ แต่แล้วในไม่ช้า มอนสเตอร์สองตัวพลันปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้ด้านหลังของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบเจอมอนสเตอร์ในสถานที่แห่งนี้
มันดูไปคล้ายมอนสเตอร์จิ้งหรีดที่มีขาสองข้างไว้ใช้เดินไปมา และยังมีมอนสเตอร์ที่มีแผลเต็มตัวกำลังขี่มอนสเตอร์จิ้งหรีดนั่น
“ศัตรูงั้นเหรอ? เนตรแห่งแมว!”
หลังตรวจสอบข้อมูลด้วยเนตรแห่งแมวแล้ว อาร์คแทบต้องรั้งลมหายใจกลับคืน
‘คังกิล? เลเวล... โห 150?’
“อิด! คาร่า! นูส!”
เมื่อมอนสเตอร์ที่ขี่อีกตัวตะโกนขึ้น คังกิลพลันเข้าโจมตีใส่อาร์ค เมื่อมันโจมตีเขาโดน ในทันที พลังชีวิตของเขาจึงหายไปถึง 300 หน่วยด้วยกัน อีกทั้งยังมีสถานะผิดปกติอย่างเลือดไหลจนทำให้เขาต้องสูญเสียพลังชีวิตเพิ่มมากขึ้นไปอีก
‘สวรรค์โปรด มอนสเตอร์ตัวแรกที่เราพบเจอกลับเลเวลสูงถึง 150 เลยงั้นเหรอ!’
อาร์คในตอนนี้เลเวลอยู่ที่ 95 ด้วยโบนัสจากธาตุความมืดทำให้เลเวลของเขาทัดเทียมกับ 120 ได้ ทว่า ไม่ว่าจะความสามารถหรือเลเวล สำหรับอาร์คแล้วมันคือคู่ต่อสู้อันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตอนที่เขาเป็นฝ่ายโดนโจมตีก่อน
อาร์คเร่งร้อนตัดสินสถานการณ์โดยเร็ว
‘จะต่อสู้มันเสี่ยงไป คู่ต่อสู้ไม่ใช่ธรรมดา’
และมันยิ่งกว่าครั้งไหน อาร์คในตอนนี้ไม่อาจตายในที่แห่งนี้ได้
เขายังไม่ได้ย้ายสถานที่เกิดใหม่เลยด้วยซ้ำ หากเขาตายก็ไม่ต้องเป็นที่สงสัย สถานที่เกิดใหม่ของเขาย่อมต้องเป็นสถานที่ที่อันเดลกำลังรอคอยอยู่เป็นแน่
แต่จะให้เสี่ยงต่อสู้กับมอนสเตอร์เลเวลสูงถึง 150 เนี่ยนะ?
“เดดริค เจ้ากะโหลก ใช้แผน D ฉุกเฉิน ซื้อเวลาระหว่างที่ฉันหนี!”
“เชอะ เจ้านาย นี่ต้องให้ข้าตายสินะขอรับ?”
“เงียบน่า! ไม่มีเวลาให้ต่อล้อต่อเถียงแล้ว!”
อาร์คตะโกนขึ้นขณะหันกายกลับ
ด้วยเดดริคและเจ้ากะโหลกที่ยืนหยัดอยู่สองฟากข้าง พวกมันเข้าขัดขวางคังกิลเอาไว้ ถ้าหากคู่ต่อสู้มีสอง งั้นก็จำเป็นต้องใช้แผน D ในกรณีนี้โอกาสที่จะหลบหนีได้มีมากถึง 80% ด้วยกัน นี่เป็นเพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่มักจะโจมตีใส่อะไรที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้ว...!
“ชิค! ชิค! วูรัมบ้า!”
ด้วยภาษาประหลาด เจ้าคังกิลที่ขี่จิ้งหรีดอยู่พลันพบเห็นเขาขณะคว้าบังเหียนโบกสะบัดขณะตะโกนขึ้น เมื่อร่างจิ้งหรีดนั่นพุ่งสูงขึ้นฟ้า มันลอยไปไกลนับสิบเมตรจนกระทั่งมายืนหยัดขวางหน้าอาร์คเอาไว้
หอกที่แหลมคมในตอนนี้กำลังมุ่งเข้าใส่จากทางด้านหน้าแล้ว
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย...!”
อาร์คกลิ้งไปกับพื้นเพื่อหลบเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากโดนหอกเข้าปะทะ
“เจ้านาย พวกเราไม่ผิดนะ!”
“หุบปากแล้วขยับตัวได้แล้ว! ใช้ C-3! ทำอะไรก็ได้หยุดไอ้เจ้านี่ไว้!”
อาร์คพลันส่งเสียงดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
การเคลื่อนไหวของจิ้งหรีดและคังกิลเหล่านี้แทบไม่อาจคาดเดาได้เลย
เขารู้ว่าจิ้งหรีดมันกระโดดได้สูงหลายเมตร ด้วยความที่มันมีทั้งต้นไม้และพุ่มไม้อยู่ตลอดทาง มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะหลบหนีได้พ้น ทว่าเขาก็ยังคงมีสมุนปีศาจคอยถ่วงเวลาให้อยู่
‘ใช่ สมุนปีศาจของเราสามารถรั้งหนึ่งในศัตรูเอาไว้ได้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้พวกมันช่วยเหลือแล้ว’
มันจำต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว! เมื่อคาดเดาสถานการณ์ได้แล้วจึงต้องเริ่มกระทำโดยทันที
“ก็ได้ มาดูกันว่าแกจะไปตรงไหนได้อีก ไอ้ตัวเถาวัลย์นั่นต้องร้องขอชีวิต! เจ้างู เอาดาบมา! ไม่สิ ขอดาบราคาถูกที่สุด!”
อาร์คต้องการดาบที่มีราคาถูกที่สุด
ด้วยการฝึกฝนของอาร์ค เจ้างูในตอนนี้พอจะประเมินมูลค่าของไอเทมโดยประมาณได้แล้ว ไม่ช้า มันนำเอาดาบเล่มหนึ่งออกมาให้ ขณะที่มือของเขาคว้าดาบเอาไว้ในมือก็เตรียมปลดปล่อยทักษะออกโดยทันที
“คมดาบวายุ!”
ดาบเริ่มถูกทำลายแตกออกเป็นชิ้นขณะโหมพัดเข้าใส่คังกิล ทว่า อาร์คก็ยังคงเป็นอาร์ค เขายังคงมีนิสัยคิดเรื่องผลได้ผลเสียแม้กระทั่งในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นตอนนี้ ดาบเล่มนี้อย่างดีก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกว่าสิบชิ้น แต่ละชิ้นจะสร้างความเสียหายได้แค่ 5 หน่วย ความเสียหายพวกนี้จากเศษดาบไม่กี่สิบชิ้นนั้นสามารถทัดเทียมได้กับแค่คมดาบแห่งความมืดด้วยซ้ำ คมดาบวายุยังมีผลลัพธ์พิเศษที่จะช่วยนำเอาธรรมชาติของคังกิลออกมาได้อยู่อย่างหนึ่ง
=====
ท่านได้รับความเสียหายคริติคอล 500 หน่วย!
ท่านติดสถานะเลือดไหล และจะได้รับความเสียหาย 10 หน่วยทุกเวลา 10 วินาที ระยะเวลาส่งผล 1 นาที
=====
ในช่วงที่เขาใช้ทักษะออกไปครู่หนึ่ง เขาจะอยู่ในสภาพไร้การป้องกัน
อาร์คจึงโดนสถานะเลือดไหลและการโจมตีคริติคอลเข้าใส่ ด้วยเหตุนั้น พลังชีวิตของเขาจึงถูกลดทอนไปถึง 40% อย่างรวดเร็ว
“รับไปซะ!”
ความรู้สึกเจ็บแค้นพลันสุมในอกของเขาอีกครั้งหลังไม่เคยเกิดขึ้นมานาน เขาต้องกล้ำกลืนน้ำตาและโลหิตนำเอาดาบที่ดูดีเล่มหนึ่งออกมา มันเป็นดาบที่มีค่าทัดเทียมได้กับเงิน 1 เหรียญทอง!
“ไอ้ตัวบัดซบ! รับการโจมตีหนึ่งหมื่นวอนนี้ไปซะ!”
เรื่องราวในครั้งนี้ ในสายตาของเขาแล้วมันแทบไม่ต่างจากการต้องโยนเงินทิ้งไป แม้ว่ามันจะเป็นเงินภายในเกมก็ตามที
แต่ในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับมูลค่า ผลลัพธ์พิเศษที่ได้ย่อมแตกต่าง เมื่อดาบเริ่มแตกร้าว มันพลันส่งเสียงตูมดังขึ้นขณะรอยร้าวเริ่มกระจายตัว
เศษโลหะที่ก่อเกิดขึ้นเป็นพายุเริ่มโหมซัดเข้าใส่คังกิล
ไม่นานก่อนหน้านี้ คังกิลยังเพียงแค่หัวเราะเพราะการโจมตีนี้ไป แต่ตอนนี้ มันไม่อาจเทียบกับครั้งก่อนได้ พลังอำนาจของเงินเพียงแค่พันหรือสองพันวอนที่เข้าโจมตีใส่ กับพลังอำนาจของเงินนับหมื่นวอนนั้น มันไม่อาจเทียบกันได้เลย...
นี่คือพลังอำนาจแห่งเงินตรา!
คังกิลเริ่มคำรามร้องเสียงดังขณะพลังชีวิตลดหายไปกว่า 40% และตอนนี้มันก็เปิดช่องให้เกิดการทำดับเบิลคริติคอลเพราะจิ้งหรีดนั่นเริ่มร่วงหล่นลงมา อาร์คจึงเร่งร้อนเคลื่อนเข้าไปอย่างว่องไว
“บัดซบ แกคิดไหมว่ากว่าฉันจะหาเงินมาได้มันยากแค่ไหน? เจ้างู เอาพิษร้ายแรงออกมา!”
ดาบเริ่มถูกอาบไล้ด้วยแสงสีเขียวขณะผลลัพธ์ของพิษทำงาน พร้อมกันนั้นเขาจึงใช้คมดาบแห่งความมืดลั่นออกไป ความเสียหายของพิษร้ายแรงได้ถูกเสริมเข้าจนทำให้ค่าความเสียหายนี้รวมเข้ากับการที่ไม่สนพลังป้องกันด้วย คังกิลต้องชะงักจนถอยกลับขณะเร่งร้อนยกหอกของมันขึ้นมา
แต่แล้ว ความโกรธของอาร์คต่อเรื่องเงินนั้นน่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด ขณะที่เขาวิ่งออกไปราวบ้าระห่ำ คังกิลถึงกับแตกตื่น ด้วยความบ้าที่เผยออกนี้ เขาจึงกวัดแกว่งดาบออกสร้างความสับสนขณะโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
“จะ-เจ้านาย! เจ้านายยังไม่ตาย!”
ทั้งเดดริคและเจ้ากะโหลกต่างเข้ามาจากทางด้านหลัง
ศัตรูตรงหน้านับเป็นสิ่งน่าหวาดกลัวสำหรับสมุนปีศาจทั้งสองที่มีเลเวลเพียงแค่ 45 นอกจากนี้จิ้งหรีดยังมีความว่องไว ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาสามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีแล้ว กับคู่ต่อสู้เช่นนี้ย่อมต้องพ่ายแพ้ไปแล้วเป็นแน่
ดวงตาของอาร์คเริ่มเผาไหม้จนกลับกลายเป็นสีแดงฉาน
“ฉันต้องขอชำระความจนกว่าจะคุ้มค่า!”
การต้องเสียดาบมูลค่านับหมื่นวอนไปนั้นทำเอาเขาโกรธจัดอย่างจริงจัง
อาร์คเริ่มส่งเสียงร้องออกขณะพุ่งเข้าใส่คังกิลที่กำลังตั้งการป้องกันอยู่ พร้อมกันนั้นเขาจึงใช้แผน A-2 ออกมา ทุกการโจมตีต่างเพ่งสมาธิลงไปและโรมรันออกร่วมด้วยสมุนปีศาจ ไม่ช้า คู่ต่อสู้จึงตกเข้าสู่สภาวะวิกฤต
“อย่าได้คิดท้าทายอำนาจเงินตรา!”
อาร์คเหวี่ยงดาบออกอีกครั้งขณะลั่นการโจมตีปลิดชีพ
แต่แล้ว ในขณะนั้นเอง คังกิลพลันส่งเสียงกรีดร้องขึ้นขณะคิดหลบหนีโดยการกระโดดขึ้นท้องฟ้าผ่านดงต้นไม้ไป
“ทางนั้น! เดดริค หยุดมันไว้!”
“ขอรับ!”
เดดริคพลันกางปีกออกขณะสะบัดขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่มันไม่เหมือนที่คาดไว้ คังกิลหาได้วิ่งหนีไป มันกลับอาศัยพุ่มไม้หนาข้างริมธารน้ำเข้าไปซ่อนตัวหยุดนิ่งเอาไว้ คังกิลอาศัยดงไม้ที่หนากลบเกลื่อนขณะเริ่มสนทนากัน
“ออริก อา โนราเนส!”
“ทางนี้เจ้านาย!”
เดดริคตะโกนส่งเสียงร้องบอกดังลั่น
ครืน แคร่ก แคร่ก!
ป่ามันเริ่มขยับ ไม่สิ นี่มันเป็นไม้อะไรสักอย่างที่เริ่มขยับต่างหาก
ไม้ต้นใหญ่หลายเมตรเริ่มลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าขณะเข้ามาใกล้อาร์ค ในความมืดนั้น ไม้เลื้อยจำนวนหนึ่งพลันเริ่มเลื้อยออกมา
เขาถึงกับต้องหยุดพวกมันด้วยการใช้ดาบปัดป้อง แต่พลังชีวิตของเขาก็ยังคงลดลง ขณะเดียวกันนั้น ใบหน้าของอาร์คแทบกลายเป็นซีดขาวไป
เขาแทบต้องหุบปากกลั้นลมหายใจ มอนสเตอร์ตรงหน้าที่ปรากฏนี้คือต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ มันเหมือนกับจิตวิญญาณโบราณแห่งแมกไม้ที่มักพบเห็นได้ตามหนังแฟนตาซีอย่างไรอย่างนั้น
แต่ด้วยความที่มันเป็นมอนสเตอร์ ภาพลักษณ์ของมันจึงทำให้ทั้งน่าหวาดหวั่นและหวาดกลัว เถาวัลย์หลายสิบขนาดใหญ่ยักษ์จากต้นไม้โบราณนี้มันเริ่มกวัดแกว่งไปทั่วทุกทิศทางขณะมุ่งเข้าใส่อาร์ค
โกเลมพฤกษา... มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงล้ำถึง 250!
“โกงกันนี่!”
มันไม่ใช่บอสมอนสเตอร์ด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ธรรมดา แต่ด้วยเลเวล 250 เนี่ยนะ?
‘หรือที่มาที่นี่เป็นเราคิดผิดไป?’
อาร์คเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าตนเองผิดพลาดหรือไม่
มันเป็นสถานการณ์ที่ทุกผู้คนที่เคยเล่นเกมออนไลน์ต้องเคยพบเจอ ประสบการณ์ที่วิ่งเล่นไปทั่วโดยไม่ยั้งคิดจนกระทั่งเผลอเข้าไปยังพื้นที่มอนสเตอร์เลเวลสูงล้ำเข้า...
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าหากผู้เล่นได้พบเจอกับศัตรูที่มีเลเวลสูงกว่าตนเองมากเกินจะกล่าว พวกเขามักจะวิ่งหนีหางจุกตูดหรือไม่ก็ยอมตายเสียตรงนั้น แน่นอน อาร์คเคยมีประสบการณ์พวกนี้ในเกมอื่นมาบ้าง แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้ ก่อนที่เขาจะได้มายังโลกบาดาลนี่ เขาต้องต่อสู้ฟันฝ่าพวกโครงกระดูกเลเวล 100 ในวงกตใต้ดินมาก่อน
สไลม์เลเวล 130 ก็อาจนับได้ว่าเป็นบอสกลางได้แล้ว แต่แล้วขณะที่เขาเพิ่งก้าวเท้าเข้ามายังโลกบาดาล เขากลับต้องมาพบเจอมอนสเตอร์เลเวล 250 เลยเชียว?
นี่ย่อมไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดา มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีหนวดยื่นขยายพร้อมโจมตีออกเป็นวงกว้างเสียด้วย!
“บ้าบอกันไปใหญ่แล้ว! นี่เพิ่งผ่านประตูโลหะนั่นมาไม่นานถึงกับต้องพบเจอความต่างทางเลเวลมากมายถึงขนาดนี้เลยหรือไง?”
อาร์คพล่ามบ่นขณะที่โดนโจมตีโดยเถาวัลย์ที่ลอยเข้าใส่จากทุกทิศทาง
กระทั่งว่าเขาป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ยังคงต้องเสียพลังชีวิตไปถึง 20% จนท้ายที่สุดต้องตกเข้าสู่สภาวะวิกฤต
‘ไม่ไหว! ถึงเราจะมีพลังชีวิตเต็ม 100% เราก็ไม่มีทางเอาชนะโกเลมพฤกษาตัวนี้ได้แน่!’
“เจ้ากะโหลก เดดริค ใช้แผน D-4!”
“บ้าจริง เข้าใจแล้วขอรับ!”
ขณะที่อาร์คออกคำสั่ง สมุนปีศาจของเขาทั้งสองจึงกระจายตัวออกไปในทิศทางที่ต่างกัน เดดริคและเจ้ากะโหลกจะเข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูจนกว่าอาร์คจะหลุดพ้นจากพื้นที่การต่อสู้ไปได้... หากมันเป็นไปได้ เขาก็ไม่คิดอยากใช้กลยุทธ์เช่นนี้เลย
หลังเจ้ากะโหลกและเดดริคต้องเข้าไปรับอันตรายและการโจมตีตามแผน เขามีหน้าที่ต้องวิ่งหนีหางจุกตูด ไม่ช้า โกเลมพฤกษาเริ่มคำรามออกขณะไล่ตามเจ้ากะโหลกและค้างคาวไป
ขณะเดียวกันนั้น ภายใต้ผลของอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาเพราะเขาตกอยู่ในสภาวะวิกฤต อาร์คจึงได้วิ่งหนีออกอย่างเต็มกำลังที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
นี่ผ่านไปนานขนาดไหนกัน? ฉับพลันนั้นเอง แสงสว่างสีแดงพลันวาบผ่านขณะเขาได้รับความเสียหาย
=====
กะโหลกแห่งผู้ไร้นามโดนเรียกตัวกลับโลกใต้พิภพ ท่านได้รับความเสียหาย 50% จากพลังชีวิตสูงสุดของสมุนปีศาจ
=====
เจ้ากะโหลกเป็นเพราะไม่ได้ว่องไวอะไรมากนัก มันจึงเป็นตัวแรกที่ต้องตายไปเพราะโกเลมพฤกษา และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที เดดริคก็โดนเรียกตัวกลับตามไปเช่นเดียวกัน ถ้าหากเขาไม่วิ่งหนีไปด้วยดื่มโพชั่นไปด้วย เขาคงต้องตายเพราะค่าความเสียหายพวกนี้เป็นแน่ ทว่า สถานการณ์ยังคงย่ำแย่ เป็นเพราะสมุนปีศาจของเขาตายเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ สภาวะการต่อสู้ของเขายังคงไม่หายไป
‘เราจะตายไม่ได้ เราต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!’
มันเป็นความผิดพลาดที่เขาเอาแต่ตระหนี่ถี่เหนียว
โชคยังดีที่คังกิลและเจ้าโกเลมนี่ยังไม่พบเห็นอาร์ค แต่แล้ว จิ้งหรีดตัวนั้นกลับเริ่มเคลื่อนไหวออกมาในเวลาเช่นนี้ จึงทำให้ความเป็นไปได้ที่เขาจะหลบหนีโดยไม่โดนพบเห็นนั้นกลับกลายเป็นไม่อาจกระทำได้โดยทันที
‘นี่เราทำได้แค่มาตายที่นี่งั้นเหรอ?’
อาร์คเริ่มหมดสิ้นความหวังขณะที่ได้ยินเสียงคังกิลไล่ตามหลังมา ขณะเขาหันศีรษะกลับไปเพื่อดูสถานการณ์ บางสิ่งพลันคว้าจับเข้าที่เท้าของเขา ขณะนั้นเอง ร่างของเขาจึงถูกดึงลงสู่ใต้ดินที่มืดมิด
“อะไร อะไรกันเนี่ย?”
“ชี่!!”
อาร์คหันไปมองด้วยความสับสนขณะที่บางสิ่งกำลังก้าวเข้ามาตรงหน้าเขา
ขณะเดียวกันนั้นเอง เขาพลันได้ยินเสียงของจิ้งหรีดดังขึ้นอยู่เหนือขึ้นไป เสียงเท้าของคังกิลและโกเลมพฤกษาได้ผ่านพ้นเหนือศีรษะของเขาไป ไม่ช้า เสียงของพวกมันจึงหายวับไปเพราะไม่อาจพบเจออาร์ค
อาร์คถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกเพราะสภาวะการต่อสู้หายไปแล้ว จากนั้น เขาจึงได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“นายคือคนต่างถิ่นเหรอ?”
“ผม... ครับ? รูปลักษณ์ของคุณ... หรือว่าคุณก็คือ...”
“ฮี่ฮี่ ใช่แล้ว ข้าคือสัตว์อสูร”
ภายในความมืด เด็กชายร่างจ้ำม่ำคนหนึ่งตอบกลับขณะยกยิ้มให้
ใช่ เป็นเด็กชาย และไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วย
เขาเป็นเอ็นพีซีสัตว์อสูร ทว่า รูปลักษณ์นี้กลับแตกต่างไปจากชาวเงือกและชาวเหมียวที่เขาเคยพบเจอมาก่อน
เด็กชายมีวงกลมสีดำรอบดวงตา รวมทั้งมีหน้าท้องที่ป่องออกมาเล็กน้อย หากบิดเอวนิดหน่อยจะพบเห็นได้ว่ามีหางสั้นที่กำลังแกว่งไกวอยู่
ไม่ช้า เขาพลันนึกถึงสัตว์ชนิดหนึ่งขึ้นมาได้
“แรคคูน?”