ตอนที่แล้วChapter 119: อัศวินศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 121: ความเจ็บปวดอันมากเกินที่จะทน

Chapter 120: ผมเชื่อมั่นกับหมัดของผมมากกว่า


Chapter 120: ผมเชื่อมั่นกับหมัดของผมมากกว่า

แต้มบาป...

การฆ่าผู้เล่นคนอื่นนั้นจะได้รับแต้ม PK และการทำความดีนั้นจะได้รางวัลเป็นแต้มคุณธรรม แล้วความหมายของแต้มบาปคืออะไรกัน?

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอกรังสีรุ่งอรุณนั้นก็ตระหนักได้ว่าแต้มบาปนั้นเป็น "แต้มคุณธรรม" ประเภทหนึ่งที่เป็นประเภทพิเศษที่เป็นรางวัลให้กับกิลด์ของพวกเขาทั้งกิลด์เมื่อพวกเขานั้นกลายเป็นศัตรูกับโบสถ์แห่งแสงสว่าง

พวกเขาแต่ละคนนั้นมีแต้มบาป 200แต้ม และทุกการตายจะลดมันลง 2 แต้ม ด้วยอัตรานี้นี่เอง พวกเขาจะต้องตายถึงร้อยครั้งก่อนที่พวกเขาจะล้างแต้มบาปของพวกเขาได้หมด..

มันเป็นดั่งสุภาษิตจีนเก่าแก่ที่ว่า การตายนับร้อยครั้งจะลบล้างบาปของพวกเขา ใครจะไปคิดว่าเกมตะวันตกแบบนี้จะเอาสุภาษิตแบบนี้มาทำเป็นเรื่องจริง

อย่างไรก็ตาม มันจะมีความหมายอะไรกับการเข้าใจว่าแต้มบาปนั้นทำงานอย่างไร? ผู้เล่นจากกิลด์รากจักรพรรดินั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยอยู่ดีและตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นศัตรูของโบสถ์อย่างฉับพลัน ระบบนั้นตาบอดหรือว่ากำลังเล็งเป้าหมายมาที่พวกเขากัน?

พูดตามปกติแล้ว กิลด์รากจักรพรรดินั้นก็ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีในเมืองวาติกัน ด้วยเหตุนี้นี่เอง ในตอนี้ที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก กิลด์มากมายก็ตัดสินใจที่จะคว้าโอกาสในการล้างแค้นอดีตอันแสนเจ็บปวดของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้นี่เอง มันก็ไม่ใช่ว่าผู้เล่นส่วนมากนั้นจะพยายามหลีกเลี่ยงในการเผชิญหน้ากับกิลด์รากจักรพรรดิ แต่พวกเขานั้นกำลังวิ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่งต่างหาก

มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายกับความคิดของผู้เล่นพวกนี้ แต้มคุณธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ยาอย่างแท้จริงที่จะได้รับมันมา การฆ่าหนึ่งในผู้เล่นของกิลด์รากจักรพรรดิไปหนึ่งคนนั้นเท่ากับการเคลียร์ดันเจี้ยนปกติหนึ่งครั้ง! ไม่เพียงแต่ผู้เล่นพวกนี้จะได้รับแต้มคุณธรรมไปแบบฟรีๆแล้ว พวกเขายังคงสามารถได้แก้แค้นอีกด้วย เควสนี้มันเหมือนกับเป็นการยิงหนึ่งนัดได้นกสองตัว!

ในเพียงเวลาไม่นาน ทั่วจุดเกิดนั้นก็เต็มไปด้วยผู้เล่นของกิลด์รากจักรพรรดิ..

เอกรังสีรุ่งอรุณนั้นไม่กล้าที่จะออกจากจุดเกิด เมื่อพาวิลเลียนไร้ขีดจำกัดกำลังตั้งค่ายอยู่ด้านนอกพร้อมกับทีมของผู้เล่นจากเฮล์มคริมสัน

ผู้เล่นที่เหลือของกิลด์รากจักรพรรดิก็ไม่กล้าที่จะออกจากจุดเกิดด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ที่พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าของพวกเขา

พวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นเกมกันทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ขาดแคลนความสามารถ มันเป็นเพียงแค่พวกเขานั้นยอมทำเพื่อเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมเสี่ยงชีวิตไปต่อสู้อย่างฟรีๆ

"ทำไม มาสเตอร์ร่าเริงและมาสเตอร์สง่างามยังไม่เข้ามากัน??"เอกรังสีรุ่งอรุณรีบถามนายน้อยปักกิ่ง

"ผมพึ่งออกไปโทรเรียกพวกเขามา พวกเขานั้นกำลังเดทกันอยู่ในตอนนี้...พวกเขาพึ่งจะพูดว่าให้หลบตรงจุดเกิดไปก่อนในตอนนี้และเล่นมินิเกมหรืออย่างอื่นไปก่อน..."นายน้อยปักกิ่งตอบกลับ

"เหี้...!"ไอ้บัดซบทั้งสองคนนั้นให้ค่าหญิงสาวที่มั่วซั่วสองคนมากกว่าพี่น้องของพวกเขางั้นเรอะ? นั่นมันกลยุทธ์บัดซบอะไรกันวะนั่น ให้หลบอยู่ในจุดเกิดงั้นเรอะ? และให้เล่นมินิเกมรอ? ใครมันจะมีอารมณ์เล่นเกมในตอนนี้กันวะ???"

ในจุดนี้นี่เอง ผู้เล่นจากกิลด์รกจักรพรรดิก็เอาไพ่โป๊กเกอร์ออกมาและถาม "บอส คุณต้องการเล่นแบล็คแจ็คกันไหม?"

"ฉันนี่ถูกล้อมรอบไปด้วยไอ้โง่..."เอกรังสีรุ่งอรุณถอนหายใจ

...

ตั้งแต่ที่ผู้เล่นจากกิลด์รากจักรพรรดินั้นถูกพิจารณาว่าทำลายความสงบของมหาโบสถ์ อัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งพวกเขาจะชำระล้างพวกเขาครบร้อยครั้ง...

หลังจากที่ผู้เล่นจากกิลด์รากจักรพรรดินั้นถูกสังหารไป อัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นก็วิ่งไปยังจุดเกิดแล้วพวกเขาทำการไล่ล่าต่อ

หวังหยู่ก็จะตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน แต่หยางนัวก็จับเขาและถาม "อย่าบอกนะว่านายลืมว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่กันในตอนแรก?"

"โอ้ ใช่...อุ๊ปส์..."หวังหยู่พยักหน้า

เมื่อเปรียบเทียบกับเควสลับแล้ว การได้รับแต้มคุณธรรมไม่กี่แต้มนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ

พวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากความโกลาหล หวังหยู่และหยางนัวก็เข้าไปในมหาโบสถ์

มหาโบสถ์นั้นก็เป็นเพียงแค่โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้นักบวชนั้นเข้าไปเพื่อเปลี่ยนอาชีพ มันมีสไตล์ยุโรปที่เป็นพื้นฐานอย่างมากและมันก็โอ่อ่าอย่างไม่น่าเชื่อ ห้องโถงหลักนั้นมีขนาดเกือบจะยี่สิบเมตร...ทั้งทั้งสถานที่นี้ก็กว้างขวางอย่างมาก

มันก็มีรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งแสงที่ตั้งไว้ด้านหน้าทางเข้าและมันก็ดูเหมือนกับชายแก่คนหนึ่ง รูปปั้นนี้กำลังถือหนังสือไว้ในมือและมันก็จ้องลงมาซึ่งทำให้รู้สึกว่าพวกเขาควรที่จะเคารพบูชา

"มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าชายแก่ที่แสนอ่อนโยนและดูสุภาพแบบท่านนั้นจะมีผู้คลั่งศาสนามากมายแบบนี้..."หวังหยู่ถอนหายใจ เมื่อเห็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้ หวังหยู่ก็รู้สึกขนลุกอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้บัดซบที่ตายยากแบบนั้นเป็นปัญหามากในการจัดการด้วย

"การสั่งสอนของพระเจ้าพวกเขานั้นให้โฟกัสไปในการช่วยเหลือคนที่โชคร้าย อย่างไรก็ตามไอ้พวกบ้าคลั่งพวกนั้นก็ใช้ความศรัทธาพวกเขานั้นในการหาข้ออ้างในการทำสงคราม..มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า..."

"โอ้ ไม่! ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะได้ยินเรื่องที่สมเหตุผลสมผลแบบนี้มาก่อนเลย!"หวังหยู่แกล้งตะลึง

"มันเป็นเพราะว่า ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญยังไงละ!"หยางนัวหัวเราะแล้วเธอก็จ้องไปที่ตราไทจิบนหน้าอกของหวังหยู่

ทันใดนั้นเอง ตาของหวังหยู่ก็เหลือบไปมองด้านข้างและเขาก็กระซิบอย่างตึงเครียด "มันไม่ดีแล้ว! มันมีเจตนาฆ่า!"

"เจตนาฆ่า?"หยางนัวก้รีบตรวจสอบพื้นที่รอบข้างด้วยเช่นกัน

เจตนาฆ่านั้นเป็นบางสิ่งที่มีแค่ผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับสูงที่สามารถสัมผัสได้ ในความเป็นจริงที่ว่าหยางนัวนั้นไม่ได้รู้สึกนั่นก็หมายถึงว่าเธอนั้นยังมีระดับการฝึกฝนไม่เพียงพอ

"มันมาจากทางโน้น! ใครกัน! เปิดเผยตัวซะ!"หวังหยู่ชี้ไปที่รูปปั้นของเทพเจ้าแห่งแสงและตะโกน

"ฮ่าๆๆๆ! มันเป็นเพียงแค่เพราะว่าเจ้าเมืองของพวกเรานั้นช่วยให้พ้นบาป ดังนั้นเขาจึงมีคุณธรรม! ทุกคนเชื่อในคุณธรรม ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ผิดได้ยังไงกัน?"เพียงแค่หวังหยู่พูดเสร็จ ก็มีพระคาร์ดินัลที่สวมผ้าคลุมยาวเดินออกมาจากด้านหลังรูปปั้นและถามหยางนัวในขณะที่หัวเราะไปด้วย

พระคาร์ดินัลนั้นมีอายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปีและค่อนข้างที่จะหล่อ เขานั้นมีผมสีทองและดวงตาใสเหมือนแก้ว อย่างไรก็ตามสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและความเหยียดหยามซึ่งทำให้หวังหยู่และหยางนัวรู้สึกว่าพวกเขาโดนรังแกอยู่

“มันไม่มีอะไรผิดในการพาผู้คนไปชำระบาป แต่การผลักดันให้คนอื่นศรัทธาร่วมกับนายด้วยนั้นมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากปีศาจหรอก!”หวังหยู่พ่นน้ำลายใส่

“โอ้?”พระคาร์ดินัลนั้นหยุดพูดอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปหาหวังหยู่และถามอย่างอ่อนโยน “หนุ่มน้อย ฉันสามารถเห็นศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของนายได้ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่นายเลือกเส้นทางอันชั่วร้าย แต่มันก็ยังคงมีความหวังสำหรับนายอยู่! นายต้องการที่จะกลับมายังอ้อมกอดของเจ้าเมืองและผู้ช่วยชีวิตไหม?”

“…”

ถึงแม้ว่าพระคาร์ดินัลด้านหน้าเขานั้นเป็นเพียงแค่ NPC ก็ตามที แต่การแสดงออกที่สมจริงนั้นทำให้หวังหยู่รู้สึกหวาดกลัว

หวังหยู่นั้นพบเจอ NPC มาทุกประเภท และความสมจริงของมันนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีเพียงแค่ NPC ที่ใช้โหมดอิสระเท่านั้นที่มีความสามารถทำแบบนี้ได้

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังหยู่ก็ดูไปที่ค่าสถานะของพระคาร์ดินัล

{ผู้ตัดสินนอกรีต – ไวลี่ (ระดับ 35) (ทอง) (ชั้นยอด)}

พลังชีวิต : 300000

มานา : 200000

สกิล : [การชำระบาปแห่งแสง] [กฏศักดิ์สิทธิ์] [การแทรกแซงแห่งเทพยดา]

“ชายคนนี้คือไวลี่?”หวังหยู่อ้าปากค้าง ชายที่ดูอ่อนแอและไม่น่าจะเป็นปัญหานั้นเป็นบอสงั้นเหรอ? และเขานั้นก็มีความแข็งแกร่งพอๆกันกับเทพเจ้ามังกรเลือดงั้นเหรอ?

“ใช่! ไอ้หมอนั่นยังมี [กฏศักดิ์สิทธิ์] ที่สามารถทำลายนายได้ ดังนั้นนายควรที่จะระมัดระวังตัวไว้!”หยางนัวพยักหน้า

“เธอจะไม่ช่วยผมงั้นเหรอ?”

“เควสของฉันแค่เพียงขโมยก้อนหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์แค่นั้น…การฆ่าบอสนั้นเป็นงานของนายต่างหาก!”หยางนัวยักไหล่

“เหอะ! สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ!”

“เฮ้! นายเป็นคนที่เกือบที่จะทิ้งฉันไปก่อนนะ! นายต่างหากที่ไม่มีความไยดี!”หญิงสาวคนนี้นั้นใจแคบ...เธอนั้นยังคงเอาเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นขึ้นมาพูดอยู่อีก..

“เด็กน้อย นายคิดเสร็จหรือยัง? พร้อมกับความแข็งแกร่งของนาย ตราบเท่าที่นายพร้อมที่จะเป็นแขนขาของเจ้าเมืองละก็ เขาจะเปิดทางไว้ให้นาย! มาเถอะและได้รับประสบการณ์พลังของเจ้าเมือง!”ไวลี่เมินเฉยบทสนทนาพวกเขาและถามหวังหยู่อีกครั้ง

{แจ้งเตือนระบบ : คุณได้กระตุ้นเควส “การทดสอบของพระเจ้า” ความยากระดับ A ไปนำก้อนหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์ 0/1 รางวัล อาชีพลับ พาลาดิน คุณต้องการรับมันไหม?}

{แจ้งเตือน : สมาชิกทุกคนของโบสถ์แห่งแสงสว่างนั้นมีศรัทธาที่มุ่งมั่นกับโบสถ์ หัวใจแห่งความกล้าหาญนั้นจะถูกยกเลิกหลังจากตกลงรับเควสนี้!}

“โว้ว..”หวังหยู่นั้นไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าบอสเพียงแค่หนึ่งคนนั้นจะให้เควสที่มีเงื่อนไขมากมายขนาดนี้

มันเป็นเควสลับ ดังนั้นมันจึงน่าดึงดูดอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ สิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือปล้นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ไปจากหยางนัว ถึงแม้ว่าหยางนัวนั้นจะมีความสามารถ เมื่อเปรียบเทียบกับหวังหยู่แล้วเธอก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย นอกจากนี้ การทดสอบของพระเจ้านั้นเป็นเควสระดับ A เหมือนกับจิตวิญญาณแห่งความมืดมิด พวกมันทั้งคู่นั้นง่ายกว่าหัวใจแห่งความกล้าหาญซะอีก!

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ หวังหยู่ก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าเขากลายเป็นพาลาดินละก็เขาจะต้องเป็นหนึ่งในพวกคลั่งศาสนาของโบสถ์ เควสนี้ก็ยังคงให้เขานั้นขโมยของจากหยางนัวอีก หยางนัวนั้นสามารถถูกพิจารณาว่าเป็นเพื่อนกับหวังหยู่ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ถูกต้องกับมัน ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยู่ก็ยังคงรู้สึกว่าอาชีพผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นเหมาะสมกับเขาที่สุด

“ลืมมันไปซะ นอกจากการเป็นพระเจ้าแล้ว ผมเชื่อมั่นกับหมัดของผมมากกว่า!”หวังหยู่ตอบกลับสบายๆแล้วเขาก็เลือก {ปฏิเสธ}

“คิ คิ คิ! ครั้งสุดท้ายที่กองกำลังแห่งความมืดนั้นบุกรุก นักต่อสู้คนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน! นายไม่คิดเกี่ยวกับมันให้ดีๆอีกรอบงั้นเหรอ?”ไวลี่ถอนหายใจอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์

เขาก็ก้าวไปข้างหน้า หวังหยู่ก็ยกแขนมาตั้งท่าและตะโกน “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มาซะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด