ตอนที่แล้วบทที่ 67: สถานการณ์ตึงเครียด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 69: เยื้องย่างบนหมู่เมฆ

บทที่ 68: เตรียมเข้าสู่การต่อสู้


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 68: เตรียมเข้าสู่การต่อสู้

การต่อสู้นี้คือห้าต่อหนึ่ง อีกทั้งฝั่งนั้นมีผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอยู่สี่คน เจ้าอ้วนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก ถึงสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าอ้วนกลับไม่รู้สึกว่าเป็นรองแต่อย่างใด

เจ้าอ้วนคาดเดาว่าเบื้องหลังของผู้ฝึกตนทั้งหมดในที่นี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหนุ่มที่เขาสังหารไปในวันนั้น นี่เป็นเพราะว่าพวกเขามีอุปกรณ์วิเศษที่มีกลไกและอุปกรณ์นั้นถูกบันทึกไว้ในแผ่นหยกจารึกทั้งหมด

ดูเหมือนว่าเขาจะเก็บกวาดได้ไม่ดีนัก จึงทำให้ปัญหาวกกลับมาที่ตัวเขาเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสังหารคนทั้งหมดเพื่อที่จะปิดปากไม่ให้เรื่องราวเข้าหูสำนักเสวียนเทียน ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีประโยชน์ที่เจ้าอ้วนจะอ้อนวอน

เมื่อคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนสูดหายใจเข้าและกระแทกวาจาออกมา “พวกเจ้าทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิและยังสังหารนักบวชในวัดที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาด้วยวิธีที่โหดร้าย!”

เมื่อได้ยินเสียงที่เจ้าอ้วนกล่าวออกมา ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิรู้สึกอับอายจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง การโจมตีผู้ที่อ่อนแอกว่านั้นจะทำให้ชื่อเสียงของพวกมันหมองหม่นหากเรื่องราวถูกแพร่งพรายออกไป นอกจากนี้ยังมีเจ้าอ้วนคนนี้ออกมากล่าววาจาเช่นนั้น ยิ่งทำให้พวกเขาอับอายมากขึ้นไปอีก

แม้ว่าผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิจะไม่ได้กล่าวอันใดออกมา แต่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนกล่าวออกมาอย่างเดือดดาล “พวกเรามิได้โหดร้ายและป่าเถื่อนอย่างที่เจ้ากล่าวหา! บัดซบ มันเป็นเพียงการทะเลาะวิวาทมิใช่หรือ? ข้าเคยร้องขอความเมตตาจากเจ้า แต่เจ้าก็ยังสังหารข้าได้ลงคอ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ “ข้าไม่เคยพบเจอเจ้ามาก่อน ทำไมเจ้าจึงกล่าวว่าข้าสังหารเจ้า? และยิ่งไปกว่านั้น หากข้าสังหารเจ้าจริง เหตุใดเจ้ายังคงยืนอยู่ตรงนี้? อย่าบอกนะว่าข้ากำลังยืนคุยกับภูติผี?”

“เจ้ามันบ้า อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ว่ามันคือการปลุกชีพขึ้นมาอีกครั้ง โดยการยืมศพผู้อื่น?” ชายหนุ่มโอดครวญ “ถ้าไม่ใช่ความจริงที่เจ้าทำลายร่างกายของข้า ข้าคงไม่ต้องลดสถานะของตนเองลงมาเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ทั้งผี และไม่ใช่ทั้งมนุษย์!”

“กลับมาเป็นคนด้วยการยืมศพ?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที นี่เป็นเทคนิคของผู้เชี่ยวชาญประเภทภูติผี ช่วยให้จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ตายตกไปแล้วกลับคืนชีพขึ้นมาในร่างใหม่ แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นภูตผี หรือมนุษย์ได้ แม้ว่าเขาจะฝึกฝน ความเร็วของการฝึกฝนจะลดลงมากและไม่สามารถไปถึงฝันได้ อีกอย่างก็คือเขาจะถูกตราหน้าไว้ชั่วนิรันดร์!

ความสามารถของมันนับว่าดีมาก ซึ่งอาจจะดีกว่าหานหลิงเฟิงด้วยซ้ำ ถ้าหากเขาได้เข้าสำนักเสวียนเทียน เขาจะได้รับตำแหน่งศิษย์ผู้พิทักษ์ทันที แม้ว่าเขาจะอยู่ในสำนักที่อ่อนแอกว่าสำนักเสวียนเทียน แต่เขาสามารถเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นเจ็ดได้ก่อนอายุยี่สิบปี

ก่อนอื่นคือเจ้าอ้วนเข้าสู่ระดับเซียนเทียนได้ตอนอายุสิบหกปี ตอนนี้เขาอายุเกือบยี่สิบ ระดับของเขาเพียงขั้นห้า และเพื่อเข้าสู่ขั้นเจ็ด เขาต้องใช้เวลาอีกหลายปี เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของมันแล้ว ถ้าหากไม่ถูกเจ้าอ้วนสังหารจนตายตกไป มันน่าจะเข้าสู่ระดับหยวนหยินได้

อย่างไรก็ตาม ความสามารถทั้งหมดถูกทำลายลงเพียงทะเลาะวิวาทกับเจ้าอ้วน เขาสูญเสียร่างกายและอุปกรณ์วิเศษทั้งหมด และสามารถมีชีวิตต่อไปได้โดยการยืมศพของผู้อื่นเท่านั้น ในอนาคตเขาจะประสบปัญหาในการเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ กล่าวได้ว่าชีวิตของเขาถูกทำลายย่อยยับโดยเจ้าอ้วน จะไม่ให้เขาเกลียดเจ้าอ้วนเข้ากระดูกได้อย่างไร? หลังจากนั้นเขาจึงนำพาพี่น้องของเขากลับมาแก้แค้นก่อนที่จะกลับไปรักษาเสถียรภาพของการฝึกฝน

หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เจ้าอ้วนไม่กลัวแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าก็รู้นี่ว่ามันเป็นเพียงการทะเลาะกัน ใช่หรือไม่? เพียงเพราะการโต้เถียง แต่เจ้ายิงข้าด้วยคันธนูยักษ์! ถ้าหากมิใช่ว่าข้านั้นมีประสาทสัมผัสที่รวดเร็ว ข้าก็คงถูกเจ้าสังหารไปแล้วใช่หรือไม่? เจ้าต้องการซื้อสินค้าจากสำนักเสวียนเทียนใช่หรือไม่? แต่เหตุใดเหล่าคนสัญจรมาเจรจากลับทำตัวโอ้อวดยิ่งใหญ่ได้งั้นหรือ?”

“ไร้สาระ? เรื่องนี้เกี่ยวสิ่งใดกับสำนักเสวียนเทียน?” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างโกรธเคือง “ข้าเพียงแค่อยากจะทำธุรกิจเล็กน้อยกับเจ้า! สำนักไม่มีวันทราบเกี่ยวกับผลประโยชน์เล็กน้อยตรงนี้ มันไม่ได้เป็นเช่นนี้หรือ?”

“เหอะ! แน่นอนว่าข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้สำนักเสวียนเทียนได้รับรู้แน่นอน!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างหมดอารมณ์ “อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านั้นไว้ทีหลัง! วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดมาที่วัดของข้า และสังหารนักบวชนับสิบตายตกไปทั้งหมด ถ้าหากพวกเจ้าไม่อธิบาย ข้าเกรงว่ามันจะจบไม่สวย!”

“น่าสนใจ น้องชายผู้นี้ช่างกล้าหาญจริง ๆ! ข้าอยากจะรู้เสียแล้วว่าอาวุโสคนไหนที่กำลังสนับสนุนเจ้าอยู่!” ผู้ฝึกตนที่เป็นผู้หญิงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่า ศิษย์ของสำนักเสวียนเทียนนั้นไม่เหมือนใคร! แม้แต่เด็กน้อยระดับเซียนเทียนยังกล้ากล่าวกับอาวุโสระดับปฐมภูมิเช่นนี้ได้!” ชายที่ขี่เสือกล่าวออกมาเรียบง่าย “เจ้าหนู ข้าชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าจากใจจริง!”

“หมายความว่าเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ผู้ฝึกตนที่ขี่วิหคกล่าวออกมาอย่างเหี้ยมโหด

“เอาล่ะ หยุดกล่าววาจาไร้สาระ!” ผู้ฝึกตนที่ใส่ชุดขาวกล่าวออกมา “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสวงหาเหตุผล แต่มาเพื่อแก้แค้นให้กับน้องชายของเรา และแน่นอนว่าเราจะต้องเอาสมบัติของสำนักกลับมา! วัดชิงเฟิงอยู่ในการดูแลของสำนักเสวียนเทียน มันไม่ดีแน่หากจะเรียกพวกเขาออกมา พวกเจ้าจงระมัดระวังและอย่างทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้!”

เมื่อได้ยินที่เขากล่าว ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาเงียบทันที พวกเขาทราบดีหากสำนักเสวียนเทียนทราบเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันจะเกิดทะเลเลือด ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดในที่นี้จึงตัดสินใจที่จะสังหารเจ้าอ้วนเพื่อปกปิดเรื่องนี้

เจ้าอ้วนไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งภายในใจของเขา ในตอนแรกเจ้าอ้วนไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ แต่นี่เป็นผลจากปฐมกาลแห่งความโกลาหลในตัวของเขา เขารู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าร่างกายของเขาพร้อมแล้วที่จะต่อสู้ในครั้งนี้

จิตสังหารที่รุนแรงออกมาจากตัวของเจ้าอ้วน แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับปฐมภูมิ แต่พวกเขายังตกตะลึงในการระเบิดพลังเช่นนี้ อีกทั้งยังใช้เวลาอันน้อยนิดอีกด้วย พวกเขาคาดหวังว่าเมื่อพวกเขาล้อมรอบผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นห้าแล้วเขาจะหมดกำลังใจ และไม่อาจปลดปล่อยจิตสังหารเช่นนี้ได้ แต่เจ้าอ้วนกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามทั้งหมด

เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ทุกคนแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาคิดกับตนเอง ‘สำนักเสวียนเทียนช่างวิเศษเหลือเกิน แม้แต่ศิษย์ระดับต่ำยังแสดงความสามารถได้น่าทึ่งขนาดนี้’

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด