ตอนที่แล้วChapter 116: ขโมยอาวุธด้วยมือเปล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 118: ยังไงมันก็ไม่ใช่นายอยู่ดี

Chapter 117: รอคอยเพื่อสำเร็จ


Chapter 117: รอคอยเพื่อสำเร็จ

ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะพูดเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินอย่างนุ่มนวลผ่านประตูเข้ามา

ชายคนนี้เป็นคนผิวสีที่มีท่าทางนุ่มนวลละเอียดอ่อน เมื่อเปรียบเทียบกับมาสเตอร์สว่างวาบแล้ว เขานั้นทั้งดูหงิมๆและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

ชายคนนี้เป็นผู้นำของสี่ลูกบอลศักดิ์สิทธิ์ เอกรังสีรุ่งอรุณ และก็ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อมาสเตอร์รุ่งอรุณ เขานั้นคิดอยู่เสมอๆว่าเขานั้นเป็นชายที่ชาญฉลาดและมีวัฒนธรรมมากที่สุดในสี่คน เมื่อพูดถึงจุดนี้แล้ว ชื่อตัวละครของเขานั้นไม่ได้หยาบคายเท่ากับอีกสามคน

“ไอ้เหี้.... นายมาที่นี่ทำไม?”มาสเตอร์สว่างวาบนั้นขู่คำรามเมื่อเขาเห็นเอกรังสีรุ่งอรุณ

ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสี่คนนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก เนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่พวกเขาพูดต่อกันและกันแบบนี้

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เอกรังสีรุ่งอรุณนั้นก็หัวเราะออกมา “โอ้ ไม่มีอะไร...ฉันได้ยินมาว่านายน้อยสว่างวาบของพวกเรานั้นโดนเหยียบจนเละเป็นขี้! ดังนั้นฉันจึงมาดูการสูญเสียของนาย!”

“ไอ้เย็....แม่!”นายน้อยสว่างวาบสาปแช่ง เขารู้ว่าเอกรังสีรุ่งอรุณนั้นจะไม่ได้มีชะตากรรมที่ดี

“แม่ของฉันก็แม่นายเช่นกัน นายมีเวลาว่างที่จะเย็....เขาตลอดเวลา!”เอกรังสีรุ่งอรุณสั่นสะท้านและหัวเราะ

“ไม่! ฮ่าๆๆๆๆ!”เอกรังสีรุ่งอรุณระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนที่จะใจเย็นลงและถามขึ้น “แต่เอาจริงเอาจังนะ มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ฉันคิดว่านายกำลังทำเควสอยู่? ทำไมนายถึงไม่สามารถรับมือกับหญิงสาวเพียงแค่คนเดียวได้กัน?

“มันอยู่ตรงหน้าฉันแล้วในตอนนั้น! หลังจากนั้นก็มีคนแม่งเข้ามายุ่งและขโมยกระบองของฉันไป!” (ขอเปลี่ยนชื่อตัวละคร มาสเตอร์สว่างวาบเป็นนายน้อยปักกิ่งแทนถาวรเลยนะครับ**)นายน้อยปักกิ่งถอนหายใจอย่างผิดหวังออกมา

“ขโมยไปงั้นเหรอ? นายหมายความว่าอะไร?

“มันหมายถึงว่าเขาขโมยมันมาจากมือฉันตรงๆเลยต่างหาก!”นายน้อยปักกิ่งตอบกลับ

“ไอ้เหี้.... นายล้อฉันเล่นใช่ไหม? มันมีสกิลแบบนั้นด้วยเรอะ? ใครคือไอ้บัดซบที่หยิ่งยโสนั่น?”เขากล้าที่จะโจมตีนายในเมืองวาติกันงั้นเหรอ?”เอกรังสีรุ่งอรุณพ่นเสียงฮึดฮัดออกมา

ถ้าเอกรังสีรุ่นอรุณนั้นนำเรื่องนี้ขึ้นมา นายน้อยปักกิ่งก็จะไม่รู้สึกไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เมิ่อได้ยินคำพูดของเอกรังสีรุ่งอรุณแล้ว เขาก็รีบเถียงขึ้นมา “ฉันจะไปรู้ได้ไงวะไอ้สัส ห้ะ? ฉันโจมตีแม่งก่อน ดังนั้นฉันยังไม่รู้ชื่อของไอ้เหี้...นี่เลยด้วยซ้ำ!”

“ไอ้เด็กน้อยที่น่าสงสาร.....”เอกรังสีรุ่งอรุณสามารทำได้เพียงถอนหายใจกับโชคร้ายของนายน้อยปักกิ่ง

“พี่ชายรุ่งอรุณ ไม่ใช่ว่านายเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในกลุ่มพี่น้องของพวกเรางั้นเหรอ? นายสามารถช่วยฉันได้ในครั้งนี้... ฉันจ่ายเงินเก็บจำนวนมากของฉันนั้นเพื่อกระบองนั้นเลยนะ…”นายน้อยปักกิ่งโหยหวน

“มันก็เป็นแค่เรื่องธรรมชาติ! ในความจริงที่ว่าเขานั้นไม่ได้มีนายอยู่ในสายตานั้นก็หมายความว่าเขานั้นก็ไม่ได้วางสี่ลูกบอลศักดิ์สิทธิ์ไว้ในสายตาด้วยเช่นกัน! ถ้าพวกเราไม่สอนบทเรียนให้กับเขา ถ้าอย่างงั้นผู้คนก็จะคิดว่ารากจักรพรรดิของพวกเรานั้นก็แค่พวกจำอวด!”เอกรังสีรุ่งอรุณยิ้ม

“ถ้างั้น ตอนนี้พวกเราควรที่จะทำอะไรดี พี่ชายรุ่งอรุณ?”

“ตั้งแต่ที่ไอ้กระหรี่นั่นทำเควสสองฝั่งกับนายอยู่ ถ้างั้นพวกเราก็จำเป็นที่จะต้องตามหาเธอและชายคนนั้นก็จะอยู่กับเธอด้วยแค่นั้นเอง!”เอกรังสีรุ่งอรุณตอบกลับ

“แต่ฉันก็ไม่รู้ชื่อของเธอด้วยเช่นกัน….”นายน้อยปักกิ่งพึมพำ

“เควสของนายคืออะไร?”

“ไปเอาหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์ก้อนอื่นที่ถูกขโมยเป็นเวลาสิบปีคืนมา”

“และอย่างอื่นที่เกี่ยวกับหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์ละ? นายรู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?”เอกรังสีรุ่งอรุณถาม

“มันอยู่กับผู้ตัดสินนอกรีตไวลี่!”

“ถ้างั้นนั่นก็ไม่ใช่คำตอบของนายงั้นเหรอ? เควสของเธอนั้นก็จะต้องขโมยก้อนหินจากเขาด้วยเช่นกัน! ตราบเท่าที่พวกเราตั้งค่ายด้านนอกมหาโบสถ์ และเพียงแค่รอคอยมันก็จะสำเร็จ!”เอกรังสีรุ่งอรุณพูดถึงความเป็นจริง

เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่าเขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องหาหวังหยู่และหยางนัวมั่วซั่วแล้ว นายน้อยปักกิ่งก็ยกนิ้วโป้งให้กับเอกรังสีรุ่งอรุณและพูด “ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้กัน? พี่ใหญ่รุ่งอรุณนี่ฉลาดที่สุดจริงๆ!”

“มันเป็นแค่เรื่องธรรมชาติหน่า!”เอกรังสีรุ่งอรุณหัวเราะออกมาอย่างหยิ่งยโส

ใน {REBIRTH} โบสถ์แห่งแสงนั้นเป็นเพียงแค่ศาสนาหนึ่งของมนุษย์ ฝ่ายแสงทั้งสามก็พึ่งจะเกิดขึ้นด้วยอิทธิพลของมัน

ผู้ที่ติดตามโบสถ์แห่งแสงนั้นเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ศาสนาอย่างมาก ด้วยเหตุนี้นี่เอง โบสถ์นั้นกลายเป็นกฎของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในช่วงหายนะอันยิ่งใหญ่ครั้งแรกนั้น ธาตุแสงนั้นเป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่สามารถลบล้างความมืดได้ นั่นทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเอาชีวิตรอดจากหายนะมาได้อย่างฉิวเฉียด

ความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบและการยึดครองเต็มรูปแบบของโบสถ์แห่งแสงนั้นกลายเป็นทำให้มีความคิดที่แคบ พวกเขาประณามพลังอย่างอื่นทั้งหมดและพวกเขานั้นตั้งธาตุอย่างอื่นว่าเป็นธาตุนอกรีต พวกเขานั้นจัดตั้งศาลนอกรีตเพื่อทำบทลงโทษกับพวกนอกรีตอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ศาลนอกรีตนั้นจะมีโอกาสได้ใช้งานมัน กองกำลังแห่งความมืดนั้นก็บุกเข้ามาในทวีป คนที่ได้พบเจอกับพวกมันในการต่อสู้และทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเอาชัยชนะมาได้นั้นเป็นวีรบุรุษทั้งเจ็ดแทน

ด้วยเหตุนี้นี่เอง พวกที่ศรัทธาในโบสถ์นั้นก็ลดน้อยถอยลง ด้วยเหตุนี้นี่เอง โบสถ์นั้นก็สูญเสียในการตัดสินพลังของผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ศาลนอกรีตนั้นก็ไม่เคยถูกลบล้างและเพิกถอน และมันก็กลายเป็นกิ่งก้านสาขาของโบสถ์สำหรับกองทัพที่เตรียมการกลับมาของกองกำลังแห่งความมืดแทน

เมื่อมันเป็นสาขาหนึ่งของโบสถ์ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ มันจึงไม่ต้องสงสัยเลยในความแข็งแกร่งของศาลนอกรีต อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในศาลนอกรีตนั้นเต็มไปด้วยนักบวชและอัศวิน! พวกเขาสามารถที่จะยืนรับการโจมตีและรักษาตัวพวกเขาเองไปได้พร้อมๆกัน ในฉากเบื้องหลังของเกมนั้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นมีศรัทธาอย่างแรงกล้ากับโบสถ์แห่งแสงตั้งแต่ที่พวกเขาเกิดขึ้นมาและร่างกายและวิญญาณของพวกเขานั้นเป็นของพระเจ้าของพวกเขา! ในการต่อสู้ พวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเครื่องจักรต่อสู้และมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะฆ่าพวกเขาลง

ผู้ตัดสินนอกรีตนั้นบ้าคลั่งยิ่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นซะอีก ด้วยเหตุนี้นี่เอง แม้ว่าพวกผู้คนในเมืองวาติกันนั้นมีข้อสงสัยหรือคำถามกับโบสถ์แห่งแสง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะตั้งคำถามกับผู้ตัดสินนอกรีตไวลี่...และก้อนหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือนั้นก็ถูกหลอมรวมเข้าไปกับดาบของเขาแล้ว

ในขณะที่หยางนัวนั้นกำลังนำหวังหยู่ไปยังมหาโบสถ์ เธอนั้นก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาของเควสของเธอให้กับหวังหยู่ฟัง

“น่ามหัศจรรย์! ผู้แนะนำอาชีพของเธอนั้นน่าเชื่อถือมากกว่าของผมซะอีก!”

แน่นอนว่าหวังหยู่นั้นไม่สนใจเกี่ยวกับเนื้อหาเบื้อหลังของเกมนี้ เขานั้นครุ่นคิดว่าเขานั้นเลี้ยงผู้ให้ข้อมูลเป็นอย่างดีและก็ให้ไหเหล้ากับเขาจำนวนมากแต่เขานั้นก็ไม่ได้ให้คำใบ้กับหวังหยู่มา แต่ผู้แนะนำอาชีพของหยางนัวนั้นหวาดกลัวว่าผู้สืบทอดของเขานั้นจะทำเควสล้มเหลวและก็สอนกลยุทธ์ให้กับเธออีกด้วย!

“นักล่าปีศาจนั้นเป็นหนึ่งในฮีโร่ทั้งเจ็ด แน่นอนว่าคำแนะนำของเขานั้นน่าเชื่อถือ!”หยางนัวหัวเราะ

ในขณะที่พวกเขานั้นกำลังพูดคุยกันอย่างสบายๆ ทั้งสองคนนั้นก็เข้าไปใกล้กับทางเข้าของมหาโบสถ์

“ไม่ดีแล้ว พวกเราโดนลอบโจมตี!”หยางนัวปิดกั้นหวังหยู่ทันทีและกระซิบ

“ที่ไหน?”หวังหยู่พูดเบาๆ มันมีเพียงแค่ผู้เล่นไม่กี่คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของมหาโบสถ์ และพวกเขาก็ไม่เห็นเจตนาฆ่าของพวกเขาออกมาอีกด้วย

“มันเป็นผู้เล่นพวกนั้น! นายไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาจะนั่งอยู่แบบนั้นทำไมกัน?”

“ผมไม่เห็นว่ามันผิดเลยนี่นา ทางเข้าของคฤหาสน์เจ้าเมืองในเมืองรัตติกาลนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตลาด!”หวังหยู่ตอบกลับ

“จะเปรียบเทียบเมืองเล็กๆกับเมืองวาติกันได้ยังไงกัน? โบสถ์ที่นี่มันโหดเหี้ยมมาก! พวกเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมารบกวนสถานที่กราบไหว้บูชาของพวกเขา ถ้ามันมีผู้เล่นที่ทำให้เกิดเสียงดังมากเกินกำหนดไว้ละก็ แม้กระทั่งแต้มคุณธรรมของพวกเขาก็จะถูกลด!” หยางนัวอธิบาย ในการที่จะทำเควสของเธอให้สำเร็จ หยางนัวนั้นก็วิจัยเกี่ยวกับโบสถ์แห่งแสงเสร็จแล้ว เอนั้นรู้แม้กระทั่ง เวลาเปลี่ยนกะของยาม!

เมื่อมองไปที่ผู้เล่นพวกนั้นอีกครั้ง หวังหยู่ก็ตระหนักว่าพวกเขานั้นเงียบสงบอย่างมากเหมือนกับหยางนัวที่พึ่งพูดไป

“แต่มันก็มีเพียงแค่สิบกว่าคนไม่ใช่เหรอ พวกเราไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้งั้นเหรอ?”หวังหยู่ถามอีกครั้ง

“ไม่! ผู้เล่นพวกนี้นั้นฉลาดแกมโกงอย่างมาก! มันเหมือนกับว่ามันคือจำนวนทั้งหมดแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนว่ายังมีพวกเขาอีกจำนวนมากที่หลบซ่อนและรอคอยพวกเราอยู่! ยังไงก็ตาม ถ้าพวกเราต่อสู้กันด้านหน้ามหาโบสถ์ อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะไล่ล่าพวกเราด้วยเช่นกัน!”หยางนัวส่ายหัว

“มันก็เป็นแค่ค่าประสบการณ์สิบเปอร์เซ็นต์เอง แล้วถ้าพวกเราเข้าไปตรงๆละ?”หวังหยู่เลิกแขนเสื้อขึ้น เมื่อเขาคิดว่าเขานั้นจะพุ่งเข้าไปตรงๆ ยังไงมันก็เป็นเพียงแค่เกมอยู่แล้ว ดังนั้นความตายนั้นก็ไม่มีความหมาย!

อย่างไรก็ตาม หยางนัวปฏิเสธไอเดียของเขาและตอบกลับอย่างตึงเครียด “มันไม่ได้! ก้อนหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์ของฉันนั้นเป็นไอเทมเควสที่มีอัตราดรอป 100%! พวกเราจะต้องหาทางอื่น!”

**ขอเปลี่ยนชื่อมาสเตอร์สว่างวาบเป็นมาสเตอร์สว่างวาบ ถาวรเลยนะครับ มันเปลี่ยนชื่ออยู่สามสี่รอบครับ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคนแปลอิ้งหรือจีน แต่ตอนแรกใช้ beijing > Master Flashy > Jing Flashy > Young master Flashy งั้นจึงเปลี่ยนเป็นนายน้อยปักกิ่งแทนครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด