ตอนที่แล้วตอนที่ 73 โชคที่จบลง (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 75 ประทับศักดิสิทธิ์ (FREE)

ตอนที่ 74 ร่ำลา (FREE)


ท่าทีของ หลี่ เฮ่อ แข็งทื่อเหมือนอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บ เขาเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าราวกับเป็นทหารออกไปทำศึกแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก

"เจ้าสามารถเอาชนะข้าโดยรักษาหน้าของข้าไว้ได้หรือไม่?" ถึงแม้ว่า หลี่ เฮ่อ จะดูถูก ฟาง เจิ้งจือ ตลอดมา แต่ทว่าเขาก็ตระหนักถึงความสามารถของเขาดี

"พี่เฮ่อ อยากให้ข้าทำอย่างไร?" ฟาง เจิ้งจือ เปิดปากยิ้มเล็กน้อย

"เผชิญหน้ากัน ยื้อเวลาอยู่ในลานประลอง 20 นาที แสดงให้เห็นว่าการจะชนะข้าได้นั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก!" หลี่ เฮ่อ คิดอยู่ชั่วครู่แล้วตัดสินใจใช้วิธีนี้ ซึ่งมันเป็นหนทางในการที่จะรักษาภาพลักษ์ของเขาไว้ได้

"ย่อมได้!" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าตอบรับด้วยความเต็มใจ

ทันทีเขาเห็นท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ ยินยอมกับข้อเสนอของเขา หลี่ เฮ่อ ก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข เขาหันหน้ามองไปรอบ ๆ แล้วใช้สายตาเหลือบมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เล็กน้อยเหมือนกับเป็นการให้สัญญาณว่าเขาพร้อมที่จะเริ่มแผนการนี้แล้ว

ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเล็กน้อยเป็นการตอบรับ แต่ทว่าเขาไม่ได้สนใจในการให้สัญญาณของ หลี่ เฮ่อ เลยสักนิด

การแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เข้าไปยังลานประลอง

เนื่องจากด้วยความสามารถที่น่าทึ่ง ฟาง เจิ้งจือ ในรอบที่ผ่านมา ทำให้เขาถูกจับตามองเป็นอย่างมาก

เหล่าผู้ตัดสินทั้งสามต่างจับตามอง ฟาง เจิ้งจือ อย่างไม่ลดละ  เหยียน ซิว ก็เช่นกัน ยังคงเฝ้าดูอยู่

 

แต่ทว่าน่าเสียดายที่ในรอบนี้ดู ฟาง เจิ้งจือ จะอ่อนแอผิดปกติ

ในแต่ละรอบที่ผ่านมาของ หลี่ เฮ่อ ต่างกัน เพราะเขาผ่านมาด้วยความยากลำบาก

"ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!"

เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น หลี่ เฮ่อ เปล่งเสียงออกมาอย่างกล้าหาญและพุ่งเข้าหา ฟาง เจิ้งจือ ด้วยกำปั้นทั้งสองของเขา

แต่เมื่อเทียบกันแล้ว กำปั้นของ หลี่ เฮ่อ ช่างดูเล็กจ้อย อีกทั้งร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนัก

ฟาง เจิ้งจือ ก็ตอบรับด้วยหมัดที่พุ่งไปเช่นเดียวกัน

"ตูมตูมมม ... "

ชายหนุ่มทั้งสองแลกหมัดกันอย่างรุนแรง

หลี่ เฮ่อ พุ่งทะยานขึ้นสูง ฟาง เจิ้งจือ ถอยหลังกลับ ฟาง เจิ้งจือ พุ่งเข้าหา หลี่ เฮ่อ ถอยหนี

ในขณะเดียวกันเหล่าผู้ตัดสินที่ได้เห็นการต่อสู้ในครั้งนี้ กลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

"ทำไมการต่อสู้ช่างยาวนานนัก?"

"นี่มันยังไงกัน เขาชนะคนอย่าง เมิ่ง อวี้ชู ได้อย่างง่ายดาย แต่ทำไมเขากลับต่อสู้กับเจ้างี่เง่านี้นานนัก? "

เหล่าผู้ตัดสินเต็มไปด้วยความสับสน

ความสามารถของ หลี่ เฮ่อ ได้ถูกสรุปไปเรียบร้อยแล้ว จากการแข่งรอบก่อน เมื่อประเมินจากความสามารถของเขา

เพียงแค่นั้นไม่น่าจะทำอะไร ฟาง เจิ้งจือได้

มันทำให้เหล่าผู้คนจำนวนมากเกิดความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทุกคนรู้ดีว่า ฟาง เจิ้งจือ มีความสามารถอยู่ในระดับไหน

 

แต่ตอนนี้?

พวกเขากลับเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง หลี่ เฮ่อ กับ ฟาง เจิ้งจือ ทั้งสองต่อสู้กันได้อย่างสูสี ด้วยความสามารถของ หลี่ เฮ่อ มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

ผู้คนต่างพากันตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในรอบแรก ฟาง เจิ้งจือ สามารถเอาชนะ เมิ่ง อวี้ชู ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในรอบที่สองเขาก็ยังคงเป็นที่จับตามองของหลายคน แต่สิ่งที่แตกต่างในครั้งนี้คือความแข็งแกร่งของ ฟาง เจิ้งจือ ที่น่าจะสามารถเอาชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองกลับต่อสู้กันอย่างดุเดือด ราวกับว่ามีความสามารถที่อยู่ในระดับเดียวกัน

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

ทั้งสองที่กำลังต่อสู็กันอย่างดุเดือดในลานประลอง แต่กลับไม่มีเสียงเชียร์จากเหล่าผู้ชม ทุกคนต่างเริ่มสงสัยว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเป็นแน่

ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่รักษาคำสัตย์เสมอ เพราะว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ตกลงกับ หลี่ เฮ่อ แล้วว่าจะช่วยรักษาภาพลักษณ์ของเขาไว้ให้ ทั้งหมดทั้งมวลมันคงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของความสัมพันธ์ในวัยเด็กของเขาทั้งสองที่เกิดและเติบโตมาด้วยกัน

ดังนั้นเขาจึงต่อสู้อย่างช้า ๆ

ในขณะนี้เวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วกว่า 45 นาที แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเลยแม้แต่น้อย

"ออมมือ?" เหยียณ ซิว เปิดปากขึ้นพูดคำสองคำออกมา เขามองไปที่ชุดที่ หลี่ เฮ่อ และ ฟาง เจิ้งจือ สวมใส่อยู่และดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง

ทั้งสองยังคงต่อสู้ต่อไป

ในที่สุดแววตาของ หลี่ เฮ่อ เริ่มสว่างขึ้น เพราะเขาได้ "บังคับ" ฟาง เจิ้งจือ ไปถึงมุมหนึ่งของลานประลองได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เลย

"ออมมือ!" หลี่ เฮ่อ รู้สึกดีใจอย่างมากและดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเลยว่าร่างของเขากำลังอ่อนล้าลงไปทุกทีแล้ว ทันใดนั่นเองเขายื่นมือทั้งสองข้างออกและพุ่งเข้าหา ฟาง เจิ้งจือ อย่างรวดเร็ว

ตะคุบเหยื่อ!

 

หลี่ เฮ่อ มั่นใจในกระบวนท่าเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้รับการสอนโดยตรงจาก หลี่ จ้วงฉือ เป็นกระบวนท่าที่จะพุ่งเข้าหาศัตรูที่เหนือกว่าและทำให้ล้มลง กระบวนท่านี้มันจะทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ล้มลงอย่างแน่นอน

"ฟาง เจิ้งจือ ข้าขอโทษ! ยังไงเจ้าก็ผ่านการทดสอบกฎแห่งเต๋าอยู่แล้ว!"

เมื่อมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่ที่มุมของลานประลอง หลี่ เฮ่อ ไม่สามารถหุปยิ้มของเขาได้เลย เหมือนกับว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน

เหล่าผู้ชมทั่วลานประลองต่างพากันตกตะลึง กับฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

หรือนี้จะเป็น จุดจบของ ฟาง เจิ้งจือ เสียแล้ว?

"ตุบบ!" มีเสียง ตุบ โผล่ออกมาจากด้านล่างลานประลอง

กระบวนท่าของ หลี่ เฮ่อ สง่างามเป็นอย่างมาก กำปั้นทั้งสองข้างยื่นออกไปด้านหน้า ขาทั้งสองย่อลงแนบติดกับพื้น

บอกได้เพียงแค่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาแปลกมาก กระบวนท่า ตะคุบเหยื่อ กลับกลายเป็นท่านั่งสี่ขาราวกับสุนัขที่กำลังกินอาหารของมัน และนี่คือการนำไปสู่. . . .

 

แต่โชคไม่เข้าข้าง ที่ ฟาง เจิ้งจือ หลบได้ทัน

และยิ่งไปกว่านั้นเขาเตะไปที่ร่างของ หลี่ เฮ่อ อย่างจัง

ในที่สุดการต่อสู้ในรอบนี้ก็ได้จบลง

หลี่ เฮ่อ แหงนหน้ามองฟ้า ปัดโคลนที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของเขา นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะถึงตัว ฟาง เจิ้งจือ แต่เขากลับโผล่มาด้านหลัง

ฟาง เจิ้งจือ ที่เขาเห็นหายไปไหน?

ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก !

 

การต่อสู้ในครั้งนี้ ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้ทำให้เหล่าฝูงชนตกตะลึงอีกครั้ง แต่ที่ไม่เหมือนกันคือการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ

หลังจากผ่านไปสองรอบการแข่งขันมันทำให้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นที่ยอมรับว่าจะได้อยู่กลุ่มแรกแน่นอน

พวกเขาเริ่มถกเถียงกันในเรื่องนี้ แม้ว่าจะผ่านไปสองรอบการแข่งขันแล้วทุกคนก็ยังคงพูดถึงเขา

"ไม่ว่าจะเป็นถึงผู้ชนะของการทดสอบทฤษฎีก็ดี หรือรอบการทดสอบการต่อสู้มันก็ไม่เลวเลย!" ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองต่างไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อ ฟาง เจิ้งจือ อีกแล้ว เขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก

ในครั้งนี้ขุนนางฉิง ไม่ได้กล่าวคำพูดใด ๆ เพียงแค่จิบชาของเขาเท่านั้น

นักปราชญ์วัยกลางคนเอี้ยวคอคลายความเมื้อยล้า...

 

ในรอบที่สามก็ยังใช้วิธีการเดิม

ฝ่ายตรงข้ามของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ 30 เขาถือหอกและรอยแผลเป็นบนใบหน้าที่น่ากลัว

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นพวก "คร่ำครึ" ของเมืองนี้

เมื่อเขาขึ้นลานประลอง เขาแสดงทีท่าที่ดูมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เขาไม่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับ ฟาง เจิ้งจือ โดยตรง

ในด้านของ ฟาง เจิ้งจือ เมื่อเขาเห็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ร้อนรนอะไร เขาแสดงทีท่าผ่อนคลายและถือคติที่ว่า "หากศตรูไม่เคลื่อนไหวข้าก็ไม่เคลื่อไหว" และคอยเฝ้าดูอย่างะวัง แต่เป็นโชคดีของ ฟาง เจิ้งจือ ที่ฝ่ายตรงข้ามพลาดสะดุดล้มและหลุดออกจากขอบเขตการประลอง

ทั้งในรอบที่สี่ รอบที่ห้า ฝ่ายตรงข้ามต่างพากันพลาดด้วยความประมาทของตัวเองแล้วหลุดออกจากลานประลองอีก

ในด้านของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ดูเหมือนว่าจะทำตัวไร้เดียงสาไม่รับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

 

หลังจากผ่านรอบการแข่งขันแล้วการแข่งขันเล่า ฟาง เจิ้งจือ ก็แสดงท่าทีไร้เดียงสาอย่างต่อเนื่อง และในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

ฝ่ายตรงข้ามไม่เป็นใครอื่น เขาคือ หลี่ โปเว่ย ผู้ที่เป็นอันดับสามของการทดสอบด้านปัญญา

เหล่าผู้คนต่างพากันตื่นเต้นอีกครั้ง ในที่สุดก็จะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของ ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตาม หลี่ โปเว่ย ไม่เคยออมมือหรือกระทำการใดแบบเล่น ๆ เขาจริงจังกับทุกเรื่องเขาจะแสดงความแข็งแกร่งและพลังที่แท้จริงอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งเรื่องที่เขาพยายามจะเอาชนะอันดับที่หนึ่งและสองในรอบการทดสอบด้านปัญญา

 

"เริ่มได้" ผู้ตัดสินให้สัญญาณ

"ขอให้เจ้าสนุกนะ! ฮ่าฮ่า" หลี่ เฮ่อ โบกมือให้กับ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความยินดี

"แน่นนอน" แต่ ฟาง เจิ้งจือ กลับโบกมือให้กับ หลี่ โปเว่ยแทน

หลี่ โปเว่ย ยิ้มรับแต่ทว่ารอยยิ้มของเขานั้นเย็นยะเยือกราวกับว่าเป็นรอยยิ้มที่มาจากขุมนรก

"เมื่อห้าวันก่อน ภายใต้แสงจันทร์ที่ข้ารีบหนีไป ข้ารอคอยที่จะได้เจอเจ้าอีกครั้ง!"

 

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด