ตอนที่แล้วบทที่ 56: สังหารบิดาแห่งจักรพรรดิ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58: ถูกเนรเทศ

บทที่ 57: เหตุผลง่าย ๆ


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 57: เหตุผลง่าย ๆ

“อะไรนะ? บิดาแห่งจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ตายตกไปหมดสิ้น? ถูกซุ่มโจมตีด้วยแสงสีทอง? ในวัดเสวียนเทียนเนี่ยนะ?” หวังฉีหวู่แทบจะบ้าตายพร้อมตะโกนออกมาดังลั่น “เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? ผู้ใดกันที่หาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้?”

“ข้าคิดว่าจะเป็นศิษย์พี่ซ่ง! ข้าเห็นเขาบินอยู่บนท้องฟ้า!” นักบวชผู้นั้นตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“สวรรค์ ไอ้สารเลวนี่อีกแล้วงั้นหรือ? ทำไมเขาจึงไม่รู้จักคำว่าขีดจำกัดบ้าง?” หวังฉีหวู่โกรธจัดทันที พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “พาข้าไปยังที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้!”

เมื่อกล่าวจบ หวังฉีหวู่รีบตามลูกศิษย์ไปยังที่เกิดเหตุทันที สถานที่ที่ถูกลอบสังหารอยู่ห่างจากวัดเพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น เขาเดินทางไปด้วยพร้อมความตื่นตะหนกเต็มหัวใจ

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ สวรรค์ ภาพตรงหน้าช่างชวนสยดสยอง มีร่างมากมายถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเกลื่อนเต็มไปทั่วพื้นที่ เลือดและอวัยวะภายในออกมากองอยู่ที่พื้น พวกเขามองหาศพของบิดาแห่งจักรพรรดิด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที แขกที่เขาเชิญมาด้วยตนเอง ขณะนี้ถูกแบ่งร่างกายออกเป็นสองส่วน เขาแทบจะตายตกไปเพราะความโกรธ ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเห็นว่าแขกที่เขาเชิญมาประสบเหตุเช่นนี้ หวังฉีหวู่โกรธจัดจนใบหน้าแปรเปลี่ยนสี ไม่มีคำพูดใดอีกต่อไป เขาหันหลังพร้อมกับพุ่งไปที่หลังภูเขาเพียงต้องการแจ้งให้ฉิงเฟิงซีรับทราบ

ขณะที่หวังฉีหวู่มาถึงถ้ำ เขารีบเข้าไปด้านในทันทีและพบว่าเจ้าอ้วนยืนอยู่ตรงหน้าของฉิงเฟิงซี เขาคิดว่าเจ้าอ้วนทำเช่นครั้งก่อนคือบอกกล่าวฉิงเฟิงซีไปแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น หวังฉีหวู่ไม่พูดสิ่งใดให้มากความ เขาเริ่มหลั่งน้ำตาและกล่าวออกมา “ท่านอาจารย์ ท่านไม่สามารถเชื่อเขาได้อีกต่อไป! บิดาแห่งจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ได้ตายตกไปแล้ว ข้าคิดว่ามันมากเกินไป!”

“อะไรคือบิดาแห่งจักรพรรดิ เจ้ากำลังกล่าวถึงสิ่งใด?” ฉิงเฟิงซีกล่าวอย่างงุนงง

“อะไรกัน? ท่านไม่ทราบเรื่องนี้หรอกหรือ?” หวังฉีหวู่ถามกลับอย่างสงสัย

“แน่นอน เจ้าไม่ได้กล่าวสิ่งใด เมื่อเจ้าเข้ามาในที่แห่งนี้เจ้าเอาแต่ร้องไห้และกล่าวเช่นนั้น ข้ามิใช่สวรรค์ ที่จะไปตรัสรู้ความคิดของเจ้าได้!” ฉิงเฟิงซีกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ

“อา ท่านอาจารย์…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉีหวู่รีบกล่าวต่อ “ท่านต้องใส่ใจเรื่องนี้เกี่ยวกับศิษย์น้องซ่ง เขา… เขา… เขาสังหารบิดาแห่งจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ทั้งสาม! เช่นนี้เรียกว่าปัญหาหรือไม่? เขาไม่เคยคิดที่จะหยุดมือเลย?”

“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของฉิงเฟิงซีแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วพร้อมกับโกรธจัดในทันที “ข้ามิได้กักขังเขาไว้บนภูเขางั้นหรือ? เขากล้าท้าทายคำสั่งของข้าและลงไปข้างล่าง?”

“ว่าเขาเช่นนั้นมิได้ เพราะว่าบิดาแห่งจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ขึ้นมาบนวัดเสวียนเทียนแห่งนี้ ศิษย์น้องฆ่าเขาภายในวัดเสวียนเทียน!” หวังฉีหวู่กล่าวเสริม “ท่านอาจารย์ เหล่าผู้ติดตามของบิดาแห่งจักรพรรดินั้นตายตกไปทั้งหมด กลายเป็นสายธารแห่งเลือด! วัดเสวียนเทียนของเราเป็นสถานที่สำหรับผู้ฝึกตน แต่เขากลับเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นโรงฆ่าสัตว์! เราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ขอรับ?”

“ซ่งจง!” ฉิงเฟิงซีโกรธจัด เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป พร้อมกับตะโกนว่า “พูดมา! ที่เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร?!”

“ท่านอาจารย์ลุงใจเย็นก่อน…!” เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงซีโกรธจัด เจ้าอ้วนมองมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เขายิ้มออกมาอย่างอ้อนวอนพร้อมกล่าวต่อ “มันเป็นความจริงที่ข้าฆ่าพวกเขาเหล่านั้นเอง แต่ข้าทำไปเพราะข้าเดินทางตามกฏแห่งสวรรค์และเส้นทางของข้าเท่านั้น!”

“บัดซบ!” หวังฉีหวู่โกรธจัดทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาตะโกนออกมาทันที “เขาไม่เคยได้พบบิดาแห่งจักรพรรดิมาก่อนและเขาผู้นั้นคือผู้ที่วิ่งเต้นชำระล้างเรื่องที่เจ้าได้สร้างไว้ ตอนนี้ข้าไปเชิญเขามาเป็นแขกของวัดเสวียนเทียน เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณเขาแต่เจ้ากลับฆ่าเขา นี่หรือคือเส้นทางของเจ้า!?”

“ถูกต้อง!” ฉิงเฟิงซีกล่าวเสริม “บิดาแห่งจักรพรรดิและเจ้าไม่รู้จักกัน ทำไมเจ้าจึงต้องฆ่าเขา?”

“ข้าไม่รู้จักบิดาแห่งจักรพรรดิ แต่ที่ข้าลงมือสังหารเขา ข้าย่อมมีเหตุผล!” เจ้าอ้วนรีบกล่าวออกมา

“แล้วทำไมเจ้าจึงไม่อธิบายว่าเหตุใดเจ้าต้องสังหารเขา?” ฉิงเฟิงซีเริ่มกดดัน “มันสามารถยอมรับได้หากเจ้ามีเหตุผลที่มากพอ แต่ถ้าหากสิ่งที่เจ้าทำลงไปไม่มีเหตุผลรองรับ แม้ว่าข้าจะทำเป็นมองไม่เห็น แต่กฎของนิกายหาเป็นเช่นนั้นไม่!”

“ขอรับ ได้โปรดรับฟังข้าก่อนท่านอาจารย์ลุง!” เจ้าอ้วนกล่าว จากนั้นเขาดึงเหยือกไวน์องุ่นออกมา วางบนโต๊ะและกล่าวว่า “นี่คือเหยือกไวน์แดงอายุร้อยปี ไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่ดีในสุดในโลก มันไม่สามารถพบเจอได้ทั่วไป!”

หวังฉีหวู่ชื่นชอบชา ฉิงเฟิงซีชื่นชอบไวน์ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น น้ำลายของฉิงเฟิงซีเริ่มทำงาน ไวน์เก่าแก่อายุร้อยปี แม้จะมีชีวิตมานานนับร้อยปี เขาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสของมันมาก่อน

สำหรับหวังฉีหวู่ เขาเริ่มสงสัยการกระทำของเจ้าอ้วนทันที พร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาเหยือกไวน์นี้ออกมาเพื่อจัดการเรื่องนี้ได้งั้นหรือ! ท่านอาจารย์มิใช่ผู้คนที่ถูกมอมเมาได้ด้วยสุรา! ใช่หรือไม่ท่านอาจารย์?”

แม้เขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปเป็นประโยคคำถาม

ไม่ว่าผิวหนังของฉิงเฟิงซีจะหนาแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงยืดตัวขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ถูกแล้ว ซ่งน้อย เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป ข้าผู้นี้มิได้สนใจในการดื่มด่ำกับไวน์เช่นนั้น!” แต่เขาคิดต่อกับตัวเองในใจ ‘มันจะเพียงพอถ้าเจ้ามีมันสักแปดหรือสิบเหยือก!’

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนตกตะลึงไปในคำพูดเหล่านั้น จากนั้นเขาหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “พวกท่านกำลังกล่าวสิ่งใดกัน? เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น? ไวน์เหยือกนี้คือหลักฐานมิใช่ของขวัญ!”

“โอ้ หลักฐาน?” ฉิงเฟิงซีรู้สึกร่าเริงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับเก็บเหยือกไวน์นั้นทันที จากนั้นเขาก็กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะเก็บหลักฐานไว้เอง พูดเรื่องของเจ้าต่อ!”

หวังฉีหวู่ตกใจไปชั่วครู่ พร้อมกับคิดว่าเจ้าอ้วนกำลังติดสินบนอาจารย์ของเขา แน่นอนหากเขามีส่วนร่วมในโลกมนุษย์มากเกินไปจะทำให้เขาสูญเสียหนทางแห่งการฝึกตน เช่นหวังฉีหวู่ที่มีตัวตนและเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในโลกของมนุษย์

เจ้าอ้วนเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเขาตั้งใจจะยกเหยือกไวน์นี้ให้กับฉิงเฟิงซีอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์ ไวน์เหยือกนี้ข้าได้รับมันจากเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดอยู่ใต้เนินเขา เขารู้ว่าข้าคือผู้ฝึกตนและจงใจขายไวน์เหยือกนี้ให้ข้าในราคาถูก เขาต้องการผลประโยชน์จากตัวข้า ข้ารู้ทันเขา ข้าจึงออกมาในกลางดึกและไม่เปิดโอกาสให้เขากระทำเช่นนั้น! ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ข้ารู้สึกว่าข้าติดหนี้เขาอยู่นิดหน่อย”

“อา… แน่นอนว่ามันไม่ดี ที่เจ้าทำเช่นนั้นลงไป ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต เจ้าควรตอบแทนคนผู้นั้น!” ฉิงเฟิงซีพยักหน้าของเขาในขณะกล่าวออกมา

“ข้าไม่มีโอกาสจะทำเช่นนั้นอีกต่อไป!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างเดือดพล่าน “วันนี้ตอนเช้าตรู่ ข้าตั้งใจจะไปรับประทานอาหารที่โรงเตี๊ยม พร้อมกลับไปชดเชยในสิ่งที่ข้าเคยทำไว้ ข้าไม่ได้คาดคิดว่าโรงเตี๊ยมจะถูกปิดและเจ้าของโรงเตี๊ยมถูกฆ่าตาย!”

“อา? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉิงเฟิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“หลังจากที่ข้าถามไถ่ผู้คนแถวนั้นว่าเหตุใดเขาจึงตาย เหตุผลเพียงแค่ไวน์เหยือกนี้!” เจ้าอ้วนโกรธจัด

“เพียงแค่เหยือกไวน์? เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ฉิงเฟิงซีถามกลับอย่างงุนงง

“เมื่อคืนวานก่อน บิดาแห่งจักรพรรดิและราชวงศ์ทั้งสามเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น มีพนักงานปากโป้งไปบอกกล่าวพวกเขาเหล่านั้นว่าเจ้านายของมันมีไวน์แดงอายุร้อยปี! หลังจากที่ครอบครัวเจ้าพวกสารเลวได้ยินเช่นนั้น เขาบังคับให้เจ้าของโรงเตี๊ยมนำไวน์นั้นออกมาทันที แต่ปัญหาคือไวน์เหยือกนี้เคยมอบให้กับข้ามาแล้ว เจ้าของโรงเตี๊ยมจะไปเอาเจ้าสิ่งนี้จากหนใดได้อีก? เจ้าของโรงเตี๊ยมพูดความจริงกับเหล่าราชวงศ์ว่าไวน์นี้เขามิใช่เจ้าของมันอีกต่อไป”

“แต่บิดาแห่งจักรพรรดิคิดว่าเขากำลังโกหกและไม่ไว้หน้าเขา จากนั้นเขาจึงสั่งให้เหล่าคนรับใช้เริ่มซ้อมเจ้าของโรงเตี๊ยมทันที เขาแก่มากแล้วและไม่อาจทานทนไหว เขาตายตกไปอย่างรวดเร็ว! จากนั้นบิดาแห่งจักรพรรดิยังไม่ยอมหยุดยั้ง เขาค้นหาเหยือกไวน์ทั่วทั้งร้านและขโมยมัน! ครอบครัวนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปหากต้องได้มีชีวิตต่อไปในอนาคต?” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างผิดหวัง “ท่านอาจารย์ลุง ข้ามิได้ฆ่าบิดาแห่งจักรพรรดิ แต่เป็นไวน์เยือกนี้ต่างหากที่ทำเช่นนั้น ข้าชื่นชอบมันมาก และอีกอย่างข้ายังไม่ได้ตอบแทนเขาสำหรับของสิ่งนี้ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ในตอนนี้เขาได้ล่วงลับไป ท่านคิดว่าข้าสมควรจะแก้แค้นให้เขาหรือไม่?”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด