ตอนที่แล้วตอนที่8 การฝึกซ้อมและตลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่10 ภัยอันตรายที่เข้ามาและการตื่นขึ้นของดวงตาชิบะน้อย

ตอนที่9 กลุ่มมังกรทมิฬและการเข้าไปในหุบเขาหมอก


ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของตลาด เทียนหย่าง จะมีแท่นบูชามังกรทมิฬอยู่ในตลาด เทียนหย่าง

นี่เป็นส่วนหนึ่งของอาคารซึ่งเกือบจะครอบคลุมทั้งหมดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้และไม่เหลือแม้แต่เส้นทางเดินของคนทั่วไป มีแค่ตึกสีดำเท่านั้นที่เราจะรู้ได้ว่ากลุ่มมังกรทมิฬกำลังกดขี่กลุ่มคนในตลาด เทียนหย่างอยู่

กำแพงชั้นนอกสูงประมาณ 20 ฟุต ถูกทับซ้อนด้วยหินสีดำขนาดใหญ่ ที่กลางกำแพงมีประตูเหล็กสีดำหนาเหมือนกับกำแพงเมืองขนาดย่อมๆ ภายในกำแพงหลังคากระเบื้องมีอาคารและศาลาซ่อนอยู่ในนั้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้สามารถมองเห็นได้จากภายนอกเท่านั้น นอกจากสมาชิกของมังกรทมิฬแล้ว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่ในตลาด เทียนหย่าง อย่างไรก็ตามก็มีข้าราชการที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวไม่ก็หัวหน้าตำรวจเท่านั้นที่เคยเข้าไปในประตูเหล็กสีดำนั้น

มีสวนขนาดเล็กอยู่ทางตอนเหนือของแท่นบูชาของมังกรทมิฬ ในสวนเป็นอาคารสามชั้นที่มีขนาดเล็ก แต่มีรูปร่างที่ดูธรรมดา และมุมทั้งสี่ของตึกจะมีระฆังสีทอง ในเวลาที่มีลมพัดมักจะมีเสียง “ตื้ง ติ้ง!” ที่คมชัดและไพเราะ

ในเวลากลางคืนแสงสลัวส่องออกมาจากหน้าต่างที่ชั้นสาม มันเป็นจุดสว่างเดียวในอาคารทั้งหลัง

ด้านหลังของหน้าต่างเป็นห้องว่างที่แผ่นพรมแดงเรียงรายไปด้วยเส้นขอบสีทองกระจายอยู่บนพื้น พรมแดนของพรมประกายระยิบระยับ ด้านทิศเหนือของผนังแขวนภาพขนาดใหญ่ที่มีมังกรสีดำบินอยู่ในเมฆ มังกรตัวนั้นมีกรงเล็บขนาดใหญ่และดูเหมือนมันกำลังเคลื่อนไหวจริงๆ

ภายใต้ภาพขนาดยักษ์เป็นเก้าอี้นวมที่ทอง ในเวลานั้นผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปีนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมและสวมชุดสูทผ้าไหมทองคำพร้อมกับข้อมือสองที่ผ้าไหมปักเป็นรูปมังกรพันตัว

ทั้งสองด้านของเก้าอี้นวมสีทองถูกขนาบข้างด้วยเก้าอี้เงิน 4 ตัว เก้าอี้ที่เต็มไปด้วยบุรุษและสตรีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ น้องคนสุดท้องเป็นหญิงที่มีอายุมากกว่า 30 ปีที่มีใบหน้าสีชมพูซึ่งแสดงให้เห็นว่า

เป็นคนที่หยิ่งทะนงขนาดไหนด้วย พลังชี่ชั่วร้าย

ไม่มีเสียงใด ๆ ในห้องยกเว้นเสียงหายใจที่ยาวและเบาของคน ในขณะนั้นแม้เข็มจะตกลงบนพื้น แต่เสียงก็ดังชัดเหมือนได้ยิน

“เป็นไปตามคาด ทุกท่านได้ทราบข่าวเกี่ยวกับหมาตาตาเดียวในหุบเขาตะวันตกที่ได้ปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านข้างตลาด เทียนหยาง แต่มันก็ไม่ได้ทำร้ายใครนอกจากนี้ยังถูกทหารที่ถูกเนรเทศไปแล้วอย่าง หวังเทียนเหล่ย ขับไล่ไป ทุกคนพวกเจ้ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

หลังจากนั้นเป็นเวลานานชายชราคนหนึ่งในเท้าอี้สีทองได้ทำลายความเงียบไป ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังบนใบหน้าของคนที่เหลือ 8 คน เพื่อมองว่ามีใครเห็นต่างไปจากเขาหรือไม่

“ข้าได้ตรวจสอบมาแล้ว หวังเทียนเหล่ย เขาได้รับคัดเลือกเข้ากองทัพไม่กี่ปีที่ผ่านมาและได้ประจำการอยู่เขตชายแดนเมืองเซี่ยนวู ในเขต ซื่อห่าว เป็นทหารยศสิบตรี ดังนั้นทักษะการต่อสู้จึงมีอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยมีวิชาที่ใช้ 2 วิชา คือ เพลงหมัดหมีดำ และ พลังชี่กง อีกนิดเดียวเขาก็จะสำเร็จวรยุทธ ดินแดนเถ้ากระดูก แต่เสียดายที่เขาไม่ได้เกิดมาจากตระกูลที่แข็งแกร่งและเราไม่มีข้อมูลอื่นๆเลย แล้วก็โชคร้ายที่พอถูกใช้ประโยชน์ทางทหารเสร็จเขาก็กลับมาที่นี่ หลังจากที่อายุทางทหารได้หมดลง”

ผู้หญิงชุดแดงกับใบหน้าสีชมพู แต่ดูชั่วร้ายได้กล่าวถึงประวัติของ หวังเทียนเหล่ย

จอมยุทธระดับปลายแถว? ชายวัยกลางคนนั่งตรงข้ามเธอขมวดคิ้ว “ถ้าข่าวลือเกี่ยวกับหมาป่าตาเดียวอาจเป็นความจริง แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะว่าจอมยุทธระดับนี้จะต่อสู้กับสัตว์ร้ายแบบนนั้นได้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม”

“ท่านฉ่องนี่ท่านกำลังบอกว่าที่ข้าพูด มันไม่เป็นความจริงอย่างงั้นรึ?” ความชั่วร้ายที่รู้ได้มันได้คลืบคลานออกมามากขึ้นๆ และใบหน้ากลายเป็นแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลยนะท่าน แต่ดูเหมือนจะมีข้อมูลบางอย่างตกหล่นไปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้กับหมาป่าตาเดียวหลังจากทั้งหมดมันเป็นสัตว์ชั่วร้ายแม้สัตว์ร้ายชั่วร้ายระดับต่ำสุด แต่อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นจอมยุทธระดับ 2 ขึ้นไปถึงจะสามารถต่อกรได้นะ ท่านมีความเห็นอย่างไร?”

“ใช่ มันแปลกจริงๆข้าก็ไม่เชื่อในคราแรกที่ได้ฟัง!”ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในเก้าอี้นวมทองโบกมือเบาๆให้สัญญาณให้หยุดเถียงกัน “แต่หลังจากที่ตรวจสอบหลายๆครั้งมันพิสูจน์ให้เห็นว่า ข้อมูลนั้นเป็นจริง ข้าไม่รู้ว่าทำไมหมาป่าตาเดียวถึงหนีไป แต่ข้าสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้สองประการประการแรกข่าวก็เป็นความจริงและหมาป่าตาเดียวก็มีอยู่จริง ประการที่สองก็แน่ใจว่า หวังเทียนเหล่ยเป็นคนขับไล่สัตว์ร้ายนั้นไปในวันแต่งงานของเขา จากคำอธิบายของชาวบ้านในเหตุการณ์

ในขณะนั้น ในเวลานั้น หวังเทียนเหล่ยอาจถูกฆ่าได้ตลอด แต่ก็สามารถขับไล่หมาป่าตาเดียวกลับไปได้”

“อีกนัยหนึ่งหมาป่าตาเดียวอาจไม่ได้ถูกขับไล่ไปโดย หวังเทียนเหล่ยแต่มันอาจกลับเองตามสัญชาตญาณก็เป็นได้” นายฉ่องกล่าว

“หื!” ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีแดงถอนหายใจอย่างไม่พอใจและสะบัดหน้าหนี

“ข้าไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้หมาป่าตาเดียวถึงกับหนีเข้าป่า แต่ข้าจะต้องรู้ความจริงให้ได้เท่านั้น”

“มันยังอยู่และมันก็ยังเป็นสัตว์ร้าย!” เมื่อพูดว่า“ปีศาจร้าย”แล้วละก็ชายวัยกลางคนนั่งตรงข้ามกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีแดงไม่สามารถกระพริบตาได้

“เจ้าหนูพูดถูก หมาป่าตาเดียวเป็นสัตว์ร้าย นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!” ชายชราพยักหน้าอย่างหนักด้วยแสงเดียวกันในดวงตาของเขา

มันเป็นสัตว์ชั่วร้ายนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบเท่าที่มันเป็นสัตว์ชั่วร้าย จะมีอวัยวะภายในที่ทำเป็นยาได้ อยู่ในร่างกายของมัน และ อวัยวะภายในที่ทำเป็นยาดังกล่าวของสัตว์ชั่วร้ายนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้และพลังชี่

ในโลกนี้ ยาที่ทำมาจากอวัยวะสัตว์ร้ายจะไม่เหมือนกับบรรดานวนิยายจอมยุทธที่ชิบะน้อยเคยอ่านในชีวิตก่อนหน้า แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ก็มีความคล้ายคลึงกัน

สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายได้รวบรวมวิญญาณและความรู้สึกของร่างกายทั้งหมดไว้ในข้างในร่างกายก่อนที่พวกมันจะตายทำให้สัตว์ต่างๆได้มีเครื่องในที่อุดมไปด้วยสิ่งที่ไว้บำรุงร่างกาย และอวัยวะของสัตว์ร้ายแต่ละชนิดก็จะมีขนาดแตกต่างกันต่โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าขนาดของสัตว์ร้ายจะใหญ่ขนาดไหน แต่อวัยวะที่ทำเป็นยาก็จะมีขนาดเล็กที่สุดเท่ากับกำปั้น แต่สำหรับบางตัวอาจจะเล็กเท่าถั่วเหลือง

ยาจากอวัยวะภายในสัตว์พวกนี้มีประโยชน์มาก มีพลังที่แข็งแกร่งและยาอายุวัฒนะมีประโยชน์ในหลายๆด้านยิ่งมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เป็นยาที่ล้างสารพิษที่ติดตามกระดูก และจะมีประโยชน์ยิ่งขึ้นหากนำไปต้มรวมกับยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ

แม้ว่าดินแดนนั้นไม่มีที่สิ้นสุดและสัตว์ร้ายเกิดขึ้นในเทือกเขาและป่ากว้างใหญ่เช่นภูเขา เช่น หุบเขาหมอก มันเป็นการยากที่จะหาสัตว์ชั่วร้ายและยาเหล่านั้น

ปัญหาคือคุณไม่สามารถจับได้

ยกเว้นสัตว์ป่าที่ชั่วร้ายเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายซึ่งเป็นต่ำที่สุดที่เพิ่งกลายเป็นสัตว์ร้ายจากสัตว์ป่าธรรมดามีพลังอย่างน้อยเท่ากับจอมยุทธระดับ4 หรือ 5 เลยทีเดียว นี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่หลักๆคือในโลกแห่งนี้คนที่มีการเพาะปลูกพลังระดับ4 หรือ 5 มีมากมายก็จริง แต่สัตว์ร้ายเหล่านี้อาศัยอยู่ในเทือกเขาสูงและที่ราบลุ่ม ดังนั้นเพื่อที่จะพบพวกมันคุณต้องออกสำรวจไปที่สถานที่ต่างๆ เช่น หุบเขาหมอกในส่วนที่ลึกมาก ซึ่งแม้แต่จอมยุทธยังต่อกรได้แค่ป้องกันตัวเองได้เท่านั้น โชคไม่ดีเขาอาจจะพลาดท่าและอาจเสียชีวิตก็ได้หากล่าสัตว์เหล่านี้เพียงคนเดียว

ยิ่งกว่านั้นสัตว์ที่ชั่วร้ายไม่ใช่แค่สัตว์ร้ายเท่านั้น ถ้าคุณโจมตีใส่แล้วสัตว์เหล่านั้นได้โจมตีไปถูกคนอื่น ท้ายสุดคุณก็จะมีตราบาปติดตัวคุณไป

ในสถานที่พักพิงของมนุษย์หรือสถานที่ที่มีมนุษย์อยู่แออัดมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสัตว์ชั่วร้าย

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนของ มังกรทมิฬจะมีหวัง

หมาป่าตาเดียวในหุบเขาทางตอนใต้!

ตำนานหมาป่าตาเดียวได้แผ่ขยายมาเป็นเวลานาน มันถูกเผยแผร่ไปเดือบ 100 ปี แต่การแพร่กระจายไม่กว้างมากเพียงแค่ในหมู่บ้านชาวเขาบางแห่งที่อยู่รอบ ๆ เมืองและตลาด เทียนหย่าง ในช่วงต้นปีกลุ่มมังกรทมิฬ ไม่สนใจตำนานดังกล่าวและถือว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล

 

แต่ในเวลานี้มันแตกต่างกัน

เนื่องจากการได้เห็นหมาป่าตาเดียวเกิดขึ้นอย่างแน่นอนจึงเป็นไปได้ว่าหมาป่าตาเดียวเป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยตำนานของชาวภูเขาโดยรอบ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในบรรดาสัตว์ร้ายระดับต่ำที่สุดและง่ายที่สุดในการจัดการและพัฒนาเป็นสัตว์ร้ายจากสัตว์ป่าธรรมดา ๆ เนื่องจากโชคดี โดยทั่วไปสัตว์ป่าชนิดนี้ไม่ฉลาดนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาทางตอนใต้

สำหรับชาวบ้านเหล่านั้นที่อยู่ในหุบเขาตะวันตกแถวหุบเขาหมอก แต่สำหรับจอมยุทธมันเป็นแค่เส้นขอบชายแดนของ หุบเขาหมอก นสถานที่เช่นนี้ยกเว้นสัตว์ที่แปลกเช่นหมาป่าตาเดียวสัตว์ป่าชั่วร้ายก็ยังมีอยู่ จากจุดนี้มันอาจจะเห็นได้ว่าหมาป่าตาเดียวควรจะกลายเป็นสัตว์ชั่วร้ายเพียงระยะเวลาอันสั้น มิฉะนั้นก็จะไม่ได้เปิดเผยตัวเองได้อย่างง่ายดายเพื่อคนอื่น ๆ หรือยังคงอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นหุบเขาทางตอนใต้ แต่มันจะเปิดเผยตัวได้ไม่นาน หรือยังคงอาศัยอยู่ในหุบเขาทางใต้อยู่ก็เป็นได้ แต่มันจะไม่นานก่อนที่สติปัญญาทางจิตวิญญาณของหมาป่าตาเดียวครบถ้วน หลังจากนั้นก็จำเป็นต้องออกจาก หุบเขาทางตอนใต้ และเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาหมอก ในเวลานั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามหาเจ้าหมาป่าตาเดียว แต่พวกเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

“สภาพอากาศในเร็วๆนี้จะมีหิมะ เราต้องรีบไปที่ภูเขาก่อนที่หิมะจะเริ่มตก ตราบใดหากเราได้อวัยวะที่นำมาทำยาได้สำเร็จ เราจะได้รางวัลอย่างงาม”

“พวกข้ายินดีจะติดตามท่านไป!” หลายๆคนได้กล่าวตอบ

 

※※※※※※※※※※※※※※※※※※

 

“มันดูราวกับแสงกำลังจะสาดส่องเหล่าหิมะที่เขต ซื่อห่าว มันเป็นสิ่งที่แย่มากเกี่ยวกับอาการปวดในฤดูหนาว!”

ชายหนุ่มที่หล่อเหลายืนอยู่ที่ประตูของโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่งในตลาด เทียนหย่าง ท้องฟ้าที่มืดครึ้มและความรู้สึกหนาวที่สัมผัสได้จากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเขา ร่างกายที่บอบบางของเขาไม่อาจปรับได้จากการสั่นแค่ 2- 3 ครั้ง

“เลือดของข้าเกือบจะแข็งเลยนะเนี่ย แล้วข้าจะมีแรงเข้าไปในหุบเขาหายาได้ที่ไหนล่ะ?”

ชายหนุ่มคนนั้นอายุ 17 ปี เขามีใบหน้าอันหล่อเหลามาก ผิวสีดอกกุหลาบของเขาอ่อนนุ่มเหมือนกับเต้าหู้ ชั่งดูนุ่มและน่าหยิก เขามีดวงตาคู่ใหญ่ที่ดูราวกับว่าพวกเขาถูกปกคลุมโดยชั้นของหมอก เขาสวมชุดสีฟ้ากับเข็มขัดผ้าไหมสีขาวที่เอวและชิ้นหยกที่แขวนอยู่บนสายสะพาย ผมยาวสีดำของเขาถูกผูกไว้ในหางม้าอย่างลวกๆ มุมปากของเขามีรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าทุกอย่างระหว่างสวรรค์กับโลกเป็นเรื่องตลกในสายตาของเขา

“ดี ดูเหมือนว่าข้าจะขี้เกียจไม่ได้แล้ว ข้าจะต้องเขาหุบเขาไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจะต้องไปเอายามาก่อนที่หิมะจะมาถึงมิฉะนั้นข้าคงติดอยู่ในหุบเขานั้น คงทรมานน่าดู สภาพอากาศหนาวเย็นพวกเขาทั้งสองอยู่กันได้อย่างไร แล้วทำไมข้าถึงมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ?”

ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หันกลับและเดินไปที่โรงแรม

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด