ตอนที่แล้วตอนที่ 54 ง่ายๆตรงไปตรงมา (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 56 สหาย? (FREE)

ตอนที่ 55 เข้าสังคมไม่เก่ง (FREE)


โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบสงัด ราวกับเวลาได้หยุดลง มีเพียงแค่ลมที่ยังพัดอยู่บนแม่น้ำแห่งความสัตย์

ในเวลาเดียวกัน ข้างหน้าของเด็กหนุ่ม มีใบหน้าที่งดงามปรากฎอยู่

ในยุคโบราณนั้น เคยมีความงามที่ดวงจันทร์ยังต้องหลบซ่อน แม้แต่ดอกไม้ยังอาย ปลายังจมน้ำ นกยังร่วงหล่นจากฟ้า ยังไงก็ตาม หยุน ชิงวู ไม่ได้ทำให้เกิดปรากฎการณ์เหล่านั้นขึ้น แต่ผมยาวสลวย คิ้วโก่งได้รูป ผิวขาวราวกับหิมะ ปากเป็นสีแดงจางๆ ทำให้ใครก็ตามที่เห็นตาค้าง

ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือใบหน้าของนางตอนนี้ตกอยู่ในอาการตกตะลึง ปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เชื่อ

ไม่เพียงแต่ หยุน ชิงวู เท่านั้นที่ไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น แม้แต่สาวใช้ที่อยู่ข้างๆพวกนางต่างอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง มองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกนาง ด้วยตัวที่แข็งทื่อ

ที่ด้านล่างของเวที แม้แต่การแสดงออกอันเยือกเย็นของ เหยียน ซิว ยังถูกพังทลายลง เขาแสดงถึงความแปปลกใจอออกมาเล็กน้อย ปากของเขาเดี๋ยวอ้าออกเดี๋ยวปิดสนิท ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ที่ดูเกินจริงไปมากที่สุดคือ เมิ่ง อวี้ชู ตาของเขาเปิดกว้าง มือกำแน่นตามสัญชาตญาน เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

เหล่านักปราชญ์ที่ดูถูกเขาก็เช่นกัน ทุกคนตัวแข็งค้างไปอย่างสมบูรณ์

มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา

เพราะว่า....

ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

 

“อืม.ไม่เลว! ต้นกกลู่ลม…ทำไมเจ้าถึงไม่สามารถไล่ตามผู้ชายได้ละ? ดูเหมือนหญิงสาวจะกังวลอะไรบางอย่างอยู่สินะ!” เด็กหนุ่มมองไปยัง หยุน ชิงวู และถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินลงจากเวที เขาหยิบเงินกระดาษ 100 ตำลึงเงินขึ้นไว้ในมือ ใบหน้าของเขาแสดงความยินดีออกมา

“ทุกคนเป็นพยายข้าได้เปิดผ้าที่ปิดบังหน้าของหญิงงามออกร้อยแล้ว เงินนี้เป็นของข้า!” หลังจากเขาพูดจบประโยคเขาเก็บเงินเข้ากระเป๋า และเดินออกไปไกล

 

“ผ้าปิดหน้าของ หยุน ชิงวู ถูกถอดออก?!”

“ถูกถอดออกอย่างนี้เนี่ยนะ?”

“นางช่างงดงามเกินไปแล้ว! นางสามารถทำลายทั้งเมืองได้เพียงการจ้องมองเพียงครั้งเดียว!”

“เดี๋ยวๆ...เขาบอกว่าเงินกระดาษ?!”

ถึงแม้พวกนักปราชญ์จะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะความงดงามของ หยุน ชิงวู ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ แต่ไม่นานก็มีคนได้สติ

“จับเขาเดี๋ยวนี้!”

“จับเจ้าโรคจิตนั่นซะ!”

 

หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับคืนมา ความโกรธเข้ามาแทนที่ในทัที ไม่มีใครสนใจกัยงานชุมนุมร้อยบุปผาอีกต่อไป

ตอนนี้ยังไม่มือค่ำอยู่แท้ๆ เขากล้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้ยังไง

นอกจากนี้เขายังพูดจาหยามเทพธิดา หยุน ชิว ในใจ ของพวกเขาอีกด้วย พวกเขาต้องยอมรับเรื่องนี้งั้นหรือ?

“เขาอยู่ไหนแล้ว?”

“เขาหนีไปไหนกัน?”

นักปราชญ์เริ่มค้นหาไปทั่วทุกที่ แต่นาเสียดายที่เด็กหนุ่มคนนั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้กระทั่งเงาของเขาก็ไม่มีใครสักคนที่เห็น

 

“เจ้าจะไม่สามารถไล่ตามชายคนนั้นได้อย่างไร?” หยุน ชิงวู กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง เมื่อมองไปยังทางที่เด็กหนุ่มวิ่งหนี มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรืออะไร แต่ใบหน้าของนางปรากฎรอยยิ้มจางๆขึ้นมา

ฉากตรงหน้า ทำให้นักปราชญ์ที่กำลังโกรธเกรียวอยู่ตกตะลึงทันที มันเป็นความสวยงามตามธรรมชาติที่ยากจะปกปิดได้มิด

“เก็บของ ไปกันเถอะ!” รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหายไปทันที นางนำผ้าขึ้นมาปกปิดใบหน้าอีกครั้ง เดินช้าไปที่เรื่อสำราญอย่างนิ่งสงบ

“ทราบแล้ว ท่านหญิง!”

….

 

หยุน ชิงวู จากไปแล้ว งานชุมนุมร้อยบุปผาก็จบลง ทิ้งนักปราชญ์บางคนที่กำหมัดแน่น พวกเขาสาบานว่าต้องจับเจ้าเด็กหนุ่มสารเลวนั้นและล้างแค้นที่เขาสร้างความอับอายให้กับ หยุน ชิงวู

“อะไรของเจ้านั่นกัน ข้า เมิ่ง อวี้ชู จะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” เมิ่ง อวี้ชู รู้สึกหน้าชาเล็กน้อยในวันนี้ เขากำดาบแน่น ดวงตาของเขาปล่อยความเยือกเย็นออกมา

ในทางกลับกันนั้น เหยียน ซิว ก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน ราวกับเขาสลายไปกับอากาศ

...

 

บนเรือสำราญ หยุน ชิงวู นั่งเงียบๆบนเก้าอี้ไม้จันท์แดง ด้านหน้าของนางเป็นโต๊ะสีแดงที่มี กู่เจิ้ง วางอยู่ ข้างๆกู่เจิ้ง มีตะเกียงรูปร่างสัตว์ปล่อยกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา

“ท่านหญิงข้ามีเรื่องสงสัยอยากจะเรียนถาม!”  สาวใช้ที่สวมชุดกระโปรงสีทอง มองไปที่ หยุน ชิงวู และถามออกมาเบาๆ

“เจ้าต้องการจะถามว่าทำไมข้าถึงไม่หลบ?”

“ใช่แล้ว ด้วยความสามารถของท่านหญิง ถ้าท่านไม่ปราถนาละก็...ไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถดึงผ้าผืนนั้นออกได้หรอก?”

“ถ้าข้าบอกว่า ข้าหลบแล้วละ?”

“นี่มัน...เขาดูเหมือนอายุเพียงแค่ 15-16 ปีเอง?!”

“ใช่เขาอายุแค่ 15-6 ปี!”

สาวใช้ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป แต่นางแสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมา หยุน ชิงวู ไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกัน ตาของนางจ้องมองไปยังคลื่นบนแม่น้ำอย่างเงียบๆ

....

 

เมืองฮวายอัน ในซอยหนึ่งที่อยู่ห่างจากประตูเมืองทางตะวันตก 100 เมตร

เด็กหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีน้ำเงินหยาบๆ ถูกหยุดโดยเด็กหนุ่มในชุดสีฟ้าขาว ข้างหลังเขามีชายรูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยหนวดเครากำลังขี่เสือเพลิงแดงสามตาอยู่

“ปล้นงั้นรึ?” เด็กหนุ่มมองไปที่ชายรูปร่างแข็งแกร่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มชุดฟ้าขาว จากนั้นก็มองไปที่เสือเพลิงแดงสามตา มุมปากของเขายกขึ้นคล้ายกับกำลังยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของเขายังดูนิ่งสงบ

“ไม่ใช่!” เด็กหนุ่มชุดฟ้าขาวส่ายหัว

“งั้นช่วยหลีกทางได้ไหม?” เด็กหนุ่มยังคงอดทนต่อไป

“ไม่!” เด็กหนุ่มในชุดฟ้าขาวก็ตอบกลับไปอย่างอดทนเช่นกัน

เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มองไปที่คนทั้ง 2 คนข้างหน้าเงียบๆ ปากของเขายังคงยิ้มอยู่ ท่าทางยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม

 

“เหยียน ซิว!” ในที่สุดเด็กหนุ่มในชุดฟ้าขาวก็กล่าวออกมา

“ฟาง เจิ้งจือ!” เมื่อเด็กหนุ่มอีกคนได้ยิน เหยียน ซิว พูดออกมา รอยยิ้มของเขาก็หายไปจากใบหน้าเป็นครั้งแรก เปลี่ยนเป็นความจริงจังแทน

“ข้าไม่ใช่คนที่เข้าสังคมเก่งนัก แต่ข้าสนใจเจ้าเล็กน้อย” เมื่อ เหยียน ซิว พูดจบ มันเหมือนเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเขา ราวกับมันเป็นครั้งแรกที่เขาพูดมากมายขนาดนี้

“เสียใจด้วย แต่ข้าไม่สนใจผู้ชาย” ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมา

ถูกบังทางโดยคนแปลกหน้า หลังจากนั้นก็บอกว่าสนใจในตัวเขา ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ดูเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด หรือว่า เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า เหยียน ซิว จะไม่เก่งในการเข้าสังคมจริงๆ?

ท่าทีของ เหยียน ซิว เปลี่ยนไปทันที ราวกับเขาผิดหวังกับคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ มันเป็นครั้งแรกที่เขาพูดโต้ตอบกับคนแปลกหน้า แต่เขากลับถูกปฏิเสธ?

 

ยอมแพ้?

ความคิดนี้หายไปทันที เพราะในหัวของเขา ไม่เคยมีคำว่า ‘ยอมแพ้’ อยู่ในหัว

จากนั้นเขาก็นึกถึงคำแนะนำของปู่ เมื่ออยากจะสานสัมพันธ์กับคนอื่น โดยเฉพาะในครั้งแรก ควรแสดงความจริงใจออกมาเป็นอย่างแรก

 

“ข้าสามารถให้เงินแก่เจ้าได้!” เหยียน ซิว นึกถึงตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ หยิบเงินขึ้นมาด้วยความยินดี เขาก็รู้ในทันทีว่าเขาสามารถแสดงความจริงใจได้ยังไง

ชายรูปร่างแข็งแกร่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง เหยียน ซิว ขยับตัวเล็กน้อย มองไปที่ เหยียน ซิว เขารู้สึกอับอายขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่านายน้อยของเขาคงเจอปัญหาเข้าเสียแล้ว

เพราะตามปกติแล้วถ้าพูดคำพูดแบบนี้กับพวกนักปราชญ์ละก็ พวกเขาต้องโกรธมากแน่นอน

 

“แน่นอนงั้นเจ้าเลี้ยงข้าวข้ามื้อหนึ่ง?” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยิน เขาไม่แม้แต่จะคิด รับข้อเสนอในทันที

“ได้เลย!” เหยียน ซิว พยักหน้า

“งั้น ไปกันเถอะ!” มีคนมาเลี้ยงข้าวให้ ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาเดินไปยืนข้าง เหยียน ซิว ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากซอยไป

ชายรูปร่างแข็งแกร่งมองไปยังสองคนด้านหน้าด้วยท่าทีอันแปลกประหลาด ปากของเขาอ้าค้าง ดวงตาแทบถลนออกมา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนจริงๆแล้วนายน้อยจะมีความสามารถในการเข้าสังคมเหมือนกัน!”

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด