ตอนที่แล้วบทที่ 93 เฝิงซิ่งไท่จะเปิดบริษัทอีกครั้ง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 95 ร่วมหุ้นส่วนกับฟู่กวางเจิ้ง (อ่านฟรี)

บทที่ 94 ถือหุ้นได้สำเร็จ (อ่านฟรี)


 

เงื่อนไขที่เผด็จการของรัฐบาลเมืองเช่นนี้ เฝิงหยู่ไม่อาจยอมรับได้ ถ้าเป็นนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลเมืองอาจจะให้ความสำคัญกว่านี้ แต่เป็นเพราะเฝิงหยู่แค่เป็นคนท้องถิ่นในมณฑลหลงเจียง

เดิมที โรงงานเครื่องจักรกลนี้มีสินทรัพย์มูลค่าเพียง 10 ล้านรูเบิ้ลเท่านั้น แต่ทำไมจู่ๆสินทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นถึง 27 ล้านรูเบิล? ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลอัดฉีดเงินลงทุน มูลค่าทรัพย์สินคงที่จึงสูงตาม

เรื่องนี้เฝิงหยู่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา ถือเป็นการให้เกียติรัฐบาลเมืองมากพอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากหลงเหลือความประทับใจต่อรัฐบาลเมืองเพื่อจะได้ร่วมมือกันในอนาคต เฝิงหยู่คงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้ว ดูสิว่าใครกันแน่ที่โง่เง่า

โรงงานเครื่องจักรกลต้องการลดอำนาจของเฝิงหยู่ ส่วนเฝิงหยู่ก็กำลังคิดเช่นเดียวกัน เขาจะค่อยๆเปลี่ยนให้โรงงานแห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทของเขา!

"คุณเฝิง เรื่องนี้คุณมีความคิดเห็นอย่างไร" หลี่หมิงเต๋อหันไปถามเฝิงซิ่งไท่ คุยกับเด็กตัดสินใจไม่ลงตัว เช่นนั้นก็ถามคนแก่

แม้ว่าเฝิงซิ่งไท่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว แต่เขาก็เชื่อใจลูกชายของตัวเอง เขาส่ายหัวและกล่าวว่าเขาไม่มีความคิดเห็นใดๆ เขารอเพียงเวลาที่เฝิงหยู่พูดว่าเซ็นสัญญาได้เท่านั้น

เจ้าหน้าที่ของกรมเกษตรกรรมและผู้นำจากโรงงานเครื่องจักรกลพยายามพูดจาโน้มน้าวเฝิงหยู่ จนท้ายที่สุดพวกเขาก็เริ่มกดดันเฝิงหยู่ โดยดึงเรื่องประเทศชาติเข้ามาพูด

เฝิงหยู่ไม่ตอบรับ เพราะนี่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางทหารที่เอาไว้ป้องกันชาติบ้านเมือง แต่เป็นเพียงเครื่องจักรกลการเกษตรเท่านั้น แถมยังเป็นธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรอีก นี่เขายอมถอยให้แล้วนะ ไม่เช่นนั้น ราคาเครื่องจักรและข้อมูลเทคโนโลยีรวมกัน เขาควรจะได้หุ้นอย่างน้อย 20%!

จางลุ่ยเฉียงเห็นว่าการเจรจาไม่สำเร็จ ทั้งสองฝ่ายก็กำลังจะโต้เถียงกัน เขาจึงเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย

"ผู้จัดการเฝิง เมื่อวานนี้เราได้ทำข้อตกลงกันแล้ว แต่ทำไมวันนี้จึงกลายเป็นแบบนี้? "

"คุณถามผมเหรอครับ? คุณควรจะถามพวกเขามากกว่า ยังไม่ได้พูดถึงอย่างอื่นนะครับ เพราะแค่เครื่องจักรการผลิตเหล่านี้ ผมขายให้โรงงานเครื่องจักรกลเพียง 2.4 ล้านรูเบิ้ลเท่านั้น แล้วตอนนี้ละ พวกเขาประเมินเครื่องจักรเหล่านี้ในราคา4ล้านรูเบิล บอกว่าเครื่องจักรคุ้มค่ากับราคานี้ ใครกันแน่ที่หลอกลวงใคร แค่มองก็น่าจะรู้แล้ว.. จะขอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดนะครับ ผมสามารถนำเข้าเครื่องจักรหนึ่งชุดได้ ผมก็สามารถนำเข้าชุดอื่นได้ ผมสามารถหาผู้ที่สนใจจะงานร่วมกับผมได้เป็นสิบสิบคน เพราะผมสามารถนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดได้ แถมผมยังมีข้อมูลเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด! "

"หลี่หมิงเต๋อ เรื่องนี้คุณทำไม่ถูกนะ จากเงื่อนไขที่ผู้จัดการเฝิงเสนอ ผมคิดว่าพวกคุณควรจะลองคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง " จางรุ่ยเฉียงบอกนัย

เขารู้อยู่แล้วว่าในเอกสารมีเงื่อนงำการหลอกลวงอยู่ แต่เขาก็ต้องทำเช่นนี้เพื่อให้โรงงานเครื่องจักรกลและเมืองได้รับประโยชน์สูงสุด แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือโรงงานเครื่องจักรกลจะทำอะไรที่ต่ำตมเช่นนี้ แจ้งมูลค่าจอมปลอมของสินทรัพย์คงที่ แถมยังปล่อยให้อีกฝ่ายจับได้ ไร้ประโยชน์จริงๆ!

ในระหว่างการประชุมสองวันก่อน รัฐบาลเมืองพวกเขาได้ออกคำสั่งว่าให้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเฝิงหยู่ เพราะหากได้รับมือเครื่องจักรและข้อมูลเทคโนโลยีขั้นสูงของสหภาพโซเวียต นั่นหมายความว่าเขามีจะมีอำนาจมากขึ้น และหากเมืองปิงสามารถใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีเหล่านี้ได้  เมืองปิงอาจหวนคืนสู่ความรุ่งเรืองด้านอุตสาหกรรมเหมือนในอดีต

"ลูก มีอะไรเหรอ? ลูกบอกว่าคนเหล่านี้พยายามจะหลอกลวงพวกเราเหรอ? " เฝิงซิ่งไท่ดึงเฝิงหยู่เข้ามาใกลๆแล้วกระซิบถามเบาๆ เหล่าผู้นำไม่ควรโกงเงินจากประชาชนสิ เรื่องนี้เขาต้องพูดสักหน่อย

" ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมจงใจปล่อยให้พวกเขาโกงผม หากไร้การสนับสนุนจากรัฐบาลเมือง พวกเราจะเดินหน้าต่อไปได้ยาก แต่พ่อวางใจได้ครับ เราจะไม่ขาดทุนแน่นอน "

ตอนนี้คิริเลนโกกำลังประสบปัญหาในการหาซื้อเครื่องจักร เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก สาเหตุเป็นเพราะคิริเลนโกกดราคาต่ำ บางโรงงานก็ต่อรองซื้อได้ยากมาก

 

รออีกเพียงหนึ่งปี เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตจะตกต่ำถึงขีดสุด โรงงานต่างๆจะปิดตัวลงจำนวนมาก บรรดาผู้ที่มีความกล้าจะเริ่มขายเครื่องจักรทิ้ง เมื่อถึงตอนนั้นเฝิงหยู่ก็จะสามารถนำเข้าเครื่องจักรและข้อมูลเทคโนโลยีขั้นสูงได้มากขึ้น แล้วเฝิงหสู่จะไม่ให้ผลโยชน์แก่โรงงานเครื่องจักรกล แต่เขาจะใช้เครื่องจักรและข้อมูลเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อไต่เต้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่พร้อมทั้งเข้าควบคุมโรงงาน

ผู้นำโรงงานเครื่องจักรกลคนปัจจุบันเป็นคนหัวโบราณ หากเขายังดูแลจัดการต่อไปโรงงานคงไม่มีทางเจริญก้าวหน้าขึ้น แม้ว่าเฝิงหยู่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยๆเขาก็มั่นใจว่าจะทำโรงงานก้าวหน้าไปอีกขั้น

พวกของหลี่หมิงเต๋อและคนอื่นๆมาใกล้ๆเพื่อหารือกัน ผู้จัดการเฝิงตัวน้อยไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ ส่วนผู้จัดการเฝิงผู้เป็นพ่อก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ว่าจะถามอะไรก็ตอบมาว่าให้ลูกชายตัดสินใจ  หรือพวกเราควรยอมรับข้อเสนอของพวกเขา?

แต่พวกเขาทำใจยอมรับเงื่อนไขสามข้อที่เฝิงหยู่เสนอไม่ได้ เดิมที พวกเขาต้องการให้เฝิวซิ่วไท่เป็นรองกรรมการผู้จัดการ หรืออาจจะเป็นหัวหน้าอะไรสักอย่าง ซึ่งให้ตำแหน่งแค่ในนามเท่านั้น แต่ไม่ให้อำนาจ สุดท้ายคำพูดของหลี่หมิงเต๋อจะถือเป็นคำตัดสิน

แต่โชคร้ายที่เฝิงหยู่ไม่หลงกล ทั้งยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาด้านมูลค่าทรัพย์สินคงที่ที่เพิ่มขึ้น หากพวกเขายังไม่ยอมรับเงื่อนไขของเฝิงหยู่ เฝิงหยู่อาจจะขอตรวจสอบมูลค่าสินทรัพย์ของโรงงาน ทีนี้พวกเขาจะทำเช่นไร?

"ก็ได้ เราจะแก้ไขสัญญาตามที่คุณเสนอมา แล้วทีนี้จะเซ็นสัญญาได้แล้วใช่ไหม? "

"ขอดูสัญญาที่แก้ไขก่อน แล้วจะให้คำตอบ"

เฝิงหยู่อ่านสัญญาฉบับแก้ไขอย่างละเอียดถี่ถ้วน คราวนี้หลี่หมิงเต๋อไม่ได้ใช้เล่ห์เพทุบาย เขาแก้ไขทุกเงื่อนไขที่เฝิงหยู่เสนอ และไม่เขียนอะไรปรุงแต่งเพิ่มเติม

"พ่อครับ เซ็นสัญญาได้แล้วครับ"

เฝิงซิ่งไท่นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะ เซ็นสัญญาพร้อมกันกับจางรุ่ยเฉียง  มีคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์แห่งชาติจีนประทับตราลงในสัญญา สัญญาประเภทนี้ หลี่หมิงเต๋อจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ลงนาม

เฝิงซิ่งไท่แสดงอารมณ์แข็งทื่อบนใบหน้า มีผู้คนจากสถานีโทรทัศน์มาถ่ายภาพด้วย เขากำลังจะได้ออกทีวีใช่ไหม?

เฝิงหยู่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง พยายามที่จะไม่ออกทีวี พ่อของเขาจะได้ออกทีวีและกลายเป็นผู้ประกอบการโปรไฟล์สูง แต่ถ้าเฝิงหยู่ถูกประกาศตัวเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่ประสบความสำเร็จ เขาก็จะไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้อีก

"ตอนเที่ยงเราจะรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของโรงงาน ทุกคนมาเฉลิมฉลองกัน" หลี่หมิงเต๋อโบกมือและพูดอย่างดังอย่างเบิกบาน

เฝิงหยู่ได้แต่ส่ายหัวเมื่อเขาเห็นอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนโต๊ะ ทั้งบรรดาผู้นำของโรงงาน รวมถึงจางรุ่ยเฉียง และพวกของเฝิงหยู่สามคน ทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 12 คน แต่บนโต๊ะกลับมีอาหารจัดวางอยู่20กว่าจาน

นอกจากนี้ยังมี Maotai (ไวน์จีน) เหล้านี้มีราคาหลายสิบหยวนต่อขวด ถึงกับเอามาเลี้ยง6ขวด   เลี้ยงอาหารซะดิบดี เทียบได้กับอาหารคนรวยในชีวิตก่อนหน้าของเฝิงหยู่

เฝิงหยู่จึงเอ่ยถามตามใจนึก: "ผู้จัดการหลี่ อาหารมื้อนี้มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ?"

"ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เราจะออกบิลของโรงงาน คุณกังวลอะไรเหรอ? " หลี่หมิงเต๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

"นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นห่วงครับ การออกบิลกับโรงงานเป็นปัญหาร้ายแรง เพราะการชำระเงินคืนให้ผู้นำของโรงงานบางแห่งสูงกว่าผู้นำในรัฐบาลของเมืองเสียอีก ยังมีค่าประสบการณ์ ค่าท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้เป็นเงินส่วนกลางของโรงงาน จึงมีเงินของพวกผมส่วนหนึ่ง จะเอาเงินมาใช้จ่ายเช่นนี้ไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากตรวจสอบการเงินของโรงงาน " เฝิงหยู่กล่าวอย่างจริงจัง

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เฝิงซิ่งไท่ยังถือแก้วเหล้าด้วยรอยยิ้มเบิกบาน แต่ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นคนอื่นๆต่างวางแก้วลงอย่างกะทันหัน ทั้งยังจ้องมองไปที่ลูกชายของเขา เกิดอะไรขึ้น? หรือพวกเขาคิดจะข่มขู่ลูกชายของฉัน? ต้องข้ามศพฉันไปก่อน เฝิงซิ่งไท่ถลึงตาโต และเลือกคนใดคนหนึ่ง พร้อมจ้องเขม็งกลับ!

"ผู้จัดการเฝิง คุณกังวลเกินไปโดยใช่เหตุ เรามาล้อมวงทานอาหารกลางวันดีดีก็เพื่อเฉลิมฉลองการเป็นผู้ถือหุ้น เอ้า ไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่า มาฉลอง หมดแก้ว " หลี่หมิงเต๋อพูดเสียงดังเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

เฝิงหยู่อ้าปากค้่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แนวคิดนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในหนึ่งหรือสองวัน ฉะนั้น เฝิงหยู่จึงต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงงานภายในสองปี เมื่อถึงตอนนั้น ใครที่กล้านำเงินส่วนกลางของโรงงานมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ได้เจอดีแน่ !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด