ตอนที่แล้วบทที่ 90 เทคโนโลยีจึงจะกอบโกยกำไรมากที่สุด (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 92 ใช้เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนหุ้น (อ่านฟรี)

บทที่ 91 การเรียนเชิญที่คาดไม่ถึง (อ่านฟรี)


 

 

เสียดายที่เฝิงหยูยังไม่ทันได้มีโอกาสรอฟังข่าวดีจากหลี่หมิงเต๋อ เขาก็ได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับการเรียนเชิญโดยรองนายกเทศมนตรีประจำเมืองซะก่อน

ปฏิกิริยาแรกของเฝิงหยูก็คือหลี่หมิงเต๋อต้องไปทำอะไรมาอีกแล้วแน่ๆ เขาต้องใช้คอนเนคชั่นของตัวเองกับรองนายกเทศมนตรีเพื่อบังคับให้เฝิงหยูขายเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญให้กับโรงงานเครื่องจักรหรือไม่ก็ให้ฟรีแน่ๆ

ให้ตายเถอะ เฝิงหยูเกลียดหลี่หมิงเต๋อมาก เฝิงหยูคิดว่าหลี่หมิงเต๋อกล่าวหาเฝิงหยูว่าทำการค้าลักลอบก็เพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของโรงงานและลูกน้องของเขา และด้วยเหตุนี้เฝิงหยูจึงไม่ได้ตำหนิอะไรเขาในครั้งที่แล้ว แต่มาตอนนี้ เขากำลังสร้างปัญหาให้เฝิงหยูอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฝิงหยูก็กำลังรอโอกาสที่จะได้พบกับรองนายกเทศมนตรี เหตุผลที่เขาขายเครื่องจักรกับเทคโนโลยีแยกต่างหากกันก็เพราะว่าเขาจะได้มีโอกาสเข้าพบรองนายกเทศมนตรี เขาต้องการใช้รองนายกเทศมนตรีเป็นเครื่องมือในการทำให้การรักษาความปลอดภัยของเมืองปิงแข็งแกร่งมากขึ้น

แต่เมื่อเข้าได้พบกับรองนายกเทศมนตรี เขาก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมรองนายกเทศมนตรีถึงเป็นเขานะ?

รองนายกเทศมนตรีที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและส่งยิ้มให้เฝิงหยูไม่ใช่ใครอื่นเลย เขาก็คือจางรุ่ยเฉียง

“ผู้จัดการจาง...ไม่ใช่สิ ต้องเป็นรองนายกเทศมนตรีจาง ทำไมถึงเป็นคุณ?”

“ฮ่าๆๆ แปลกใจละสิ ผมเพิ่งถูกย้ายมาเมื่อวานนี้เอง ต่อไปในอนาตคผมจะทำงานที่รัฐบาลเมือง” จางรุ่ยเฉียงหัวเราะอย่างมีความสุข เขาแทบจะไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเฝิงหยูทำท่าทีประหลาดใจเช่นนี้มาก่อน ปกติเฝิงหยูจะวางมาดนิ่งราวกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่มาวันนี้เป็นยังไงละ ตกใจละสิ?

เฝิงหยูรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้รู้สึกตกใจ เขารู้ดีว่าจางรุ่ยเฉียงจะต้องถูกย้ายมายังรัฐบาลเมืองเพื่อดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี และจากนั้นก็จะเลื่อนตำแหน่งไปเป็นนายกเทศมนตรี หลังจากนั้น เขาจะถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรัฐมนตรี แต่เฝิงหยูไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร

เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนจางรุ่ยเฉียงถูกย้ายมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่เขารู้ว่าการถูกย้ายมาของจางรุ่ยเฉียงในช่วงนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก

“ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่ได้มาก สำหรับคนที่มีความสามารถอย่างคุณ คุณก็น่าจะได้ทำงานในรัฐบาลเมืองอยู่แล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับที่ได้รับเลื่อนตำแหน่ง”

“คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมเรียกคุณมาพบในวันนี้?” จางรุ่ยเฉียงยืนขึ้นและเดินไปนั่งที่โซฟากับเฝิงหยู

“คุณอยากให้ผมรู้ว่าสำนักงานของคุณอยู่ที่ไหนเพื่อที่ผมจะได้รู้ว่าต่อไปผมควรมาพบคุณได้ที่ไหนใช่มั้ยครับ? เฝิงหยูแกล้งทำเป็นไม่รู้

“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย คุณนำเข้าเครื่องจักรทันสมัยจากสหภาพโซเวียตเพื่อมาขายให้กับโรงงานเครื่องจักรของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก คุณอุทิศตนช่วยเหลือบ้านเกิดตัวเองอย่างมาก แต่ทำไมเทคโนโลยีถึงมีราคาสูงขนาดนั้นละ? จางรุ่ยเฉียงเปิดประเด็นถามเฝิงหยู

“ผมไม่รู้จริงๆ รองนายกเทศมนตรีจาง หลี่หมิงเต๋อบอกคุณหรือเปล่าว่าผมนำเข้าเครื่องจักรพวกนั้นจากสหภาพโซเวียตเป็นเงินจำนวน 2 ล้านรูเบิ้ล แถมยังมีภาษีและค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีก รวมทั้งหมดก็ 2.4 ล้านรูเบิ้ลแล้ว โรงงานเครื่องจักรที่จังหวัดหลินเสนอราคาที่สูงมากแต่ผมก็ไม่ได้ขายให้พวกเขา หลี่หมิงเต๋อจ่ายผมมา 2.4 ล้านรูเบิ้ลเท่านั้น แค่นี้ผมก็ขาดทุนแล้ว ผมยังต้องจ่ายค่ารับรองให้กับพวกคนโซเวีตด้วย ต้นทุนจริงๆ สำหรับเครื่องจักรพวกนี้มากกว่า 3 ล้านรูเบิ้ลอีก”

“จริงหรอ?” จางรุ่ยเฉียงไม่ค่อยอยากจะเชื่อเฝิงหยู ถ้าต้นทุนเกิน 3 ล้านรูเบิ้ล ทำไมเฝิงหยูถึงให้หลี่หมิงเต๋อดูรายการจัดซื้อเป็นจำนวนเงิน 2.4 ล้านรูเบิ้ลละ?

“จริงครับ ถ้าไม่ได้ผมใช้คอนเนคชั่น คุณก็คงไม่ได้เทคโนโลยีพวกนี้ในราคาแค่ 5 ล้านรูเบิ้ลหรอก คุณลองไปถามหลี่หมิงเต๋อดูได้เลยว่าเขาสามารถซื้อเครื่องจักรประเภทนี้ได้หรือไม่? เทคโนโลยีมีค่ามากกว่าเครื่องจักร”ผู้ยิ่งใหญ่“เคยพูดว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการผลิต”

เมื่อเดือนกันยายน “ผู้ยิ่งใหญ่” เพิ่งแนะนำแนวคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการผลิต จางรุ่ยเฉียงก็ทราบเรื่องนี้ แต่เขาไม่คิดว่าเฝิงหยูจะรู้เรื่องนี้ด้วย

“ผมจะบอกความจริงอะไรให้ฟัง รัฐบาลเมืองให้งบประมาณกับโรงงานเครื่องจักรเป็นจำนวนเงิน 15 ล้านหยวน โดย 2.4 ล้านรูเบิ้ลสำหรับซื้อเครื่องจักรและที่เหลือสำหรับเทคโนโลยี”

ยังไม่ถึง 4 ล้านรูเบิ้ลด้วยซ้ำ แบบนี้เป็นราคาซึ่งต่างกับที่เฝิงหยูคาดหวังไว้ เฝิงหยูคิดเอาไว้ว่าเทคโนโลยีมีมูลค่าอย่างน้อย 20 ล้านหยวน แม้ว่าเขาจะจ่ายไป 2 ล้านรูเบิ้ลเพื่อได้เทคโนโลยีนี้มา แต่เขาก็ยังติดหนี้บุญคุณคิริเลนโกอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องจักรและเทคโนโลยีมีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านรูเบิ้ล เฝิงหยูรู้สึกว่าเงิน 20 ล้านหยวนยังน้อยเกินไปเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากลับได้รับการเสนอราคาเพียงแค่ 15 ล้านหยวน ซึ่งส่วนต่างยังมากเกินไป

“นายกเทศมนตรีจางคิดว่าเทคโนโลยีพวกนี้ควรมีราคาถูกกว่าเครื่องจักรอย่างนั้นหรอ? งั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปที่โรงงานเครื่องจักรของจังหวัดหลินแทนก็ได้ ผมว่าพวกเขายอมจ่ายราคาดีเพื่อแลกกับเทคโนโลยีพวกนี้ คุณเชื่อหรือไม่ว่าถ้าผมกระจายข่าวออกไปว่าผมมีเทคโนโลยีของสหภาพโซเวียตสำหรับเครื่องจักรทางการเกษตร ผมจะสามารถขายเทคโนโลยีพวกนี้ได้ในราคามากกว่า 15 ล้านหยวนแน่นอน”

จางรุ่ยเฉียงมองเฝิงหยูแล้วยิ้ม “ถ้างั้นทำไมคุณไม่ไปเลยละครับ? งั้นเอาแบบนี้ นอกจากเงินแล้ว บอกผมมาเลยว่าคุณต้องการอะไร ถ้ามันไม่ผิดกฎหมาย ผมจะตกลง”

จางรุ่ยเฉียงรับราชการมานานหลายปี เขาจริงจังกับงานมาโดยตลอด อายุไม่ถึง 40 แต่เขาสามารถไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องมีศักยภาพมาก เมื่อเฝิงหยูพูดมาแบบนี้ เขาต้องต้องการอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงินแน่นอน

เฝิงหยูแตะจมูกเพื่อแก้เขินเมื่อเขาเห็นว่าจางรุ่ยเฉียงเข้าใจความหมายที่มีนัยของเขาแล้ว “จริงๆ แล้ว ผมก็อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อดินแดนบ้านเกิดของผม และผมจะยินดียอมรับราคาที่ต่ำลง เมื่อคุณพูดมาแบบนี้แล้ว งั้นผมอยากจะขอร้องเรื่องหนึ่ง คุณไม่รู้สึกว่าตอนนี้เมืองปิงกำลังอยู่ในความวุ่นวายหรอ?”

“ความวุ่นวายหรอ? หมายความว่าไง? การวางแผนของเมือง หรือการรักษาความปลอดภัย หรือเรื่องอื่น?

“การรักษาความปลอดภัย กฎหมายและคำสั่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเมืองในการดึงดูดนักลงทุน ก่อนหน้านี้ บริษัทผมก็เคยถูกโจมตี คุณก็รู้เรื่องนี้ดี หลานชายของซ่งเหล่าซือเย่อหยิ่งมาก ยิ่งซ่งเหล่าซือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ซ่งเหล่าซือกำลังมีความสุขกับชีวิตอยู่ แถมยังมีหวังขาเป๋ เฮียเคอ และเด็กหัวนอกอีก พวกนี้ล้วนเป็นสังคมลับๆ บอกตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมรู้สึกรักเมืองปิง ป่านนี้ผมคงย้ายบริษัทไปที่อื่นแล้ว แม้ว่าผมอาจจะต้องได้รับผลกระทบอีกครั้ง แต่ก็ดีกว่าต้องมีชีวิตอยู่ทุกวันด้วยความกลัว”

แผนเดิมของเฝิงหยูคือการเล่าเรื่องนี้ให้รองนายกเทศมนตรังเพื่อที่เขาจะได้ไปบอกกับหัวหน้าของเขาต่อ ถ้ารัฐบาลเมืองตัดสินใจที่จะต่อต้านนักเลงพวกนี้ หัวหน้าแก๊งค์ก็จะถูกกำจัดหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่กวนใจเฝิงหยูมานาน

จางรุ่ยเฉียงหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องและสูดหายใจเข้าลึกๆ เขานิ่งเงียบมานาน

เฝิงหยูรู้สึกหงุดหงิด เป็นไปไม่ได้หรอก รัฐบาลเมืองไม่มีแผนการที่จะกำจัดนักเลงพวกนี้จริงๆ หรอ พวกเขากำลังรอคำสั่งจากรัฐบาลกลางหรือเปล่า? หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่าข้อเสนอที่เฝิงหยูเจรจากับจางรุ่ยเฉียงยังไม่น่าสนใจพอ?

“ผมเพิ่งถูกย้ายมาที่นี่ และผมก็ยังไม่คุ้นเคยกับคนที่นี่ หัวหน้าอาจจะไม่ฟังผม”

จางลุ่ยเฉียงรู้ว่าหัวหน้าก็ใช้นักเลงพวกนี้ทำเรื่องชั่วๆ ในบางครั้งเหมือนกัน ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อจัดการพวกนั้น เมื่อพวกเขามีหลักฐานเพียงพอ ก็จะจับพวกนักเลงทันที ถ้าเขาไปต่อต้านแก๊งค์พวกนี้ในตอนนี้ ก็เปล่าประโยชน์ นี่คือเหตุผลที่จางรุ่ยเฉียงไม่สามารถตอบตกลงกับเฝิงหยูได้

“ถ้างั้นคุณก็จะนิ่งเฉยและปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลต่อไปงั้นหรอ? พวกนั้นอาจจะช่วยเหลือเศรษฐกิจของเมืองปิง แต่ก็อาจนำความเดือดร้อนมาให้เมืองด้วยก็ได้ ผมไม่เชื่อว่าคุณจะไม่รู้เรื่องชั่วๆ ของพวกนั้น เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ข่าวลือเลย”

เฝิงหยูโมโห ถ้าคนดีทำความผิดแค่ครั้งเดียว จะต้องถูกด่าและลงโทษจากทุกคน แต่ถ้าคนเลวทำความดี ทุกคนจะให้อภัยกับสิ่งเลวร้ายที่คนนั้นเคยทำมาในอดีตงั้นหรอ? นี่สินะคือเหตุผลที่คนดีๆ ถึงกลายเป็นเทวดาได้ยาก แต่คนเลวที่ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นกลับกลายเป็นเทวดาได้ในทันที!

“ผมจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นลอยนวล ภายในหนึ่งปีผมจะกำจัดพวกนั้นให้สิ้นซาก คอยดู!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด