ตอนที่แล้วเล่ม 3 ตอนที่ 9 : กลับไปยังกิรันอีกครั้ง (1) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 3 ตอนที่ 9 : กลับไปยังกิรันอีกครั้ง (3) [อ่านฟรี]

เล่ม 3 ตอนที่ 9 : กลับไปยังกิรันอีกครั้ง (2) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 3 ตอนที่ 9 : กลับไปยังกิรันอีกครั้ง (2)

จะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะเป็นแมวหรือว่าหมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่อาร์คต้องใส่ใจ เมื่อเขาผ่านชาวเหมียวที่กำลังสร้างบ้านและพังมันลงมาแล้ว เขาจึงพบเห็นฮัสซันที่กำลังอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ ฮัสซันที่มอบหมายงานให้ลูกน้องทำจึงสามารถมางีบหลับได้เช่นนี้

เมื่อจาน่าเตะเข้าไปทีนึง ฮัสซันจึงถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้น ขณะมองไปรอบด้านและสั่นหัวราวบ้าคลั่ง ไม่ช้าเขาจึงได้เห็นอาร์ค เขาจึงกล่าวทักทายออกมาด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ ใครกันนี่? ไม่ใช่สหายของพวกเราหรือ อาร์คผู้ค้นหาความจริงนี่นา?”

“ผมมาพบผู้อาวุโสน่ะครับ”

“ข้าหรือ? ได้สิ มีปัญหาอะไรกัน?”

“คือว่า ที่จริงแล้ว...” อาร์คอธิบายเรื่องยาวเหยียดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้กล้ามาบันและราชินีชาวเงือก รวมถึงเรื่องที่ชาวเงือกเกิดความเข้าใจผิดต่อชาวเหมียวเพราะความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง จากนั้นเขาจึงกล่าวเสริมเข้าไป “ราชินีเงือกในตอนนี้ต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดครั้งอดีตที่เคยเกิดขึ้น และอยากฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาวเหมียวครับ พวกเขายอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดเห็นแก่ความรักของผู้กล้ามาบันและอเดเลียนที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม อีกทั้งเรื่องมันก็ผ่านมานานยิ่งแล้ว อีกทั้งชาวเงือกในตอนนี้ต่างก็ไม่ได้เกลียดชังชาวเหมียวอีกต่อไป”

“อา ถูกต้องแล้ว เรื่องเช่นนี้เคยเกิดขึ้นจริง” ฮัสซันตอบกลับมาอย่างเฉยชาขณะเกาหัวที่ยุ่งเหยิง

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดมากอะไรเรื่องเบาะแว้งกับชาวเงือก

“ที่จริง ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่น่าขุ่นเคืองจริง ทว่า ดังที่เจ้าว่า อะไรนะ เอ้อ ใช่ มันเป็นเรื่องเมื่ออดีตนานมาแล้ว ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกิดกับชาวเงือกตั้งแต่ครั้งข้ายังเยาว์ เด็กน้อยคนอื่นกระทั่งไม่เคยได้พบเห็นชาวเงือกด้วยซ้ำไป”

“ท่านเคยพบกับชาวเงือกมาก่อนหรือครับ?”

“แน่นอน”

“ผู้อาวุโสมีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่ต่างอะไรกับฟอสซิลเลยเชียวล่ะ” จาน่ากล่าวเสริมขณะหัวเราะออกมา

“นี่เจ้าเรียกใครว่าฟอสซิลกันน่ะหา?” ฮัสซันจ้องมองเสียดแทงจาน่าก่อนที่จะเปิดปากพูดอีกครั้งและกระแอมไอออกมา “กล่าวตามตรง ข้าไม่ได้ใส่ใจนักว่าชาวเงือกจะอยากฟื้นฟูความสัมพันธ์หรือไม่ และการยอมรับคำขออภัยของพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรด้วย ทว่า มันก็ค่อนข้างจะเกินไปที่จะต้องยอมรับคำขออภัยเพียงเพราะพูดกล่าวเพียงไม่กี่คำ เหมือนกับพวกเราตกอยู่ในกำมือของพวกเขาคิดอยากทำอะไรก็ได้ตามชอบใจอย่างไรอย่างนั้น”

“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะครับ โปรดรับคำขออภัยเถอะครับ อย่างน้อยก็เพื่อผม”

“อืม ถ้าหากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็คงไม่อาจปฏิเสธ... นี่มันยุ่งยากใจเสียจริง” ฮัสซันเกาศีรษะพร้อมเผยท่าทีไม่สะดวกใจ จากนั้น คล้ายอีกฝ่ายคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงถามอาร์คด้วยดวงตาทอประกาย “ตอนนี้ข้าเพิ่งนึกได้ เจ้าเป็นมนุษย์นี่นา งั้นเจ้าก็สมควรช่วยพวกเราในเรื่องนี้ได้สินะ?”

“ท่านหมายถึงอะไรหรือครับ?”

“มองไปรอบด้าน ดังที่เจ้าเห็น พวกเราในตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ ถ้าหากพวกเรายังเป็นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าไม่อาจสร้างได้กระทั่งกระท่อม อย่าได้เอ่ยถึงบ้าน กระทั่งว่าผ่านไปอีกหลายปีก็คงไม่อาจกระทำ ข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยแก้ปัญหานี้ให้พวกเราเสียหน่อย”

“ผมเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ว่าเจ้าย่อมต้องมีสหายอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงหรอกหรือ? ไปขอให้พวกเขาช่วยสร้างบ้านให้พวกเรา เอาแค่กระท่อมง่าย ๆ มันคงใช้เวลาสร้างไม่ถึงสัปดาห์หรอกหากได้มนุษย์มาช่วย หากทำสิ่งนี้ได้ ข้าจะยอมรับคำขออภัยของชาวเงือก” ฮัสซันกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ ราวกับนี่คือความคิดอันบรรเจิด

ในทางตรงกันข้าม อาร์คกลับเผยสีหน้าบิดเบี้ยวแปลกประหลาดออกมา “ต้องทำสิ่งนี้จึงจะยอมรับคำขออภัยของชาวเงือกหรือครับ?”

“มันเกี่ยวข้องกัน เจ้าเป็นสหายของพวกเราก็ใช่ แต่ไม่ใช่ว่าเจ้ามาในฐานะราชทูตแห่งชาวเงือกหรอกหรือ? งั้นเจ้าก็สมควรที่จะช่วยพวกเรา อย่างน้อยก็ไม่คิดทำให้พวกเราพึงพอใจก่อนจะยอมรับคำขออภัยก่อนหรือไรกัน?”

พอฟังดูก็คล้ายสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง

‘เคยมีคนพูดเอาไว้ว่าเจ้าเล่ห์เหมือนแมว นี่คงหมายถึงแมวอย่างฮัสซันเป็นแน่แท้’

ทว่าสำหรับอาร์คแล้ว มันเป็นเงื่อนไขที่ไม่ค่อยน่ายินดีนัก เขาไม่ได้มาที่นี่เพราะคาดหวังรางวัลใหญ่แต่อย่างใด เขาเพียงแค่อยากทำภารกิจที่ได้รับมาให้เสร็จสิ้นไปเสียตั้งแต่ยังอยู่ที่นี่ก็เท่านั้น แต่ถ้าหากเขาต้องไปและกลับแจ๊คสันเพื่อภารกิจระดับ G มันก็ออกจะเป็นการเสียเวลาเกินไป เขาไม่มั่นใจว่าจะหาเอ็นพีซีช่างฝีมือได้ด้วยหรือเปล่า เอ็นพีซีช่างฝีมือทุกคนในแจ๊คสันต่างก็กำลังซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการศึก ไม่ว่าเขาจะมีค่าความสัมพันธ์สูงถึงขนาดไหนก็ตาม แต่การไปขอร้องให้พวกเขามาช่วยโดยเหตุผลอันน้อยนิดนี้คงถูกปฏิเสธเป็นแน่ อีกทั้งอาจจะไม่มีเอ็นพีซีคนใดยอมออกมาจากแจ๊คสันติดตามเขามาเพื่อสร้างบ้านให้แมวอย่างแน่นอน กระนั้น การที่มาถึงแล้วแต่ไม่อาจทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้มันก็เป็นอีกสิ่งที่รบกวนใจเขาเช่นเดียวกัน

‘บ้านให้พวกแมว... บางทีหรือว่า...?’

ขณะนั้นเอง ความคิดหนึ่งถึงกับจุดประกายขึ้นในหัวของอาร์ค มันยังมีภารกิจที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้พอดิบพอดี

‘ภารกิจ ค้นหาผู้อาศัยใหม่ ยังไงล่ะ!’

ตั้งแต่ที่เขารับภารกิจจากหมู่บ้านแลนเซลมา เขาก็ไม่อาจหาทางที่จะสำเร็จภารกิจนี้ได้เลย ที่จริง เขาคิดว่าจะนำพาเอ็นพีซีไปจำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ล้วนปฏิเสธออกมา แต่ถ้าหากเป็นชาวเหมียวบางทีอาจประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้ พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับพื้นที่อีกทั้งยังมองหาสถานที่อยู่อาศัยด้วยนี่นา?

‘ใช่แล้ว ตอนนี้ชาวเหมียวเป็นพวกไร้บ้าน งั้นเราก็ควรลองพยายามเกลี้ยกล่อมดูสักทีก็ไม่เลว’

หลังครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง อาร์คจึงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใส “ถ้าอย่างนั้น เอาแบบนี้เป็นอย่างไรครับ?”

“ว่ามาเลย”

“มันมีเมืองของผู้ต่างถิ่นที่ผมรู้จักและอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ที่แห่งนั้นหลายผู้คนจากไปแล้วจึงมีบ้านว่างอยู่มากมายพอสมควร ถ้าหากไปพูดคุยดู พวกเขาก็น่าจะให้ชาวเหมียวใช้บ้านเพื่ออยู่อาศัยได้นะครับ”

“หมู่บ้านมนุษย์หรือ? เจ้าจะบอกให้ชาวเหมียวผู้ทรงเกียรติต้องไปขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์?” กระทั่งว่าก่อนที่เขาจะพูดจบด้วยซ้ำ ฮัสซันยังถึงกับต้องเผยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจออกมา

มันเป็นการตอบสนองที่เขาคาดคิดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ไม่เหมือนกับพวกสุนัข แมวนั้นเดิมทีก็เป็นสัตว์ที่เข้ากับมนุษย์ไม่ค่อยได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว แต่พวกมันเหล่านั้นก็ยังไม่คิดยอมรับมนุษย์ให้เป็นเจ้านายของตัวเอง มันมีหลายครั้งที่แมวมักแสดงท่าทีรักใคร่ออกมา แต่ก็เพียงแค่ตอนที่ต้องการอาหาร และในทันทีมันจะจากไปหลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ถ้ากล่าวให้แย่หน่อย พวกมันคือพวกไร้มารยาท ถ้าพูดให้ดีหน่อย แมวเป็นสัตว์ที่มีอัตตาและความอิสระเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการที่สืบทอดลักษณะนิสัยมาจากแมว ชาวเหมียวย่อมไม่มีความแตกต่างในเรื่องไม่ต้องการตกเป็นรองโดยมนุษย์ นั่นเองก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงยอมสร้างบ้านเป็นเวลาสองเดือนโดยไม่คิดไปร้องของให้มนุษย์มาช่วยสร้างให้ และเมื่อสหายอย่างอาร์คปรากฏตัวขึ้น พวกเขาถึงกับยอมแสดงความใจกว้างออกมา และขอให้ช่วย และนั่นก็เป็นสิ่งที่อาร์คเล็งเห็นผลเอาไว้

อาร์คผ่อนลมหายใจออกมาขณะพยักหน้า “ท่านไม่ชอบจริง ๆ สินะครับ? ที่จริงผมเองก็คิดว่ามันออกจะเป็นคำขอที่น่าอับอายไปบ้าง เพราะมันก็ค่อนข้างอันตราย...”

“ว่าอะไร? คำขออะไร? อะไรคืออันตราย? เจ้าคิดอยากพูดสิ่งใดออกมากัน?”

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร คิดเสียว่าพวกท่านไม่ได้ยินอะไรก็แล้วกันครับ”

“บ้าจริง นี่เจ้าคิดอยากเห็นตาเฒ่าคนนี้อกแตกตายหรือไรกัน? สำหรับความเจ็บปวดข้านั้นสามารถอดทนได้ แต่ข้าไม่ใช่ผู้ที่จะยอมอัดอั้นด้วยความสงสัยได้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร พูดกับข้ามาตามตรง!”

นี่เพิ่งบอกว่าความสงสัยฆ่าแมวได้? สมกับเป็นแมว ฮัสซันอดไม่ได้ที่จะต้องเก็บความสงสัยเอาไว้

‘หึหึหึ จับหางได้แล้ว จับหางได้เข้าอย่างจังเลยทีเดียว’

อาร์คปิดซ่อนรอยยิ้มพึงพอใจขณะเผยอีกด้านทางสีหน้าออกมา “ที่จริงแล้ว ความจริงมันมีอยู่ว่า หมู่บ้านแห่งนั้นครั้งหนึ่งเคยตกอยู่ในการโจมตีโดยพวกมอนสเตอร์จนแทบเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่ออยู่อาศัย ต้องขอบคุณที่ตอนนี้มันปลอดภัยกว่าแต่ก่อนแล้ว ทว่ามอนสเตอร์พวกนั้นก็ยังคงอยู่ พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอีกครั้งเมื่อใดกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่ามันคงจะดี หากชาวเหมียวเข้าไปปกป้องพวกเขา นี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่เป็นรางวัลอย่างสมเหตุสมผลที่จะช่วยปกป้องพวกเขา เปรียบดั่งผู้สูงศักดิ์”

“โอ้ มอนสเตอร์หรือ? ที่แถวนั้นมีมอนสเตอร์อยู่เยอะงั้นหรือ?”

“ครับ มันมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่พอสมควร พวกมันถูกเรียกว่ามนุษย์สุนัข อีกทั้งยังค่อนข้างอันตรายพอสมควรอีกด้วย”

“มนุษย์สุนัข! นี่เจ้าเพิ่งพูดว่ามนุษย์สุนัข?” ฮัสซันอุทานออกขณะกระเด้งตัวขึ้น ชาวเหมียวที่กำลังสร้างกระท่อมก็เริ่มเข้ามาใกล้ ดวงตาของพวกเขาล้วนเบิกกว้าง “ถ้าหากพวกมันเป็นมนุษย์สุนัข งั้นพวกมันก็มีหัวเป็นสุนัขใช่หรือไม่? ใช่ไหม?! เจ้าพูดถึงพวกหัวสุนัขที่ส่งเสียงเห่าน่ารำคาญพวกนั้นใช่หรือไม่?”

“ถูกต้องแล้วครับ พวกมันทั้งแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม กระทั่งว่าเป็นชาวเหมียวก็ตาม แต่การต้องให้ไปปกป้องจากมอนสเตอร์แบบนั้นมันก็ออกจะ...”

“ไร้สาระ!” ขณะที่อาร์คกำลังชะลอการพูดอยู่นั้น ฮัสซันจึงตะโกนขึ้น “กระทั่งว่ามีพวกมันเป็นร้อย ไอ้หัวหมาพวกนั้นก็ไม่นับเป็นอะไรได้ พวกมันไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราชาวเหมียวผู้กล้าหาญได้ ใช่แล้ว ไอ้หัวหมาพวกนั้นเป็นศัตรูกับชาวเหมียวมาเนิ่นนาน เพราะเหตุใดหรือ? อย่าได้ถาม เป็นเพราะข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่อย่างไรแล้วมันก็เป็นข้าที่เกลียดชังไอ้พวกหัวสุนัขเหล่านั้นจบแทบบ้า! พอคิดว่าไอ้พวกหัวสุนัขกำลังจะเข้ามาใกล้วิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราชาวเหมียวแล้ว พวกเราก็แทบไม่อาจข่มตาหลับลงได้! พอได้รู้เช่นนี้ พวกเราคงไม่คิดปล่อยมันเอาไว้อย่างแน่นอน!”

“ถ้างั้นท่านยอมรับข้อเสนอของผมเหรอครับ?”

“ใช่ ถ้าหากพวกเขาโดนไอ้พวกหัวหมารังแก งั้นพวกเราก็จะไปช่วยหมู่บ้านแลนเซลหรืออะไรก็ตามที่เจ้าเรียกนั่นแหละ ย่อมแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเพื่อบ้านหรือว่าอาหาร พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นั่นเพื่อคอยคุ้มกันความภาคภูมิแห่งชาวเหมียวและจะกำจัดไอ้พวกหัวสุนัขเหล่านั้นให้หมดไป นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเรากินอิ่มและนอนหลับลงได้...”

“ไม่ต้องกังวลไปครับ ถ้าหากทุกท่านช่วยปกป้องหมู่บ้าน ประชากรในหมู่บ้านย่อมยินดีที่จะมอบห้องและที่กว้างตามที่ชาวเหมียวต้องการแน่นอนครับ”

ขณะที่อาร์คกล่าวแล้วยกยิ้มขึ้นนั้น หน้าต่างข้อความจึงเด้งขึ้นพร้อมเสียงประกอบแสดงความยินดี

 

=====

ศาสตร์แห่งการสื่อสารเพิ่มขึ้น 3

ภารกิจ ค้นหาผู้อาศัยใหม่ ได้รับความคืบหน้า

ด้วยความชาญฉลาดของท่านที่เกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสชาวเหมียวฮัสซันให้เข้าร่วมกับหมู่บ้านแลนเซล ชาวเหมียวล้วนแล้วแต่มีสัญชาตญาณแห่งนักรบอยู่ ถ้าหากพวกเขาเข้าปกป้องหมู่บ้านแลนเซลแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านย่อมต้องไม่มีความหวาดเกรงต่อมอนสเตอร์พวกนั้นอีกต่อไป

นี่นับเป็นความช่วยเหลือหมู่บ้านแลนเซลที่คาดหวังต่อความปลอดภัยอย่างใหญ่หลวงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ขณะนี้พวกเขาได้รับสิ่งที่ต้องการจึงคิดต้องการตอบแทนชาวเหมียว พวกเขาจะจัดเตรียมทั้งบ้านและอาหารให้

ค้นหาผู้อาศัยใหม่ : ความสำเร็จ 15%

=====

ท่านได้หาผู้อาศัยใหม่ที่มีความสามารถพิเศษ

ด้วยการรวมตัวของชาวเหมียวที่ซึ่งเป็นนักรบ ความปลอดภัยของหมู่บ้านแลนเซลจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ทว่า ในเมื่อพวกเขาต้องการอาหารอย่างต่อเนื่องจึงทำให้คลังเสบียงอาหารลดน้อยลงถึง 10%

ถ้าหากท่านสามารถเชิญผู้อาศัยใหม่ที่มีความสามารถพิเศษอย่างเช่น การค้า ความปลอดภัย และการทำอาหาร มันจะทำให้ค่าสถานการณ์เพิ่มขึ้น ตัดสินจากค่าสถานการณ์ที่ท่านได้กระทำ ท่านจะได้รับรางวัลโบนัสมากยิ่งขึ้นเมื่อภารกิจสำเร็จ

=====

 

‘อะไรกันเนี่ย?’

หลังตรวจสอบข้อความ ดวงตาของอาร์คจึงเบิกกว้างขึ้น

มันเป็นข้อความที่ไม่คิดฝันมาก่อน เขาคิดว่าภารกิจนี้เพียงแค่เพิ่มจำนวนคนก็เท่านั้น แต่แล้วเมื่อได้เห็นหน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาต่อหน้าตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีความลับที่เป็นเงื่อนไขสู่ความสำเร็จซุกซ่อนเอาไว้ตามค่าสถานการณ์ที่เป็นไปอีกด้วย มันน่าจะเหมือนกับเกม RTS ที่เขาเคยเล่นเมื่อนานมาแล้ว ความปลอดภัยจะเพิ่มมากขึ้นหากเขาส่งนักรบออกไป และเอ็นพีซีสายก่อสร้างจะช่วยเรื่องการค้า รางวัลที่ได้รับจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของความสมบูรณ์ที่ทำได้

*RTS คือ เกมแนววางกลยุทธ์ตามเวลาจริง อย่างเช่นพวกเกม Red Alert*

‘นี่ก็หมายความว่าเราจะส่งผู้ลี้ภัยไปชุ่ย ๆ ไม่ได้!’

เห็นได้ชัดว่าถ้าหากเขาลงลึกรายละเอียดมากกว่านี้ จุดประสงค์ของภารกิจนี้คือฟื้นคืนหมู่บ้านแลนเซล ถ้าหากเขาสนับสนุนหมู่บ้านด้วยกำลังคนที่มีประสิทธิภาพ แน่นอนว่ามันก็จะยิ่งพัฒนาได้มากยิ่งขึ้น

ภารกิจหนึ่งมีความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนที่จะทำให้สำเร็จได้ และไม่มีทางรู้เลยว่าการกระทำใดหรือว่าคำพูดใดมันจะส่งผลต่อภาพรวมที่เกิดขึ้น อาร์คได้ตระหนักถึงจุดนี้อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นระบบที่ทำให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว

‘แต่แค่ 15% เองเหรอ?’ ตอนแรกเขาคิดว่าภารกิจนี้สมควรสำเร็จด้วยซ้ำ อาร์คถึงกับต้องเผยความผิดหวังออกมา ‘จำนวนที่ส่งไปตอนนี้ก็ราวสิบห้าคนเลยนับเป็น 15%? งั้นก็หมายความว่าเราต้องหาอีกกว่าแปดสิบคนเลย?’

ในระยะเวลาหนึ่งเดือนหลังได้รับภารกิจมา เขาหาคนมาได้แล้วสิบห้าคน พิจารณาจากสิ่งที่เป็นอยู่นี้ มันหมายความว่าเขาต้องหาอีกถึงแปดสิบคนจากสถานที่แห่งอื่น เรื่องนี้ทำเอาเขาคิดมากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเขาก็พบเบาะแสที่จะสำเร็จภารกิจนี้แล้ว

‘ก็ดี ถ้าภารกิจมันยากเพียงใด มันก็หมายถึงว่ารางวัลที่จะได้รับก็ต้องยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น’

อาร์คมักคิดบวกในเรื่องพวกนี้เสมอ

“พวกหัวสุนัขสินะ ที่เจ้าพูดหมายถึงพวกหัวสุนัขใช่ไหม? หึหึหึ เจ้ามอบข้อมูลอันล้ำค่าให้เราแล้ว เลือดในกายข้าแทบเดือดพล่านเลยทีเดียว”

ฮัสซันลูบเคราของตนที่แข็งกระด้างไปนานแล้ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณอาร์คที่ช่วยเปลี่ยนจากการสร้างบ้านอันน่าเบื่อหน่ายของพวกเขาไปเป็นการล่าพวกมนุษย์สุนัขแทน อีกฝ่ายถึงกับเริ่มลูบตัวคล้ายครั่นเนื้อครั่นตัวเต็มที

“พวกเราไม่ต้องสร้างบ้านอีกแล้วใช่ไหม?”

“พวกเราจะได้กลับไปเล่นแล้วก็กินขณะที่ออกล่าได้แล้วใช่ไหม?”

“เฮ้ อิสระภาพ!”

นักรบชาวเหมียวที่รวมตัวกันอยู่ในที่นี้ต่างกระดิกหางกันใหญ่ขณะวิ่งวนไปรอบ

“เจ้านับได้ว่าเป็นผู้นำโชคมาสู่เราเสียจริง ข้าหมายถึง พวกเราอดไม่ได้ที่จะรักเจ้าเพราะเจ้านั้นมักช่วยแก้ปัญหาให้เราทุกครั้งที่โผล่หน้ามา ไม่สิ ข้าไม่ควรพูดเช่นนี้ ข้าต้องมอบอะไรให้เจ้าเป็นรางวัลเสียหน่อยแล้ว... แย่จริง ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรเลยเพราะโดนไอ้เดบร้านั่นขังเอาไว้ในวิหาร...”

ขณะที่ฮัสซันลูบตัวไปมาคล้ายอยากหาอะไรสักอย่างให้อาร์ค จาน่าจึงเข้าไปตะครุบเอาไว้พร้อมน้ำเสียงแสดงความเวทนา “ผู้อาวุโส นี่ท่านบ้าไปแล้วหรือ ไม่ใช่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ท่านเคยบอกเอาไว้ว่าจะทำให้อาร์คตอนเขาปรากฏตัวอีกครั้งหรอกหรือไร”

“ว่าอะไร? โอ้ จริงด้วย ใช่แล้ว ข้าลืมไปสนิทใจเลยนะเนี่ย”

“จะทำอะไรให้ผมกันเหรอครับ? พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่?” อาร์คกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าคาดหวัง หรือมันจะเป็นรางวัลอีกส่วนหนึ่งที่จะได้รับเป็นพิเศษนอกจากภารกิจราชทูตแห่งชาวเงือกหรือเปล่า?

“หึหึหึ พวกเราเตรียมของขวัญที่น่าตื่นตะลึงเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ไม่สิ อย่าเสียเวลาพูดคุยเลย ตามข้ามา”

ฮัสซันและจาน่าพาอาร์คไปยังวิหาร เป็นเพราะมอนสเตอร์จากไปแล้ว ภายในวิหารจึงมีสภาพเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น พวกเขาเดินเข้าไปผ่านระเบียงทางเดินที่ทอดยาว จนกระทั่งถึงห้องที่เดบร้าเคยใช้อยู่ เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ฮัสซันจึงยื่นแขนออกมา

“โชคยังดีที่เจ้ายังคงมีอุ้งตีนแมวที่ข้ามอบไว้ให้อยู่ ส่งมันมาให้ข้าสักพักหนึ่ง”

ขณะที่อาร์คถอดอุ้งตีนแมวออก ฮัสซันจึงเริ่มอธิบาย “เจ้าต้องไม่ทราบแน่ว่ามันมีค่ามากขนาดไหน เป็นเพราะตอนนั้นข้ามอบให้เจ้าอย่างปุบปับเกินไป ที่จริง พวกมันเป็นยุทธภัณฑ์วิเศษอันล้ำค่าที่สามารถนำเอาความสามารถแท้จริงของผู้สวมใส่ออกมาได้ ทว่า การนำความสามารถทั้งหมดของยุทธภัณฑ์แห่งเหมียวออกมาได้ มันจำเป็นต้องได้รับพรจากชาแมนเสียก่อน ทว่าวิหารกลับอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งานตอนที่ข้ามอบมันให้กับเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจประทานพรได้ อีกทั้งเจ้ายังดูไม่คล้ายกับเหมาะสมที่จะสวมใส่ยุทธภัณฑ์ที่ได้รับพรอีกด้วย”

คำถามที่เขามีก็คือ ‘งั้นทำไมไม่พูดถึงมันให้เร็วกว่านี้กันล่ะครับ?’ แต่แล้วจาน่าก็ช่วยตอบให้แทน

“ชิ ท่านก็ทำพูดไป... ที่จริงลืมหมดใจด้วยซ้ำ”

“หะ-หุบปากน่า! อย่าพูดถึงเรื่องในอดีตและประทานพรได้แล้ว!”

ฮัสซันเร่งร้อนพลิกลิ้นกลบเกลื่อนเรื่องราวขณะนำเอาอุ้งตีนแมวไปวางไว้บนแท่นบูชา ใบหน้าของจาน่ากลับกลายเป็นเงียบขรึม หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้ยินเสียงดนตรี ราวกับมีกีตาร์เล่นอยู่ตรงไหนสักแห่งพลันดังขึ้นมา

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด