ตอนที่แล้วเล่ม 3 ตอนที่ 6 : ลอร์ดแห่งความมืด วาลเดอลาส (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 3 ตอนที่ 6 : ลอร์ดแห่งความมืด วาลเดอลาส (4) [อ่านฟรี]

เล่ม 3 ตอนที่ 6 : ลอร์ดแห่งความมืด วาลเดอลาส (3) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 3 ตอนที่ 6 : ลอร์ดแห่งความมืด วาลเดอลาส (3)

สำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นมีเลเวลเพียงแค่ 70~80 เท่านั้น มีเพียงแค่กองกำลังที่หนึ่งที่บัญชาการโดยอลันถึงจะมีค่าเฉลี่ยเลเวลเกินกว่า 80 แต่ก็เท่านั้น พวกเขาไม่อาจแสดงความสามารถเต็มที่ออกมาได้เพราะหมอกมืดยังคงอยู่ อีกทางหนึ่ง มอนสเตอร์พวกนั้นสังกัดธาตุความมืดจึงได้รับโบนัสเพิ่มเข้าไป อีกทั้ง หากพิจารณาจากเลเวลเพียงอย่างเดียวแล้ว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายช่างใหญ่หลวงนัก

ทว่า มันก็เป็นแรงผลักดันให้กับอาร์คได้ ด้วยเลเวลของอาร์คในตอนนี้เข้าถึงระดับ 75 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อคำนวณรวมโบนัสจากธาตุความมืด ค่าสถานะของเขาจะทัดเทียมกับเลเวล 97 เลยทีเดียว ทำให้การออกล่าในครั้งนี้ไม่มีความยากลำบากอะไรแม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมปาร์ตี้ใดก็ตาม

‘ดีล่ะ ด้วยเลเวลเท่านี้คงพอทำอะไรได้บ้าง การบุกจู่โจมครั้งนี้มันไม่มีบทลงโทษอะไรเหมือนการบุกจู่โจมดันเจี้ยน ยิ่งเลเวลสูงก็ยิ่งมีโอกาสได้รับแต้มสะสมมากตามไปด้วย ไม่สิ เรื่องนี้คงไม่ต้องกังวลถึงคนอื่น เป้าหมายของเรามีเพียงอลันเท่านั้น แต้มสะสมของเราใกล้ถึง 20,000 แต่ก็ยังห่างจากมันพอสมควร ที่เราต้องทำคือลดความแตกต่างในการศึกครั้งนี้ด้วยความสามารถของเราเอง’

ราวกับเทพแห่งนักล่ากำลังเฝ้ามองคำอ้อนวอนของเขา อาร์คคว้าจับดาบในมือขณะเตรียมความพร้อมของร่างกาย ไม่ช้าหลังจากนั้น กองทัพปีศาจได้เริ่มเข้ามาใกล้เบื้องหน้าของพวกเขาแล้ว ฉับพลัน ทั้งหุบเขาจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาของกองทัพปีศาจ กลุ่มที่เป็นแนวหน้าได้เคลื่อนพลไปพร้อมกับทวนของพวกเขา เป็นกลุ่มหัวกะทิแห่งกองกำลังแจ๊คสัน อัศวินซิลฟีดนั่นเอง

“นี่คือศึกตัดสิน เพื่อสันติสุขแห่งแจ๊คสัน!”

“โอ้! เพื่อสันติสุขแห่งแจ๊คสัน!”

“คึคึคึ น่ารำคาญยิ่งนัก!”

“มนุษย์อยู่ตรงนั้น จัดการพวกมัน!”

มอนสเตอร์เงาที่อยู่แนวหน้าได้ระเบิดเสียงร้องคำรามของพวกมันออกขณะยกโล่ขึ้น เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นจากการปะทะกันของทวนและโล่ ด้วยการโจมตีอันรวดเร็วของทวนจึงทำให้มอนสเตอร์เงาลอยลิ่วไปทั่วทุกแห่งหน

พวกเขาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่แจ๊คสันพึงมี อัศวินซิลฟีด! ด้วยการกระหน่ำระดมยิงทักษะทั้งหลายเข้าใส่ พวกเขาจัดการมอนสเตอร์ที่ขวางทางออกเป็นสองซีกเพื่อให้ดำเนินภารกิจต่อไปได้ เมื่ออัศวินซิลฟีดเข้าปะทะ ฟอร์เมชั่นของกองทัพปีศาจจึงแตกออกในทันที

ครอสจึงยกดาบของตนชูขึ้นพร้อมกล่าว “ตอนนี้แหละ บุกโจมตี!”

“โอ้ว!”

พวกผู้เล่นที่ซ่อนตัวรอคอยโอกาสอยู่พลันกระจายตัวออกมาจากหุบเขา ขณะที่พวกผู้เล่นต่างใช้ทักษะชั้นเลิศของตนออกอย่างพร้อมเพียง พื้นที่อันมืดมิดถึงกับปกคลุมไปด้วยแสงสว่างราวกลางวัน ทักษะที่ใช้เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นทักษะเพื่อโจมตีของผู้เล่น ทว่า บัพหรือเวทมนตร์ช่วยเหลือที่ร่ายโดยนักเวทหรือนักบวชนั้นก็มีมากมายเช่นเดียวกัน ด้วยผลจากคำสาปกินวงกว้างของกองทัพปีศาจที่ร่ายออกมา หน้าต่างข้อความสีสันฉูดฉาดถึงกับปรากฏขึ้นอย่างมหาศาลต่อหน้าต่อตาอาร์ค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกกล่าวว่าใครใช้ทักษะเหล่านี้ พวกมันเหล่านี้ส่งผลแก่เขาไม่ว่าจะเป็นบัพหรือคำสาปก็ตาม

ทว่าอาร์คก็หาได้สนใจข้อความเหล่านั้น ‘ผลกระทบเหล่านี้จะหายไปในเมื่อมันมีทั้งคำสาปและบัพปะปนกันมั่วไปหมด ไม่ต้องสนใจอะไรพวกมัน ไม่ว่าศัตรูจะมีมากมายเพียงใด ศัตรูของเราคือตัวที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น!’

เขาไม่แม้กระทั่งเรียกเดดริคออกมา ด้วยจำนวนผู้เล่นมหาศาลนับไม่ถ้วนถึงเพียงนี้ มันจึงทำให้เขาใช้ทักษะได้อย่างจำกัด มันจะเป็นเรื่องอันตรายเกินไปถ้าหากเดดริคถูกผู้เล่นคนอื่นคิดว่าเป็นมอนสเตอร์และโจมตีเข้าใส่ เขาจึงแยกตัวออกมาจากกองกำลังสำรองและพวกองครักษ์ เขาออกมาไกลในระยะที่พวกเขาสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้หากจำเป็น ทว่า ตอนนี้ ทุกคนได้กลายเป็นทั้งสหายร่วมรบและคู่แข่ง ท้ายที่สุดแล้วการจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็จำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง

‘หากอยู่เพียงลำพังก็จะยิ่งเข้าทางเรา ไม่ว่าเราจะตายหรือรอด มันก็เป็นความรับผิดชอบของตัวเราเอง’

ใช่แล้ว นี่คือรูปแบบการต่อสู้ดั้งเดิมดังที่อาร์คเคยเป็น

อาร์คตระหนักถึงสภาพรอบด้านและเริ่มใช้ดาบเข้าฟาดฟันมอนสเตอร์ทุกตัวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

“คึคึคึ มนุษย์! ตาย!”

“หุบปากไป แกสิตาย คมดาบแห่งความมืด!”

อาร์คร่นระยะห่างระหว่างพวกมันเข้าหาโดยทันทีและเสียดแทงเข้าใส่ที่ลำคอของมอนสเตอร์เงา ด้วยการปลดปล่อยลูกเตะอย่างไม่คิดยั้งมือโรมรันเข้าใส่มอนสเตอร์เงา พลังชีวิตของมันจึงร่วงหล่นไป 70% ขณะที่เริ่มอ่อนยวบและล้มลง เมื่อเขาปล่อยคมดาบแห่งความมืดออกไปอีกครั้ง มอนสเตอร์เงาจึงร่างสั่นและหายวับไป

‘เราต้องจัดการศัตรูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตั้งแต่เริ่ม!’

ถ้าหากการศึกยืดเยื้อออกไป จะมีเพียงแค่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่เหลือรอด ถ้าหากผู้เล่นต้องตกอยู่ในดงพวกมัน นั่นก็ย่อมเป็นความยากลำบากแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องรักษาแต้มสะสมของตนเอาไว้ด้วยการสังหารพวกมันให้มากที่สุดตั้งแต่ที่การศึกยังเพิ่งเริ่ม กระทั่งว่ามันจะทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังมานาก็ตามที

‘สวนกลับฉับพลัน!’

อาร์คปัดป้องการโจมตีที่ลอยลิ่วเข้ามา ขณะที่ในทันทีเขาได้ปล่อยการโจมตีโต้กลับออกไปเป็นชุด ขณะที่ทักษะต่อเนื่องทำงาน มอนสเตอร์เงาจึงลอยลิ่วปลิวกลับ ด้วยเหตุนี้มอนสเตอร์สามถึงสี่ตัวจึงล้มลงไปพร้อมกับมัน โดยทันที อาร์คเร่งร้อนวิ่งเข้าใส่พวกมันขณะกวัดแกว่งดาบไปมาทั้งซ้ายและขวา

ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ!

การโจมตีคริติคอลโรมรันออกมาอย่างต่อเนื่อง!

มอนสเตอร์เงาที่สวมใส่เกราะเพลทหาได้ใช่ปัญหาสำหรับอาร์คไม่ จุดอ่อนของพวกมันปรากฏขึ้นเพราะเนตรแห่งแมว มันก็คือข้อต่อระหว่างชุดเกราะนั่นเอง ตรงจุดนั้นพวกมันไม่อาจป้องกันได้! ด้วยความแม่นยำอย่างถึงขีดสุด อาร์คสามารถเหวี่ยงดาบของตนเสียดแทงเข้าใส่ข้อต่อเหล่านั้นราวกับถูกดึงดูดเข้าหาก็ไม่ปาน และนั่นก็เป็นการโจมตีคริติคอล! พวกมันที่สวมใส่ชุดเกราะเพลทที่หนาเตอะจึงมีความเร็วการตอบสนองที่เชื่องช้า เช่นกัน ค่าสถานะผิดปกติจากลูกเตะของเขาก็ส่งผลออกมาบ่อยครั้ง นอกจากนี้ คมดาบแห่งความมืดยังเป็นการโจมตีที่ไม่สนพลังป้องกันร่วมสร้างความเสียหายเข้าไปอีก ชุดเกราะเหล่านี้ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ในสายตาของอาร์คเลยด้วยซ้ำ

การโจมตีสวนกลับของเขาจะเริ่มขึ้นด้วยการปัดป้องและเร่งร้อนโจมตีเข้าใส่จุดอ่อนของพวกมันจากทุกทิศทาง สัญชาตญาณการต่อสู้นี้เป็นเขาสะกดมันเอาไว้ขณะที่ต้องเฝ้าระวังพวกกองกำลังสำรองและองครักษ์ไม่ให้พบเห็น ทั่วทั้งร่างกายของเขาในตอนนี้มันถูกลับจนแหลมคมและเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่เดือดพล่าน

“จงคืบคลานออกมารับความตายเสียเจ้ามนุษย์!”

ผู้ล้างแค้นที่กำลังขี่กิ้งก่าอยู่นั้น ดาบในมือของพวกมันกำลังทอประกาย อาร์คเอี้ยวตัวปล่อยให้ดาบนั้นฟาดผ่านไป จากนั้นจึงก้าวเข้าไปเตะเข้าใส่กิ้งก่าให้ลอยลิ่วขึ้นฟ้า ลูกเตะของอาร์คเมื่อลดลงมาถึงกับฟาดออกไปอีกครั้งที่หัวของผู้ล้างแค้น ด้วยอาการมึนงงที่เกิดขึ้น ผู้ล้างแค้นถึงกับเสียการทรงตัวกลิ้งไปมา ท้ายที่สุดเขาจึงใช้โอกาสทำดับเบิลคริติคอลโจมตีเข้าใส่ในสภาพที่มันไร้พลังป้องกัน!

อาร์คไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ดาบของเขาเคลื่อนผ่านระหว่างชุดเกราะจนเกิดเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น พร้อมกันนั้นลำคอของผู้ล้างแค้นก็ถูกตัดขาดไปแล้ว

ฝีมือของแชมบาร่านับว่าสอดประสานกับอาร์คได้อย่างน่าตกตะลึง เมื่อแชมบาร่าดึงดูดความสนใจของศัตรูไปด้วย ‘ส่องแสง’ อัตราความสำเร็จที่ลูกเตะของอาร์คจะส่งผลให้ติดสถานะผิดปกติก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เช่นกัน ในเมื่อทั้งสองต่างมีอาชีพที่สามารถใช้งานผลของการโจมตีจากทางด้านหลังได้ มอนสเตอร์พวกนี้จึงตกอยู่ในสภาวะวิกฤตเพียงแค่พวกเขาโจมตีเข้าใส่สามถึงสี่ครั้งจากทั้งหน้าและหลัง

กระทั่งว่าปลดปล่อยการโจมตีแบบคอมโบออกมาอย่างไม่หยุดยั้งเช่นนี้ ทั้งสองกลับไม่พูดอะไรกันแม้สักนิด ถ้าหากอาร์คเคลื่อนไหวเป็นคนแรก แชมบาร่าจะตามติดไปอย่างรู้งาน และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกันสำหรับอาร์ค ด้วยความพิเศษของบางสิ่งที่มีเพียงทั้งสองที่ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เท่านั้นที่จะแบ่งปันกันอย่างรู้งานได้ พวกเขาจึงสามารถจัดการมอนสเตอร์ลงได้ราวกับแทงปลาให้ตายลงก็ไม่ปาน

ทว่า สถานการณ์การต่อสู้โดยรวมตอนนี้ยังคงเข้าทางฝั่งกองทัพปีศาจ ทีละเล็กละน้อย สมดุลพลังก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางเพราะการสนับสนุนโจมตีจากทั้งนักเวทที่พลังมานาถดถอย และนักธนูที่ตายลงไปหลายคนระหว่างการต่อสู้ ทางด้านนักรบก็เริ่มที่จะล้มลงไปทีละคนแล้ว แต่มันก็มีเหตุผลที่เกิดเรื่องเช่นนี้อยู่

‘ไอ้บัดซบอลัน...!’

ปาร์ตี้ของอลันย่อมแข็งแกร่งที่สุดในกองทหารรักษาการณ์ อีกทั้งพวกเขายังไม่มุ่งไปข้างหน้าอย่างที่ควรเป็น ในเมื่อการต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น พวกเขาเพียงแค่ยืนนิ่งรอคอยให้ศัตรูเข้ามาใกล้แล้วจึงลงมือ กระทั่งว่าปาร์ตี้ที่อยู่ถัดไปกำลังจะโดนกำจัดทิ้ง พวกเขาก็เพียงแค่ยืนเฉยเฝ้าดู ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่ผู้บัญชาการศึกอีกต่อไปแล้ว ท่าทีของอลันจึงกลับกลายเป็นเฉยเมยไป

แต่แล้วท่าทีของอลันก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเปลวเพลิงได้เข้าปกคลุมหุบเขา

ฟึ่บ! ตู้ม!

ลูกไฟสีดำได้ข้ามผ่านหุบเขาและตกลงมาในหุบเขา มันคือเปลวเพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ที่พร้อมจะหลอมละลายมอนสเตอร์ได้ในทันที

“เป็นปืนใหญ่มอดไหม้!”

ผู้เล่นทั้งหลายต่างส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีออกมาขณะหันศีรษะกลับไปมอง

ปืนใหญ่มอดไหม้ตอนนี้กำลังตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป ปืนใหญ่มอดไหม้ได้ตั้งประจัญบานเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มการต่อสู้แล้ว มันจะคอยยิงสนับสนุนทุกครั้งที่กระทำได้ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการประจุพลัง ปืนใหญ่มอดไหม้ก็จะยิงออกมาอีกครั้ง ทุกครั้งที่เกิดการยิงขึ้น พลังชีวิตของพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ติดกันจะลดฮวบลงจนแทบไม่เหลือ

และนั่นจึงทำให้กลุ่มปาร์ตี้ของอลันต้องเข้าร่วมศึกในครั้งนี้

“ตอนนี้แหละ เข้าโจมตี! การพิพากษาแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์!”

ขณะที่มุ่งลงไปยังหุบเขา รัศมีแสงสว่างได้เข้าปกคลุมโดยมีอลันเป็นศูนย์กลาง มันคือเวทมนตร์พื้นที่สร้างความเสียหายศักดิ์สิทธิ์แก่ศัตรูทุกตัวที่มีธาตุมืด!

เพียงการโจมตีครั้งเดียว พวกมอนสเตอร์ถึงกับพลังชีวิตลดดิ่งฮวบจนถึงก้นหลอด เมื่อพวกมันไม่อาจทานทนความเสียหายต่อไปได้ก็ถึงกับร่างระเบิดออก มันไม่ใช่เพียงแค่อลัน ผู้เล่นในปาร์ตี้ของอลันเองก็เริ่มการใช้งานทักษะพื้นที่ออกมาโดยการเผาผลาญพลังมานาอย่างบ้าคลั่ง ‘ฝนลูกศร’ เป็นอีกหนึ่งการโจมตีที่จะสาดซัดลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนประดุจสายฝนจากนักธนู ทางนักเวทจะใช้ ‘เพลิงนรก’ เพื่อปกคลุมรัศมีสิบเมตรเอาไว้ด้วยเปลวเพลิง ทางด้านนักรบจะใช้ ‘เขย่าขวัญ’ ที่ส่งผลให้มอนสเตอร์มากสุดถึงแปดตัวโดนการโจมตีด้วยโล่ในเพียงครั้งเดียว

พวกเขาทั้งหมดนั้นต่างใช้ทักษะที่สิ้นเปลืองพลังมานาอย่างมหาศาล พลังมานาของพวกเขาหายวับไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นทำได้เพียงแค่นิ่งมอง

‘อลัน ไอ้ตัวสารเลว นี่แกรอโอกาสนี้อยู่แล้วสินะ’

อาร์คกัดฟันขณะเผยสีหน้าที่พร้อมบันดาลโทสะออกมา

มอนสเตอร์ส่วนใหญ่จะสูญเสียพลังชีวิตไปถึง 70% ในทันทีที่โดนปืนใหญ่มอดไหม้และผู้เล่นโจมตีเข้าใส่ และด้วยเวทมนตร์พื้นที่ที่ถูกใช้งานกับซ้อนไปซ้อนมา มันไม่มีทางเลยที่มอนสเตอร์พวกนั้นจะทานทนต่อไปได้ เพียงแค่เวทมนตร์พื้นที่เพียงครั้งเดียวก็พอให้พวกมันตายตกแล้ว ปาร์ตี้ของอลันถึงกับสามารถได้รับแต้มสะสมจำนวนมากด้วยการใช้วิธีการนี้

และหลังจากนั้น สมรภูมิก็ถูกอลันเข้าครอบงำ

‘นี่สินะเหตุผลที่พวกผู้ติดตามของอลันก่นด่าสาปแช่งมัน’

การต่อสู้ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์อลัน หากมองตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการปาดหน้าเค้กกิน

“ออร่าอมตะ!”

ขณะที่อลันใช้ทักษะเฉพาะของอาชีพ รอบกายจึงเริ่มถูกแสงสีขาวเข้าปกคลุม มันคือออร่าที่จะลดทอนความเสียหายให้กับสมาชิกร่วมปาร์ตี้จากมอนสเตอร์ที่สังกัดธาตุมืดถึง 30% นอกจากนี้ มันยังมีออร่าอีกอย่างที่มีเพียงพาลาดินเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ และอัศวินศักดิ์สิทธิ์เองก็สามารถใช้ออร่าทั้งสองหนุนเสริมกันได้ อลันใช้ออร่าที่เรียกว่า ‘แสงดวงดาว’ เพื่อเพิ่มความเร็วการฟื้นฟูพลังมานาถึง 30% ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นพลังมานาของปาร์ตี้อลันนั้นแทบไม่ลดลงจากการที่ร่ายทักษะทั้งหลายไปเลยแม้แต่น้อย และนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อลันสามารถทำได้เพื่อส่งเสริมผู้คนในปาร์ตี้ ความจริงข้อนี้จึงทำให้กองกำลังที่หนึ่งสามารถได้รับตำแหน่งสิบอันดับผู้เล่นแต้มสะสมสูงสุดมาได้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมอลันถึงสามารถออกคำสั่งต่อกองกำลังได้ตามต้องการ

มันมีเพียงเท่านั้น? ด้วยการที่ขี่ม้าอยู่ อลันจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นมันเหนือล้ำยิ่งกว่าผู้ใดขณะมุ่งไปยังตำแหน่งที่ปืนใหญ่มอดไหม้ยิงเข้าใส่ และเมื่อเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการเขาก็จะใช้ทักษะโจมตีเป็นพื้นที่ออกมา มันสามารถทำให้จัดการมอนสเตอร์เงาถึงห้าตัวได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่สองหรือสามนาที อาร์คและแชมบาร่าเองก็เร่งความเร็วการล่าอย่างถึงที่สุด แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับอลันที่สามารถจัดการมอนสเตอร์เป็นฝูงภายในการโจมตีครั้งเดียวได้

‘นี่สินะคือทักษะของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ำลือกัน?’ มันรู้สึกเหมือนมีผ้าห่มชุ่มน้ำเข้ามาพัวพันขัดขวางปณิธานของเขา ‘นี่เองสินะความลับของ 40,000 แต้มสะสมของมัน บ้าจริง ถ้าหากเป็นแบบนี้เราก็ไม่อาจขยับเข้าไปใกล้มันได้แม้จะต้องต่อสู้แทบตายก็ตาม บัดซบ มีเพียงแค่อลันที่สามารถออกล่าแบบนั้นได้’

ถ้าหากผู้เดินทางแห่งความมืดคืออาชีพที่เชี่ยวชาญการต่อสู้เดี่ยว อัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็คือผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นกลุ่ม ด้วยความแตกต่างของอาชีพทั้งสอง มันไม่มีทางเลยที่อาร์คจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายในการต่อสู้แบบกลุ่มได้ นอกจากนี้ อลันยังได้แตกหักกับผู้เล่นจนแยกตัวออกมา มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อีกฝ่ายจะต้องเล่นแบบรักษาน้ำใจและกวาดเอาแต้มสะสมทั้งหมดไป เป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้อลันสามารถโรมรันไปทั่วทั้งสมรภูมิได้ ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นต่างกำลังลดทอนพลังชีวิตของมอนสเตอร์ที่อีกฝ่ายทำก็เพียงแค่นิ่งเฉย กระทั่งมอนสเตอร์เงาที่อาร์คจัดการจนตกสู่สภาวะวิกฤตยังต้องล้มลงไปเพราะทักษะโจมตีเป็นพื้นที่ของอีกฝ่าย

‘บัดซบ ที่เราลงแรงต่อสู้ไปกับกลายเป็นสูญเปล่า’

“บัดซบ นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”

“ไอ้ตัวต่ำช้าสารเลวถึงกับกล้าทำเช่นนี้! อย่าปล่อยให้อลันมันเอาทุกสิ่งอย่างไป!”

พวกผู้เล่นต่างโพล่งโทสะเข้าใส่อลันอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่า มันไม่มีทางเลยที่จะไปขัดขวางอีกฝ่ายได้ เช่นเดียวกัน โอกาสที่จะชนะได้กลับกลายเป็นพ่ายแพ้เพราะการกระทำของอลัน ดังนั้นแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผู้คนจะด่าทอสาปแช่ง

‘จะยังไงอลันในตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ที่มีแต้มสะสมมากที่สุด...’

และขณะที่อาร์คกำลังจะระเบิดโทสะออกมานั้นเอง...

กรร กร๊าซ!

เสียงคำรามได้ดังขึ้นจากทางด้านหลังของกองทัพปีศาจ ขณะที่แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ ความสนใจของทุกผู้คนจึงได้หันเหไปยังทิศทางที่เสียงนั่นดังออกมา มอนสเตอร์ทั้งหลายเริ่มกระจายตัวสร้างเส้นทางจนเผยออกซึ่งมอนสเตอร์ขนาดใหญ่มหึมา มันเป็นมอนสเตอร์ที่สูงกว่ายี่สิบเมตร ทั้งร่างกายของมันปกคลุมเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงสีดำ! ปีศาจตนนี้มีรูปลักษณ์เป็นมังกรตั้งแต่เอวลงมา เนื้อตัวของมันยังคงเป็นมนุษย์ที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยชุดเกราะสีแดง

“กรร ไอ้พวกสวะถึงกับกล้ามาขวางเส้นทาง...”

ลิ้นของมันมีเปลวเพลิงสีดำที่กำลังลุกโชนไปมาทุกครั้งที่มันอ้าปากขึ้น

ข้อความสีแดงเด้งขึ้นมาต่อหน้าต่อตาอาร์คโดยทันที

 

=====

บอสมอนสเตอร์ ‘ลอร์ดแห่งความมืด วาลเดอลาส’ ปรากฏตัว!

=====

 

‘วาลเดอลาส! เป็นมันนี่เอง...!’

ทุกสายตาของผู้เล่นตอนนี้กำลังจับจ้องไปยังวาลเดอลาส

“ข้าจะทวงคืนพื้นที่แห่งข้าและจะดื่มเลือดเนื้อของมันทุกผู้ที่เป็นส่วนเกินของดินแดน!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด