ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ค่ำคืนเเห่งการล่าสังหาร (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 ลุงมิลเลอร์ (อ่านฟรี)

ตอนที่ 5 ผู้บงการ (อ่านฟรี)


ระดับ 3 !

 

นี่มันเป็นปัญหานิดหน่อยแฮะ!

 

แต่กับเรื่องที่มาร์วินกังวล มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเหลือเพียงคนเดียว เขาไม่ได้รู้สึกกดดันใดๆทั้งสิ้น

 

เนื่องจากความว่องไวและพลังในการกวัดแกว่งมีดของอันธพาลคนนี้ค่อนข้างต่ำ เขาน่าจะเป็น [นักเลงดาบ] นี่เป็นคลาส 1 เป็นคลาสรองของนักสู้ที่เน้นไปที่พลังโจมตีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย

 

มาร์วินมองดูหน้าต่างข้อมูลอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาฆ่าสมาชิกแก๊งอาเชรอนไป 4 คน เขาได้รับค่าประสบการณ์ต่อสู้ 59 หน่วย เขาต้องการอีก 50 หน่วยถึงจะเปลี่ยนเป็นเรนเจอร์ ระดับ 2

 

เขาได้กระจายค่าประสบการณ์ต่อสู้ 50 หน่วยไปกับคลาสแรงเจอร์ ความรู้สึกอบอุ่นไหลผ่านร่างกายของเขา เขากลายมาเป็นแรงเจอร์ ระดับ 2

 

เมื่อระดับเพิ่มขึ้น ค่า HP ของเขาเพิ่มขึ้น 13 หน่วย มี HP รวมทั้งหมด 50 หน่วย แต้มสกิลของเขาเพิ่มขึ้น 24 แต้มในขณะที่แต้มสถานะของเขายังคงที่ เขาจะได้รับแต้มฟรี 1 แต้มทุกครั้งที่ระดับคลาสของเขาเพิ่มขึ้น 2 ระดับ

 

เขาเพิ่ม 4 จาก 24 ของแต้มสกิลทั้งหมดไปกับทักษะ [ซ่อนตัว] ในขณะที่ยังมีเวลาเหลืออยู่

 

นักเลงดาบกำลังพุ่งมาหาเขาและเหวี่ยงดาบลงมา!

 

เขาต้องการผ่ามาร์วินให้ขาดเป็นสองท่อน!

 

มาร์วินยืนนิ่งจากนั้นเขาก้าวหนึ่งก้าวไปด้านข้าง เขาหลบหลังต้นไม้พอดี

 

ปัง!

 

มืออีกข้างหนึ่งของอันธพาลเล็งไปที่มาร์วินอีกครั้ง! มาร์วินกระโดดถอยหลัง ใบมีดได้ฟันไปยังต้นไม้ ชิ้นส่วนของต้นไม้ปลิวกระเด็นออกมาจากการกระแทก

 

“ตายไปซะ!” ชายคนนั้นตะโกนและมองไปยังเบื้องหน้าของเขา เขาดึงมีดมาเชตี้ออกจากต้นไม้ ใครจะคิดว่าในขณะนั้น มาร์วินจะพุ่งเข้าหาเขาและกระแทกเข้ากับหน้าอก?

 

นักเลงดาบไม่ได้เตรียมพร้อมรับแรงกระแทกจากมาร์วิน ถูกกระแทกให้ถอยหลังและปล่อยมือหลุดจากด้ามมีดมาเชตี้

 

‘ตอนนี้แหละ!’

 

การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาทำได้ตัดสินผลการต่อสู้ของเขาทุกครั้ง นี่เป็นเพราะสัญชาตญาณของเขา

 

ในพริบตา มีดโค้งกำลังฟันไปที่เอวของเขา

 

วินาทีต่อมา ความเจ็บปวดได้แผ่กระจายไปทั่วมือขวาของเขา นักเลงดาบกำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่เขาจับข้อมือของมาร์วินด้วยมือทั้ง 2 ข้าง

 

“แกคิดว่าจะทำร้ายข้าได้งั้นรึ ไอ้สถุน?”

 

มาร์วินนิ่งเงียบ เขาไม่สนใจความเจ็บปวดและรายงานข้อมูลที่เด้งขึ้น

 

[การโจมตีพื้นฐานล้มเหลว ข้อมือขวาถูกจับ การต้านทานตรวจสอบ....]

[ความแข็งแกร่งห่างกันมากเกินไป  ไม่สามารถเป็นอิสระได้]

 

ขณะที่นักเลงดาบกำลังภาคภูมิใจในตัวเอง มือซ้ายของมาร์วินถือมีดสั้น เป็นของที่เขาขโมยมาจากโจรคนก่อนหน้านี้ใช้

 

“เอ๊ะ?”

 

เสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังออกมาเมื่อมาร์วินลงมือตัดลำคอของเขาอย่างโหดเหี้ยม มือที่จับข้อมือของมาร์วินคลายลง เขาล้มลงกับพื้นและดิ้นอย่างทุกข์ทรมาน เลือดอุ่นๆได้ไหลทะลัก ในไม่ช้าร่างนักเลงดาบตายในที่สุด

 

มาร์วินนวดข้อมือของเขาขณะกำลังคิด “นักดาบคนนี้ต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อย 16 น่าเสียดายที่ประสบการณ์การต่อสู้น้อยเกินไป แต่การตายด้วยน้ำมือของอดีตจ้าวแห่งรัตติกาลไม่ใช่เรื่องผิด”

 

ด้วยการค้นหาเพียงเล็กน้อย เขาพบว่านักเลงดาบคนนี้ค่อนข้างรวย เขามีทั้งหมด 29 เหรียญเงินและยังมีสิ่งของอื่นๆอีก แต่พวกมันไม่ได้มีค่ามากมายนัก

 

มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่มาร์วินไม่ได้เหตุผลที่แก๊งอาเชรอนวางแผนที่จะสังหารเขา

 

ทำไมแก๊งอันธพาลต้องพยายามทำให้ชีวิตขุนนางยาจกอย่างเขาต้องยุ่งยากด้วย?

 

มันไม่มีเหตุผล

 

การฆาตกรรมขุนนางเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ถ้าถูกเปิดเผยออกไปแก๊งอาเชรอนจะต้องถูกทำลายล้างอย่างแน่นอน

 

และการฆ่าเขาโดยไม่ได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทน เหมือนกับไม่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง

 

หลังจากที่จัดการศพทั้ง 5 อย่างรวดเร็ว มาร์วินไม่มีอารมณ์ที่จะล่าปูอีกต่อไป เขาเตรียมตัวกลับเมืองริเวอร์ชอร์ เพื่อค้นหาว่าใครที่ต้องการสังหารเขา

 

ในเวลานั้นเขาสังเกตเห็นบางอย่างเปลี่ยนไปในภารกิจพันธะวิญญาณในรายชื่อภารกิจ

 

คำอธิบายภารกิจมีย่อหน้าเพิ่มเติม :

 

[การไล่ล่าที่ริมฝั่งแม่น้ำไพน์โคนทำให้คุณรู้ว่ามีบางสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น ใครบางคนต้องการฆ่าคุณและนี่น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มโนลส์ที่ปรากฏตัวใกล้ดินแดนของคุณ เมืองริเวอร์ชอร์มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ใครเป็นคนบงการ ตราบใดที่เขาต้องการฆ่าคุณ สักวันหนึ่งเขาจะเปิดเผยตัวตนออกมา]

 

ในขณะเดียวกันยังมีภารกิจหลักที่มีด้านข้างเขียนว่า [ผู้บงการ] ซึ่งบ่งบอกว่ามาร์วินต้องการรู้ว่าผู้บงการที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นใคร

 

รางวัลภารกิจด้านข้างก็ไม่เลวร้ายมากนัก ค่าประสบการณ์ทั่วไป 100 หน่วย มาร์วินต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ค่าประสบการณ์ 100 หน่วยถือได้ว่าเป็นโบนัสที่หอมหวาน

 

....

 

เดินอ้อมถนนสายหลักของเมือง เขาเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยและรกร้างเพื่อหลีกเลี่ยงสมาชิกแก๊งอาเชรอนคนอื่นๆซึ่งกำลังมองหาตัวเขาอยู่

 

ขณะที่กำลังเดินเขาเรียกดูรายงานการต่อสู้ มันเป็นนิสัยที่ดีที่ย้อนกลับไปดูผลได้-เสียและตรวจสอบปัญหาต่างๆ การลงมือในครั้งนี้ได้ปรับเปลี่ยนประสาทสัมผัสในการต่อสู้ของเขาให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

 

แต่มีบางอย่างไม่คาดคิดที่เขาพบในรายงานการต่อสู้:

[การเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคพื้นฐานในการต่อสู้ซ้ำๆ รวมถึงการใช้คอมโบสกิลคลาสมือสังหารเงา สกิล [ตัดคอ] ได้เกินกว่า 98% อนุญาตให้คุณสามารถเปลี่ยนจากเทคนิคการต่อสู้พื้นฐานเป็นสกิลส่วนตัวได้ ต้องการค่าประสบการณ์การต่อสู้ 500 หน่วยในการเรียนรู้]

 

[การเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคพื้นฐานในการต่อสู้ซ้ำๆ รวมถึงใช้คอมโบสกิลคลาสมือสังหารเงา สกิล[ก้าวไร้เงา] ได้เกินกว่า 95% อนุญาตให้คุณสามารถเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวพื้นฐานเป็นสกิลส่วนตัวได้ ต้องการค่าประสบการณ์การต่อสู้ 1000 หน่วยในการเรียนรู้]

 

[เนื่องจากใช้สกิลของคลาสอื่นในการต่อสู้ซ้ำๆ ความชำนาญในป่าเพิ่มขึ้น [9/100]]

 

 

‘ใช้สกิลของคลาสอื่นสามารถเปลี่ยนเป็นสกิลส่วนตัวได้งั้นรึ?’

 

มาร์วินเริ่มมึนงง เขาไม่เคยตระหนักถึงสิ่งนี้เลย

 

แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ในรายงานการสู้รบได้บอกว่า การเคลื่อนไหวด้วยเทคนิค “พื้นฐาน” ซ้ำๆ ต้องมีสัมพันธ์ในระดับสูงและเขาต้องใช้ค่าประสบการณ์ต่อสู้ในการเปลี่ยนมันเป็นสกิลส่วนตัว สกิลส่วนตัวไม่สามารถอัพเกรดได้โดยใช้แต้มสกิลและสามารถเลื่อนระดับได้จากการใช้งานมันซ้ำๆ

 

มาร์วินสังเกตเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคพื้นฐานและสกิลดั้งเดิม ค่าประสบการณ์ต่อสู้ที่ลดลงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของสกิล [ตัดคอ] และ [ก้าวไร้เงา] ซึ่งเป็นสกิลที่โดดเด่นของ [มือสังหารเงา] แต่ค่าประสบการณ์ต่อสู้ของพวกมันสูงมากราวกับกลางวันและกลางคืน

 

“ค่าประสบการณ์ต่อสู่ 500 หน่วย…”

 

มาร์วินรู้สึกตื่นเต้น แต่เขาก็รู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง ค่าประสบการณ์ต่อสู้เป็นสิ่งที่ยากจะได้มาและเป็นหนึ่งในค่าประสบการณ์ที่มีระดับสูงที่สุด ถ้าเขาใช้ค่าประสบการณ์ต่อสู้กับสกิลเหล่านี้ แน่นอนว่าการเลื่อนระดับของเขาจะช้าลงอย่างมาก

 

ปัจจุบันปัญหานี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากตอนนี้เขามีค่าประสบการณ์ต่อสู้เพียง 39 หน่วยเท่านั้น อีกนานกว่าเขาจะมีได้ 500 หน่วย

 

เขายังคงคิดเกี่ยวกับบรรทัดสุดท้ายของบันทึก เขาไม่เคยได้ยินสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความสามารถพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สกิลของคลาสอื่นซ้ำๆ

 

ความสามารถพิเศษส่วนตัวแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ความสามารถโดยกำเนิด , ความสามารถที่ได้มาจากการฝึก , ความสามารถที่ถูกปลุกขึ้นมา ในร่างกายของมาร์วินไม่อาจนับเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของเขาจะเขียนอย่างชัดเจนว่า “มนุษย์/?” นั่นหมายความว่าเขามีสายเลือดที่มาจากเผ่าพันธุ์อื่น แม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตาม

 

ถึงเป็นอย่างนั้น ความสามารถพิเศษเป็นสิ่งที่ดี มันสามารถมีประโยชน์กับการผจญภัยต่างๆ นอกเหนือจากสกิลและค่าสถานะ

 

ตอนนี้เป็นช่วงกลางดึก และเมืองริเวอร์ชอร์เริ่มเปิดใช้ระบบกึ่งเคอร์ฟิว แม้ว่าประตูเมืองจะปิดช้าลง แต่ต้องไม่มีใครเดินบนถนนหลังเที่ยงคืน การเข้าเมืองหลังจากประตูเมืองปิดแล้ว ต้องเข้าโดยวิธีพิเศษเท่านั้น

 

เมื่อครั้งที่มาร์วินเป็นจ้าวแห่งรัตติกาล เขาอาศัยสกิล [ปีนกำแพง] และใช้ไอเทมเวทมนตร์ช่วยให้เขาข้ามกำแพงได้อย่างง่ายดาย สำหรับตอนนี้ เขาทำได้เพียงมองผ่านช่องว่างบนกำแพงเท่านั้น

 

เขารู้ดีว่ารอบๆเมืองริเวอร์ชอร์ไม่ได้มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากมาย กำแพงเมืองบางส่วนจึงมีรอยชำรุดที่เพียงพอให้เขาสามารถเข้าไปได้ เขาค้นหาอย่างระมัดระวังและเจอช่องทางที่เหมาะสม เขาสามารถรอดผ่านมันมาได้ด้วยร่างเล็กๆของเขา

 

เขาต้องคอยระวังทหารยามของเมืองหลังจากที่เข้ามาในเมือง ไม่เป็นการดีที่เขาจะไปยั่วยุคนเหล่านี้ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจที่ต้องออกลาดตระเวนตอนมืดค่ำและถ้าเขาถูกจับได้ ผลลัพธ์ที่แลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน ทหารยามเหล่านี้มีระดับ 2 เป็นอย่างน้อย และหัวหน้ายามอาจจะมีระดับ 3 ซึ่งห่างไกลจากมาร์วิน ที่เป็นมือใหม่เพิ่งได้รับคลาส

 

เขาหลีกเลี่ยงการเดินบนถนนสายหลัก เขาเดินไปซอยมืดๆราวกับปลากำลังว่ายทวนกระแสน้ำ และเมื่อหลบเลี่ยงทั้งยามและอันตรายต่างๆในกำแพงเมืองได้สำเร็จ เขาเลือกที่จะเข้ามาประตูหลังของโรงแรงฟิวฮอส เขาพบเงาของใครบางคนเดินอยู่รอบๆ

 

มีคนกำลังค้นหาบางอย่าง?’ มาร์วินเริ่มสงสัย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เห็นได้ทั่วไป มีคนบอกว่าเจ้าของโรงแรมฟิวฮอสมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครกล้าทำตัวไม่ดีในโรงแรมของเธอ

 

เขาเดินไปทางประตูหน้าและตามที่คิด เขาพบคนเฝ้าประตู 2 คนซ่อนตัวอยู่ แต่ยามเหล่านี้ไม่ได้มีสกิลใดๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นโจร แต่พวกเขาใช้เทคนิคการหลบซ่อนแบบทั่วไป ในสายตาของมาร์วิน พวกเขายังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมาย

 

หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จสิ้น เขายืนยันได้ว่าโจรทั้ง 3 คนกำลังเฝ้าดูโรงแรม  2 คนอยู่ประตูหน้าและอีก 1 คนอยู่ประตูหลัง

 

แต่ละคนมีเครื่องหมายกริชสีเลือดอยู่ที่ข้อมือของพวกเขา แม้ว่ามันจะไม่ใช้การสร้างเครื่องหมายที่ดีนัก แต่เขาดูออก

 

มาร์วินเคยเห็นเครื่องหมายแบบนี้เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

 

‘แก๊งอาเชรอน’

 

‘บ้าเอ้ย พวกมันพยายามฆ่าข้า รวมถึงพี่สาวแอนนาด้วยรึ?’

 

หัวใจของมาร์วินลุกเป็นไฟ เขาคว้ามีดโค้งและใช้สกิล [ซ่อนตัว] ค่อยๆตรงไปหาโจรที่กำลังเฝ้าประตูหลังอย่างช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด